ข่าว
10 อรหันต์ชี้ร่างแก้รธน.ส่อขัดรธน.

นายกิตติศักดิ์ ปรกติ โฆษกคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญ ของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน แถลงภายหลังการประชุมว่า คณะกรรมการฯมีมติให้เสนอผู้ตรวจการแผ่นดินใน 3 ประเด็น คือ 1.กรณีที่ร่างรัฐธรรมนูญ ทั้ง 3 ร่าง ที่คณะรัฐมนตรีและพรรคร่วมรัฐบาลเสนอ มีบทบัญญัติที่ระบุว่า ให้ประธานรัฐสภาเป็นผู้ลงนามสนองพระบรมราชโองการ แทนนายกรัฐมนตรี ตามที่เคยเป็นมานั้น ทางคณะกรรมการที่ปรึกษาเห็นว่า บทบัญญัติดังกล่าว ขัดต่อรัฐธรรมนูญปี 50 มาตรา 195 วรรคแรก

ทั้งนี้ เมื่อตรวจดูรัฐธรรมนูญแล้ว ไม่พบว่า มีการบัญญัติให้ประธานรัฐสภา เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ จึงถือว่า การจะให้ประธานรัฐสภา เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่มีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญปี 50 รองรับไว้

2.กรณีร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับ บัญญัติให้ประธานรัฐสภาเป็นผู้มีอำนาจวินิจฉัยว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญในขณะนี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองจากระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และรูปแบบรัฐเป็นอย่างอื่นหรือไม่นั้น ตามที่รัฐธรรมนูญปี 50 มาตรา 291 บัญญัติไว้เป็นข้อห้าม คณะกรรมการที่ปรึกษา เห็นว่า การจะวินิจฉัยเรื่องนี้ ควรเป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ เพื่อความเรียบร้อย จึงเสนอให้มีการปรับปรุงร่างฯ ที่เสนอทั้ง 3 ร่างฯในมาตรา 291/13 ว่า เมื่อครบ 7 วัน นับแต่วันที่สภาร่างรัฐธรรมนูญได้จัดทำร่างรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นแล้ว ให้นำเสนอร่างรัฐธรรมนูญต่อประธานรัฐสภา เมื่อได้รับร่างรัฐธรรมนูญแล้ว และไม่มีผู้เสนอความเห็นเป็นอย่างอื่น ให้ประธานรัฐสภาส่งร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวไปยัง กกต.โดยเร็ว เพื่อดำเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติว่า จะเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญนั้นหรือไม่

เทพฤทธิ์ ทุบ ชิมิซึ ครองแชมป์โลกตัวจริง

"แอสโตรบอย" เทพฤทธิ์ ศิษย์หมอเส็ง(สิงห์วังชา) ประกาศศักดาเหนือดินแดนซามูไร ด้วยการเอาชนะน็อก โทโมโนบุ ชิมิซึ ในยกที่ 9 ของการชกที่ โยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่น เมื่อ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา

ศึกครั้งนี้เป็นศึกพิสูจน์ศักดิ์ศรีแชมป์โลกตัวจริง เนื่องจาก ชิมิซึ เจ้าของตำแหน่งคนเดิม กลายเป็นแชมป์โลก "ลาพัก" (WBA World Champion in recess) ต้องหยุดไประยะหนึ่งเนื่องจากมีอาการบาดเจ็บจากการชก ขณะที่ เทพฤทธิ์ ได้รับการผลักดันขึ้นจนกลายเป็นแชมป์โลก คนล่าสุด ด้วยการชนะ ไดกิ คาเมดะ ที่ญี่ปุ่น

ไฟต์นี้จึงเป็นการทำศึกพิสูจน์ศักดิ์ศรี หาแชมป์โลกตัวจริงเพียงหนึ่งเดียว โดยทั้งคู่เป็นมวยการ์ดขวา ชิมิซึมีส่วนสูงได้เปรียบเล็กน้อย แต่ช่วงชกกลับสั้นกว่าเทพฤทธิ์ ตลอดสามยกแรก นักชกไทยเป็นฝ่ายออกหมัดได้อย่างจะแจ้งกว่า ล่วงเข้ายกที่สี่ ชิมิซึ หน้าตาแดงก่ำเพราะพิษหมัดเห็นได้ชัด กลางยกนักชกไทยรัวพายุหมัดเข้าใส่ จนชิมิซึออกอาการขาปัด ปลายยกทั้งคู่สาดหมัดเข้าใส่กันแบบเนื้อๆ จนระฆังหมดยก คะแนนเป็นของเทพฤทธิ์เห็นได้ชัด

ต้นยกห้า เทพฤทธิ์ ใบหน้าบวมปูดบริเวณโหนกแก้มเล็กน้อย ทั้งคู่เริ่มชิงจังหวะสองออกหมัด ระมัดระวังกันมากขึ้น ยกหกนักชกไทยรอหมัดบวกได้จะแจ้ง ผ่านไปถึงยกเจ็ด นักชกซามูไรเริ่มถูกเทพฤทธิ์ล้วงลำตัวสลับใบหน้ามากขึ้น ยกที่เก้าอันเป็นยกอวสาน เทพฤทธิ์ตวัดฮุคซ้ายซ้อนๆ สามหมัด เต็มหน้าชิมิซึ ก่อนจะฉายพายุหมัดเป็นชุดจน ชิมึซึกระเด็นไปพิงเชือกโงนเงนอยู่ในสภาพไม่สามารถตอบโต้ได้ กรรมการจึงโบกมือยุติการชก หันมาชูมือให้ เทพฤทธิ์ ศิษย์หมอส็ง กลายเป็นผู้ชนะ คว้าแชมป์โลก"จริง" ซูเปอร์ฟลายเวท สมาคมมวยโลก(WBA) ไปครองอย่างงดงาม


ดื่มกาแฟวันละ5กระป๋องหัวใจวายดับ

"แอสโตรบอย" เทพฤทธิ์ ศิษย์หมอเส็ง(สิงห์วังชา) ประกาศศักดาเหนือดินแดนซามูไร ด้วยการเอาชนะน็อก โทโมโนบุ ชิมิซึ ในยกที่ 9 ของการชกที่ โยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่น เมื่อ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา

ช่างซ่อมเปลี่ยน-ปะยางรถยนต์ วูบล้มฟุบดับ ขณะเปลี่ยนยางให้ลูกค้าในอู่ ภรรยาเผยดื่มกาแฟวันละ 3 กระป๋องก่อนทำงาน ตกบ่ายดื่มอีก 1-2 กระป๋อง แพทย์สันนิษฐานหัวใจล้มเหลว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 เม.ย. 55 พ.ต.ท.วีระชัย แก้วเหลา สารวัตรเวรสถานีตำรวจภูธรอุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ ได้รับแจ้งมีผู้เสียชีวิต ที่ร้านซ่อมเปลี่ยนยางและปะยางรถยนต์ไม่มีชื่อ เลขที่ 76/3 หมู่ 15 ตำบลสำโรง อำเภออุทุมพรพิสัย จึงไปตรวจสอบร่วมกับหน่วยกู้ภัย

ที่เกิดเหตุพบศพนายสมศักดิ์ สำแดงภัย อายุ 48 ปี เจ้าของร้าน นอนอยู่ใกล้ยางรถยนต์และเครื่องมือช่างภายในร้าน สภาพมีแผลแตกที่บริเวณเหนือคิ้วขวา 1 แผล แพทย์ระบุสาเหตุเสียชีวิต เนื่องจากหัวใจล้มเหลว

นายนอง แก้วดี อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64 หมู่ 6 ตำบลโคกจาน อำเภออุทุมพร ลูกค้าที่เห็นเหตุการณ์ให้การว่า หลังจากนายสมศักดิ์เปลี่ยนยางให้เสร็จแล้ว ขณะที่กำลังก้มเก็บเครื่องมือ เกิดหน้ามืดเป็นลมล้มฟุบลงแน่นิ่ง ตนจึงได้โทรศัพท์แจ้งรถพยาบาลให้มารับไปส่งโรงพยาบาล แต่เมื่อพยาบาลมาตรวจดูก็ทราบว่าเสียชีวิตแล้ว

ด้านนางศิริพร สำแดงภัย ภรรยาผู้ตายให้การว่า สามีไม่มีโรคประจำตัวอะไร แต่จะดื่มกาแฟกระป๋องเป็นประจำ โดยดื่มครั้งละ 3 กระป๋อง ก่อนเริ่มทำงานทุกวัน พอตกบ่ายมาก็ดื่มอีก 1-2 กระป๋อง บอกให้ดื่มลดลงบ้างก็ไม่ฟัง คาดว่าสามีคงจะเสียชีวิตจากการดื่มกาแฟเกินขนาดนั่นเอง

รวบแล้วแก๊งค์! คาร์บอมบ์หาดใหญ่

พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรววจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยในช่วงเย็นวันที่ 4 เมษายนว่า เจ้าหน้าสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยในคดีวางระเบิดคาร์บอมบ์โรงแรมลีการ์เด้นส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้แล้ว ได้แล้ว โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการสอบปากคำอยู่ โดยเบื้องต้นทราบเพียงว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น ส่วนผู้ต้องหาคนอื่นๆ นั้น ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งนำตัวมาดำเนินคดีโดยด่วน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน


คลังยอมรับธุรกิจใต้พินาศ หวั่นลามภูเก็ต-กระบี่

กระทรวงการคลัง แบงก์ชาติ ยอมรับเหตุระเบิดหาดใหญ่ กระทบท่องเที่ยวภาคใต้ ฉุดภาพรวมเศรษฐกิจเดี้ยงตาม เอกชนภาคธุรกิจท่องเที่ยวชี้ เงินหายเฉพาะช่วงสงกรานต์ พันล้านบาท จี้รัฐเร่งช่วยออกโปรโมชั่นดึงคนกลับ กมธ.ท่องเที่ยวจี้รัฐทำงานจริงจัง หวั่นบีมลงถึงภูเก็ต กระบี่

นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจ (สศค.) กล่าวว่า คลังได้ติดตามผลกระทบจากเหตุการณ์ระเบิดครั้งใหญ่ในภาคใต้อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจไทยในปี2555 ที่เดิมคาดไว้ว่าจะขยายตัวได้ 5.5% ต่อปี ดีขึ้นจากการประมาณการครั้งแรกที่คาดว่าจะขยายได้ 4.5% ต่อปี

ขณะนี้ สศค. เป็นห่วงผลกระทบที่เกิดภาคการท่องเที่ยวของไทย ที่เป็นช่วงไฮซีซันของการท่องเที่ยวภาคใต้ โดยหลังการระเบิดประเทศมาเลเซีย และสิงคโปร์ ได้ประกาศเตือนนักท่องเที่ยวเรื่องความไม่ปลอดภัยที่จะเดินทางเข้ามาในไทยในช่วงนี้ทันที ซึ่งต้องติดตามว่าจะมีประเทศอื่นประกาศเพิ่มหรือไม่

ด้าน นายสัมพันธ์ แป้นพัฒน์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมโรงแรมไทย (ทีเอเอช ) เปิดเผยถึงสถานการคาร์บอมที่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ว่าจะส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติที่จะเดินทางท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์ทำให้ยอดจองห้องพักลดลงต่ำกว่า 70 % จากเดิมที่คาดการณ์ว่ายอดจองจะสูงถึง 95 % และจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวยาวไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน จะทำให้โอกาสที่จะสูญเสียรายได้ตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงสิ้นเดือนสูงถึง 1,000 ล้านบาท โดยเฉพพาะ ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ยอดจองทะลุ 100 % เต็ม จะเป็นตัวฉุดค่าสูญเสียโอกาส มากที่สุด