ข่าว
ยิ่งกว่าชั่ว ฆ่าเพื่อนทิ้ง ข่มขืนเมีย! จับขังในห้องย่ำยีมาราธอน 3 วัน

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 31 มี.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.กรเอก เพชรไสยเวส รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. เจ้าหน้าที่ บก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ สภ.ปากคลองรังสิต ร่วมกันแถลงการจับกุมตัว นายเฉลิมพล หรือ โอ ยิ้มประเสริฐ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28/1 หมู่ 18 แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี ที่ จ.467/2556 ในข้อหา "ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ชิงทรัพย์, ข่มขืนกระทำชำเราหญิงมิใช่ภรรยาตนโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยหญิงนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้, ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพเพื่อปิดบังการตาย และกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่น" ลงวันที่ 19 ธ.ค. 2546 โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณชุมชนโลห์สุทธาวาส อ.เมือง จ.อ่างทอง

พล.ต.ต.กรเอก กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก นายเขียว (นามสมมติ) ผู้ตาย พร้อมด้วยภรรยา ได้เดินทางไปพบผู้ต้องหาซึ่งเป็นเพื่อนกัน ที่บ้านพักใน อ.เมืองปทุมธานี ต่อมา ได้ดื่มสุรากันจนกระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. นายเขียว ได้ชวนภรรยากลับบ้านพัก แต่ผู้ต้องหาได้ทักท้วงและออกอุบายว่าจะจัดที่พัก ซึ่งเป็นบ้านพักใกล้ๆ ให้ ซึ่งทั้งคู่ก็ตกลงที่จะค้างคืน โดยนายเขียวได้ออกไปหาที่พักกับผู้ต้องหา ก่อนที่จะถูกผู้ต้องหาลงมือฆ่า จากนั้นได้ย้อนกลับมาหาภรรยานายเขียว ที่นั่งคอยอยู่ที่บ้านตน และบังคับพาเดินไปดูศพพร้อมทั้งข่มขู่เอาทรัพย์สิน ประกอบไปด้วย โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง, เงินสด จำนวน 7,200 บาท, สร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง ก่อนที่ผู้ต้องหาได้ทำการอำพรางโดยการใช้ท่อซีเมนต์ทับร่างผู้ตาย เมื่อเสร็จแล้วได้พาภรรยาผู้ตายกลับมายังที่บ้านพัก พร้อมกับลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ และยังกักขังไว้อีกถึง 3 วัน โดยตลอดช่วงเวลานั้นได้มีการข่มขืนอีกหลายครั้ง ก่อนจะหลบหนีไป

พล.ต.ต.กรเอก กล่าวต่อว่า ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่าผู้ต้องหาหลบหนีมาอยู่ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี จึงได้ติดตามหาตัวจนสามารถจับกุมได้ดังกล่าว ทั้งนี้ จากการสอบสวนผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยเจ้าหน้าที่จะส่งตัวให้กับพนักงานสอบสวน สภ.ปากคลองรังสิต ดำเนินคดีต่อไป สำหรับประวัติของผู้ต้องหารายนี้ พบว่าหลังจากก่อเหตุในคดีนี้ได้หลบหนีไปอยู่ที่จ.เชียงใหม่ และไปก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเรา กักขังหน่วงเหนี่ยว พนักงานร้านอาหารในท้องที่ สภ.ดอยสะเก็ด และถูกศาลจังหวัดเชียงใหม่พิพากษา เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 47 ลงโทษจำคุก 12 ปี 7 เดือน เพิ่งพ้นโทษมาเมื่อประมาณกลางปี 2558.

ทักษิณ โพสต์เดือด! ซัดรัฐบาลทหาร “ผมหยุดแล้วครับ ท่านล่ะ เมื่อไหร่จะหยุดสักที”

(31 มี.ค.) นายทักษิณ ชินวัตร อดีนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความทางเฟสบุ๊ก Thaksin Shinawatra แสดงความเห็นทางการเมือง ระบุว่า เรียน พี่น้องที่เคารพรัก ผมตั้งใจที่จะหยุด โดยไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ รวมทั้งไม่ต้องการทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด ที่จะถูกมองหรือถูกอ้างว่าไปขัดขวางการทำงานของรัฐบาลทหารมานานมากแล้ว มิใช่เพราะกลัวรัฐบาลทหาร แต่เพราะผมตระหนักดีว่า พี่น้องร่วมชาติเรากำลังลำบาก โดยเฉพาะปัญหาปากท้องที่มีแต่จะย่ำแย่ลงทุกวัน จึงอยากให้รัฐบาลทหาร ได้ใช้เวลาในการแก้ไขปัญหาของประชาชนอย่างเต็มที่

แต่ระยะเวลาที่ผ่านมา เมื่อมีเหตุการณ์ร้ายแรงอะไรเกิดขึ้นในบ้านเมือง รัฐบาลกลับพยายามป้ายสี โดยพูดให้คนเข้าใจว่า ตัวผมอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ หรือลากผมเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นกับบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นเหตุระเบิดตรงแยกราชประสงค์บริเวณพระพรหม หรือเหตุระเบิดครั้งใหญ่ในเขตจังหวัดภาคใต้ ก็จะโยนบาปมาให้ผมทันที ซึ่งทุกครั้งความจริงก็ปรากฏในภายหลังว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากการบริหารงานที่ผิดพลาดของรัฐบาลเองทั้งสิ้น ไม่เกี่ยวอะไรกับตัวผมเลย

ไม่เพียงแต่ตัวผมคนเดียว ครอบครัวของผมก็ตกเป็นเหยื่อของการกล่าวหา ใส่ร้ายป้ายสี และถูกกระทำมาโดยตลอด ล่าสุดคือเรื่องภาษีหุ้นชินคอร์ป ซึ่งหากมีการกระทำผิดจริงแล้ว รัฐบาลที่มาจากผลพวงของการรัฐประหาร 2-3 รัฐบาลที่ผ่านมา ย่อมต้องเอาผิดผมไปนานแล้ว คงไม่ปล่อยไว้จนกระทั่งหมดอายุความ จึงค่อยใช้ “อภินิหารทางกฎหมาย” มาเล่นงานผมแบบนี้ ซึ่งผมขอเรียนว่า ในหลักการของกฎหมายสากล จะต้องไม่มีการใช้อำนาจหรืออภินิหารใดๆ นอกเหนือไปจากการใช้ “ความเที่ยงตรงและเป็นธรรม” ในการสั่งฟ้องหรือตัดสินคดีเท่านั้น

ครั้งนี้ ผมจำเป็นต้องออกมาพูดอีกครั้ง เนื่องจากมีความพยายามที่จะสร้างภาพว่า ตัวผมเชื่อมโยงและเกี่ยวพันกับขบวนการล้มล้างระบอบการปกครองของไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมยอมรับไม่ได้ ตัวผมขอยืนยันว่าผมมีความจงรักภักดี เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และเคยถวายงานเจ้านายทุกพระองค์ ด้วยหัวใจแห่งความจงรักภักดีมาตลอด และมีความเชื่อมั่นที่แน่วแน่มั่นคง ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างไม่เคยเปลี่ยนแปลง และผมเชื่อว่า ระบอบการปกครองของไทยเรานี้ ประกอบกับพระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ คือสิ่งที่ทำให้ประเทศไทยของเรารักษาเอกราชและความเป็นไทยมาได้ตราบจนทุกวันนี้

ในทางตรงกันข้าม สิ่งที่เป็นอันตรายต่อระบอบการปกครองของไทย คือการปฏิวัติรัฐประหารมากกว่า และการรัฐประหารตั้งแต่อดีตจนถึงทุกวันนี้ ใช้ข้ออ้างที่แทบไม่เคยเปลี่ยน คือความไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ การทุจริตคอรัปชั่น แต่ทั้งนี้ ภายใต้การปกครองของทหาร ประชาชนไม่มีโอกาสตรวจสอบความโปร่งใสในการทำงานของรัฐบาลเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากการรัฐประหารครั้งใดที่ไม่ใช้หลักนิติธรรมในการแก้ปัญหา ก็จะยิ่งทำให้ความไม่เข้าใจและความเห็นต่างกลับบานปลาย กลายเป็นความขัดแย้งที่จะแก้ไขได้ยากขึ้นทุกที

ผมต้องจากประเทศไทยที่ผมรักสุดชีวิตมาร่วมสิบเอ็ดปีแล้ว ต้องจากบ้านที่เคยอยู่ จากครอบครัวอันเป็นที่รักยิ่ง เนื่องจากการรัฐประหาร จากนั้นแล้ว ยังถูกใส่ร้ายป้ายสี รวมถึงถูกกลั่นแกล้งด้วยการตั้งคณะบุคคลซึ่งเป็นปฏิปักษ์ขึ้นมาตรวจสอบโดยไม่ใช้หลักนิติธรรม ซึ่งผมอยากให้พี่น้องได้รับทราบว่า ผมยินดีแบกรับความเจ็บปวดและความรู้สึกโดดเดี่ยวนี้ไว้ทั้งหมด ขอเพียงบ้านเมืองมีความปรองดอง สามารถเดินไปข้างหน้าได้ และพี่น้องหายทุกข์ยาก ผมก็พอใจและมีความสุขแล้ว

สำหรับกระบวนการปรองดองที่จะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ ผมขอให้ทุกฝ่ายโปรดตัดผมออกจากสมการไปได้เลยครับ ผมไม่ต้องการให้ใครมาเสนออะไรเพื่อช่วยตัวผม และในทางกลับกัน ผู้มีอำนาจก็ไม่ควรใช้อภินิหารและกระทำทุกวิถีทางเพื่อขจัดผมเพียงคนเดียว โดยไม่คำนึงถึงหลักนิติธรรม และต้องไม่เลี้ยงไข้ความ “ขัดแย้ง” ให้ยืดเยื้อ เพื่อเป็นข้ออ้างที่จะอยู่ในอำนาจต่อไป ดังเช่นที่หลายๆ คนรู้สึกได้อยู่ทุกวันนี้

ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมานี้ คนไทยทุกคนอยู่ในห้วงเวลาที่ต้องเผชิญกับความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ ที่ทำให้หัวใจของเราทุกคนแตกสลาย พวกเราจึงควรใช้เวลานี้ มาร่วมกันทำสิ่งดีๆ ให้เกิดแก่บ้านเมือง รู้รักสามัคคี จริงใจในการสร้างความปรองดอง ซึ่งจะส่งผลให้บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข เพื่อเป็นการส่งเสด็จพระองค์ท่านเป็นครั้งสุดท้ายให้สมพระเกียรติ ด้วยความจงรักภักดีอย่างแท้จริง

สุดท้ายผมอยากจะบอกว่า “ผมคือคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่เติบโตจากครอบครัวธรรมดาครอบครัวหนึ่ง และวันนี้ก็ยังเป็นคนธรรมดาคนเดิม ผมถือว่าผมโชคดีมากแล้ว ที่ได้เกิดมาใต้ร่มพระบารมี ได้สนองงานรับใช้สังคมไทยในฐานะต่างๆ มาไม่น้อยกว่า 35 ปี และจะขอรับใช้ชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ผมรักนับถือ เคารพ และเทิดทูน ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ไม่ว่าผมจะอยู่ ณ หนใดบนพื้นพิภพนี้”

ผมหยุดแล้วครับ ท่านล่ะ เมื่อไหร่จะหยุดสักที อย่ารักชาติ รักสถาบันฯ เพียงแค่คำพูดกันเลยครับ


นายกฯ ขออย่าค้าน-กดดันไม่ให้เกิด แจงแผนตั้งโรงไฟฟ้า ปัดเอื้อนายทุน

"บิ๊กตู่" แจงกรณีแผนพลังงานไฟฟ้า ยันรัฐบาลไม่ได้เอื้อนายทุนสร้างโรงไฟฟ้า ยกตัวอย่าง ไฟดับภาคเหนือสะท้อนอันตรายพลังงาน จำเป็นต้องมีแหล่งกำเนิดไฟฟ้าในพื้นที่เพื่อเป็นพลังงานสำรอง ขออย่าพูดแต่ปัญหาด้านเดียว แต่ควรพูดผลดีด้วย...

เมื่อเวลา 20.15 น. วันที่ 31 มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ "ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ถึงเรื่องพลังงานไฟฟ้าว่า อยากฝากให้รับฟัง ไม่ใช่เป็นการเอาชนะ ไม่ใช่หักล้างข้อมูลของผู้อื่นเป็นเท็จ แล้วยกของท่านว่าเป็นจริง ต้องนำหลักฐาน หลักการ เหตุผลมาสนับสนุน เพราะถ้าเป็นข้อมูลที่ถูกบิดเบือนโดยเจตนาเป็นสิ่งที่อันตราย หรือการที่เอ็นจีโอ คนนอกชุมชน มากดดันไม่ให้เกิด ค้านแบบหัวชนฝา อ้างแต่ปัญหาเดิมๆ เอาเทคโนโลยีเดิมมาพูด โดยไม่รับฟังข้อมูลฝ่ายรัฐบ้าง ส่งผลประชาชนเสียผลประโยชน์ ประเทศชาติไม่มีความมั่นคงด้านพลังงาน

"อย่างไฟดับชั่วโมงกว่าในภาคเหนือ ถือเป็นตัวอย่างที่อันตรายมาก จำเป็นต้องมีแหล่งกำเนิดไฟฟ้าในพื้นที่เพื่อเป็นพลังงานสำรอง การอ้างรัฐบาลนี้จะทำอะไรก็เพื่อเอื้อประโยชน์นายทุน ก็ขอให้เข้าใจการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานรัฐ เป็นการประมูลตามกฎหมาย ที่ต้องกำกับดูแลไม่ให้มีการทุจริต เป็นคนละเรื่องกับการเอื้อประโยชน์ ตนไม่อยากให้พูดแต่ปัญหาเพียงด้านเดียว แต่ควรพูดผลดีควบคู่ด้วย จะได้ช่วยถ่วงน้ำหนัก หาทางออก หาจุดลงตัว ขอให้เห็นใจชาวบ้าน และประเทศบ้าง" นายกรัฐมนตรี กล่าว.


'จุฑามาศ-ลูกสาว' วืดประกันตัว ศาลอุทธรณ์ ชี้โทษสูงอาจหลบหนี

ศาลอุทธรณ์ยกคำร้องขอประกันตัว 'จุฑามาศ-ลูกสาว' ชี้อัตราโทษสูงอาจหลบหนีได้ ในคดีสินบน 'บางกอกฟิล์ม' ถูกนำตัวส่งเข้าทัณฑสถานหญิงทันที...

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 31 มี.ค. ศาลอาญาได้อ่านคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราวนางจุฑามาศ ศิริวรรณ อายุ 70 ปี อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และน.ส.จิตตโสภา ศิริวรรณ อายุ 43 ปี บุตรสาว โดยศาลอุทธรณ์วิเคราะห์แล้วว่าจำเลยทั้งสองถูกฟ้องคดีร้ายแรงมีอัตราโทษสูง ซึ่งนางจุฑามาศ ถูกศาลตัดสินจำคุก 50 ปี และ น.ส.จิตตโสภา ถูกศาลตัดสินจำคุก 44 ปี เห็นว่าหากปล่อยตัวชั่วคราวไป จำเลยทั้งสองอาจหลบหนีได้จึงยกคำร้องขอประกันตัวชั่วคราว จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวทั้งสองส่งทัณฑสถานหญิงกลางทันที

สำหรับนางจุฑามาศและบุตรสาว ร่วมกันเป็นจำเลยฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การ หรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 ถูกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางตัดสินจำคุก 50 ปี และ 44 ปี ตามลำดับ พร้อมสั่งริบทรัพย์สินเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดกว่า 62 ล้านบาท ให้ตกเป็นของแผ่นดิน กรณีทุจริตรับสินบนจากบริษัทต่างประเทศเพื่อให้ได้จัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ หรือบางกอกฟิล์ม เฟสติวัล เมื่อปี 2545-2550.


'แพท' พร้อมผู้ว่าจ้างงาน แจงหลักฐานที่มาเงิน 1ล.

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 31 มี.ค.60 พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กล่าวว่า วันนี้นางสาวณปภา ตันตระกูล หรือแพท ภรรยาของนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ "เบนซ์ เรซซิ่ง" ผู้ต้องหาคดีฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน จากการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน ตำรวจปราบปรามยาเสพติด พร้อมทนายความ ผู้เซ็นสัญญา และผู้ว่าจ้างงาน รวม 6 คน ได้นำเอกสารหลักฐาน รายการเดินบัญชีธนาคาร เข้าพบและให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกเข้าให้ปากคำในฐานะพยานในคดี และให้ชี้แจงข้อมูลเงินจำนวนกว่า 1 ล้านบาท ที่ยังคงมีปมสงสัย ซึ่งผู้ว่าจ้างงานได้แสดงความบริสุทธิ์ใจ ในการเข้าให้ปากคำกับตำรวจ ส่วนรายละเอียดการสอบปากคำ เป็นข้อมูลในคดีที่ไม่สามารถเปิดเผยได้

ส่วนมารดาของนายเบนซ์ ยังไม่มีกำหนดเรียกเข้าพบพนักงานสอบสวน เพราะต้องการใช้พนักงานสอบสวนชุดเดียวกันในการสอบปากคำพยานทั้งหมด เพื่อให้สำนวนคดีมีความต่อเนื่องกัน


คิม ปรี๊ด ประกาศรบกับสหรัฐฯ ยัวะโดนเรียก‘เด็กอ้วนติงต๊อง’

30 มี.ค. เว็บไซต์ มิร์เรอร์ รายงาน คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ สุดโกรธ สั่งกระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์อย่างโกรธเกรี้ยว ผ่านสำนักข่าว KCNA ประกาศเกาหลีเหนือพร้อมจะทำสงครามกับสหรัฐอเมริกา ไม่พอใจอย่างยิ่งที่นายจอห์น แมคเคน วุฒิสมาชิกคนดังของสหรัฐฯ เรียกคิม จอง อึน ผู้นำเผด็จการเกาหลีเหนือว่า เป็น ‘เด็กอ้วนติงต๊อง’ หลังจากนำพาประเทศเดินหน้าทดสอบนิวเคลียร์และจรวดนำวิถี ท้าทายชาวโลก สร้างความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีไม่หยุดหย่อน

‘การที่พวกเขากล้าที่จะทำร้ายเกียรติยศของผู้นำสูงสุดของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (DPRK) ถือเป็นการแสดงความเป็นศัตรูอย่างร้ายกาจที่สุดต่ออุดมการณ์ และระบอบสังคมของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี เพราะเจ้าหน้าที่และประชาชน DPRK ยกย่องเกียรติยศของผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือเสมือนเป็นชีวิตและจิตวิญญาณ’ แถลงการณ์ตอบโต้คำพูดของจอห์น แมคเคน ขณะที่เกาหลีเหนือมีความเห็นว่าการเรียก คิม จอง อึน ว่า เป็นเด็กอ้วนติงต๊อง บ้าๆ บอๆ ถือเป็นการประกาศสงครามกับเกาหลีเหนือ

‘ซิโก้’ลาออกจาก ‘โค้ช’ ขอบคุณทุกคนที่เคียงข้าง

เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 31 มี.ค. 60 ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ประกาศผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว @coach_zico ด้วยข้อความว่า

“ผมขอขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาให้ผมและทีมงานของผมตลอด4-5ปีที่ผมได้รับเกียรติสูงสุดในชีวิต ที่เข้ามาทำงานในฐานะโค้ชทีมชาติไทย วันนี้ผมขอประกาศยุติบทบาทในการเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย และจะดำเนินการเคลียร์งานต่างๆส่งต้นสังกัดภายใน 90 วัน ผมขอขอบคุณนักฟุตบอลทุกคน ทีมงานของผมทุกคน แฟนบอลทุกท่าน รวมถึงขอบคุณครอบครัวที่อยู่ข้างหลังผมตลอดมาครับ”