ข่าว
ปธน.บังกลาเทศ"ซิลลูร์ เราะห์มาน" ถึงแก่อสัญกรรมด้วยวัย 84 ปี

ประธานาธิบดีซิลลูร์ เราะห์มาน ของบังกลาเทศ ถึงแก่อสัญกรรมแล้ววันนี้ (20 มี.ค.) ที่โรงพยาบาลในสิงคโปร์ ด้วยวัย 84 ปี ขณะรักษาโรคไตและระบบทางเดินหายใจ

นายเอ็ม มาห์บุซซามาน ข้าหลวงใหญ่บังกลาเทศประจำสิงคโปร์ แถลงกับผู้สื่อข่าวถึงการอสัญกรรมของประธานาธิบดีบังกลาเทศ ที่โรงพยาบาลในสิงคโปร์ เมื่อเวลาประมาณ 18.47 น. ตามเวลาท้องถิ่น (17.47 น. ตามเวลาในไทย)

นายเราะห์มาน ได้รับเลือกจากรัฐสภาให้รับตำแหน่งประธานาธิบดี ในฐานะประมุขของรัฐ ที่มาจากการเลือกสรรโดยรัฐสภา และอยู่ในตำแหน่งคราวละ 5 ปี ปฏิบัติหน้าที่โดยได้รับคำแนะนำจากนายกรัฐมนตรี มีบทบาทหน้าที่ในด้านพิธีการ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2009 นายเราะห์มานถือเป็นบุคคลที่มีความซื่อสัตย์และไว้ใจได้ของกลุ่มอาวามี ซึ่งปัจจุบันมีบทบาทสำคัญในรัฐบาล และเป็นเพื่อนสนิทของนายเชก มูจิบูร์ เราะห์มาน ประธานาธิบดีคนแรกของประเทศ ที่เป็นบิดาของนายกรัฐมนตรีเชก ฮาซินา คนปัจจุบัน

นายซิลลูร์ เราะห์มาน เคยถูกจำคุกนาน 20 ปี ระหว่างสงครามปลอปล่อยบังคลาเทศจากปากีสถาน เมื่อปี 1971 และถูกจำคุกอีก 4 ปี หลังเหตุการณ์ลอบสังหารนายเชก มูจิบูร์ เราะห์มาน เมื่อปี 1975 นอกจากนั้นเขายังถูกจำคุกเป็นเวลาสั้นๆ หลังการเลือกตั้งในปี 1986 ระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี

สาวอินเดียวิวาห์ “ผัว 5 คน” คลอดลูกชาย “ไม่รู้คนไหนพ่อ”

หญิงสาวชาวอินเดียผู้หนึ่งเผยการใช้ชีวิตคู่อย่างเรียบง่ายกับสามี 5 คน ซึ่งล้วนแต่เป็นพี่น้องกัน

ราโจ เวอร์มา วัย 21 ปี อาศัยอยู่กับชายทั้งห้าในบ้านซึ่งมีเพียงห้องเดียว พอตกกลางคืนทุกคนก็จะปูผ้าห่มนอนเรียงกันบนพื้น

คุณแม่ลูกหนึ่งเล่าว่า ทุกคืนเธอจะหลับนอนกับสามี 1 คน จึงไม่ทราบว่า บุตรชายวัย 18 เดือนเกิดจากพ่อคนไหนแน่

แม้อาจดูแปลกประหลาดในสายตาคนนอก แต่ก็เป็นประเพณีของหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งใกล้กับเมืองเดห์ราดูน ทางตอนเหนือของอินเดีย ที่หญิงสาวจะแต่งงานกับพี่น้องชายของสามีคนแรกด้วย

ราโจ ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ เดอะซัน ว่า “ตอนแรกฉันก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจ แต่ฉันให้ความรักกับสามีทุกคนเท่ากัน”

4 ปีที่แล้ว ราโจ เข้าพิธีแต่งงานแบบฮินดูกับ กุดดู สามีคนแรก และต่อมาก็แต่งงานกับน้องชาย 4 คนของเขา ได้แก่ ไบจู วัย 32 ปี, สันต์ ราม วัย 28 ปี, โกปาล วัย 26 ปี และไธเนศ วัย 19 ปี ซึ่งรายหลังสุดเข้าพิธีแต่งงานกับพี่สะใภ้ทันทีที่อายุครบ 18 ปี

“เราได้นอนกับเธอทุกคน แต่ผมไม่หึงหวงหรอกครับ” กุดดู ผู้เป็นทั้งสามีคนแรกและสามีตามกฎหมาย กล่าว

“เราเป็นครอบครัวใหญ่ที่มีความสุขดีครับ”

การมีสามีหลายคน (polyandry) เป็นธรรมเนียมฮินดูเก่าแก่ที่เคยแพร่หลายในอินเดีย แต่ปัจจุบันมีผู้ถือปฏิบัติอยู่ไม่มากนัก สตรี 1 คนจะสามารถมีคู่ครองได้มากกว่าหนึ่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ซึ่งผู้หญิงมีน้อยกว่าผู้ชาย

สำหรับประเพณีแต่งงานกับพี่น้องของสามี (fraternal polyandry) น่าจะมีที่มาจากเรื่องของนางเทราปตี ธิดากษัตริย์แคว้นปัญจาละ ซึ่งได้เสกสมรสกับพี่น้องปาณฑพทั้งห้า ตามตำนานในมหากาพย์มหาภารตะของอินเดีย

การแต่งงานลักษณะนี้ยังช่วยให้ครอบครัวรักษากรรมสิทธิ์ในที่ดินทำกินไว้ได้

ราโจ เข้าใจดีว่า เธอต้องเปิดใจยอมรับสามีทั้งห้าคน เหมือนกับที่แม่ของเธอเองก็แต่งงานกับชาย 3 คนที่เป็นพี่น้องกันมาแล้ว

เธอจะหลับนอนกับสามีครั้งละคนเดียว แต่ในบ้านไม่มีเตียงแยก มีเพียงผ้าห่มหลายผืนเท่านั้น

“ฉันได้รับความรักและความเอาใจใส่มากกว่าภรรยาส่วนใหญ่แน่นอนค่ะ” เธอบอก


ศาลมะกันให้ 'สุภาพ เกิดแสง' ชนะคดีละเมิดลิขสิทธิ์กรณีขายหนังสือมือ2

เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ศาลฎีกานิวยอร์กในสหรัฐอเมริกา มีคำพิพากษาตัดสินเมื่อวันอังคาร ให้นายสุภาพ เกิดแสง อดีตนักศึกษาชาวไทยในมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย (ยูเอสซี) ชนะคดีถูกฟ้องร้องข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ กรณีนำหนังสือที่ซื้อจากต่างประเทศ มาประกาศขายต่อผ่านอินเทอร์เน็ตแก่นักศึกษาในสหรัฐฯ คดีของนายสุภาพต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 2010 เขาถูกฟ้องร้องโดยบริษัท 'จอห์น ไวลีย์ แอนด์ ซันส์' ผู้ผลิตหนังสือของสหรัฐฯ ในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ โดยศาลชั้นต้นเบื้องต้น คณะลูกขุนเห็นด้วยกับข้อเสนอของบริษัท ที่ให้นายสุภาพจ่ายค่าชดเชยเป็นเงิน 600,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 17 ล้านบาท) เนื่องจากจงใจละเมิดลิขสิทธิ์ของบริษัท ขณะที่ศาลอุทธรณ์ก็ยืนคำตัดสินตามศาลชั้นต้น นายสุภาพต่อสู้จนถึงศาลฎีกา และเมื่อวันอังคารผู้พิพากษา 9 คนลงคะแนนเสียง 6-3 ระบุว่านายสุภาพตีความกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์ได้ดีกว่า และตัดสินให้เขาชนะคดี โดยระบุว่า สิทธิ์ของบริษัทจอห์น ไวลีย์ฯ ในหนังสือดังกล่าว หมดไปนับตั้งแต่สินค้าถูกขายอย่างถูกต้องตามกฎหมายในต่างประเทศ ภายใต้หลักการ 'first sale dortrine' (กฎของการขายครั้งแรก) ซึ่งมาตราที่ 109 ของกฎหมายลิขสิทธิ์สหรัฐฯ อธิบายว่า กฎของการขายครั้งแรก สามารถนำมาใช้กับชิ้นงานถูกกฎหมาย ที่ผลิตภายใต้หัวข้อนี้ ซึ่งกล่ายเป็นข้อถกเถียงในศาลว่า วลีดังกล่าวจริงๆ แล้วหมายถึงอะไร โดยฝ่ายบริษัท จอห์น ไวลีย์ฯ ตีความว่า กฎของการขายครั้งแรก นั้นส่งผลต่อสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ที่ผลิตในสหรัฐฯเท่านั้น แต่นายสุภาพตีความว่า กฎของการขายครั้งแรกครอบคลุมถึงสินค้าใดๆ ที่ถูกกฎหมาย หรืออีกนัยคือ สินค้าที่ไม่ละเมิด หากตีความตามที่บริษัทจอห์น ไวลีย์ฯ จะส่งผลกระทบต่อบริษัทบนอินเทอร์เน็ตอย่าง อีเบย์ ผู้ค้าหนังสือมือสอง พิพิธภัณฑ์ แม้แต่ห้องสมุดที่ต้องขออนุญาตเพื่อหมุนเวียนหนังสือ ซึ่งมีอยู่จำนวนมากที่ตีพิมพ์ในต่างประเทศ สตีเฟน เบรเยอร์ หนึ่งในผู้พิพากษาทั้ง 9 คน ตั้งข้อสังเกตว่า มีการตั้งคำถาม ว่ากฎของการขายครั้งแรก มีขึ้นเพื่อคุ้มครองผู้ซื้อ หรือผู้ถือครองลิขสิทธิ์ ของสินค้าถูกกฎหมายที่ผลิตในต่างประเทศ ผู้ซื้อสามารถนำสินค้านั้นมาขายหรือมอบให้ผู้อื่นในสหรัฐอเมริกา โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตผู้เจ้าของลิขสิทธิ์ได้หรือไม่ และผู้ซื้อหนังสือที่ตีพิมพ์ในต่างประเทศจากร้านหนังสือมือสอง สามารถนำไปขายซ้ำโดยปราศจากการอนุญาตของผู้ถือลิขสิทธิ์ได้หรือไม่ ในความเห็นของเรา คำตอบของคำถามนี้คือ ได้ ทั้งนี้ คำพิพากษาของศาล จะกลายเป็นกรณีตัวอย่าง ว่าผู้ซื้อหนังสือรวมถึงผู้ค้าหนังสือ สามารถขายซ้ำสินค้าที่ซื้อจากต่างประเทศได้ และเรื่องนี้อาจจะส่งผลกระทบบริษัทในสหรัฐฯ ซึ่งขายสินค้าลิขสิทธิ์ในต่างประเทศ เพราะจนถึงขณะนี้ ผู้ถือครองลิขสิทธิ์ในสหรัฐฯ ยังเชื่อว่าพวกเขาสามารถขายสินค้าลิขสิทธิ์ในต่างประเทศ ซึ่งบางครั้งมีราคาถูกกว่า และสามารถยับยั้งไม่ให้สินค้าดังกล่าว ถูกส่งกลับเข้าขายในประเทศโดยที่พวกเขาไม่อนุญาต

เกาหลีเหนือโพสต์คลิปล่าสุด "เล็งเป้าถล่มทำเนียบขาว-สภาคองเกรสระเบิด"

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 20 มี.ค.ว่า เกาหลีเหนือได้ผลิตวีดีโอโฆษณาชวนเชื่อล่าสุด แสดงภาพโจมตีสหรัฐอเมริกา ด้วยรวมการโจมตีทำเนียบขาว และรัฐสภาคองเกรส

รายงานระบุว่า คลิปวีดีโอดังกล่าวมีชื่อว่า"Firestorms will rain on the Headquarters of War"ถูกโพสต์ผ้่านช่องเว็บไซต์ยูทิวบ์ของเกาหลีเหนือ แสดงภาพเครื่องบินรบไอพ่น เครื่องบินทิ้งระเบิด และเรือบรรทุกเครื่อง ของสหรัฐ ในฐานะมหาอำนาจอันธพาลซึ่งมุ่งเป้าเล่นงานเกาหลีเหนือ ขณะที่ผู้บรรยายหญิงในคลิปบอกว่า สงครามนิวเคลียร์กำลังจะปะทุขึ้น ก่อนจะปรากฎภาพการเล็งเป้าไปที่ทำเนียบขาว และตึกอาคารรัฐสภาคองเกรส ซึ่งกำลังระเบิดเป็นลูกเพลิง โดยผู้บรรยายบอกว่า จรวดของเกาหลีเหนือไม่มีข้อจำกัดระยะทางในการโจมตี

ทั้งนี้ วีดีโอนี้ถือเป็นคลิปข่มขู่ล่าสุดของเกาหลีเหนือ โดยเมื่อเดือนที่แล้ว รัฐบาลเปียงยางได้ออกวีดีโอแสดงภาพนิวยอร์กถูกถล่มเป็นเพลิงจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธ และอีกคลิปแสดงภาพทหารสหรัฐและประธานาธิบดีโอบามาถูกเผาอยู่ในเปลวเพลงของอาวุธนิวเคลียร์ โดยการข่มขู่เหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากเกาหลีเหนือได้ตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติเมื่อปีที่แล้ว โดยเกาหลีเหนือได้ขู่สหรัฐว่าจะพร้อมจะโจมตีสหรัฐก่อนเพื่อป้องกันตัวเอง ส่งผลให้คาบสมุทรเกาหลีเหนือตึงเครียดที่สุดในรอบหลายปี