ข่าว
ไมโครซอฟท์สุดอ่วม ประกาศโละพนง.7,800 ตำแหน่ง หลังลงทุนสมาร์ทโฟนขาดทุน!

สำนักข่าวเทเลกราฟรายงานว่าบริษัทไมโครซอฟท์เตรียมปลดพนักงานกว่า 7,800 ตำแหน่งของโนเกีย ซึ่งไมโครซอฟท์ได้ซื้อกิจการมาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว รวมถึงจะลดมูลค่าในธุรกิจโทรศัพท์โนเกียราว 7.6 พันล้านดอลลาร์อีกด้วย

รายงานระบุว่า นายสัตยา นาเดลลา ผู้บริหารบริษัทไมโครซอฟท์คนที่ 3 วัย 47 ปี เตรียมปลดพนักงานครั้งใหญ่ในอีกหลายเดือนข้างหน้า ซึ่งนับป็นการปลดพนักงานครั้งที่ 2 ในรอบ 17 เดือนตั้งแต่นายนาเดลลาเข้ารับตำแหน่ง หลังจากที่มีการปลดพนักงาน 18,000 ตำแหน่งเมื่อปีที่แล้ว โดยการเลิกจ้างส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานของโนเกีย ซึ่งมีประมาณ 6.5 เปอร์เซ็นต์ของพนักงานทั้งหมดราว 120,000 คน

ขณะที่สาเหตุการปลดพนักงานครั้งนี้มาจากการที่ธุรกิจโทรศัพท์มือถือของไมโครซอฟท์ที่ซื้อกิจการของโนเกียเพื่อผลิตสมาร์ทโฟนไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาดหวังโดยก่อนหน้านี้นายสตีฟบัลเมอร์อดีตผู้บริหารไมโครซอฟท์ได้ใช้เงินกว่า 9.5 พันล้านดอลลาร์ในการซื้อกิจการของโนเกียเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เพื่อที่จะแข่งขันกับแอปเปิลและกูเกิลที่ครองตลาดอยู่ หรือเป็นการลดลง 80 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าธุรกิจในโทรศัพท์โนเกีย

ด้านนายนาเดลลาได้กล่าวว่า แม้ว่าจะมีการปลดพนักงานครั้งใหญ่ แต่ธุรกิจโทรศัพท์มือถือของไมโครซอฟท์นั้นยังคงมีอยู่ และมีความจำเป็นที่จะต้องมีขนาดเล็กลงและไม่ทะเยอทะยานเกินตัว รวมถึงจะต้องทำงานร่วมกับส่วนอื่นๆของบริษัทได้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้จะมีการเน้นไปที่ยอดขายของซอฟท์แวร์มากกว่า โดยเฉพาะโปรแกรมที่จะสามารถใช้ได้ในอุปกรณ์ของคู่แข่งได้ ทั้งนี้ ในช่วงสิ้นเดือนนี้ ไมโครซอฟท์จะเปิดตัว "วินโดว์10" ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ใหม่ล่าสุดตั้งแต่ปี 2012

สั่งปล่อยตัว 14 นักศึกษา ศาลทหารไม่รับฝากขังต่อ

วันที่ 7 ก.ค. 58 เวลา 08.50 น. พนักงานสอบสวนได้นำตัวนักศึกษา 14 คน มาขึ้นศาลทหารเพื่อขอฝากขังผัด 2 โดยทั้งหมดสวมชุดสีน้ำตาลนั่งรถตู้จำนวน 3 คัน รถกระบะ 2 คัน เดินทางมาถึงศาลทหารกรุงเทพด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเมื่อพบหน้าพ่อ แม่ และญาติพี่น้องที่มารอให้กำลังใจ พร้อมโบกมือทักทาย ก่อนที่เจ้าหน้าที่เรือนจำจะนำตัวนักศึกษาลงชั้นใต้ดิน ภายใต้การรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยอรินทราช 26 และเจ้าหน้าที่เรือนจำกว่า 10 นาย

จากนั้นเวลา 10.00 น. นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความกลุ่มนักศึกษาเอ็นดีเอ็ม กล่าวภายหลังเข้าร่วมฟังการพิจารณาของตุลาการศาลทหารว่า หลังจากพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลทหารเพื่อฝากขัง 14 นักศึกษาอีก 12 วัน ในข้อหามั่วสุม ชุมนุมทางการเมือง และขัดคำสั่ง คสช. ตามประมวลกฎหมาย มาตรา 116 ซึ่งศาลทหารได้สอบถามผู้ต้องหาและทนายผู้ต้องหา โดยทนายได้ขอคัดค้านว่า ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะฝากขัง 14 นักศึกษา แต่พนักงานสอบสวนยืนยันขอฝากขังต่อผัด 2 อีก 12 วัน ศาลได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ไม่รับฝากขังไว้ ให้ปล่อยนักศึกษา 14 คน แบบไม่มีเงื่อนไขทันที ทำให้นักศึกษา 14 คน สามารถเคลื่อนไหวต่อได้เพราะเป็นสิทธิ แม้แต่รัฐบาลก็ห้ามไม่ได้ และไม่จำเป็นต้องรายงานตัวกับศาลทหาร เพราะไม่ได้ถูกขังตามอำนาจหมายศาลแล้ว หลังจากนี้พนักงานสอบสวนต้องหาพยานหลักฐานทำสำนวนส่งฟ้องต่ออัยการศาลทหาร และนำตัวนักศึกษามาฟ้องที่ศาลทหาร ดังนั้น การทำงานของอัยการศาลทหารจึงไม่กำหนดระยะเวลาตายตัว หากถูกคุมขังต้องดำเนินการภายใน 48 วัน นับตั้งแต่วันถูกจับ ตอนนี้เด็กเป็นอิสระ จะไปไหนก็ได้ เพราะถือว่ายังไม่ใช่ผู้กระทำความผิด" นายกฤษฎางค์ กล่าว


บิ๊กตู่ เปิดทำเนียบฯ ต้อนรับเยาวชนไทยในสหรัฐฯ

เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้อนรับคณะ "โครงการเยาวชนไทยในสหรัฐอเมริกาเยือนแผ่นดินแม่ ครั้งที่ 10 " นำโดย นายเจษฎา กตเวทิน กงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เยาวชนไทยในต่างประเทศ ถือเป็นด่านแรกที่ทำให้ต่างชาติรู้จักคนไทยในส่วนที่ดี ถือเป็นทูตพิเศษที่ต้องสร้างความเข้าใจกับต่างชาติ จึงอยากขอให้ช่วยรัฐบาลและประเทศไทย ในการสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาธิปไตย ที่ไทยไม่ต่างกับประเทศอื่นๆ ในโลก แต่ที่ผ่านมา ประชาธิปไตยมีปัญหาหลายเรื่องที่ไม่ชัดเจน ตนถึงต้องมายืนอยู่ตรงนี้ เพื่อให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า ซึ่งในมุมของต่างชาติอาจมองว่า เรากำลังออกนอกประชาธิปไตย แต่สิ่งที่รัฐบาลทำ เป็นไปตามกระบวนการบริหารราชการตามปกติ ทั้งนี้ รัฐบาลไม่ได้มองความขัดแย้งและความเห็นต่างว่า เป็นสิ่งเลวร้าย แต่ถ้าความขัดแย้งทำให้มีการบาดเจ็บและสูญเสียก็ถือว่าร้ายแรง จึงต้องหยุดยั้งให้ได้ การที่รัฐบาลเข้ามาไม่มีการเมือง จึงไม่มีผลประโยชน์ทางการเมือง ไม่ต้องการประชานิยม แต่เพียงต้องการให้คนไทยรักกัน


อึ้ง'ตดหมูตดหมา'ช่วยได้ เสริมน้องชายให้แข็งแรง!!

เมื่อวันที่ 9 ก.ค. ภญ.วัจนา ตั้งความเพียร หัวหน้างานการแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เปิดเผยว่า กระพังโหมหรือตดหมูตดหมา เป็นสมุนไพรที่มีกลิ่นเหม็น ทำให้ถูกละเลยและมองว่าเป็นเพียงวัชพืชตัวหนึ่ง แต่จากการศึกษาข้อมูลภูมิปัญญาของไทย และการศึกษาวิจัยในต่างประเทศ พบว่าตดหมูตดหมามีสรรพคุณในการลดน้ำตาลในเลือด ลดไขมันแอลดีแอลหรือไขมันเลว นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณในการเพิ่มสมรรถภาพทางเพศของผู้ชาย เพราะมีฤทธิ์ในการเพิ่มแอนโดรเจนหรือฮอร์โมนเพศชาย ดังนั้นในผู้ชายวัยทองที่เริ่มพร่องฮอร์โมน เริ่มมีปัญหา ก็จะสามารถเข้าไปแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้

“ตัวนี้แตกต่างจากหมามุ่ยที่มีฤทธิ์ในการเพิ่มพละกำลัง เพิ่มความแข็งแรงของสเปิร์ม แต่ตดหมูตดหมาจะเพิ่มแอนโดรเจนซึ่งนอกจากจะทำให้สมรรถทางเพศดีแล้ว ยังมีผลในการสร้างกล้ามเนื้อ ล่ำขึ้น”

ภญ.วัจนา กล่าว และว่า ปัญหาสมรรถภาพทางเพศของชายเกิดจากหลากหลายสาเหตุ ทั้งเรื่องอารมณ์ ปัญหาหลอดเลือด ปัญหาการพร่องฮอร์โมนเพศชาย ซึ่งถ้าเกิดจากภาวะพร่องฮอร์โมนนั้นสามารถใช้สมุนไพรตดหมูตดหมามาแก้ไขได้ แต่ถ้าปัญหาเกิดจากเรื่องหลอดเลือดไม่ดี ก็ต้องเลี่ยงไปใช้ตัวอื่น แต่ที่จริง ตดหมูตดหมาไม่ได้มีผลต่อผู้ที่เป็นโรคหัวใจ

ภญ.วัจนา กล่าวอีกว่า ในประเทศไทยยังไม่มีการพัฒนาสมุนไพรดังกล่าวไปในเชิงการทำเป็นยา หรืออาหารเสริมเพื่อเพิ่มสรรถภาพทางเพศ เนื่องจากติดที่ข้อกฎหมายหลายๆอย่าง ส่วนใหญ่จะเน้นไปในเรื่องของการช่วยรักษาโรคเรื้อรังมากกว่า แต่หากหน่วยงานระดับสูง เช่น กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สนใจนำสมุนไพรตัวนี้ไปพัฒนาต่อยอด ทางโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศก็ยินดีให้ความร่วมมือ เพราะวัตถุดิบมีมากพออยู่แล้ว

ภญ.วัจนา ยังกล่าวถึงการเปิดตัวสูตรชาตัวหอมเสริมคอร์สเจ้าสาว ว่า ขณะนี้พบว่าประชาชนให้การตอบรับดีมากมี ทั้งผู้ที่เดินทางมาสอบถามที่งาน"มหกรรมเมืองสุขภาพดี วิถีชุมชน" จำนวนมาก และโทรศัพท์เข้ามาสอบถามว่ามีการจำหน่ายที่ใดบ้าง ทำให้จากเดิมที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ผลิตออกมาเพื่อเสิร์ฟที่สปาของรพ.เท่านั้น ต้องเร่งผลิตออกมาวางจำหน่ายให้ที่งานนี้ก่อน คาดว่าจะสามารถวางจำหน่ายได้ในวันที่ 10 ก.ค.นี้ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้ผลิตสินค้าในชุมชน (โอทอป) ติดต่อเข้ามาเพื่อขอข้อมูลในการนำไปผลิตเป็นสินค้าโอทอป เพื่อวางจำหน่ายต่อไป ซึ่งตรงนี้ทางโรงพยาบาลฯไม่ได้หวงอยู่แล้ว ถือว่าเป็นความสำเร็จมากกว่าที่สามารถเผยแพร่องค์ความรู้ให้กับประชาชนได้ และยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับดอกไม้ไทยอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ต่อจากนี้ ทางโรงพยาบาลฯจะพัฒนาสูตรความหอมเพิ่มขึ้น เป็นการต่อยอด ซึ่งคาดว่าน่าจะทันงานมหกรรมสุขภาพแห่งชาติในเร็วๆนี้


'แตงโม'สิ้นสุดการเสียใจ! รับทำบาปหนักสุดในชีวิต

หลังจากที่นักร้องหนุ่ม 'โตโน่-ภาคิน คำวิลัยศักดิ์' ได้ออกมาเปิดโต๊ะแถลงข่าวเมื่อวันที่ 8 ก.ค. ที่ผ่านมาถึงสถานะความสัมพันธ์กับอดีตภรรยา 'แตงโม-ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์' ยืนยันว่าจบสถานะความสัมพันธ์เป็นที่เรียบร้อย ขอน้อมรับผิดทุกอย่างทุกการกระทำที่ตนทำไม่ดีกับฝ่ายหญิง แต่ขออุบสาเหตุที่ทำให้ต้องรักขาดสะบั้น ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้าล่าสุด

วันที่ 9 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้าน 'แตงโม' หลังจากที่ได้ฟังคำแถลงจากอดีตสามี ก็ได้โพสต์ภาพและข้อความผ่านอินสตาแกรม @melony_forfan เผยว่าตอนนี้ตนกับโตโน่ยิ้มออกแล้ว สิ้นสุดการเสียใจ ตอนนี้ยังมีความรักที่ดีให้กัน แต่เพียงแค่สถานะความสัมพันธ์เปลี่ยนไปเท่านั้น พร้อมขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้กับคู่ตนมาโดยตลอด

"วันนี้โมกับโน่ยิ้มแล้วนะคะ สิ้นสุดการเสียใจ ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้เราตลอดมา วันนี้เราสองคนยังมีความรักที่ดีต่อกัน เพียงแต่มันแปรสภาพเป็นสถานะอื่นแล้ว ความรักยังคงอยู่เสมอค่ะ ไม่มีใครผิดคำสัญญาทั้งนั้น ขอให้ความรักของเรานั่นแผ่กระจายไปยังหัวใจของทุกคนที่รักโม หรือรักโน่ หรือรักเราทั้งคู่ หรืออาจจะเกลียดเราทั้งคู่ โมได้กระทำความบาปที่สุดในชีวิตลงไป ทอดทิ้งพระเจ้า ทอดทิ้งผู้มีพระคุณและคนที่รักโม แต่พระเจ้าทรงรักทรงอภัยและให้ชีวิตใหม่กับโม ให้โอกาสเราที่จะได้คุยกันถึงเรื่อง "ความรักที่ยังอยู่แต่อยู่ในตำแหน่งใดที่เราทั้งคู่จะมีความสุขที่สุด" ขอให้ทุกคนต่อจากนี้ จะมีแต่การให้กำลังใจ ไม่ซ้ำเติม ไม่เหยียบย่ำเรื่องราวของเรา เราต่างได้พิสูจน์แล้ว ว่ารักครั้งนี้มันจริงแท้แน่นอนและตลอดไป ไม่มีความโกรธเกลียดกันแม้แต่สักเสี้ยวหัวใจ พร้อมจะตั้งใจทำงานที่เรารักต่อไปให้ดีที่สุด เรื่องร้ายผ่านไป ขอให้มีแต่คำอวยพร มีแต่สันติสุขในใจของทุกคนที่ได้อ่านนะคะ ขอบพระคุณจากใจดวงเดิมที่พระเจ้าทรงรักษาแล้วค่ะ #lovemelovemybird"


'ขนส่ง'ลุยยกเลิก'ป้ายแดง' ซื้อรถใหม่จดทะเบียนเลย!

วันพุธที่ 8 กรกฎาคม 2558 รายงานข่าวจากกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) แจ้งว่า ขณะนี้ ขบ. อยู่ระหว่างการพิจารณาปรับแก้กฎหมายพ.ร.บ.ขนส่งทางบกและพ.ร.บ.รถยนต์ โดยจะรวมทั้ง 2 พ.ร.บ.เข้าด้วยกัน เพื่อให้กฎหมายครอบคลุมและง่ายต่อการบังคับใช้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในการพิจารณาแก้ไขกฎหมายนั้น ขบ.มีแนวคิดที่จะยกเลิก "ป้ายแดง" ที่ใช้กับรถใหม่ หากมีการซื้อรถ ทางบริษัทหรือตัวแทนจำหน่ายจะต้องติดต่อกับ ขบ. เพื่อจดทะเบียนรถที่พร้อมจะขายให้มีป้ายทะเบียนที่จดทะเบียนแล้วเท่านั้น ทั้งต้องมีการตรวจเช็คสภาพรถ และจะต้องมีการประกันภัย ก่อนที่จะขายให้แก่ลูกค้า เพื่อป้องกันปัญหาการนำรถป้ายแดงไปใช้ก่อเหตุ เพราะจากที่ผ่านมา จะพบได้บ่อยครั้งที่มีการไปก่อเหตุอาชญากรรมกรณีชนแล้วหนี นอกจากนี้ยังมีบางรายใช้ป้ายแดงเพื่อหลบเลี่ยงการชำระภาษีประจำปีด้วย ดังนั้น ขบ. จึงพิจารณายกเลิกป้ายแดง ซึ่งขณะนี้ขั้นตอนของการขอยื่นแก้ไขกฎหมายนั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาของกฤษฎีกา รายงานข่าวแจ้งต่อว่า อย่างไรก็ตามรถป้ายแดงนั้น จะใช้เฉพาะรถที่อยู่ระหว่างการเตรียมการจดทะเบียนไม่เกิน 30 วันหรือตามที่ ขบ. กำหนดและรถจะต้องใช้งานไม่เกิน 3,000 กิโลเมตร และหากรถยังคงเป็นป้ายแดง กฎหมายกำหนดว่าห้ามนำมาวิ่งยามวิกาล จะสามารถวิ่งได้ในเวลา 06.00-18.00 น.เท่านั้น“

เผด็จการแท้! ผู้นำโสมแดง"เอาอีก"สั่งประหารผู้จัดการฟาร์ม ฐานทำลูกเต่าตาย

สำนักข่าวอินดิเพนเดนท์รายงานว่า นายคิม จอง อึน ผู้นำประเทศเกาหลีเหนือ ได้ประหารผู้จัดการฟาร์มเต่าแห่งหนึ่ง เหตุบกพร่องในการให้อาหารและน้ำจนทำให้ลูกเต่าจำนวนมากต้องตาย

รายงานระบุว่า คิม จอง อึน ได้ไปเยี่ยมชมฟาร์มเต่า "แทดองกัง" เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาและได้วิจารณ์ผู้จัดการที่ไม่ให้อาหารสัตว์ในแท็งก์น้ำให้เพียงพอ โดยผู้จัดการของฟาร์มพยายามที่จะอธิบายว่าสาเหตุที่ไม่สามารถให้อาหารได้เป็นเพราะว่าที่ฟาร์มขาดแคลนน้ำ ไฟฟ้า และอุปกรณ์ต่างๆ แต่นายคิม จอง อึน ปฏิเสธที่จะรับฟังพร้อมกล่าวว่านี่เป็น"คำบ่นไร้สาระ"

นอกจากนี้ ยังมีรายงานของสื่อทางการเกาหลีเหนือที่ระบุว่านายคิมไม่พอใจที่ฟาร์มล้มเหลวเรื่องการขยายพันธุ์กุ้งลอบสเตอร์น้ำจืดที่ถูกส่งไปให้ที่ฟาร์มเมื่อ 2 ปีที่แล้วอีกด้วย และยังระบุอีกว่าความล้มเหลวของฟาร์มเป็น "การแสดงความไร้ประสิทธิภาพวิธีทำงานที่ความคิดคร่ำครึและขาดความรับผิดชอบ" และตอนนี้เป็นที่เข้าใจกันว่าผู้จัดการฟาร์มรายนั้นถูกยิงเสียชีวิตไปแล้วหลังจากการเข้าเยี่ยมชมของนายคิม

ทั้งนี้ แม้ว่าเหตุการณ์นี้จะฟังดูแปลกประหลาดและยากจะพิสูจน์ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เพราะเกาหลีเหนือเป็นประเทศปิดและลึกลับ แต่ศาสตราจารย์เรมโก บรูเกอร์ ผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษาเกี่ยวกับประเทศเกาหลี ที่มหาวิทยาลัยไลเดนในประเทศเนเธอร์แลนด์ คิดว่ามีแนวโน้มที่เรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริงโดยกล่าวว่า "เรื่องนี้มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นจริงแม้ว่าจะฟังดูรุนแรงสุดขีดและคาดไม่ถึง แต่ก็ไม่ได้แปลว่ามันจะไม่ได้เกิดขึ้นจริง" โดยให้เหตุผลว่า "ฟาร์มไม่ได้รับน้ำตรงเวลาเพราะว่าไม่มีไฟฟ้า ซึ่งก็ส่งผลให้ไม่สามารถให้อาหารได้ ลูกเต่าจึงต้องตาย สำหรับการประหารที่เกิดขึ้นก็เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู"