ข่าว
'มาร์ค'ยันพูด 'อีโง่' ไม่ได้ดูถูกเพศแม่

เมื่อเวลา19.30น. วันที่ 15 ก.ย. ที่โรงเรียนวัดเวฬุวณารามมัธยม (วัดไผ่เขียว) เขตดอนเมือง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวบนเวทีผ่าความจริง หยุดกฎหมายล้างผิด ตอนหนึ่งว่า ในการประชุมแก้ไขที่มาของส.ว.นั้นว่า ชัดเจนว่าการทำหน้าที่ของประธานรัฐสภาปฏิบัติหน้าที่มิชอบด้วยกฎหมาย ก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์ได้ยื่นถอดถอนนายนิคม ไวรัชพานิช รองประธานรัฐสภาไปแล้ว ล่าสุดในวันที่16 ก.ย.นี้ พรรคจะรวบรายชื่อส.ส.เพื่อยื่นถอดถอนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภาที่ใช้อำนาจรวบรัด ปิดปากสมาชิกผู้สงวนคำแปรญัตติ ซึ่งส่อว่า ผิดรัฐธรรมนูญ และขอเตือนทั้ง ส.ว.และนายนิคมที่จะลงมติในวาระ3เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า หากคนเหล่านี้ร่วมโหวตด้วย ก็ชัดเจนว่าเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ซึงมีผลประโยชน์ทับซ้อนและขัดกันในการทำ หน้าที่ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ก็จะยื่นถอดถอนด้วยเช่นกัน ซึ่งอยากบอกส.ว.เหล่านั้นว่า อย่าเพิ่งดีใจว่าจะได้ลงเลือกตั้งเพราะจะมีอุปสรรค์อีกมากที่จะเป็นสภาครอบ ครัว และปิดให้ส.ว.อยู่ในตำแหน่งไปก่อนได้ในขณะที่ลงสมัครับเลือกตั้ง ซึ่งไม่มีที่ไหนในโลกทำกัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่มีส.ส.หญิง พรรคเพื่อไทยประท้วงตนโดยระบุจะนำผ้าถุงของผู้หญิงมามอบให้ตน จากที่ได้ปราศรัยไป ซึ่งไม่ได้หมายถึงใคร แต่การที่จะเอาผ้าถุงมาให้ตนล้วนคิดไปเองว่าเป็นการดูถูกผู้ชาย แต่ในความเป็นจริงคนเหล่านั้นกำลังดูถูกเพศแม่ เพราะผ้าถุงคือสัญลักษณ์ของเพศหญิงที่เป็นแม่ แม้แต่ชายที่จะออกไปรบก็จะพกผ้าถุงของแม่ติดตัวไปเพื่อคุ้มครองตนเองเพราะ รู้ว่าคนป็นลูกล้วนคลอดออกมาจากผ้าถุงของแม่ ดังนั้น การกระทำดังกล่าวจึงพยายามเอาเรื่องเพศมาเป็นเกราะกำบังซึ่งจะเป็นการทำลาย สถานภาพของสตรี จึงขอเรียกร้ององค์กรสตรีทั้งหลายให้ออกมาต่อต้านคนที่ไม่ยอมให้สตรีมีความเสมอภาคเท่าผู้ชาย จะกลายเป็นว่าความเป็นผู้หญิงตรวจสอบไม่ได้ นอกจากนี้ต่อไปพจนานุกรมไทยก็จะบางลงเรื่อย ๆ เพราะหลายคำคงพูดไม่ได้

‘แม่วีระ’ขอช่วยลูกพ้นคุกเขมร ‘ปู’รับปาก

เวลา 09.00 น. วันที่ 17 ก.ย. ก่อนการประชุม ครม. นางวิไลวรรณ สมความคิด มารดาของนายวีระ สมความคิด คนไทยที่ถูกคุมขังในเรือนจำเปรย์ซอร์ ประเทศกัมพูชา พร้อมด้วย นางพิศอำไพ สมความคิด ภรรยา และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เพื่อขอให้ช่วยตามเรื่องการโอนตัวนายวีระกลับมารับโทษต่อประเทศไทย หลังจากที่ครบเงื่อนไขการรับโทษ 1 ใน 3 ของโทษทั้งหมดแล้ว โดยเมื่อวันที่ 30 พ.ย.55 ทางครอบครัวได้ยื่นหนังสือคำขอโอนตัวนายวีระ ผ่านสถานทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนขอพิจารณาการโอนตัว และต่อมานายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้ให้ข่าวต่อสื่อมวลชนว่าในการประชุมคณะกรรมการโอนตัวนักโทษเมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการพิจารณาขอโอนตัวนักโทษระหว่างไทย และกัมพูชา โดยฝ่ายไทยโอนตัวนักโทษสัญชาติไทยกลับมารับโทษต่อในประเทศไทยรวม 5 ราย โดยนายวีระ เป็น 1 ในจำนวน 5 รายนั้น จึงอยากขอให้นายกรัฐมนตรีได้ช่วยประสานกับรัฐบาลกัมพูชา ในการให้ความช่วยเหลือให้การโอนตัวนายวีระกลับประเทศไทยบรรลุผลด้วยดี และโดยเร็ว เพราะตลอดเวลา 3 ปี แม้ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยเหลือนายวีระ แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่านายวีระจะได้กลับบ้านเกิดอย่างปลอดภัยเมื่อไหร่ และทางครอบครัวรู้สึกกังวลว่าจะพบอุปสรรคในการโอนตัวครั้งนี้ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวกับนางวิไลวรรณ ว่า ได้ประสานขอไปทางรัฐบาลกัมพูชาแล้ว โดยก่อนหน้านี้เมื่อครบกำหนดการโอนตัว เราได้ทำหนังสือขอไปแล้ว 1 ครั้ง ซึ่งจะมอบให้ฝ่ายกฎหมายของกระทรวงการต่างประเทศ เร่งดำเนินการทำหนังสือประสานไปอีก อย่างไรก็ตามคงต้องรอเวลาสักนิดหนึ่ง เพราะกัมพูชาอยู่ในช่วงตั้งรัฐบาล


รบ.บี้หน่วยงานช่วยม็อบข้าวโพด “ปู” ลั่นน้ำท่วมให้ชาวนาทำประมง

18 ก.ย. 56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงการช่วยเหลือเกษตรกรไร่ข้าวโพดว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา นายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ ได้รายงานเกี่ยวกับปัญหาของเกษตรกรไร่ข้าวโพดว่า ขณะนี้เกิดปัญหาเรื่องการตีความเอกสารสิทธิ์ เนื่องจากเอกสารที่ทางราชการอนุญาตให้เกษตรกรเข้าใช้ที่ดินทำกินมีหลายประเภท และออกโดยกฎหมายหลายฉบับ ทำให้การตีความว่าเอกสารที่เข้าข่ายจะได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลตามนิยามของมติ ครม. ยังไม่มีความชัดเจน โดยเฉพาะเกษตรกรไร่ข้าวโพด เกือบร้อยละ 50 อาจไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทั่วถึง และอาจนำไปสู่การชุมนุมประท้วงได้ ดังนั้น ที่ประชุม ครม. จึงเห็นด้วยกับแนวทางของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ขอให้คณะกรรมการชุดต่างๆ ที่มีอำนาจแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรแต่ละประเภทเป็นผู้วางหลักเกณฑ์ และคุณสมบัติของเกษตรกรที่จะได้รับความช่วยเหลือ ก่อนที่จะเสนอครม.เพื่อพิจารณาอีกครั้ง

“น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม มีแนวคิดที่จะนำเสนอโมเดลตัวอย่างให้ชาวนาภาคกลางปลูกข้าวนาปรังปีละครั้ง ส่วนเวลานอกฤดูเพาะปลูกให้ปลูกพืชชนิดอื่นแทน รวมทั้งช่วงที่เกิดน้ำท่วมให้หันไปทำประมง โดยได้มอบหมายให้นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย กำหนดจุดพื้นที่ในภาคกลางเพื่อเป็นโครงการนำร่องโมเดลดังกล่าว โดยจะยึดหลักความสมัครใจของประชาชนที่จะเข้าร่วมการเป็นหลัก”ร.ท.หญิง สุณิสา ระบุ

ระอาการเมืองทำให้ญาติพี่น้องทะเลาะกันขึ้นป้ายห้ามเข้าบ้าน

มีชาวบ้านนำป้ายไวนิลขนาดใหญ่ห้ามนักการเมืองท้องถิ่นเข้าบ้าน ที่ริมถนนสายวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ-โพธิ์พระยา สายเก่า หมู่ 5 ต.พิหารแดง อ.เมืองสุพรรณบุรี พบป้ายไวนิลขนาดใหญ่มีข้อความเขียนว่า “ห้ามนักการเมืองท้องถิ่นเข้าบ้านนี้ ทำให้ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงทะเลาะกัน ใครดีไม่ดีพวกข้าพเจ้ารู้นะครับ” ติดไว้ประตูรั้วหน้าบ้านเลขที่ 183 หมู่ 5 ต.พิหารแดง จากการสอบถาม นายเจน เก่าแท้ อายุ 51 ปี เจ้าของบ้าน กล่าวว่า ตนประกอบอาชีพทำสวนมะม่วง และเป็นคนทำไวนิลนี้เอง สาเหตุมาจากใกล้จะมีการเลือกตั้งนายกและสมาชิก อบต.ในพื้นที่ เมื่อก่อนตนเป็นคนมีเพื่อนและญาติพี่น้องเยอะรักใคร่สามัคคีกันดี หลังจากมีการเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขึ้น บรรดาเพื่อนสนิทและญาติที่รักใคร่ก็ไปลงสมัครรับเลือกตั้ง บางคนก็เป็นหัวคะแนนช่วยหาเสียง หลังการเลือกตั้งเสร็จเพื่อนสนิทและญาติที่ลงสมัครสอบตกจากที่เคยรักกันคิดว่าเราไม่ช่วยลงคะแนนให้กลับกลายมาทะเลาะ และแตกแยกกัน ดังนั้นตนจึงได้ทำป้ายมาติดไว้หน้าบ้านไม่ให้นักการเมืองท้องถิ่นเข้ามาที่บ้านอีก ซึ่งข้อความที่อยู่บนป้ายนั้นชัดเจนหากมีนักการเมืองเข้ามาก็จะมีปัญหาอีก การเลือกตั้งนายก อบต. เมื่อ 4 ปีก่อนหน้านี้ตนก็ติดป้ายห้ามไว้เหมือนกัน เมื่อก่อนมีเพื่อนฝูงไปมาหาสู่ที่บ้านของตนเยอะ แต่พอมีเรื่องการเมืองท้องถิ่นเข้ามาญาติพี่น้องและเพื่อนๆ ก็ต่างแบ่งแยกเป็นฝักเป็นฝ่าย เพื่อนกลุ่มนั้นก็อยากให้เลือกคนนี้ เพื่อนกลุ่มนี้ก็อยากให้เลือกคนนั้น ทำให้ตนเบื่อหน่าย และไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองที่จะเกิดขึ้นในช่วงนี้ ตนอยากให้ญาติพี่น้องและเพื่อนๆ มีความรักสามัคคี ไม่แบ่งแยก และไม่นำเรื่องการเมืองเข้ามาในบ้าน อยากให้มีความสงบสุขเหมือนที่เคยอยู่แบบปกติและไม่อยากให้การเมืองมาทำให้คนในครอบครัวและญาติพี่น้องต้องมาทะเลาะกันเอง