วันที่ 3 เม.ย. ที่สำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายอนุวัฒน์ ทินราช ประธาน นปช.ภาคอีสาน ได้ออกมาเปิดเผยถึงความพร้อมในการนำกลุ่ม นปช.ภาคอีสาน เข้าร่วมชุมนุมใหญ่วันที่ 5 เมษายนนี้ ที่ถนนอักษะ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐมว่า การชุมนุมในครั้งนี้คาดว่าจะมีกลุ่ม นปช.ภาคอีสาน เดินทางเข้าร่วมชุมนุมไม่ต่ำกว่า 2 แสนคน โดยในแต่ละจังหวัด จะมีการจัดรถยนต์พร้อมด้วยการ์ด และทีมแพทย์เฉพาะกิจไปด้วยจังหวัดละประมาณ 300-400 คน เพื่อรักษาความปลอดภัยและช่วยเหลือด้านสุขภาพในช่วงที่สภาพอากาศร้อนเช่นนี้
ส่วนกำหนดการเดินทางนั้น จะมีทั้งที่เดินทางไปเป็นกลุ่มด้วยรถโดยสารปรับอากาศ และเดินทางไปกันเองด้วยรถยนต์ส่วนตัว ซึ่งในจังหวัดนครราชสีมา จะมีการจัดรถปรับอากาศมารับที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ในช่วงเวลา 07.00 น. วันที่ 5 เมษายน และทยอยเดินทางไปในช่วงเวลาประมาณ 09.00 น. ทั้งนี้มีเป้าหมายว่าจะไปร่วมชุมนุมกับมวลชน นปช.ทั่วประเทศให้ได้มากกว่ากลุ่ม กปปส. เพื่อแสดงพลังให้รู้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไม่เห็นด้วยกับแนวทางของกลุ่ม กปปส.
ส่วนกรณีที่นายสุเทพ ออกมาประกาศว่าจะเผด็จศึกรัฐบาลให้ได้ก่อนวันสงกรานต์นั้น ตนไม่ให้ความสำคัญ เพราะนายสุเทพ ประกาศเช่นนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งเชื่อถือไม่ได้สักครั้ง อีกทั้งการเดินหน้ากดดันข้าราชการให้เลือกข้าง กปปส. ก็เป็นมุขเดิมๆ ที่นายสุเทพ พยายามทำมาโดยตลอดแต่ไม่สำเร็จ เพราะไม่มีใครเอาด้วย ส่วนเรื่องขององกรอิสระ ที่เร่งดำเนินการเอาผิดนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลรักษาการนั้น ก็เป็นเรื่องที่ นปช.ยอมรับไม่ได้ ซึ่งการชุมนุมใหญ่ในครั้งนี้ก็จะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ประชาชนจำนวนมากจะออกมาแสดงพลังไม่ยอมรับอำนาจขององค์กรอิสระด้วย
ขณะที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. ลงพื้นที่ตรวจถนนอักษะ เตรียมความพร้อมชุมนุมใหญ่ วันที่ 5 เม.ย.นี้
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอาญามีคำสั่งเพิกถอนหมายจับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. พร้อมพวกแกนนำกปปส.อีก 17 คน ประกอบด้วย , นายสาธิต วงศ์หนองเตย , นายชุมพล จุลใส , นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ , นายอิสสระ สมชัย , นายวิทยา แก้วภราดัย , นายถาวร เสนเนียม , นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ , นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. , น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก , นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท., นายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงาน คปท. , ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ ผู้ประสานงานกองทัพธรรม , พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ , นายรัชต์ยุตม์ หรืออมร ศิรโยธินภักดี , นายกิตติชัย ใสสะอาด , นายสำราญ รอดเพชร และนายพานสุวรรณ ณ แก้ว ในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 11 (1) และมาตรา 12 ที่ศาลอาญาอนุมัติให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ( ดีเอสไอ) เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เนื่องจากรัฐบาลมีคำสั่งให้ยกเลิกประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ส่วนกรณีที่นายสุเทพ นายถาวร เสนเนียม และนายสาธิต วงศ์หนองเตย ยื่นอุทธรณ์เพิกถอนหมายจับคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น เมื่อศาลอาญามีคำสั่งเพิกถอนหมายจับ 18 แกนนำกปปส.แล้วก็จะแจ้งคำสั่งดังกล่าวให้ศาลอุทธรณ์ทราบต่อไป
ด้านนายวิโรจน์ ภูมิศิริสวัสดิ์ ทนาย กปปส. กล่าวภายหลังเดินทางรับทราบคำสั่งศาลว่า ศาลอาญามีคำสั่งเพิกถอนหมายจับ 18 แกนนำกปปส.วันนี้ โดยศาลเห็นว่านายกรัฐมนตรีได้ยกเลิกประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯแล้ว ศาลอาญาจึงให้เพิกถอนหมายจับในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และให้มีหนังสือแจ้งการเพิกถอนหมายจับข้อหาดังกล่าวให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ทีมทนายความได้ยื่นอุทธรณ์ให้เพิกถอนหมายจับข้อหาดังกล่าวกับนายสุเทพ นายถาวร และนายสาธิตนั้น เมื่อศาลอาญามีคำสั่งเพิกถอนหมายจับก็ต้องนำคำสั่งดังกล่าวยื่นต่อศาลอุทธรณ์ให้ทราบต่อไป
ด้านนายสวัสดิ์ เจริญผล ทีมทนายความกลุ่มกปปส. กล่าวว่า ก่อนที่รัฐบาลจะประกาศยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ทีมทนายได้ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลเพิกถอนหมายจับนายสุเทพ และพวกแกนนำกปปส. ข้อหาฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แต่ศาลอุทธรณ์ยังไม่มีคำสั่งใดๆ ออกมา จนกระทั่งรัฐบาลได้ประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน ทีมทนายจึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาให้เพิกถอนหมายจับแกนนำกปปส.ทั้งหมดในข้อหาดังกล่าว เนื่องจากการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินได้ถูกยกเลิกไปแล้ว โดยในวันนี้ก็ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ศาลว่า ศาลอาญาได้มีคำสั่งยกเลิกหมายจับแกนนำกปปส. แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อศาลอาญามีคำสั่งเพิกถอนหมายจับข้อหาฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แล้ว ทำให้นายสุเทพเหลือหมายจับตามประมวลกฎหมายอาญาในข้อหาร่วมกันเป็นกบฏเพียงข้อหาเดียว ขณะที่นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท., นายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงาน คปท. และนายรัชต์ยุตม์ หรืออมร ศิรโยธินภักดี ก็เหลือเพียงหมายจับเดียวในข้อหามั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และผู้ใดเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นหรือเข้าไปกระทำการใดๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครอง ซึ่งเป็นความผิดฐานบุกรุก โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือมีอาวุธในเวลากลางคืนฯ เท่านั้น
"สุเทพ" ปักใจ สมุน "ยิ่งลักษณ์" ยิงสาวทอม "นกหวีดทองคำ" จวกอย่าตีบทเศร้า จ่อจัดสงกรานต์ 3 วันรวด เชื่อยิ่งทำร้ายจะมีพลังสู้ เชื่อจุดจบชีวิตใกล้มาแล้ว...
เมื่อเวลา 21.20 น. วันที่ 4 เม.ย. ที่เวทีสวนลุมพินี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ขึ้นเวทีปราศรัยว่า การที่คนร้ายบุกยิงรถกระบะน.ส.พัทธนันท์ หลีล้วน หรือน้องนัท ที่ อ.เขาค้อ จ.เพชรบรูณ์ ซึ่ง น.ส.พัทธนันท์เป็นผู้เป่านกหวีดใล่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยเหตุการณ์วันนี้ช่วงกลางวัน มีสมุน น.ส.ยิ่งลักษณ์ บุกเข้ายิงใส่รถน.ส.พัทธนันท์ จนพรุน คนร้ายพยายามทุบรถและจะทำร้าย ซึ่งแกนนำโทรศัพท์ไปหาและให้กำลังใจ น.ส.พัทธนันท์ ขณะที่ น.ส.พัทธนันท์ยืนยันไม่เสียขวัญเสียกำลังใจ และยืนยันจะสู้กับประชาชนต่อไป พวกเราขอเป็นกำลังใจขอให้มั่นใจได้ว่าเราจะไม่ทอดทิ้งกัน
"ผมขอประณามกระบวนการของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่จนขณะนี้ยังพยายามใช้อิทธิพลอำนาจมืด ใช้สมุนวายร้ายออกมาคุกคามประทุษร้ายประชาชนที่มีความคิดเห็นแตกต่าง ไม่ยอมสยบให้ระบอบทักษิณ ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้หญิงตัวเล็กๆ เช่น น.ส.พัทธนันท์ และขอประกาศให้รู้ไว้ว่าพวกเราไม่ยอมสยบให้ความชั่วร้ายเด็ดขาด"นายสุเทพกล่าว และว่ายิ่งทำร้าย ทำชั่วมากเท่าไหร่ เราจะมีพลังลุกขึ้นต่อสู้กำจัดพวกคุณให้ได้ ขอให้รู้ว่าอำนาจคนชั่วไม่มีทางชนะคนดีเจ้าของประเทศได้แน่นอน ทุกเรื่องที่พวกคุณร่วมกันทำร้ายประชาชน มีอายุความ วันนี้อาจมีสมุนบริวารที่มีอำนาจช่วยกันปกปิดกลบเกลื่อนคนร้าย หากเรายึดเอาอำนาจมาได้ จะคิดบัญชีทุกคดีความ อย่างไรก็ตามจุดจบชีวิตทางการเมืองของพวกคุณใกล้มาแล้ว หรืออาจเป็นเดือนนี้ก็ไม่แน่ ซึ่งไม่ต้องมาตีบทเศร้า ไม่ต้องมาอ้อร้อ เพราะนับวันประชาชนรู้เช่นเห็นชาติ เห็นสันดานแท้จริงของคุณและสมุนบริวาร
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า สัปดาห์หน้าเราจะจัดงานสงกรานต์วันที่ 13-15 เม.ย. ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนมาร่วมงานสงกรานต์กับเราที่สวนลุมพินี การต่อสู้ของเราจะเดินหน้าต่อไป มุ่งมั่น เร่งกระบวนขึ้น เพราะวาระสุดท้ายของนางมารร้ายและสมุนบริวารใกล้จะมาถึงแล้ว
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012