ข่าว
เปิดศึกบริษัทเวชภัณฑ์! 'ทรัมป์'เก็บภาษีนำเข้ายารักษาโรค บีบทั่วโลกย้ายฐานผลิตมาสหรัฐฯ

16 กรกฎาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เตรียมแผนการจัดเก็บภาษีนำเข้ายาโดยประกาศว่าสหรัฐจะเดินหน้าดำเนินการจัดเก็บภาษีภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ โดยสหรัฐฯ จะเริ่มเก็บภาษีจากอัตราต่ำก่อนเพื่อให้บริษัทยาต่างๆ มีเวลาย้ายฐานการผลิตมายังสหรัฐ ก่อนที่จะจัดเก็บภาษีในอัตราที่สูงในอีกประมาณ 1 ปีหลังจากนี้

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า มันมีอยู่สองวิธีที่จะทำได้ คือทำเงินไปเลย หรือไม่ก็ ย้ายมายังสหรัฐ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องจ่ายภาษี นั่นคือสองวิธีที่บริษัทเวชภัณฑ์กำลังย้ายกลับมายังสหรัฐ ซึ่งเป็นที่ที่พวกเขาควรอยู่ เขายังได้กำหนดเส้นตายเอาไว้ในวันที่ 1 สิงหาคมที่จะถึงนี้เพื่อให้ประเทศเป้าหมายเจรจาทำข้อตกลงเรื่องภาษีกับสหรัฐ ซึ่งทรัมป์เคยรับปากเอาไว้ว่าในเวลา 90 วันจะต้องทำข้อตกลงได้ถึง 90 ประเทศแต่จนถึงขณะนี้มีเพียงไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่บรรลุข้อตกลงกับสหรัฐ

'บิ๊กเต่า'ซัดสำนักพุทธฯ ไม่จริงใจ-ปกปิดปัญหา หวั่นปล่อยไว้เป็นมะเร็งร้าย ทำพระพุทธศาสนาเสื่อม

วันที่ 16 กรกฎาคม 2568 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นประธานการประชุมวางแนวทางและหลักการจัดตั้ง “ศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และส่งเสริมพระธรรมวินัย” ใช้เวลาประชุมกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ศูนย์ฯ ดังกล่าวเพิ่งจัดตั้งขึ้น เพื่อรับเรื่องร้องเรียนกรณีพระสงฆ์กระทำผิดพระธรรมวินัย โดยมีทั้งหมายเลขโทรศัพท์และเพจเฟซบุ๊กสำหรับรับเรื่องร้องเรียน ซึ่งปัจจุบันมีข้อมูลร้องเรียนเข้ามาเป็นจำนวนมาก และในอนาคตจะมีการขยายคู่สายเป็น 10 สาย เพื่อรองรับการแจ้งข้อมูลได้เพิ่มขึ้น

ภารกิจหลักของศูนย์ฯ คือการเป็นศูนย์กลางในการรับแจ้งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดวินัยสงฆ์ การทุจริตของสงฆ์ รวมถึงข้อมูลอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการธำรงไว้ซึ่งพระธรรมวินัย แม้จะยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนว่าจะมีการจัดตั้งศูนย์ถาวรหรือไม่ แต่เชื่อว่าการดำเนินการนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในวงการสงฆ์อย่างจริงจัง

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เน้นย้ำว่า “ไม่อยากปล่อยไว้ให้กลายเป็นมะเร็งร้ายจนทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อม” และยืนยันว่าการดำเนินการครั้งนี้จะไม่มีการอ่อนข้อใดๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ที่ควรจะต้องละซึ่งกิเลส ในส่วนของอำนาจหน้าที่ ตำรวจทำงานเพื่อความมั่นคงของประเทศชาติและสถาบันพระพุทธศาสนา แต่ไม่มีอำนาจในการไล่พระให้สึก โดยจะทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลและส่งต่อให้สำนักพุทธฯ พิจารณาเป็นรายบุคคล ซึ่งการตัดสินใจขั้นสุดท้ายขึ้นอยู่กับสำนักพุทธฯ อีกทั้งยังขอความร่วมมือให้สำนักพุทธฯ รวบรวมข้อมูลเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลักของพระสงฆ์ทั้งกว่า 3 แสนรูป เพื่อนำมาตรวจสอบประวัติว่าเคยมีการกระทำความผิดหรือไม่

ส่วนกรณีที่มีคนของสำนักพุทธฯ เข้าไปเป็นมัคทายกวัดและมีส่วนช่วยเหลือพระที่ประพฤติไม่เหมาะสม ระบุว่า ทางตำรวจจะนำเข้าหารือในที่ประชุมวันพรุ่งนี้เพื่อรายงานให้ผู้ใหญ่ในสำนักพุทธฯ รับทราบและแก้ไขปัญหา

หลังจากนี้ตำรวจจะรื้อคดีที่เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ที่เคยถูกสำนักพุทธฯ ถูกปัดตกไป และกองซุกอยู่ใต้โต๊ะขึ้นมาปัดฝุ่นใหม่ทั้งหมด ทั้งนี้ ภายหลังจากเปิดศูนย์ก็ได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีพระผู้ใหญ่หลายรูปที่มีพฤติการณ์ในลักษณะดังกล่าว แต่ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีสีกากอล์ฟ ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะขอเวลาในการตรวจสอบก่อน

สำหรับกรณีที่มีความพยายามของเจ้าหน้าที่บางคน บอกว่าการกระทำของเจ้าอาวาสวัดประยุรรวงศาวาส ยังไม่ถึงขั้นปาราชิกนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่มีทั้งดีและไม่ดี แต่ทางตำรวจยืนยันมีหลักฐานว่าพระกระทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ทั้งมีการมอบของขวัญที่เกินกว่าฐานะพระและฆราวาส รวมถึงเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงกับสีกา นอกจากนี้ยังมีพยานบุคคล ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดของสีกากอล์ฟ (อดีตสามี) ให้การยืนยันว่าพระรูปนี้ ส่งเงินบรรจุในกล่อง และถังสังฆทานผ่านพัสดุไปรษณีย์มาให้สีกากอล์ฟใช้ เงินดังกล่าวมีลักษณะเหมือนเงินทำบุญจากตู้บริจาค แต่ไม่มีการนับและระบุจำนวนที่แน่ชัด

ส่วนเรื่องความคืบหน้าคดีกับสีกากอล์ฟ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการขยายผลสืบเส้นทางการเงิน พร้อมวอนให้พระที่ตกเป็นข่าว ทั้งที่ลาสิกขาไปแล้วและยังไม่ลาสิกขา ให้มาพบตำรวจเพื่อให้ข้อมูลโดยเฉพาะ ทิดอาชญ์ พี่เชื่อว่าน่าจะตกเป็นผู้เสียหายอย่างชัดเจนว่าถูกแบล็คเมล์

ขณะที่ทิดบุญเลิศ ที่เมื่อช่วงเย็นวานนี้เข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. โดยข้อมูลที่ทางตำรวจได้รับถือเป็นเคสที่น่าสงสาร เนื่องจากทิดบุญเลิศได้พยายามหนีการเสพสังวาสจากสีกากอล์ฟหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็พลาดเพราะสีกากอล์ฟนำเด็กมาเป็นเหยื่อล่อ และหลังจากเสพสังวาสไปแล้ว ทิดบุญเลิศ ก็เกิดสำนึกว่าศีลขาด รักษาศีลไม่ครบ จึงยุติการบวชพระให้กับพระใหม่ ทั้งยังโดนสีกาหลอกว่าเด็กป่วย ไม่สบาย และยืมเงินเพื่อนำไปรักษาเด็กเป็นจำนวนเงินหลักแสนบาท ซึ่งภายหลังจากการให้เงินไปแล้วคิดบุญเลิศได้ไปตรวจสอบที่โรงพยาบาล แต่กลับไม่พบประวัติการรักษา

ขณะที่ วันนี้เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะลงพื้นที่วัดมหาธาตุ พิษณุโลก และที่วิทยาลัยสงฆ์แห่งหนึ่ง เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม


พอแสบๆคันๆ! โพสต์'แพรรี่'มีสะดุ้ง 'ทีกับพระผู้ใหญ่ ช่วยเหลือปกปิด พวกอลัชชี'

16 ก.ค. 68 "แพรรี่ ไพรวัลย์" อดีตพระนักเทศน์ ที่สอบเปรียญธรรม 9 ประโยค ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ไพรวัลย์ วรรณบุตร ที่บอกได้เลยว่าที่ได้อ่านนั้น แสบ ๆ คัน ๆ ว่าแต่เอ่ยถึงใครกันนะ? โดยระบุข้อความว่า "ทีกับXูนี่นะขยันส่งจดหมายมาขู่ ขู่Xูไม่ได้ก็ไปรังแกรักษาการเจ้าอาวาส ทั้งที่ท่านเป็นพระมีศีลาจารวัตรงดงาม มีความรู้สูงกว่าเจ้าคณะบางรูปสะอีก เรียกXูไปสอบ เรียกไปลงทัณฑ์ ทีกับพระผู้ใหญ่นะ ขวนขวายช่วยเหลือปกปิดความชั่วหยาบ กระจอกฉิบ พวกอลัชชี"


กัมพูชาเอาจริง! 'ฮุน มาเนต'เซ็นคำสั่งกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์

16 กรกฎาคม 2568 สำนักข่าวกัมพูชารายงานว่า ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ได้สั่งปราบปรามการหลอกลวงทางออนไลน์ (Online Scam) อย่างเข้มงวดและมีประสิทธิภาพสูงสุด

โดยในเอกสารคำสั่งปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ระบุว่า “รัฐบาลกัมพูชาได้สังเกตเห็นว่า ปัจจุบัน อาชญากรรมไซเบอร์ (การหลอกลวงทางออนไลน์) ในราชอาณาจักรกัมพูชากำลังก่อให้เกิดภัยคุกคามและความไม่มั่นคงในโลกและภูมิภาค กลุ่มอาชญากรต่างชาติก็ได้แทรกซึมเข้าไปในกิจกรรมอาชญากรรมไซเบอร์เช่นกัน

เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งหวังที่จะมีส่วนร่วมในการรักษาและคุ้มครองความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยของประชาชน และความปลอดภัยทางสังคม รัฐบาลกัมพูชาจึงออกคำสั่งดังต่อไปนี้:

1. ผู้ว่าราชการจังหวัดของคณะกรรมการบริหารจังหวัดและเมืองหลวง หัวหน้าคณะกรรมการบัญชาการกลางจังหวัดและเมืองหลวง และผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดและเมืองหลวง มีหน้าที่รับผิดชอบในการปราบปรามกิจกรรมอาชญากรรมไซเบอร์ทั้งหมดในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์และเขตอำนาจของตนตามกฎหมายและบรรทัดฐานทางกฎหมายที่บังคับใช้

2. กระทรวงมหาดไทย โดยมีสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมตรวจคนเข้าเมืองเป็นหัวหน้างาน มีหน้าที่จัดทำขั้นตอนการขับไล่ชาวต่างชาติที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย พักอาศัยโดยผิดกฎหมาย หรือทำกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย ตามกฎหมายและข้อบังคับที่บังคับใช้

3. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการประสานงานบริหารส่วนจังหวัด กองบัญชาการตำรวจ และกองบัญชาการตำรวจทหาร ในจังหวัดที่มีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน มีหน้าที่รับผิดชอบในการป้องกัน และห้ามชาวต่างชาติลักลอบข้ามพรมแดนทางบกภายในพื้นที่และเขตอำนาจของตน

4. คณะกรรมการความมั่นคงทางทะเลแห่งชาติ คณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ กรมตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการประสานงานบริหารส่วนจังหวัด กองบัญชาการกองทัพเรือ และกรมตำรวจชายแดนน้ำ มีหน้าที่รับผิดชอบในการป้องกัน และห้ามชาวต่างชาติลักลอบข้ามพรมแดนทางน้ำภายในพื้นที่และเขตอำนาจของตน

5. กระทรวงยุติธรรมสั่งการให้ศาลและสำนักงานอัยการที่สังกัดศาลทุกระดับ ให้ความสำคัญและมีความรับผิดชอบสูงในการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามการทุจริตผ่านระบบเทคโนโลยีให้เป็นไปตามกฎหมายและขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง และให้การสนับสนุนทางกฎหมายแก่สถาบันและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในการปฏิบัติงานตามความจำเป็น

6. ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพกัมพูชา ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารองครักษ์ ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษต่อต้านการก่อการร้ายแห่งชาติ ผู้บัญชาการกองพลน้อยที่ 70 จัดเตรียมกำลังพล เครื่องมือ และอุปกรณ์เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานเมื่อได้รับคำสั่ง

7. กระทรวงที่เกี่ยวข้อง สถาบันเฉพาะทาง และศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ จะให้ความร่วมมือและมีส่วนร่วมในการปราบปรามการทุจริตโดยใช้เทคโนโลยี

8. คณะกรรมการการพนันกัมพูชาจะเสริมสร้างการบริหารจัดการและการกำกับดูแลคาสิโนหรือศูนย์เกมที่ได้รับอนุญาตทั้งหมด โดยปราศจาก:

(1) การฉ้อโกงโดยใช้เทคโนโลยี

(2) การลักพาตัว การทรมาน และการกักขังโดยมิชอบ

(3) การค้ามนุษย์และการค้าบริการทางเพศทุกรูปแบบ

(4) การค้าอาวุธ การครอบครองและการใช้อาวุธโดยมิชอบ

(5) การใช้กำลังโดยมิชอบโดยบริษัทรักษาความปลอดภัยเอกชนและการใช้กำลังตำรวจติดอาวุธ

(6) การค้า การใช้ และการเก็บรักษายาเสพติดและสารเสพติดที่ผิดกฎหมาย

9. ผู้ว่าราชการจังหวัดและเมืองหลวง หัวหน้ากองบัญชาการร่วมจังหวัดและเมืองหลวง ผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดและเมืองหลวง ผู้บังคับบัญชาหน่วยงาน กระทรวง และสถาบันที่เกี่ยวข้อง จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งนี้อย่างเคร่งครัดและมีความรับผิดชอบ การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งหรือการไม่ให้ความร่วมมือในทางใดทางหนึ่ง จะถูกประเมินผลในการแต่งตั้ง โยกย้าย หรือปลดออกจากตำแหน่ง

'ไอซ์แลนด์'ระทึก! ภูเขาไฟระเบิดครั้งที่ 12 ในรอบ 4 ปี

16 กรกฎาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สำนักงานอุตุนิยมวิทยาไอซ์แลนด์ระบุในแถลงการณ์เมื่อเช้าวันพุธ (16 ก.ค.) ว่ารอยแยกที่ปะทุขึ้นทางตะวันตกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์มีความยาว 700 ถึง 1,000 เมตร "ลาวาส่วนใหญ่ไหลไปทางตะวันออกเฉียงใต้และไม่ได้เข้าใกล้โครงสร้างพื้นฐานใดๆ"

การประทุครั้งนี้นับเป็นการปะทะครั้งที่ 12 ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา การปะทุของภูเขาไฟแห่งนี้เป็นการปะทุแบบรอยแยกคือมีลาวาไหลออกมาจากรอยแยกของแผ่นดินที่แตกเป็นทางยาวแทนที่จะไหลออกจากปากปล่องภูเขาไฟซึ่งอยู่ตรงกลาง

อย่างไรก็ตาม การปะทุของภูเขาไฟเรคยาวิกยังไม่เป็นอันตรายต่อกรุงเรคยาวิกเมืองหลวงของไอซ์แลนด์ และไม่มีเถ้าถ่านภูเขาไฟกระจายตัวขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศอย่างมีนัยสำคัญจึงไม่ส่งผลกระทบต่อการจราจรทางอากาศแต่อย่างใด