10 ตุลาคม 2562 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน กระทรวงความปลอดภัยสาธารณะของจีน มีแผนจะใช้มาตรการเข้มงวดในการตรวจลงตราหรืออกวีซ่าให้กับบุคคลสัญชาติสหรัฐที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มต่อต้านจีน ส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่เจ้าหน้าที่ด้านการทหาร เจ้าหน้าที่สำนักข่าวกรองกลาง ( ซีไอเอ ) และหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนของสหรัฐมากเป็นพิเศษ
โดยรัฐบาลปักกิ่งเตรียมการเรื่องนี้มาตั้งแต่เดือน พ.ค. หลังรัฐบาลวอชิงตันเพิ่มมาตรการเข้มงวดในการออกวีซ่าให้กับนักวิชาการจากแผ่นดินใหญ่ ด้วยเหตุผลเรื่องสิทธิมนุษยชนในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ โดยมาตรการจำกัดออกวีซ่าครอบคลุมถึงสมาชิกในครอบครัวของเจ้าหน้าที่ด้วย ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าเป้าหมายหลัก คือนายเฉิน ฉวนกัว เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์
ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐขึ้นบัญชีดำหน่วยงานรัฐและเอกชนของจีน 28 แห่ง ฐานมีส่วนเกี่ยวข้องกับ "การละเมิดสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน" ของกลุ่มชาติพันธุ์ในซินเจียง โดยบริษัทที่อยู่ในบัญชีดำรวมถึง "ฮิกวิชั่น" หนึ่งในผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ด้านการสังเกตการณ์และสอดแนมเพื่อความปลอดภัย และสำนักงานความปลอดภัยสาธารณะแห่งเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์
วันที่ 10 ตุลาคม 2562 จากกรณีนายสุเทพ โภชนสมบูรณ์ อายุ 50 ปี วิศวกรบริษัท ไมคอล อินจิเนียริ่ง จำกัดถูกกลุ่มวัยรุ่นฮือล้อมรถ ทำให้นายสุเทพใช้ปืนยิงใส่ กระสุนถูกนายนวพล หรือปอน ผึ่งผาย อายุ 17 ปี เสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณสามแยกถนนอ่างศิลา ต.อ่างศิลา อ.เมือง จ.ชลบุรีเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2560
โดยอัยการสั่งฟ้องนายสุเทพในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และทางศาลชั้นต้นได้มีการพิพากษา ในวันที่ 27 กันยายน 2561 จำคุก 15 ปี และได้มีการลดโทษ 1 ใน 3 เหลือ 10 ปี ปรับคดีอาวุธปืน 2 ,00บาท จ่ายค่าสินไหมทดแทน 340,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันยื่นคำร้องขอเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง
ล่าสุด ศาลอุทธรณ์ ยืนตามศาลชั้นต้น จำคุก 10 ปี โดยศาลให้ความเห็นว่า จำเลยสมัครใจเข้าไปทะเลาะวิวาท ด้านเจ้าตัวยื่นประกัน สู้ต่อชั้นฎีกาจากที่สุขภาพไม่ค่อยดี
เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2562 นางปราณี ด่านวัฒนานุสรณ์ อายุ 62 ปี ภรรยาของนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ หรือสุรชัย แซด่าน พร้อมกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย กว่า 20 คน เข้ายื่นหนังสือถึงพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)เรียกร้องให้สืบสวนสอบสวนกรณีการหายตัวไปของนายสุรชัย พร้อมนักเคลื่อนไหวทางการเมืองหลายคน เช่น นายอิทธิพล สุขแป้น นายวุฒิพงษ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ นายชัยชาญ บุบผาวัลย์ หรือ สหายภูชนะ นายไกรเดช ลือเลิศ หรือ สหายกาสะลอง นายชูชีพ ชีวะสุทธิ์ นายสยาม ธีรวุฒิ นายกฤษณะ ทัพไทย ที่ได้ลี้ภัยทางการเมืองไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้านแล้ว หายตัวไปตั้งแต่ ปี 2560 อย่างมีเงื่อนงำ
นางปราณี กล่าวว่า วันนี้มาร้องทุกข์กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติขอความเป็นธรรมให้ช่วยตามหานายสุรชัย ผู้เป็นสามี ที่ถูกอุ้มหายเป็นเวลานานกว่า 10 เดือนแล้ว ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า จึงเรียกร้องให้ตร.สืบสวนสอบสอนอย่างจริงจัง เพื่อให้เกิดความกระจ่าง โดยสามีหายสาบสูญไปพร้อมกับทีมงาน 2 คน คือ สหายกาสะลอง และสหายภูชนะ ภายหลังพบว่า ทั้ง 2 คน เป็นศพที่แม่น้ำโขง จังหวัดนครพนม ที่ผ่านมา มีการติดต่อไปหาญาติใกล้ชิดที่คาดว่าสามีจะไปอยู่ที่นั่น แต่ก็ไม่มีใครพบ ส่วนตัวเชื่อว่าสามีน่าจะเสียชีวิตแล้ว แต่ก็อยากจะพบร่างของสามีเพื่อความแน่ใจ ก่อนหายสาบสูญติดต่อสามีได้ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2561
ด้านนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข กล่าวว่า กรณีผู้ลี้ภัยทางการเมืองที่สูญหายทั้ง 8 คนนั้น สงสัยว่าจะเป็นการฆาตกรรม โดยคนกลุ่มเดียวกันและเป็นปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ทหารหรือไม่ เพื่อทำลายคู่ปรปักษ์ทางการเมือง และเชื่อว่าบุคคลทั้งสาม คือ นายสุรชัย สหายกาสะลอง และสหายภูชนะ ถูกฆาตกรรมในประเทศไทย
วันที่ 10 ตุลาคม 2562 เวลา 09.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวน สภ.แม่จัน ภายใต้การอำนวยการของพ.ต.อ.พงษ์สวัสดิ์ ไชยบาล ผกก.แม่จัน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารพราน ร้อย ทพ.3108 ภายใต้การอำนวยการของ พ.อ.สุทธิ์เขตต์ ศรีนิลทิน ผบ.ฉก.ทพ.31 ได้ทำการจับกุม จ.ส.อ.อดิศักดิ์ ศรีบุญรอด อายุ 43 ปีทหารสังกัดหน่วยทหารในจังหวัดเชียงราย และน.ส.ภัทรียา สีราศ อายุ 22 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 1,200,000 เม็ด รถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีบรอนเงิน
สำหรับการจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดจำนวนมาก บริเวณท่ารถ ทางขึ้นดอยตุง ม.2 บ้านสันกอง ต.แม่ไร่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่จึงสนธิกำลังเข้าตรวจสอบจนทราบว่ามีผู้ต้องสงสัยได้เข้าพัก ที่บัวบานรีสอร์ท ม.2 บ้านสันกอง ต.แม่ไร่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย จึงได้เข้าตรวจสอบพบ จ.ส.อ.อดิศักดิ์ และ น.ส.ภัทรียา กำลังอยู่ภายในรถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ สีบรอนเงิน หมายเลขทะเบียน ศฎ 3995 กรุงเทพมหานคร จึงแสดงตัวเพื่อทำการตรวจสอบ
จากการตรวจสอบภายในรถยนต์คันดังกล่าว พบยาบ้าจำนวน จำนวน 1,200,000 เม็ด อยู่ภายในรถ โดยซุกซ่อนอยู่ภายในกระเป๋าเดินทางแบบลาก จำนวน 4 ใบ และแบบกระเป๋าถือจำนวน 2 ใบ เจ้าหน้าที่จึงทำการควบคุมตัวทั้งคู่มาสอบสวนที่ สภ.แม่จัน
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหามียาเสพติดเพื่อจำหน่ายและขยายผลการจับกุมต่อไป
ฮ่องกง/ปักกิ่ง (รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์) –ความขัดแย้งเรื่องการประท้วงในฮ่องกงลามถึงเกม หลังค่ายเกม “บลิซซาร์ด” ถูกหลายฝ่ายออกมาแสดงความไม่พอใจ หลังประกาศแบนนักกีฬาเกม Hearthstone คนหนึ่งที่อยู่ในฮ่องกง เนื่องจากเจ้าตัวออกมาสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงในฮ่องกง
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างการแข่งขันเกมอี-สปอร์ต รายการ Grandmasters ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเกมเมอร์ชาวฮ่องกงคนหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า พลิตซ์ชุง (Blitzchung) ได้ออกมาให้สัมภาษณ์หลังแข่งขันตามปกติในรายการสด ด้วยการหยิบหน้ากากกันแก๊สแบบเดียวกับผู้ประท้วงขึ้นมาสวมแล้วกล่าวว่า “ปลดปล่อยฮ่องกง การปฏิวัติแห่งยุคของพวกเรา” ทำให้ผู้ดำเนินรายการสองคนรีบหลบหน้าลงใต้โต๊ะ จากนั้นก็ตัดเข้าโฆษณาทันที
หลังเกิดเหตุ ค่ายบลิซซาร์ดออกมาสั่งลงโทษ Blitzchung ด้วยการตัดสิทธิ์จากการแข่งขันรายการนี้ ริบเงินรางวัลคืนทั้งหมด พร้อมแบนไม่ให้ร่วมงานอีสปอร์ตของเกม Hearthstone เป็นเวลา 12 เดือน โดยอ้างว่าเกมเมอร์รายนี้ละเมิดกฎระเบียบของการแข่งขันที่ห้ามผู้ลงแข่งกระทำการใดๆ ที่กระทบต่อบุคคลอื่นหรือทำให้บลิซซาร์ดเสียภาพลักษณ์ ขณะที่ผู้ดำเนินรายการสองคนก็โดนหางเลขยกเลิกงานไปด้วย
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายทั้งในฮ่องกงและชาติตะวันตกต่างออกมาแสดงความไม่พอใจค่ายบลิซซาร์ด โดยชี้ว่าเห็นผลกำไรสำคัญกว่าสิทธิมนุษยชนและทำเกินกว่าเหตุต่อผู้ดำเนินรายการที่ไม่เกี่ยวข้อง นำไปสู่การประท้วงตามสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ประกาศว่าจะเลิกเล่นเกมของทางค่ายและขอร่วมสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงในฮ่องกง ขณะที่ Blitzchung เองแสดงความเห็นว่า เขาแค่อยากแสดงความเห็นในเรื่องนี้ระหว่างการสัมภาษณ์สดเพื่อให้มีคนสนใจประเด็นที่เกิดขึ้นในฮ่องกงมากขึ้น และคิดว่ามันเป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องออกมาพูดอะไรสักอย่างในเรื่องนี้
ในอีกด้านหนึ่ง หนังสือพิมพ์พีเพิ่ล เดลีของทางการจีนกล่าวหาบริษัทแอปเปิลว่า ให้การสนับสนุนการประท้วงในฮ่องกง พร้อมเตือนว่า บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐจะต้องยอมรับผลเสียที่ตามมา โดยรายงานดังกล่าวได้มุ่งไปยังแอพพลิเคชั่น HKmap.liveซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นแผนที่และการเดินทางแบบเรียลไทม์ ที่มีอยู่ในแอพสโตร์ ซึ่งรายงานระบุว่า ได้ชี้ตำแหน่งของตำรวจให้กับผู้ประท้วง และนอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องที่มีเพลงเรียกร้องเอกราชฮ่องกงอยู่ในแอปเปิลมิวสิก สโตร์ ด้วย
ทั้งนี้ ในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาจีนก็ได้ตอบโต้บริษัทและองค์กรที่ให้การสนับสนุนผู้ประท้วงในฮ่องกงไปแล้ว โดยล่าสุดเพิ่งตอบโต้สมาคมบาสเกตบอลสหรัฐไป หลังผู้จัดการใหญ่ของทีมฮิวส์ตัน ร็อกเกตส์ ทวีตข้อความสนับสนุนผู้ประท้วง และก่อนหน้านั้นเครื่องเพชรยี่ห้อทิฟฟานีของสหรัฐ และคาเธ่ย์ แปซิฟิค สายการบินของฮ่องกงก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในจีน
9 ต.ค. 2562 เว็บไซต์ นสพ. South China Morning Post ของฮ่องกง เสนอรายงานพิเศษ “Dark tourism: three ghost tours in Southeast Asia where history, beliefs and horror combine to offer spine-tingling thrills” ว่าด้วยตำนานสถานที่สุดเฮี้ยนในกรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทย ที่รอให้นักท่องเที่ยวไปท้าพิสูจน์ ซึ่งมีผู้นำทัวร์คือ จัสติน ดันน์ (Justin Dunne) ชาวมลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ที่มาเปิดบริษัท Bangkok Haunt ในประเทศไทย
ทัวร์ของจัสติน พาไปเยือนมาแล้วทั้งโรงแรมที่ว่ากันว่ามีเรื่องแปลกๆ ที่อธิบายไม่ได้ คลินิกทำแท้งเถื่อน โรงภาพยนตร์แบบดั้งเดิม (Stand Slone) แห่งสุดท้ายในประเทศไทย หรือทางรถไฟที่บรรดาคนขับแท็กซี่เล่าว่าหากผ่านไปแถวนั้นในเวลากลางคืน อาจเจอหญิงสาว 2 คนในชุดดำ โบกเรียกให้พาไปส่งที่ทางรถไฟ ก่อนจะเห็นร่างของพวกเธอขาดครึ่งตรงทางรถไฟนั้นเพราะพวกเธอนั้นเป็นวิญญาณของคนที่ประสบอุบัติเหตุรถไฟทับ
เรื่องหลอนๆ บางเรื่องยังเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ทางการเมืองของไทย อาทิ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) สถานที่เกิดเหตุนองเลือดที่ทหารและกลุ่มแนวร่วมฝ่ายขวาจัดบุกเข้าไปฆ่านักศึกษาในวันที่ 6 ต.ค. 2519 และบริเวณถนนราชดำเนิน ใกล้กับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งมีประชาชนเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมากในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535 จากการประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจจากคณะทหารที่ทำรัฐประหาร
โดยแขกที่พักบริเวณโรงแรมในย่านราชดำเนิน เล่ากันว่า บางครั้งอาจได้ยินเสียงร้องไห้ขอให้ช่วยเหลือดังมาจากในกระจก แต่เมื่อหันไปดูก็ไม่พบอะไร ซึ่ง จัสติน ระบุว่า ผู้ที่สนใจ “ทัวร์ขนหัวลุก” ของเขานั้นมักเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ต้องการหาทางเลือกใหม่ๆ นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวกระแสหลัก เพราะคนไทยไม่ต้องการไปรบกวนดวงวิญญาณเหล่านั้นเนื่องจากกลัวจะต้องประสบโชคร้าย
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ที่ประเทศสิงคโปร์ ก็มีนักท่องเที่ยวเดินทางไป “ล่าท้าผี” เช่นกัน ณ สุสานจีนขนาดใหญ่ “Bukit Brown” ภายในเมือง ซึ่งมีตำนานของ “Pontianak” หรือผีตายท้องกลม หมายถึงหญิงสาวที่ตายระหว่างคลอดลูก โดยหญิงที่ตายในลักษณะนี้เชื่อกันว่าเฮี้ยนสุดๆ จนถูกนำไปเล่าในภาพยนตร์สยองขวัญครั้งแล้วครั้งเล่า Pontianak ปรากฏตัวในลักษณะสวมชุดสีขาว ผิวขาวซีด ผมดำ แต่มีตาสีแดง ล่อลวงด้วยเสียง และชายที่หลงกลก็จะถูกฉีกร่างเป็นชิ้นๆ ก่อนจะกลืนกิน
สุสาน Bukit Brown มีเนื้อที่ 200 เอเคอร์ (หรือ 506 ไร่) มีหลุมศพ 1 แสนหลุม ที่นี่มัคคุเทศก์จะบรรยายเกร็ดประวัติศาสตร์เรื่องพิธีฝังศพชาวจีน จุดเด่นของสุสานแห่งนี้คือหลุมศพของ Chew Keok Leong แพทย์ผู้มีชื่อเสียงที่มีพื้นเพเดิมเป็นชาวกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีนในปัจจุบัน หน้าหลุมศพมีหุ่นทหารชาวซิกข์ 2 คน ถือปืนเฝ้าอยู่ แคลร์ โหลว (Claire Leow) ผู้ร่วมก่อตั้งทัวร์สุสาน เล่าว่าได้ยินเรื่องแปลกๆ จากผู้เฝ้าสุสานคนก่อน
อาทิ ที่นี่เคยมีทั้งการทำพิธีหลั่งเลือดเพื่อรับคนเข้าแก๊งมาเฟีย ในช่วงทศวรรษ 1970s (ปี 2513-2522) การลักลอบมามีเพศสัมพันธ์ การทำพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ แม้กระทั่ง “คอหวย” ที่มาแสวงหาเลขเด็ดไปเสี่ยงโชค จนบางครั้งผู้ดูแลสุสานต้องแกล้งปลอมเป็นผี โดยการนำถุงดำใส่ขยะมาสวมแล้วย่องไปหลอกด้วยการพูดภาษาจีนสำเนียงฮกเกี้ยน เพื่อปรามพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของผู้มาเยือนบ้าง
ความเฮี้ยนของ Bukit Brown ถูกพูดถึงในปี 2555 เมื่อทางการสิงคโปร์ตัดถนนผ่านพื้นที่สุสาน ร่างไร้วิญญาณจำนวน 4,000 ศพ ถูกขุดขึ้นมา กลายเป็นเรื่องร่ำลือว่าคนตายไม่อาจพักผ่อนได้อย่างสงบ ชาวออสเตรเลียรายหนึ่งเล่าว่าไปถ่ายทำวีดีโอในยามค่ำคืน และใช้แอพพลิเคชั่นที่สร้างขึ้นสำหรับจับคลื่นสัญญาณแปลกๆ ซึ่งพบปฏิกิริยาเสียงรบกวนบางอย่าง แต่ก็ไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นอะไรกันแน่ อย่างไรก็ตาม มีบางคนโต้แย้งว่า การที่สุสานเป็นแบบเปิดให้เดินผ่านได้ แถมยังรกและเต็มไปด้วยสัตว์เลื้อยคลาน ทำให้ผู้คนรู้สึกกลัวขึ้นมามากกว่า
ปิดท้ายที่ปีนัง ประเทศมาเลเซีย วินสตัน ลิ้ม (Winston Lim) มัคคุเทศก์นำเที่ยวสถานที่ผีสิง เล่าถึงคฤหาสน์แห่งหนึ่งที่สร้างบนที่ดินซึ่งชาวบ้านเตือนก่อนก่อสร้างแล้วว่ามีคำสาปแต่เศรษฐีที่จะสร้างบ้านไม่เชื่อ เมื่อสร้างเสร็จปรากฏว่าลูกสาวเศรษฐีและคนรับใช้ทยอยตายลง สุดท้ายตัวเศรษฐีเองก็ไม่รอด ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นบุกยึดคฤหาสน์ดังกล่าวและทำเป็นสถานที่บำเรอกามของทหาร มีผู้หญิงมากมายตกเป็นทาสทางเพศที่นี่
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012