วงการเพลงลูกทุ่งสุดเศร้า เมื่อต้องสูญเสียราชันเพลงแหล่คนดังคนเดียวของไทย “ชินกร ไกรลาศ” หรือชื่อเดิม “ชิน ฝ้ายเทศ” ผู้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นักร้องเพลงลูกทุ่ง) ในปี 2542
โดยเมื่อตอนเช้าวันที่ 18 พ.ค. ที่ตึกอัษฎางค์ รพ.ศิริราช ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนางสุชาดา ฝ้ายเทศ ภรรยาคู่ชีวิตของนายชินกรว่า สามีได้เสียชีวิตอย่างสงบด้วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ หลังจากเข้ารักษาที่ รพ.ศิรราช ได้ 2 วัน โดยเมื่อปี 58 นายชินกรพบว่า ป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ระยะที่ 3 แต่ได้เข้ารักษาอาการป่วยมะเร็งจนทุเลา ต่อมามีอาการขาบวม เดินไม่ได้ จึงเข้ารักษาที่ รพ.ศิริราช อีกครั้งเมื่อเดือนที่แล้วเป็นเวลา 20 วัน ล่าสุดนายชินกรอาเจียนหนัก จึงนำตัวส่ง รพ. และเสียชีวิต
ขณะเดียวกัน หลังการเสียชีวิตของนายชินกร มีบรรดาคนวงการลูกทุ่ง อาทิ จอมขวัญ กัลยา ภูพาน เพชรปฐมพร ไพจิตร ศุภวารี เบิ้ม ละโว้ นกน้อย-บริพันธ์ ชัยภูมิ นายกสมาคมนักเพลงลูกทุ่งแห่งประเทศไทย ฯลฯ เข้าร่วมแสดงความเสียใจกับนางสุชาดา และนายขจร ฝ้ายเทศ อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ลูกชายคนโต รวมถึง น.ส.รุ่งรัศมี ฝ้ายเทศ ลูกสาวคนเล็ก ถึงการจากไปของนายชินกร
นายขจรกล่าวด้วยใบหน้าเศร้าสลดว่า ก่อนหน้านี้คุณพ่อเคยป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ตั้งแต่ปลายปี 2558 เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช อาการเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ จากนั้นเข้าๆออกๆโรงพยาบาล มาตลอด ระยะหลังแพทย์ตรวจพบว่า มะเร็งเริ่มลุกลามไปที่ต่อมน้ำเหลือง กระทั่งเมื่อวันที่ 15 พ.ค. ได้มาหาแพทย์ตามที่ได้นัดเอาไว้ แพทย์ทำซีทีสแกน พบว่า มะเร็งลุกลามไปที่กระดูก พอกลับมาบ้านพ่อมีอาการอาเจียน บ่นว่าปวดขาด้านซ้ายมาก วันรุ่งขึ้นอาการปวดกำเริบหนัก จึงเรียกรถพยาบาลให้มารับตัวไปโรงพยาบาลศิริราชอยู่ได้ 3 วัน จึงเสียชีวิตด้วยอาการสงบ ก่อนหน้านี้ครอบครัวเตรียมทำใจไว้บ้างแล้ว อยากบอกกับพ่อว่า ไม่ต้องเป็นห่วงแม่และน้องๆตนจะดูแลเอง ขอให้พ่อหลับให้สบาย
ด้านนางสุชาดากล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสลดว่า ตั้งแต่สามีเริ่มป่วยตั้งใจว่า หากหายป่วยจะบวช พูดมาตั้งแต่ยังไม่เป็นอะไรมาก ก่อนหน้าที่จะเข้าโรงพยาบาลครั้งสุดท้าย ได้นำบาตร จีวร เครื่องบวชทั้งหมดมาทำพิธีเหมือนกับบวช ให้กับสามี แล้วนำไปถวายวัด เหมือนกับบวชทางจิตเพียงแต่กายเท่านั้นที่ไม่ได้ไปวัด ก่อนเสียชีวิตตนและญาติๆได้ทำสังฆทาน โดยนำผ้าไตรจีวรไปให้อนุโมทนา สามีก็รับรู้ทุกอย่างแต่ไม่สามารถพูดอะไรได้ สิ่งที่เขาต้องการอีกอย่างคือ อยากจะทำเพลงเกี่ยวกับธรรมะ และบทสวดที่ถูกต้อง แจกจ่ายให้วัดต่างๆ ได้ใช้ประโยชน์ แต่ก็มาเสียชีวิต
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของลิขสิทธิ์เพลงต่างๆ จะดำเนินการอย่างไร นายขจรกล่าวว่า หากใครต้องการนำเพลงของคุณพ่อไปเผยแพร่ เพื่อประโยชน์ของสังคมโดยไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ขอให้มาติดต่อกับครอบครัวก่อน
วันเดียวกันนางพิมพ์รวี วัฒนวรางกูร อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้รับรายงานว่า นายชิน ฝ้ายเทศ หรือ นายชินกร ไกรลาศ เสียชีวิตด้วยติดเชื้อในกระแสโลหิตโดยขณะเสียชีวิตมีอายุ 71 ปี มีกำหนดการพระราชทานน้ำหลวงอาบศพวันที่ 19 พ.ค. เวลา 16.00 น. สวดพระอภิธรรมระหว่างวันที่ 19-25 พ.ค. ที่ศาลา 1 วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน แล้วเก็บศพไว้บำเพ็ญกุศลเป็นเวลา 100 วัน กรมส่งเสริมวัฒนธรรมจะดำเนินการขอพระราชทานเพลิงศพต่อไป ขณะเดียวกันได้มอบเงินช่วยเหลือเมื่อเสียชีวิตเพื่อร่วมการบำเพ็ญกุศลศพจำนวน 20,000 บาท เงินช่วยเหลือค่าจัดทำหนังสือเผยแพร่ผลงานเมื่อเสียชีวิตเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 150,000 บาท
ประวัติ “ราชันเพลงแหล่คนดัง” นายชิน ฝ้ายเทศ หรือชินกร ไกรลาศ เป็นชาวจังหวัดสุโขทัย เกิดเมื่อวันที่ 1 เม.ย.2489 จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนวัดคุ้งยาง อ.กงไกรลาศ ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์ สาขาศิลปศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยครูธนบุรี มีความสนใจฝึกร้องเพลงพื้นบ้านมาตั้งแต่เล็กและเป็นนักร้องเพลงเชียร์รำวงอยู่จนอายุ 16 ปี จึงสมัครเป็นนักร้องวงดนตรีพยงค์ มุกดา มีผลงานเพลงบันทึกแผ่นเสียงครั้งแรกในเพลง “ลูกทุ่งชีวิต” จนมีชื่อเสียงในการขับร้องเพลงลูกทุ่งมาตามลำดับ ผลงานเพลงที่ทำให้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของประชาชน ได้แก่ เพลง “ยอยศพระลอ” “เพชฌฆาตใจ” “เพชรร่วงในสลัม”
นายชินเป็นนักร้องลูกทุ่งที่ประยุกต์เพลงพื้นบ้านมาผสมผสานกับการแสดงดนตรีลูกทุ่งในหลายลักษณะ ทั้งลำตัด เพลงฉ่อย เพลงเกี่ยวข้าว เพลงเรือ เพลงอีแซว จนได้รับรางวัลมากมาย อาทิ รางวัลชนะเลิศการประกวดดนตรีลูกทุ่งไทยในงานวชิราวุธานุสรณ์ ได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทานจากเพลงยอยศพระลอ รางวัลนักร้องลูกทุ่งดีเด่นกึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทย ครั้งที่ 1-2 รางวัลนักร้องเพลงไทยผู้ออกเสียงภาษาไทยถูกต้อง จากมหาวิทยาลัยมหิดล ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม สาขาศิลปะการแสดง (นักร้องเพลงลูกทุ่ง) ของสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ประจำปีพุทธศักราช 2536 และได้ใช้ความรู้ความสามารถช่วยเหลือหน่วยงานของรัฐ เอกชน เพื่องานกุศลต่างๆตลอดมา จนได้รับการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นักร้องเพลงลูกทุ่ง) ประจำปีพุทธศักราช 2542 การเสียชีวิตของนายชินกรจึงเป็นการสูญเสียศิลปินคนสำคัญอีกครั้ง
(19 พ.ค.) พ.ต.อ.วีรชน บุญทวี รอง ผบก.สส.ภ.5 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.ภ.5 ชุดปราบปรามอาชญากรรมทางสื่อสังคมออนไลน์ ได้ทำการสืบสวนจับกุมนายภูมิพัฒน์ ดิษยาวัฒนภูตินันท์ อายุ 25 ปี เจ้าของเพจ ทวีตเตอร์ ขายสินค้าที่เป็นสื่อลามกอนาจารในพื้นที่ ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 8 พันคน ชื่อ "รับนวด CNX/ขาย Sex Toy" ได้จับกุมที่ห้องพักเลขที่ 316 สันติธรรมพลาซ่าแมนชั่น ในข้อหา มีไว้ซึ่งสิ่งของลามก เพื่อประสงค์แห่งการค้า พร้อมของกลางอวัยวะเพศชายเทียม 21 ชิ้น , อวัยวะเพศหญิงเทียม 16 ชิ้น , โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง , คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง , กล่องไปรษณีย์ 20 กล่อง สมุดบันทึก 1 เล่ม
การจับกุมมีขึ้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า ผู้ต้องหาลักลอบจำหน่ายอุปกรณ์เซ็กซ์ทอยให้กลุ่มวัยรุ่น นักศึกษา และผู้ที่มีรสนิยมทางเพศเดียวกัน โดยมีการประกาศขายทางสื่อออนไลน์ อุปกรณ์เซ็กซ์ทอยอวัยวะเพศชายเทียม ราคาชิ้นละ 750 บาท ส่วนอวัยวะเทียมเพศหญิง ราคาประมาณ 1,500 บาท โดยมีการจัดส่งทางไปรษณีย์ให้กับลูกค้า และส่งด้วยตัวเอง
เบื้องต้น นายภูมิพัฒน์ ให้การรับสารภาพว่า ได้ขายสินค้าตามที่ตรวจยึดจริง โดยขายทั้งผ่านสื่อออนไลน์ และส่งด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังรับนวดน้ำมัน และนวดเฉพาะส่วนด้วย ซึ่งสินค้าที่ขายดี เป็นของหญิงเทียม ซึ่งจะใช้แบตเตอรี่ ทำให้ดิ้นได้ สั่นได้
จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ช้างเผือก เชียงใหม่ ดำเนินคดีต่อไป
( 19 พ.ค.)เมื่อเวลา 09.30 น.ที่บ้านเลขที่ 44/3 หมู่ 3 ต.บ้านใหม่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 1 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางแม่นาง และเจ้าหน้าที่ทหาร ปตอ.1 พัน.6 ได้บุกเข้าควบคุมตัว นายชูชาติ พ่วงจีน อายุ 56 ปี สมาชิก อบต.บ้านใหม่ ผู้ต้องหาอ้างตัวเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ซื้อบริการแก๊งนกฮูกที่ธนโชติรีสอร์ท ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนระหว่างวันที่ 22-24 ก.ย.59 โดยผู้ต้องสงสัยให้การรับสารภาพว่าทำจริง
จึงได้ตั้งข้อกล่าวหาว่าพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจารเด็กต่ำกว่า 18 และได้ทำการบันทึกการสอบปากคำในที่เกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายเรียกให้ นายชูชาติ พ่วงจีน สมาชิก อบต.บ้านใหม่ ให้เข้าให้ข้อมูลที่ สภ.บางแม่นาง จนกระทั้งเวลา 09.30 น.ไม่พบสมาชิกรายใดเดินทางมาให้ปากคำ จึงได้มีคำสั่งให้ออกติดตามเพื่อจับกุมตัวหนึ่งในผู้ต้องหาได้ที่บ้านเลขที่ดังกล่าว
ซึ่งบ้านหลังนี้เป็นบ้านของนายพนม พึ่งสุขแดง กำนันตำบลบ้านใหม่ สำหรับสมาชิกที่เหลือจะทำการเดินทางเข้าสอบปากคำหลังจากนี้ พร้อมทั้งให้ สตง.ตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินของ อบต.บ้านใหม่ อย่างละเอียดอีกครั้ง
เกิดเหตุระทึกที่มหานครนิวยอร์กในสหรัฐฯ เมื่อรถยนต์สีแดงยี่ห้อฮอนด้าแบบซีดานคันหนึ่งพุ่งชนผู้คนบนทางเดินริมถนน ที่บริเวณจัตุรัสไทม์สแควร์ ในเขตแมนฮัตตัน แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เมื่อช่วงเที่ยงวันพฤหัสบดีที่ 18 พ.ค. ตามเวลาท้องถิ่น หรือประมาณเวลา 23.00 น.คืนวันเดียวกันตามเวลาประเทศไทย ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 คน บาดเจ็บ 19 คน ในเบื้องต้น
สถานีโทรทัศน์ “ซีบีเอส” รายงานว่า หลังเกิดเหตุคนขับรถยนต์คันดังกล่าวซึ่งสวมเสื้อยืดสีเข้มถูกตำรวจควบคุมตัวลงจากรถและนำตัวขึ้นรถของตำรวจไปตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในกระแสเลือด แต่ตำรวจไม่ระบุว่าเขาเป็นใคร ซึ่งตำรวจเชื่อว่าเหตุร้ายครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุ ไม่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย แต่ต้องสอบสวนเพิ่มเติมให้แน่ชัด ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับแจ้งและติดตามความคืบหน้าของเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ส่วนสำนักงานสืบสวนสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) ร่วมมือกับตำรวจนิวยอร์กเร่งสอบสวนคดีนี้
สื่อท้องถิ่นอื่นๆและพยานผู้เห็นเหตุการณ์เผยว่า คนขับรถคันดังกล่าวฝ่าฝืนกฎจราจรพุ่งเข้าชนฝูงชนบนทางเดินริมถนนเหมือนเป็นการจงใจ ก่อนที่รถจะพุ่งชนเสาไฟฟ้าและจอดสงบนิ่งในสภาพล้อ 2 ล้อชี้ขึ้นฟ้า มีเปลวไฟและควันไฟพุ่งออกมาจากกระโปรงหน้ารถ ระหว่างถนนสายที่ 45 และถนนสายบรอดเวย์ ท่ามกลางความแตกตื่นตกใจของฝูงชนที่ต่างวิ่งหนีเอาชีวิตรอดจ้าละหวั่น มีรองเท้าของผู้บาดเจ็บกระจัดกระจายเกลื่อนบริเวณที่เกิดเหตุ และมีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 7 คนถูกลำเลียงใส่เปลขึ้นรถนำส่งโรงพยาบาล
ต่อมาสื่อท้องถิ่นรายงานว่า คนขับรถผู้ก่อเหตุเป็นชายวัย 26 ปี จากย่านบรองซ์ และพยานผู้อยู่ในเหตุการณ์เผยว่า เขาอยู่ในสภาพมึนเมา ตำรวจที่ไม่ระบุชื่อ ยังเผยต่อสำนักข่าวเอเอฟพีว่า เขาเคยมีประวัติขับรถขณะมึนเมาสุราด้วย จึงเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่ใช่การก่อการร้าย
เมื่อ 19 พ.ค. เอพีรายงานความคืบหน้าเหตุการณ์ระทึกขวัญกลางไทมส์ สแควร์ จัตุรัสกลางนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อมีผู้ขับรถยนต์ฝ่าผู้คนแล้วพุ่งขึ้นบนทางเดินเท้า คร่าชีวิตเหยื่อ 1 ราย เป็นหญิงวัยรุ่นอายุ 18 ปี และมีบาดเจ็บ 23 คน ก่อนเจ้าหน้าที่รวบตัวคนขับรถระห่ำดังกล่าวไว้ได้ เบื้องต้นยืนยันไม่ใช่เหตุก่อการร้าย
ต่อมามีการเปิดเผยชื่อคนขับรายดังกล่าว ชื่อนายริชาร์ด โรฮาส อายุ 26 ปี ช่วงที่ถูกรวบตัวได้ แสดงอาการเหมือนควบคุมสติไม่ได้ ตำรวจเผยว่าชายคนนี้มีปัญหาการเงินจนเครียดมาก ให้ปากคำเบื้องต้นว่าระหว่างก่อเหตุได้ยินเสียงก้องในหู ว่าถูกตามล่าเอาชีวิต
สำหรับการตรวจแอลกอฮอล์ ไม่พบว่ามีในร่างกาย แม้ว่าจะมีอาการเหมือนไม่อยู่ในร่องในรอย แต่ต้องรอผลตรวจสารเคมีจากยาในร่างกายด้วย
นายแฮร์ริสัน รามอส เพื่อนของผู้ก่อเหตุเผยว่า นายโรฮาสเปลี่ยนไปตั้งแต่กลับมาจากการเข้าเป็นทหารในกองทัพเรือ มักโพสต์เรื่องเหลวไหลในโลกออนไลน์ ส่วนเพื่อนคนอื่นๆ ต่างรับทราบว่าหนุ่มรายนี้มีปัญหาการเงิน
ตำรวจตรวจสอบพบว่า นายทหารผ่านศึกรายนี้ เพิ่งถูกจับเมื่อสัปดาห์ก่อน เพราะไปใช้มีดข่มขู่พนักงานรับรองเอกสาร หาว่าพนักงานคนนั้นจะขโมยบัตรประชาชนของตนไป
จากกรณีโลกออนไลน์เกิดกระแสการแชร์โพสต์ จากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่ได้ออกมาโพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุ “ถามค่ะ? #เป็นข้าราชการ…ถ่ายรูปโชว์นม…ผิด...ระเบียบข้อไหน โดยเป็นภาพขณะที่ข้าราชการสาวคนดังกล่าว สวมเสื้อกล้ามสีขาว ที่สามารถมองเห็นเนินอกได้อย่างชัดเจน และสวมเสื้อคลุมซึ่งระบุชื่อ และตำแหน่ง ซึ่งเป็นถึงหัวหน้าฝ่าย อีกทั้งยังได้มีการเช็กอินที่เทศบาลเมืองท่าโขลง จ.ปทุมธานี จนเกิดเป็นกระแสวิจารณ์ ถึงความเหมาะสมของการโพสต์ภาพ และข้อความดังกล่าวไปทั่วสังคมออนไลน์นั้น
ล่าสุด เมื่อวานนี้ (18 พ.ค.) ด้าน นางทิฆัมพร ตันวัฒนะ ปลัดเทศบาลเมืองท่าโขลง ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมผู้สื่อข่าว และเปิดเผยว่า มีข้าราชการระดับหัวหน้าส่วนงานบริหารทั่วไป คือ คุณพัชรณัฎฐ การะนันท์ ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาโดยตรงได้โพสต์ภาพที่ไม่เหมาะสมลงในเฟซบุ๊กจริง ซึ่งก็ได้เรียกข้าราชการคนดังกล่าวมาสอบถามในเบื้องต้นแล้ว และได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบรายละเอียดแล้ว ซึ่งก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ส่วนในเรื่องของการผิดระเบียบวินัยถือว่าไม่ร้ายแรง แต่การกระทำดังกล่าวนั้นเหมาะสมหรือไม่ เพราะเราเป็นข้าราชการจะต้องทำตัวให้เหมาะสมทั้งกิริยามารยาท ซึ่งในการโพสต์นั้นมีการตอบโต้ข้อความกันหลายๆ เรื่อง ซึ่งนโยบายกับหัวหน้าส่วนทุกคนให้ยึดระเบียบของราชการเป็นหลัก เช่น การแต่งตัว โดยตนเองได้กำชับเพื่อร่วมงานทุกๆ คน ทำตัวให้สมกับเป็นข้าราชการไม่ใช่พอใจจะแต่งตัวอย่างไรก็แต่ง ในเบื้องต้นจึงมีการมอบหมายให้รองปลัดเทศบาลเมืองท่าโขลง เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง เป็นการด่วน เนื่องจากกลายเป็นกระแสสังคมที่มีผู้วิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก แต่ก็จะต้องรอสอบถามข้อเท็จจริง กับหัวหน้าฝ่ายสาวกับการกระทำของข้าราชการดังกล่าว จนมีการลบโพสต์เฟซบุ๊กดังกล่าวออกไปแล้ว
ด้าน นางสาวพัชรณัฎฐ การะนันท์ อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นผู้โพสต์ภาพที่ไม่เหมาะสมลงในเฟซจริง แต่ก็เป็นช่องทางส่วนตัว เพราะตนเองก็โพสต์เป็นประจำอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ชุดข้าราชการ เนื่องจากเป็นเรื่องส่วนตัว และชุดก็ไม่ได้โป๊แต่อย่างใด เนื่องจากตนเองมีร้านค้าและประกอบอาชีพ ร้านอาหารและคาร์แคร์ เท่านั้น ไม่คิดว่าจะมีคนต่อว่า แต่ก็ได้ลบรูปไปแล้ว พร้อมกับขอโทษ ซึ่งในการโพสต์นั้น ก็มีการตอบโต้ข้อความกันหลายๆ เรื่อง ตนเองพร้อมรับผิด และไม่มีเจตนาแอบแฝงแต่อย่างใด ตนเองเป็นคนทำมาหากิน และเลิกงานตนเองก็ไปเปิดร้านอาหาร