ข่าว
สิ้น ‘สำเภา ประจวบเหมาะ’ อดีตรมช.เกษตรฯ ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ 9 สมัย

เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสำเภา ประจวบเหมาะ อายุ 85 ปี อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จ.ประจวบคีรีขันธ์ 9 สมัย จากพรรคชาติไทย และ พรรคความหวังใหม่ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือด ขณะเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ โดยนายพีระพล ประจวบเหมาะ หรือกำนันหนุ่ย บุตรชายเตรียมนำร่างของบิดากลับไปบำเพ็ญกุศลเป็นเวลา 7 วันที่วัดวังยาว อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทั้งนี้นายสำเภา ประจวบเหมาะ เป็นชาว อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เกิดเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2475 เป็นบุตรของนายพิเคราะห์ และ นางกิมลี้ ประจวบเหมาะ จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จากโรงเรียนประจวบวิทยาลัย เริ่มเข้าสู่วงการการเมืองด้วยการลงเลือกตั้งสมาชิกผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ครั้งแรกในปี 2519 สังกัดพรรคชาติไทย ตั้งแต่ครั้งนั้นนายสำเภาก็ได้รับเลือกเป็น ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ ติดต่อกันถึง 9 ครั้ง และเคยได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในรัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ กระทั่งปี 2544 ที่ไม่ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. โดยพ่ายแพ้ให้กับ นายมนตรี ปาน้อยนนท์ จากพรรคประชาธิปัตย์ นายสำเภาได้วางมือทางการเมืองในที่สุด

ชาวลำปาง-เชียงราย ตักบาตรเที่ยงคืน 15 ค่ำวันพุธ ปีนี้ มีครั้งเดียว

เมื่อเวลา 00.09 น. วันที่ 14 ธันวาคม ที่วัดศรีชุม ต.สวนดอก อ.เมือง เขตเทศบาลนครลำปาง ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่อายุกว่า 126 ปี เป็นวัดศิลปะพม่าที่เก่าแก่ และใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ทางพระสงฆ์ จำนวน 19 รูป ได้ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ จากนั้นได้ประกอบพิธีถวายข้าวมธุปายาสถวายแด่พระมหาอุปคุต จนกระทั่งเวลาล่วงเข้าสู่วันเพ็ญ ขบวนพระสงฆ์ และสามเณร ได้เดินรับบิณฑบาตจากพุทธศาสนิกชนชาวลำปาง ที่มารอใส่บาตร โดยชาวล้านนาเรียกประเพณีการตักบาตรดังกล่าวว่า “ตักบาตรเที่ยงคืน” หรือ “การตักบาตรเป็งปุ๊ด” ซึ่งได้ปฏิบัติสืบทอดกันมานาน สำหรับในปีนี้ มีประชาชนทั้งผู้ใหญ่ กลุ่มหนุ่มสาว และวัยทำงานเป็นจำนวนมาก ให้ความสนใจทำข้าวสาร และอาหารแห้ง รวมถึงดอกไม้ มาร่วมพิธีตักบาตรเที่ยงคืนกันเป็นจำนวนมากกว่าทุกปีที่ผ่านมาท่ามกลางสภาพอากาศในช่วงกลางดึกที่มีความหนาวเย็น นอกจากนี้ ประชาชนยังได้ร่วมกันทำพิธีอัญเชิญผ้าขึ้นห่มองค์พระธาตุสีทอง ซึ่งเป็นองค์พระธาตุศิลปะแบบพม่า ที่ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศพม่า เพื่อเป็นการทำบุญตามความเชื่อที่ว่า การทำพิธีถวายผ้าห่มพระธาตุ ด้วยผ้าจีวรผืนใหญ่เหมือนได้ทำบุญกับพระพุทธเจ้าโดยตรงอีกด้วย


โปรดเกล้าแต่งตั้ง”พลโทหญิง สุทิดา”ขึ้นเป็นพลเอก

ราชกิจจานุเบกษา มีประกาศเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2559 ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้นายทหารรับราชการ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ พลโทหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา นายทหารปฏิบัติการพิเศษ สำนักงานนายทหารปฏิบัติการพิเศษในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ (อัตรา พลโท) เป็น รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ (อัตรา พลเอก) ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2559 ประกาศ ณ วันที่ 10 ธันวาคม 2559 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี


“ธรรมกาย” ยังเงียบ รักษาความปลอดภัยเข้ม ไม่มีบัตร ห้ามเข้าวัดเด็ดขาด

วันที่ 14 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาบรรยากาศที่ วัดพระธรรมกาย ที่บริเวณประตูที่ 7 ฝั่งถนนบางขันธ์-หนองเสือ ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ทางวัดพระธรรมกาย ก็ยังไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปลงทะเบียนภายในวัดแต่อย่างใด ในขณะที่ทางวัดธรรมกายยังคงปิดประตูขาออกให้ใช้เพียงประตูเดียวท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของวัดที่ค่อยตรารถเข้าออกอย่างละเอียดโดยสังเกตุรถเข้าออกหากไม่ใช้เจ้าหน้าที่ของทางวัดหรือศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายก็จะไม่อนุญาตให้เข้าในพื้นที่วัดโดยเด็ดขาด ในส่วนบริเวณประตูที่ 1 ฝั่งโบสถ์ ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ยังคงมีศิษยานุศิษย์จำนวนหลายร้อยคนนั่งสวดมนต์อยู่เต็มบริเวณหน้าประตูโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีบัตรเข้าภายในบริเวณวัดพระธรรมกายโดยเด็ดขาด และประตูที่ 5 ฝั่งหอฉัน ฝั่งคลองแอน ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ได้ปิดอยู่และยังคงมีศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ยังสวดมนต์อยู่กันอย่างปกติ โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูแลอย่างเข้มงวด


“ทักษิณ” มอบทนายแจ้งความเอาผิดไทยโพสต์ กล่าวหาสั่งการล้มล้างสถาบัน

วันที่ (14 ธ.ค. 59) เวลา 10.00 น. ที่สถานีตำรวจนครบาลมักกะสัน นายชุมสาย ศรียาภัย ทนายความผู้รับมอบอำนาจ จาก นายทักษิณ ชินวัตร ได้เข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับบริษัท สารสู่อนาคต จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ และเว็บไซต์ http://www.thaipost.net นายชูเกียรติ ยิ้มประเสริฐ บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาและเผยแพร่ข้อความ และผู้มีนามปากกาว่า “แซมซาย” ซึ่งเป็นผู้เขียนบทความ รวมถึง ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จากกรณีที่หนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ดังกล่าวได้ลงข้อความในคอลัมน์ บันทึกหน้า 4 ซึ่งเขียนโดย แซมซาย กล่าวหา นายทักษิณ ชินวัตร ว่าเป็นผู้สั่งการให้ “แก๊งล้มเจ้า – ชูระบอบสาธารณรัฐ” เคลื่อนไหวโจมตีสถานบัน นายชุมสาย ได้กล่าวว่า การที่หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์และเว็บไซต์ดังกล่าวได้นำข้อความ อันเป็นเท็จมาลงโฆษณาเผยแพร่กล่าวหาว่าอดีตนายก ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้สั่งการให้มีการโจมตีใส่ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งที่ความจริงอดีตนายกฯ ทักษิณ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ และเป็นผู้ที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันมาตลอด ดังนั้น การกล่าวหาเช่นนี้จึงถือเป็นการกล่าวหาที่รุนแรงมาก ทั้งที่สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นที่เคารพเทิดทูนของประชาชนทั่วไป และเป็นสิ่งสูงสุดที่ผู้ใดจะล่วงละเมิดมิได้ จึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะมีการ นำเรื่องที่ปราศจากมูลความจริงและเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์มาลงโฆษณาเผยแพร่ ในลักษณะดังกล่าว วันนี้ตนจึงมาร้องทุกข์เพื่อให้ดำเนินคดีกับบุคคลต่างๆ ข้างต้น ในความผิด ฐาน หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 , 328 และความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) (2) (3) และ (5)


วีระ ท้า บิ๊กคสช.ใครไม่พอใจ นัดพบตัวต่อตัว อย่าส่งทหารไปคุกคามแม่

อังคารที่ 13 ธ.ค.2559 ช่วงเช้า ทหาร คสช.เข้าไปเยี่ยมครอบครัวผมถึงในบ้านอีกแล้ว อ้างว่าคิดถึงอยากมาสวัสดีปีใหม่ ช่างบังเอิญเหลือเกิน ทหาร คสช.มักจะมาเยี่ยมบ้านผมในช่วงที่บิ๊ก คสช.กำลังถูกผมตรวจสอบอย่างหนัก อย่างตรงไปตรงมา ผมเข้าใจและเห็นใจนายทหารหนุ่มเหล่านี้ ที่ต้องทำตามคำสั่งนาย เพราะผมไม่เชื่อว่าพวกเขาเหล่านั้น ซึ่งไม่ได้รู้จักผมเป็นส่วนตัว ไม่ได้เป็นญาติมิตรของผม จะมาเยี่ยมครอบครัวผมด้วยความรักความปรารถนาดีอย่างจริงใจ ผมเชื่อว่าคงไม่มีประชาชนคนใด จะรู้สึกชื่นชมยินดีที่เห็นทหารในเครื่องแบบชุดออกรบจำนวนหลายนายเข้าไปพบถึงในบ้าน โดยที่ไม่เคยได้เชื้อเชิญ เพราะนอกจากจะทำให้คนในครอบครัวเกิดความตกใจกลัวแล้ว มันยังทำให้เพื่อนบ้านและคนทั่วไปที่พบเห็นเกิดความแตกตื่นตกใจกลัวไปด้วย เอาอย่างนี้ดีไหม? ถ้าบิ๊ก คสช.คนใดไม่พอใจผม อยากพบผม อยากจะพูด อยากจะ…อะไรกับผมก็ตาม คุณกล้ามาพบผมเพียงคนเดียว พบกันอย่างลูกผู้ชาย พบกันตัวต่อตัวไหม? ถ้าต้องการให้ผมหยุดพูดถึงความจริง ที่เกี่ยวกับความผิด ความชั่ว ความเลว ของคุณหรือบริวารคนใกล้ชิดของคุณ พวกคุณก็อย่าทำสิ่งที่ผิดเหล่านั้น ไม่ทำสิ่งผิดก็ไม่มีประชาชนคนใดกล้าไปด่าคุณ และไม่ผิดกฎหมายอีกด้วย หยุดทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ ผมก็จะหยุดพูดถึงความไม่ดีของพวกคุณทันที ถ้าพวกคุณยังทำเรื่องผิด เรื่องชั่ว เรื่องที่ทำให้ชาติและประชาชนเสียหาย ผมก็จำเป็นต้องเปิดโปงความผิด ความชั่วของพวกคุณต่อไป อย่าลืมนะ สิ่งที่ทหาร คสช.สมควรทำอย่างยิ่งก็คือ พวกคุณต้องเข้ามาปฏิรูปประเทศให้ข้ามพ้นปัญหาความเลวร้ายต่างๆ ตามที่พวกคุณเอามาเป็นข้ออ้างในการทำรัฐประหารยึดอำนาจไปจากประชาชน ทหาร คสช.ไม่ได้รับอภิสิทธิ์ใดๆ ที่จะสามารถทำความผิด ความชั่ว แล้วไม่ต้องถูกตรวจสอบไม่ต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย พวกคุณได้รับสิทธิเพียงเข้ามาเสียสละทำประโยชน์ให้ประเทศชาติและประชาชนเท่านั้น ไม่มีประชาชนคนใดอนุญาตให้ทหาร คสช.สามารถทำความผิดได้ โดยไม่ต้องถูกตรวจสอบและไม่ต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย ทหาร คสช.หยุดคุกคามครอบครัวผม คนอื่นไม่เกี่ยว คุณแม่ผมแก่แล้ว อย่าไปทำให้คนแก่ตกใจกลัว อย่ารังแกคนแก่ที่ไม่มีทางสู้ อย่าไปทำบาปกับคนแก่ ถ้าไม่พอใจผม ก็จัดการกับผมเพียงคนเดียว ผมพร้อมนะ พร้อมจะพบกับบิ๊ก คสช.ที่ไม่พอใจผมตัวต่อตัว ถ้าคุณเป็นลูกผู้ชายชาติทหารจริง นัดมาได้เลย


ราชทัณฑ์คาดปล่อย 3 หมื่นคนพ้นคุก “ชูวิทย์” ได้เฮ

เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2559 นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงการพระราชทานอภัยโทษเนื่องในโอกาสแรกนับแต่ขึ้นทรงครองราชย์สืบสันตติวงศ์ 2559 ว่า คาดว่าจะมีผู้ต้องโทษที่ได้รับการพระราชทานอภัยโทษและได้รับการปล่อยตัวทันทีประมาณ 30,000 คนเศษ โดยแต่ละเรือนจำจะมีคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบคุณสมบัติเพื่อให้ผู้ต้องโทษที่ได้รับการปล่อยตัวมีคุณสมบัติตรงตามหลักเกณฑ์ คือ ต้องเป็นผู้ต้องโทษชั้นดีขึ้นไปจึงได้รับสิทธิ์และไม่เป็นผู้ที่กระทำผิดซ้ำ ไม่ใช่ผู้ต้องโทษคดีฆ่าข่มขืนฉ้อโกงประชาชน หรือค้ายาเสพติด สำหรับมาตรการดูแลผู้พ้นโทษ ซึ่งถือเป็นผู้บริสุทธิ์แล้วนั้นจะมีหน่วยงานภาคีในพื้นที่คอยสอดส่องดูแลไม่ให้กระทำความผิดซ้ำโดยคาดว่าจะสามารถปล่อยตัวผู้ต้องขังที่ได้รับการอภัยโทษล็อตแรกได้ภายใน 3 วัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ต้องโทษน้อยไม่เกิน 2 ปี นายกอบเกียรติกล่าวต่อว่า สำหรับผู้กระทำผิดคดี 112 ก็เข้าข่ายได้รับประโยชน์จาก พ.ร.ฎ.อภัยโทษครั้งนี้ด้วยโดยจัดเป็นผู้ต้องขังคดีทั่วไปที่มีสิทธิ์ได้รับการลดโทษตามลำดับชั้น สำหรับกลุ่มที่เข้าข่ายได้รับสิทธิ์อภัยโทษปล่อยตัวรอบนี้ เช่น นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ และผู้ต้องขังคดีรื้อบาร์เบียร์ที่ต้องโทษจำคุกคนละ 2 ปี ส่วนนายเฉลิมชัย มัจฉากล่ำ หรือผู้พันตึ๋ง ผู้ต้องโทษคดีฆาตกรรมนายปรีณะ ลีพัฒนะพันธ์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ที่ได้รับการลดวันต้องโทษและพักการโทษไปก่อนหน้านี้แต่กระทำความผิดซ้ำจนถูกนำตัวเข้าคุมขังตามกำหนดโทษที่ได้รับการพักไว้ในเรือนจำกลางบางขวาง โดยผู้พันตึ๋งรอบนี้ไม่เข้าข่ายได้รับการอภัยโทษเพราะถูกลดชั้นปรับเป็นนักโทษชั้นเลว


‘ทรัมป์’ออกโรงปกป้องว่าที่รมต.ตปท. ใกล้ชิดรัสเซีย

วันที่ 13 ธันวาคม นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ออกมาปกป้องการเสนอชื่อนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของเอ็กซอน โมบิล วัย 64 ปี ให้เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐคนต่อไป โดยเมินเฉยต่อความกังวลเรื่องความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัสเซียของนายทิลเลอร์สัน และระบุว่า นโยบายต่างประเทศของสหรัฐจำเป็นต้องมุ่งหน้าไปในทิศทางใหม่ ก่อนหน้านี้นายทรัมป์ทำให้ทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันตื่นตระหนกจากการเรียกร้องให้มีการกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากขึ้นกับรัสเซีย ที่ฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติในกรุงวอชิงตันโดยส่วนใหญ่มองว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของโลก ทำให้โอกาสที่นายทิลเลอร์สันจะได้รับการรับรองจากสภาคองเกรสดูสลับซับซ้อนมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีข้อกังขาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนอันหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากการที่เอ็กซอน โมบิลดำเนินธุรกิจในราว 50 ประเทศทั่วโลก และนายทิลเลอร์สันอยู่กับบริษัทแห่งนี้มาตลอดชีวิตการทำงานยาวนานกว่า 40 ปีโดยไม่เคยทำงานอย่างอื่นเลย

“พระน็อต” ดอดมอบตัว ให้ประกัน1 หมื่น

จากกรณีนายอัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล หรือน็อต อายุ 28 ปี นักแสดง-พิธีกรหนุ่ม ก่อเหตุทำร้ายร่างกายนายกิตติศักดิ์ สิงโต หรือบอย อายุ 26 ปี ผู้ขี่รถจักรยานยนต์ หลังเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนแล้วหนี จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคม และเกิดวลี “กราบรถ…” จนโด่งดัง จากนั้นต่อมาจึงได้ตัดสินใจบวช ล่าสุดเมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 14 ธันวาคม ที่สน.ยานนาวา พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ ทรัพย์ละออ ผกก.สน.ยานนาวา เปิดเผยว่า เมื่อคืนวันที่ 13 ธันวาคม ที่ผ่านมา พระเขมธมฺโม หรือพระน็อต หรืออัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล เดินทางเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา พร้อมรับทราบ ข้อหาแล้ว โดยเบื้องต้น ทางพนักงานสอบสวนได้ให้ประกันตัว ในหลักทรัพย์เป็นเงินสด จำนวน 10,000 บาท อย่างไรก็ตามได้นัดหมายพระน็อตให้เข้าพบพนักงานสอบสวนอีกครั้งในช่วงต้นเดือนมกราคม 2560 ที่จะถึงนี้ สำหรับข้อกล่าวหา ที่ พระเขมธมฺโม หรือพระน็อต หรืออัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล เดินทางมารับทราบ 2 ข้อหา คือ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจ ต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น