สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (ดับเบิลยูเอ็มโอ) ขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้ระบุเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ว่าปรากฏการณ์เอลนีโญที่โลกกำลังเผชิญซึ่งพุ่งระดับความรุนแรงสูงสุดในเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา ถือเป็น 1 ใน 5 ปรากฏการณ์เอลนีโญที่รุนแรงที่สุดตั้งแต่มีการบันทึกมา และคาดการณ์ว่าจะส่งผลทำให้อุณหภูมิระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคมสูงกว่าปกติ
อย่างไรก็ตาม ความแปรปรวนและความรุนแรงของสภาพอากาศที่เกิดขึ้น ถือว่าหนักหน่วงที่สุดเป็นอันดับ 5 สำหรับปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งเคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ เนื่องจากส่งผลให้อุณหภูมิเฉลี่ยของผิวน้ำทะเล ในภูมิภาคตะวันออก และภาคกลางของแปซิฟิก สูงกว่าค่าเฉลี่ยระหว่างปี 2534-2563 ประมาณ 2 องศาเซลเซียส
ดังนั้น ดับเบิลยูเอ็มโอคาดการณ์ ว่ามีโอกาสประมาณ 60% อิทธิพลของเอลนีโญจะยังคงส่งผลให้พื้นที่เกือบทุกแห่งบนโลก ยังคงมีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ ระหว่างเดือนมี.ค. จนถึงเดือนพ.ค. นี้ และโอกาส 80% ซึ่งสภาพอากาศทรงตัวหรือเป็นกลาง จะเกิดขึ้นระหว่างเดือนเม.ย. จนถึงเดือนมิ.ย. นี้
หลังจากนั้น มีความเป็นไปได้สูงมาก ที่ปรากฏการณ์ลานีญา ซึ่งตรงข้ามกับเอลนีโญ จะก่อตัว แต่ทิศทางของรูปแบบสภาพอากาศในเวลานั้นยังไม่มีความชัดเจน โดยโลกอยู่ภายใต้อิทธิพลของลานีโญครั้งล่าสุด ระหว่างปี 2563 จนถึงช่วงต้นปี 2566
อนึ่ง ปรากฏการณ์เอลนีโญจะเกิดขึ้นทุก 2 หรือ 7 ปี โดยช่วงเวลาหนึ่งจะยาวนานประมาณ 9-12 เดือน ขณะที่โลกเผชิญกับปรากฏการณ์ดังกล่าวครั้งก่อนหน้า ระหว่างปี 2558-2559 ส่วนเอลนีโญรอบปัจจุบันมีความรุนแรงที่สุด ระหว่างเดือนพ.ย.-ม.ค. ที่ผ่านมา
สืบเนื่องจากกรณีลิงลพบุรีชิงทรัพย์ถุงกับข้าว เหตุเกิดเมื่อเวลา 19.30 น.เมื่อวันพุธที่ 6 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ขณะที่น.ส.อริย์กันตา กาญจนสินเมธา หรือ น้องอ้อม เดินทางกลับจากขายของที่ตลาดนัดสวนราชา ตำบลท่าหิน อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี โดยระหว่างไปซื้อกับข้าวนั้นเจอฝูงลิงนั่งอยู่ริมทาง แต่มี 2 ตัว พุ่งเข้าไปกระชากถุงกับข้าวในมือ จนเกิดยื้อยุดกัน จนล้มบาดเจ็บ เบื้องต้นคาดว่าสะโพกและหัวเข่าหลุด ทางหน่วยกู้ชีพจึงส่งตัวไปห้องฉุกเฉิน รพ.พระนารายณ์มหาราชนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น วันที 7 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปหาผู้บาดเจ็บที่บ้านพักที่หมู่บ้านธาราทิพย์ ตำบลถนนใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี พบกับน้องอ้อม ในสภาพใส่เฝือกขา โดยน้องอ้อม ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ขณะนั้นเจอฝูงลิงนั่งอยู่ริมทาง แต่มี 2 ตัว พุ่งเข้าไปกระชากถุงกับข้าวในมือ จนล้มบาดเจ็บ เบื้องต้นคาดว่า สะโพกและหัวเข่าหลุด อาการล่าสุดเจ็บที่เส้นและปวดสะโพกมาก ต้องหยุดขายของทำให้ขาดรายได้ ต้องพักฟื้นจำนวน 7 วัน ไม่รู้จะไปเอาเรื่องกับใคร
ทั้งนี้ น้องอ้อม ยังเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบ ช่วยมาดูแลและมาเยียวยาที่เกิดขึ้นตอนนี้ด้วย เพราะปัญหาเรื่องลิงนั้นเกิดมาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้ทำให้เราบาดเจ็บ จะมีใครมาเยียวยาในจุดนี้ ครั้งนี้อาจจะเจ็บแค่ขา และสะโพก แต่ถ้าคราวต่อไปเกิดหัวน็อคพื้นขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ??
สถานทูตแจ้งข่าวแรงงานไทยในอิสราเอล ได้รับบาดเจ็บ 5 ราย สาหัส 3 ราย จากการโจมตีด้วยจรวดของฝั่งเลบานอน โดยได้เร่งเข้าเยี่ยมติดตามอาการใกล้ชิด เตือนคนไทยทำงานเขตอันตรายต่างๆ ระวังเหตุโจมตีตามชายแดนพร้อมอพยพ จากกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศ ได้แจ้งว่าเมื่อวันที่ 4มีนาคม2567 เกิดเหตุการณ์จรวดต่อต้านรถถัง ถูกยิงจากฝั่งเลบานอนข้ามมายังชายแดนทางตอนเหนือของอิสราเอล บริเวณนิคมเกษตร Margaliot และสื่อท้องถิ่นรายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 1รายและแรงงานไทยได้รับบาดเจ็บ 7รายนั้น
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม2567 นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ค่ำวานนี้ (4 มีนาคม) ตามเวลาท้องถิ่น สถานทูตฯ ได้รับการยืนยันกับกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล และโรงพยาบาลต่างๆ ทราบว่า ผู้บาดเจ็บที่เป็นคนไทยทั้งหมดในขณะนี้มีจำนวน 5ราย โดยผู้บาดเจ็บอีก 1ราย และผู้เสียชีวิต1ราย ไม่ใช่บุคคลสัญชาติไทยทั้งนี้ คนไทยที่บาดเจ็บทั้ง 5คนนั้น 2คนได้เข้ารับการรักษาอยู่ที่ รพ.ซิฟเมดิคัล เซนเตอร์ เมืองซาเฟดและ1 คนที่ได้บาดเจ็บเล็กน้อยได้ออกจาก รพ.แล้วส่วนอีก 3 คนยังคงรักษาตัวอยู่ที่ รพ.รัมบัมเมดิคัล เซนเตอร์ เมืองไฮฟาและมีอาการค่อนข้างหนัก ซึ่งเจ้าหน้าที่สถานทูตได้เดินทางไปเยี่ยม และติดตามอาการกับแพทย์ รวมถึงประสานงานกับญาติด้วยแล้ว
นอกจากนี้ สถานทูตได้ประกาศเตือนคนไทยที่ทำงานอยู่ในเขตอันตรายต่างๆ ในอิสราเอล รวมถึงพยายามดำเนินการอพยพ เนื่องจากมีการโจมตีตามชายแดนอิสราเอล-เลบานอนในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประกาศเตือนคนไทยในอิสราเอล ระบุว่า ตามที่ได้เกิดการโจมตีตามแนวชายแดนอิสราเอล-เลบานอนตลอดช่วงเวลาี่ผ่านมา และเช้าวันนี้ได้ส่งผลให้แรงงานไทยได้รับบาดเจ็บนั้น สถานเอกอัครราชทูตฯ มีความห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง แม้ได้พยายามอย่างต่อเนื่องที่จะดำเนินการให้แรงงานได้ย้ายออกจากพื้นที่ทำงานในเขตอันตรายต่างๆของอิสราเอล ขอให้แรงงานทุกท่านที่ยังคงทำงานอยู่ในพื้นที่เสี่ยงตามแนวชายแดนต่างๆ โปรดแจ้งสถานเอกอัครราชทูตฯ โทร+972 546368150/*972 503673195 เพื่อขอรับความช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกในการย้านพื้นที่ทำงานต่อไป
ทางด้าน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน เปิดเผยถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ทันทีที่ทราบข่าวตนมีความห่วงใยต่อแรงงานไทยที่ไปทำงานอยู่ในประเทศอิสราเอลจากผลกระทบของเหตุการณ์ดังกล่าว จึงได้สั่งการให้อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอลเร่งตรวจสอบติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และหาทางช่วยเหลือแรงงานไทยอย่างต่อเนื่อง
โดยจากรายงานของ นายกิตติ์ธนา ศรีสุริยะ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ เบื้องต้นพบว่า ฝ่ายแรงงานฯ ได้รับแจ้งจาก The Megan David Adomหน่วยแพทย์ฉุกเฉินของอิสราเอล ทราบว่า เมื่อวันที่ 4 มีนาคม เวลา 21.00 น.มีการยิงขีปนาวุธต่อต้านรถถังจากฝั่งเลบานอนไปยังบริเวณ โมชาฟ มาการิออท ทางภาคเหนือของอิสราเอล ทำให้แรงงานไทยได้รับบาดเจ็บ 5 ราย ในจำนวนนี้มีอาการหนักปานกลาง จำนวน 3 รายรักษาตัวที่โรงพยาบาล Rambamเมือง Haifa ที่เหลือได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 ราย (Ziv medical center) ขณะนี้แพทย์อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ 1 ราย ซึ่งนายจ้างพาไปพักสถานที่ที่ปลอดภัยแล้ว
“ขอให้ญาติของแรงงานไทยที่ไปทำงานในประเทศอิสราเอล อย่าเพิ่งตื่นตระหนก ขอให้มั่นใจว่า รัฐบาลไทยทั้งสถานทูตและกระทรวงแรงงานจะให้การคุ้มครอง ดูแล อย่างดีที่สุด และจะเร่งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขอให้แรงงานไทยที่ทำงานอยู่ในอิสราเอลที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว ปฏิบัติตามมาตรการของทางการอิสราเอลอย่างเคร่งครัด และแจ้งข้อมูลมายังฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ เพื่อจะได้วางแผนให้ความช่วยเหลือต่อไป” รมว.แรงงาน กล่าว
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า องค์การการจัดการภัยพิบัติแห่งชาติปากีสถาน รายงานว่าภาวะฝนตกหนักมากทั่วประเทศระหว่างวันที่ 27 ก.พ.-3 มี.ค. ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 36 ราย และผู้บาดเจ็บ 41 ราย
รายงานระบุว่าผู้เสียชีวิตส่วนหนึ่งเป็นเด็ก 21 ราย และแคว้นไคเบอร์ปัคตูนควาทางตะวันตกเฉียงเหนือเป็นภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยมีผู้เสียชีวิต 27 ราย ขณะเดียวกันมีบ้านเรือนพังเสียหายบางส่วนหรือทั้งหมด 469 หลัง และปศุสัตว์ล้มตายราว 61 ตัว
มุชทาค อาลี ชาห์ อดีตผู้อำนวยการกรมอุตุนิยมวิทยาของปากีสถาน ชี้ว่าเหตุสภาพอากาศรุนแรงผิดปกติที่เผชิญมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และว่า หากเกิดพายุลูกเห็บตกด้วยเป็นเวลาไม่นาน ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ แต่นี่ถือว่าไม่ปกติ เนื่องจากมีพายุลูกเห็บพัดตกต่อเนื่องนานกว่า 30 นาที
มอสโก (รอยเตอร์ส) - รัสเซียกับจีนกำลังพิจารณาสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์บนดวงจันทร์ร่วมกันในช่วงปี 2033-35 รองรับการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์บนดวงจันทร์
ยูริ บอริซอฟ ผู้อำนวยการสำนักอวกาศของรัสเซีย หรือรอสคอสมอส(Roscosmos) เปิดเผยว่า รัสเซียกับจีนกำลังพิจารณาสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์บนดวงจันทร์ร่วมกัน จะร่วมกันส่งและติดตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์บนพื้นผิวดวงจันทร์ในช่วงปี 2033-35เพื่อเตรียมพร้อมก่อนที่มนุษย์จะสามารถขึ้นไปตั้งถิ่นฐานบนดวงจันทร์ในวันหนึ่งข้างหน้า บอริซอฟ ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยกลาโหมรัสเซีย เปิดเผยต่อไปว่า รัสเซียและจีนจริงจังกับโครงการดังกล่าว และได้จับมือกันเริ่มทำโครงการเกี่ยวกับดวงจันทร์นี้แล้ว รัสเซียมีส่วนร่วมในโครงการนี้ โดยใช้ความชำนาญของรัสเซียด้านพลังงานนิวเคลียร์บนอวกาศ
บอริซอฟชี้ว่า แผงเซลล์สุริยะจะไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้มากพอ ให้แก่ถิ่นฐานมนุษย์บนดวงจันทร์ในอนาคตได้ แต่พลังงานนิวเคลียร์สามารถทำได้ แต่ปัญหาที่ท้าทายมากคือ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ควรจะทำงานได้โดยอัตโนมัติ โดยที่ไม่ต้องมีมนุษย์อยู่ด้วย นอกจากนี้ บอริซอฟเปิดเผยด้วยว่า รัสเซียยังมีแผนสร้างยานอวกาศขนส่งสินค้าพลังนิวเคลียร์ และปัญหาทางเทคนิคทั้งหมดที่เกี่ยวกับแผนการนี้ถูกแก้ไขได้หมดแล้ว ยกเว้นเพียงการหาวิธีทำให้เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ เย็นตัว ยานอวกาศพลังนิวเคลียร์จะสามารถขนส่งสินค้าขนาดใหญ่จากวงโคจรหนึ่งไปยังอีกวงโคจรหนึ่ง และเก็บกวาดขยะอวกาศได้
อย่างไรก็ตาม โครงการอวกาศของรัสเซียเพิ่งประสบความล้มเหลวไปเมื่อปีที่แล้ว เมื่อยานอวกาศ ลูนา-25 ยานอวกาศไปดวงจันทร์ครั้งแรกในรอบ 47 ปี ของรัสเซีย ต้องตกลงกระแทกพื้นดวงจันทร์หลังจากควบคุมไม่ได้
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี วลาดีมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ปฏิเสธคำกล่าวหาของสหรัฐฯ ที่ว่า รัสเซียมีแผนจะส่งอาวุธนิวเคลียร์ขึ้นไปบนอวกาศ ว่าเป็นเรื่องเท็จ เป็นเพียงแค่กลอุบายที่จะลากรัสเซียเข้าสู่การเจรจาปลดอาวุธภายใต้เงื่อนไขของประเทศตะวันตก
วันที่ 7 มีนาคม 2567 เวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารจาก หน่วยเฉพาะกิจสิงหนาท จ.แม่ฮ่องสอน โดย พ.อ.วันชัย มณีวรรณ ผบ.ฉก.สิงหนาท ได้จับกุมยาเสพติด ขณะลักลอบลำเลียงจาก สหภาพเมียนมา พื้นที่กลุ่มว้าแดง UWSA เข้ามาซุกซ่อนในป่าละเมาะพื้นที่บ้านปายสองแง่ ต.เวียงเหนือ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน โดยหน่วยทหารสามารถตรวจยึดยาเสพติดที่ซุกซ่อนไว้ได้ ดังนี้คือ ยาบ้าจำนวน ยาบ้า 35 กระสอบ, กระสอบละประมาณ 200,000 เม็ด รวมประมาณ 7,000,000 เม็ด และ ยาไอซ์ จำนวน 2 กระสอบ 5 ห่อ ประมาณ 100 กก.
ก่อนหน้านั้น ผบ.ฉก.สิงหนาท ได้รับรายงานมาว่าจะมีกลุ่มขบวนค้ายาเสพติด กลุ่มว้าแดงในพื้นที่ของ สหภาพเมียนมา และ กลุ่มชาวเขาเผ่ามูเซอร์ในไทยพื้นที่บ้านปายสองแง่ จะมีการลำเลียงยาเสพติดจากเมียนมาเข้ามาในไทย ในห้วงดังกล่าว ข้างต้นจึงได้ สั่งการให้หน่วยในพื้นที่ นำกำลังไปลาดตระเวนตรวจสอบพื้นที่เป้าหมาย และพบว่ามียาเสพติดกองอยู่ในป่าละเมาะติดบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่บ้านปายสองแง่ จึงได้ทำการตรวจยึดยาเสพติดดังกล่าว และ ลำเลียงโดยเฮลิคอปเตอร์ จากพื้นที่เกิดเหตุมาเก็บรักษาไว้ที่ หน่วยเฉพาะกิจสิงหนาท ค่ายม่อนตะแลง ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน และจะมีการแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้ ( 8 มี.ค.2567 ) ที่ค่ายม่อนตะแลง
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012