ข่าว
สื่อเมืองผู้ดีตีข่าวนักท่องเที่ยวแห่เยือน‘ถ้ำหลวง’ รำลึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์‘กู้ชีพ13หมูป่า’

28 พ.ย. 2561 เว็บไซต์ นสพ.The Guardian ของอังกฤษ รายงานเมื่อ 27 พ.ย. ตามเวลาท้องถิ่นว่า นักท่องเที่ยวจำนวนมากแห่เดินทางไปเยี่ยมชมถ้ำหลวง ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ จ.เชียงราย ทางภาคเหนือของประเทศไทย โดยถ้ำแห่งนี้มีชื่อเสียงจากเหตุการณ์โค้ชและนักฟุตบอลเยาวชนทีมหมูป่าอะคาเดมี รวม 13 คน ติดอยู่ในถ้ำรวม 17 วัน เมื่อช่วงปลายเดือน มิ.ย. - ต้นเดือน ก.ค. 2561 ที่ผ่านมา

รายงานข่าวระบุว่า หลังปฏิบัติการนำตัวทั้ง 13 คนออกมาจากถ้ำดังกล่าวที่สลับซับซ้อนได้อย่างปลอดภัย ถ้ำหลวงก็ถูกปิดลงก่อนจะเปิดให้เยี่ยมชมอีกครั้งในเดือน พ.ย. 2561 ซึ่งแม้นักท่องเที่ยวจะยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปภายในถ้ำ แต่บริเวณด้านนอกรอบๆ ถ้ำก็เต็มไปด้วยผู้มาเยือนนับพันคน ขณะที่ตามแนวถนนที่เชื่อมระหว่างบริเวณถ้ำกับตัวเมืองแม่สายก็มีผู้ตั้งร้านขายของที่ระลึกอย่างเสื้อยืดและร้านอาหาร

วิภา รมณีชุติมา (Vipa Romaneechutima) แม่ค้าล็อตเตอรี่ กล่าวว่า มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก ก่อนหน้านี้คนในพื้นที่พยายามหลายต่อหลายครั้งในการโปรโมตถ้ำหลวงให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแต่ก็ไม่เคยประสบผลสำเร็จ กระทั่งเหตุการณ์ติดถ้ำของทั้ง 13 ชีวิตและปฏิบัติการกู้ภัยทำให้ถ้ำหลวงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก วันนี้ชาวบ้านละแวกถ้ำหลวงไม่ได้มีความสุขจากเม็ดเงินของนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังรู้สึกภูมิใจที่แหล่งท่องเที่ยวของชุมชนมีผู้คนเดินทางมาเยี่ยมชมจำนวนมาก จึงนับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง

ขณะที่พิพิธภัณฑ์บอกเล่าเรื่องราวการกู้ภัยในถ้ำหลวง รวมถึงอนุสาวรีย์ของ สมาน กุนัน (Saman Gunan) อดีตทหารเรือที่อาสามาร่วมภารกิจและเสียชีวิตอยู่ภายในถ้ำ ทั้งหมดอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง นอกจากนี้ยังมีสถานที่พักของนักท่องเที่ยวอยู่บริเวณถนนทางเข้าด้านนอก ด้าน จอห์น ดีนีย์ (John Deeney) และภรรยา ที่เดินทางจากประเทศสก็อตแลนด์มาท่องเที่ยวในประเทศไทย กล่าวว่าพวกเขาตัดสินใจไปเยี่ยมชมถ้ำหลวงและรู้สึกมหัศจรรย์ที่ได้มาเห็นด้วยตาตนเอง อีกทั้งเชื่อว่าที่นี่จะต้องกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวขนาดใหญ่อย่างแน่นอน

รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า บริเวณป้ายอุทยานถ้ำหลวงมีผู้คนต่อแถวอย่างเป็นระเบียบเพื่อถ่ายรูปเซลฟี่ ชี้ให้เห็นภาพแห่งความกังวลเมื่อหลายเดือนก่อนได้แปรเปลี่ยนเป็นภาพแห่งความสนุกสนานและโอกาสในวันนี้ ซึ่ง ภิเษก เขมาภูษิต (Phisek Kemapusit) ชาวบ้านในพื้นที่ อ.แม่สาย ระบุว่า คนในชุมชนรู้สึกตื่นเต้นมากกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น เพราะเชื่อว่าจะสร้างงานให้พวกเขามากขึ้นด้วย

เมืองอุดรทำสี่แยกพิเศษ เชิญคนมาทดลองเดิน นึกว่าญี่ปุ่น

วันที่ 26 พ.ย. เฟซบุ๊กเพจ สมาคมการผังเมืองไทย เผยคลิป เชิญชวนประชาชนทดลองเดินบนทางม้าลาย บริเวณสี่แยกสถานีรถไฟ อ.เมือง จ.อุดรธานี ตามปฏิบัติการ Tactical Urbanism ครั้งแรกของประเทศไทยที่นำเอาเกณฑ์ LEED-ND บวกกับ Complete Streets ออกแบบปรับปรุงกันบนพื้นที่จริง เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเมืองเดินดี ในวันที่ 27 พ.ย. นี้ เวลา 16.00-20.00 น.

โดย ภาพดังกล่าว ได้รับเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวาง หลายคนยังบอกว่า หากทำได้จริงอาจเหมือนที่บริเวณห้าแยกชิบูย่า ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น


‘จาตุรนต์’ถาม‘นี่หรือการปฏิรูปการเมืองของพวกคุณ พลเอกประยุทธ์’

นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.) และอดีตแกนนำพรรคเพื่อไทย ทวิตข้อความว่า อีกไม่กี่ชั่วโมงก็หมดเวลาสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองเพื่อไม่ขาดคุณสมบัติเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง เป็นอันสิ้นสุดการย้ายพรรคเพื่อการสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ในไม่กี่วันนี้ เราจะได้เห็นว่าพรรคการเมืองต่างๆมีกำลังเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไร

เราจะได้เห็นกันว่าการรัฐประหารและการกระทำอันต่อเนื่องที่ว่า เพื่อไม่ให้เสียของนั้น เกิดผลอย่างไรกับพรรคการเมืองในประเทศไทย ที่ว่าต้องปฏิรูปการเมืองก่อนการเลือกตั้ง ถึงขนาดล้มการเลือกตั้งครั้งก่อนไปนั้น สุดท้ายเกิดการปฏิรูปการเมืองอย่างไรและจะมีผลต่อไปข้างหน้าอย่างไร

เราจะต้องตั้งคำถามว่า”นี่หรือการปฏิรูปการเมืองของพวกคุณ พลเอกประยุทธ์”

สำหรับนายจาตุรนต์ ก็เป็นหนึ่งในแกนนำพรรคเพื่อไทย ที่ย้ายออกจากพรรคต้นสังกัดเดิม มาอยู่พรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องยุทธศาสตร์ 2 ขา แตกแบงก์พันเพื่อสู้กับกติกาการเลือกตั้งแบบใหม่


เลือดข้นคนเพื่อไทย!‘หญิงหน่อย’ปลุกขวัญลูกพรรค '

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย(พท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟชบุ๊ก Sudarat Keyuraphan โดยระบุว่า “พรรคเพื่อไทย ได้ผ่านร้อนผ่านหนาว ฝ่าพายุมาหลายครั้งหลายครา ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย แต่เราก็ยังยืนหยัดอยู่ได้ เพราะเรายึดมั่นใน’ประชาธิปไตย’ และเรามี’ประชาชนอยู่ในหัวใจ’ เสมอมา

พวกเราคนเพื่อไทย ทำงานกันอย่างหนัก เพื่อให้ ’ทุกข์’ ของประชาชนถูกแก้ไข เพราะเราถือว่า ‘ทุกข์’ ของคนไทยคือ ‘ทุกข์’ ของพรรคเพื่อไทย ระยะทางที่ยาวไกล และอุปสรรคที่ต้องฟันฝ่า ได้เป็นเสมือนด่านคัดกรอง ความแข็งแกร่ง และความมุ่งมั่นในอุดมการณ์ ของคนเพื่อไทย ที่ร่วมทำงานกันมาถึงวันนี้ ขอชื่นชม และขอคารวะในความแข็งแกร่งของทุกท่าน ที่ได้ยืนหยัดรักษาอุดมการณ์ประชาธิปไตยร่วมกับพรรคเพื่อไทยอย่างมั่นคง

จากนี้ ‘เพื่อไทย’ เราพร้อมที่จะเดินหน้าทำงาน เพื่อความมั่นคงของสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะทวงความสุขกลับมาสู่คนไทย เราจะนำประชาธิปไตยกลับมาสู่ประเทศ เพื่อคว้าโอกาสในโลกยุคใหม่ใส่มือคนไทย #เลือดข้นคนเพื่อไทย #เพื่อไทยหัวใจคือประชาชน


“นิโคลีน” กับชุดว่ายน้ำสุดแซ่บจนติด 1 ใน 30 เวทีมิสเวิลด์

ภาพโดยรวมต้องบอกว่า “ดูดี” ไม่น้อยสำหรับตัวแทนสาวไทย “นิโคลีน พิชาภา ลิมศนุกาญจน์” เจ้าของตำแหน่งมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018 ที่อยู่ในระหว่างการเก็บตัวการประกวด มิสเวิลด์ 2018 ที่เมืองซานย่า ประเทศจีนอยู่ในตอนนี้

โดยหลังจากที่ติดท็อป 5 รางวัล Miss World Top Model & Designer Award จากชุดราตรี Beauty with a Purpose ที่มีเด็กออทิสติกร่วมสร้างสรรค์ไปแล้ว ล่าสุด เจ้าตัวยังได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 30 คน จากตัวแทนสาวงาม 120 ประเทศ ในการถ่ายทำ Swimwear Music Video อีกด้วย

นอกจากนี้ ในการเก็บตัวที่ผ่านๆ มา ตัวแทนสาวไทยก็สามารถทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่องด้วยการติด TOP 5 รางวัล Designer Award และติด TOP 32 รางวัล Top Model มาแล้ว


‘วัฒนา-เต้น’ออกสุมหัวคิด จวกพวกย้ายพรรค‘ซากผู้แทน’

28 พ.ย.61 นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย(พท.) และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำพรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.)ไปออกรายการ สุมหัวคิด ทาง Voice TV โดยนายวัฒนา กล่าวถึงการย้ายพรรคของบรรดา ส.ส. ตอนหนึ่งว่า บนวิกฤติมันก็มีทางออก มันทำให้เราได้ถ่ายเลือด แล้วในกระบวนการเลือกตั้ง ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง ผู้แทนเดิมจะสอบตก 30-40% เสมอ ไม่ได้แปลว่าที่เขาเอาไปได้จะสอบได้

“สิ่งที่เขาเอาไปได้เนี่ย เอาไปได้ แค่ซากผู้แทน แต่เขาเอาประชาชนไปไม่ได้” นายวัฒนา กล่าว

ด้านนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การเปลี่ยนพรรคการเมืองที่สังกัดสามารถทำได้ แต่ย้ายหลักการไม่ได้ สิ่งที่ เพื่อนฝูง พี่น้องผม จำนวนหนึ่ง ย้ายและไปยืนอยู่กับพรรคซึ่งถูกสังคมมองว่าจะสนับสนุนการสืบทอดอำนาจอย่างชัดเจน นั่นก็เท่ากับว่าสถานภาพความเป็น นปช. หรือคนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ยุติลงแล้ว


นิด้าโพล เผย “สุดารัตน์” คะแนนนำ “ประยุทธ์” คนอยากให้นั่งนายกฯ

นิด้าโพล เผยผลสำรวจพรรคการเมืองที่ประชาชนอยากให้ได้คะแนนเสียงมากที่สุด และเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่ “คุณหญิงสุดารัตน์” มีคะแนนนำ “พล.อ.ประยุทธ์” ในการสำรวจครั้งที่ 5 อยากให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

“นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เปิดเผยผลสำรวจความเห็นประชาชน เรื่อง “ประชาชนอยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ตามกฎหมายเลือกตั้งปัจจุบันครั้งที่ 5 ” จากประชาชนกลุ่มตัวอย่าง 1,260 คน โดยพบว่า บุคคลที่ประชาชนอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี 10 อันดับแรก ดังนี้

ร้อยละ 25.16 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคเพื่อไทย) ร้อยละ 24.05 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) ร้อยละ 14.52 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ (หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่) ร้อยละ 11.67 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์) ร้อยละ 6.90 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส (หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย) ร้อยละ 5.32 พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ (หัวหน้าพรรคเพื่อไทย) ร้อยละ 4.29 นายชวน หลีกภัย (อดีตนายกรัฐมนตรี) ร้อยละ 1.35 ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล (หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย) ร้อยละ 1.19 นายอุตตม สาวนายน (หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ) ร้อยละ 1.11 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ (รองนายกรัฐมนตรี)

นอกจากนี้ ยังมีผลสำรวจที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่ง คือ คำถาม “พรรคการเมืองที่ประชาชนอยากให้ได้คะแนนเสียงมากที่สุด และเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล” ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน กลุ่มตัวอย่างปรากฏว่า อันดับ 1 พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 31.75 อันดับ 2 พรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 19.92 อันดับ 3 พรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 16.98 อันดับ 4 พรรคอนาคตใหม่ ร้อยละ 15.63 อันดับ 5 พรรคเสรีรวมไทย ร้อยละ 5.32


ฤาษีไม่รอด ศาลจำคุก 5 ปี จ่าย 1.5 แสน ข่มขืนสาว 17

จากกรณี พ่อและแม่ของ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองศรีสะเกษ ว่า ถูก นายสุรสิทธิ์ คนพิการแขนขาอ่อนแรงลุกยืน เดินไม่ได้ และเป็นร่างทรงที่อ้างตัวเป็นพ่อปู่ฤๅษีตาไฟ ข่มขืนกระทำชำเราภายในรีสอร์ตแห่งหนึ่งบนถนนสายศรีสะเกษ-ขุขันธ์ ท่องที่อำเภอเมืองศรีสะเกษ เหตุเกิดระหว่างวันที่ 26-27 ส.ค.61 นั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 15.56 น. ผู้พิพากษาศาลจังหวัดศรีสะเกษ ได้อ่านคำพิพากษาคดีดังกล่าว ว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้องจริง จึงตัดสินจำคุกจำเลยเป็นเวลา 5 ปี ปรับ 60,000 บาท โดยการไต่สวนในชั้นศาลจำเลยให้การรับสารภาพ และจำเลยยอมจ่ายสินไหมเยียวยาผู้เสียหายเป็นเงิน 150,000 บาท จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงเหลือจำคุก 2 ปี 6 เดือน ปรับ 30,000 บาท โทษจำรอลงอาญา 3 ปี

ทั้งนี้ ให้มารายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 8 ครั้ง และมีบางข้อหาที่สามารถยอมความได้ ผู้เสียหายได้ถอนคำร้องแล้ว

'พิชัย'ชี้'ช็อปช่วยชาติ'แค่หาเสียง ไม่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ

29 พ.ย.61 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน คณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช) กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้นำนโยบาย "ช็อปช่วยชาติ" กลับมาใช้อีกครั้ง ทั้งๆ ที่เคยยกเลิกไป โดยสื่อมวลชนรวมถึงนักวิชาการได้วิเคราะห์แล้วว่า นโยบาย "ช็อปช่วยชาติ" ที่เคยทำมา ไม่ได้ช่วยประชาชนมากนัก แต่ไปช่วยนายทุนเจ้าของห้างสรรพสินค้ามากกว่า เพราะประโยชน์ของโครงการตกกับห้างร้านใหญ่ๆ เท่านั้น ซึ่งมีผลประกอบการดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นที่รัฐบาลต้องเข้าไปช่วย ซึ่งจะทำให้รัฐบาลขาดรายได้จากการหักภาษีไปโดยเปล่าประโยชน์

ทั้งนี้ น่าจะนำภาษีดังกล่าวไปใช้พัฒนาประเทศเพื่อสร้างรายได้อย่างมั่นคงให้กับประชาชนจะมีประโยชน์มากกว่า หรือควรจะนำไปช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างมากจนขาดทุนกันถ้วนหน้า และนโยบายช็อปช่วยชาติครั้งนี้ ยิ่งแปลกประหลาดเข้าไปอีก ที่รัฐบาลกำหนดให้ซื้อสินค้าได้เพียง 3 ประเภทเท่านั้น คือ ยางรถยนต์ หนังสือ และสินค้าโอทอป ซึ่งยิ่งไม่ช่วยอะไรเลย เพราะยางรถยนต์ต้องเปลี่ยนตามระยะเวลาอยู่แล้ว อีกทั้งปริมาณการซื้อยางรถยนต์จะไม่ได้ช่วยให้ราคายางพาราสูงขึ้นแต่อย่างใด และสินค้าโอทอปที่ขายได้จะเป็นสินค้าโอทอปที่ขึ้นห้างเท่านั้น โดยจะไม่ได้มีการกระจายของรายได้อย่างทั่วถึง การดำเนินการเป็นเหมือนแค่การหาเสียง หรือทำแบบแก้บน ที่กระทรวงการคลังอาจจะไม่ได้อยากทำ เพราะทราบว่าไม่เกิดประโยชน์ จึงทำแบบเสียไม่ได้

โดยทั้งนี้ รัฐบาลพึ่งจะอนุมัติแจกเงินก้อนใหญ่กว่า 80,000 ล้านบาทแล้ว ที่อาจเป็นเหมือนการซื้อเสียง ตามที่ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกมาพูดในทำนองว่าคนชนบทสามารถซื้อเสียงได้ จึงดำเนินนโยบายแจกเงินใช่หรือไม่ และยังต้องมาขาดรายได้จากการหักภาษีในนโยบายช็อปช่วยชาติอีก

อย่างไรก็ตาม ผลของการดำเนินนโยบาย ทั้งการแจกเงินและช็อปช่วยชาตินี้ ไม่ได้สร้างประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ หรือเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศแต่อย่างใด เหมือนเป็นการจ่ายอย่างเสียเปล่า เป็นแค่เครื่องมือหาเสียงเท่านั้น จึงอยากให้รัฐบาลได้พิจารณาให้ดีก่อนออกมาตราการต่อไป และต้องตอบให้ได้ว่า ดำเนินการไปแล้วประเทศจะพัฒนาอย่างไร ไม่ใช่ทำเพื่อซื้อความนิยมเท่านั้น