ข่าว
ปธน.'เมียนมา'จะปล่อยตัวนักโทษกว่า 8 พันคน

17 เม.ย.61 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ทำเนียบประธานาธิบดีเมียนมาแถลงว่า ประธานาธิบดีวิน มินต์ ได้ลงนามคำสั่งนิรโทษกรรมนักโทษตามเรือนจำต่างๆ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 8,541 คน แบ่งเป็นนักโทษชาวเมียนมา 8,490 คน และนักโทษชาวต่างชาติอีก 51 คน เพื่อนำมาซึ่งสันติภาพและเป็นการเฉลิมฉลองเนื่องในเทศกาลปีใหม่ของเมียนมา

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเมียนมาไม่ได้ระบุชัดเจนว่าจะปล่อยตัวนักโทษเมื่อใด รวมถึงข้อมูลเบื้องต้นของนักโทษด้วย เผยเพียงว่าเป็นนักโทษ ในคดียาเสพติด นักโทษผิดวินัยทางทหารหรือวินัยตำรวจ และนักโทษทางการเมือง 36 คน ขณะที่ 2 นักข่าวของสำนักข่าวรอยเตอร์ไม่อยู่ในข่ายได้รับการอภัยโทษ เนื่องจากคดีความยังไม่สิ้นสุด

การนิรโทษกรรมครั้งนี้มีขึ้นหลัง ประธานาธิบดีวิน มินต์ ขึ้นดำรงตำแหน่งได้ไม่ถึงหนึ่งเดือนและเป็นครั้งแรกในสมัยของเขา

ขำไม่ออก! หนุ่มร้องไห้หนักมากหลังโดนใบแดง ได้ฟังเหตุผลแล้วเศร้าใจไปตามๆกัน

บนเฟซบุ๊ก Art Tua Por ได้แชร์เรื่องราวของหนุ่มรายหนึ่งที่ได้เข้ารายงานตัวเพื่อคัดเลือกทหารประจำปี 2561 ผลสรุปว่าหนุ่มคนนี้จับได้ใบแดง หลังจากนั้นแสดงอาการออกมาอย่างเห็นได้ชัดว่าร้องไห้ไม่หยุด ทั้งยังมีเจ้าหน้าที่คอยหิ้วปีกพยุงเดินตลอดเวลา

หลายคนที่อยู่ในเหตุุการณ์ก็ต่างสงสาร จนเจ้าของคลิปเข้าไปถามเหตุผลจึงได้ความว่า สาเหตุที่ร้องไห้หนักขนาดนี้เพราะไม่อยากทิ้งคุณยายไป โดยบอกว่า "ผมต้องเลี้ยงดูยาย ผมอยู่กับยาย2คน พ่อแม่ก็ทิ้งไปตั้งแต่เด็ก ถ้าผมไปแล้วใครจะดูแลแก แกป่วยเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ก่อนมา แกบอกว่าเอ็งอย่าทิ้งยายไปนะ เอ็งต้องกลับมาอยู่กับยาย ยายมีเอ็งแค่คนเดียว"

อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตแห่ให้กำลังใจหนุ่มคนนี้อย่างมากมาย " บางคนไม่มีทางเลือกจริงๆครับ บางคนเป็นเสาหลักครอบครัว บางคนเป็นเหมือนมือเท้าของครอบครัว มันมีอะไรหลายอย่างจริงครับ ไม่ใช่คนที่ไม่อยากเป็นทหารไม่รักชาตินะ แต่ชีวิตบางคนไม่มีทางเลือกมากนัก "


สุดเอือม! ฝรั่งแฉพฤติกรรมแท็กซี่ โกงค่ามิเตอร์ซ้ำยังด่าทอ-ไล่ซ้ำ

18 เม.ย. 61 โลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปของเพจเฟซบุ๊ก "Easy English Thai" ซึ่งจะเห็นชาวต่างชาติที่สามารถพูดภาษาไทยได้ ได้เล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการขึ้นแท็กซี่

โดยฝรั่งคนนี้ได้เรียกแท็กซี่จากสนามบิน โดยแท็กซี่ขอเหมา 500 บาท เจ้าตัวจึงปฏิเสธ โดยแท็กซี่แจ้งว่ามิเตอร์เสีย ทำให้ฝรั่งคนนี้จะเปลี่ยนรถ แต่แท็กซี่คันดังกล่าวยอมเปิดมิเตอร์ จากนั้นเมื่อขึ้นทางด่วนแท็กซี่ขอ 300 บาท โดยให้เหตุผลบอกว่า ค่าทางด่วนแต่ตนรู้ว่า มันไม่ถึง มีการเถียงกันและได้ไป 200 บาท

จากนั้น เมื่อมาถึงมิเตอร์ 375 บาท บวกค่าเรียกแท็กซี่ 50 บาท ปรากฏว่า แท็กซี่บอกว่า พอดีนะ 500 บาท ฝรั่งคนนี้จึงเถียงว่า มันไม่ถึง 500 บาท และรู้สึกไม่ดี ปกติตนเป็นคนชอบให้ทิป แต่เจอแบบนี้ไม่อยากให้ทิปแล้ว จึงโดนไล่ และต่อว่า ว่า “ฝรั่งขี้นก ขี้เหนียว ฝรั่งงี่เง่า อย่ามาเจอกันอีกเลย ลงไปเลย”

โดยโพสต์ดังกล่าวระบุว่า “ขอโทษล่วงหน้าที่ลงคลิปแบบนี้แต่ที่ผมโดนคนขับ taxi ด่า ผมก็อยากรู้ความคิดเห็นของคนไทยเพื่อจะพัฒนาตัวเองครับ “โดยเรื่องดังกล่าวมีการแชร์อย่างหนักในโลกออนไลน์ขณะนี้


โปรแกรมเมอร์ปรี๊ดแตก! หลังกสทช.ชี้แจงปมทรูข้อมูลรั่ว ลั่นเด็กเรียนคอมพ์ป.ตรีก็ทำได้

18 เม.ย.61 นายธนานนท์ ปฏิญญาศักดิกุล โปรแกรมเมอร์ ได้โพสต์วิดีโอผ่านเพจเฟซบุ๊ก “นายอาร์ม” ถึงกรณีทรูทำข้อมูลบัตรประชาชนลูกค้าหลุด หลังจากทรูชี้แจงกับกสทช.ว่าถูกเจาะข้อมูลด้วยเครื่องมือพิเศษ 3 ชั้น โดยตนนึกออกแค่ 2 ขั้นตอน คือ 1.สแกนหาลิงก์ 2.ดาวน์โหลด มันมีแค่ 2 ขั้นตอนนั้นเอง ซึ่งทรูบอกอีกว่าถ้าไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญนั้นไม่มีทางได้ไปแน่นอน การทำบักเก็ตสแกนหรือหาลิงค์ที่หลุดออกมานั้นไม่ยากเลย แล้วถ้าหาลิงค์เจอครั้งเดียวมันใช้ได้หลายครั้ง คนก็แชร์กันต่อได้เรื่อยๆ ทำไมจึงบอกว่าเป็นเครื่องมือพิเศษ 3 ชั้น ตนไม่คิดว่าเป็นเครื่องมือพิเศษ แต่ง่ายเหมือนเดินไปซื้อค้อนมาตอกฝาบ้าน

“ทำไมจึงไม่ยอมรับว่า Amazon Storage S3 ที่ตั้งขึ้นมานั้น ค่าที่ตั้งไว้เริ่มแรกคือ Private ต้องมีคนไปกดเปลี่ยนเป็น Public ถึงจะใช่ การตั้งค่านี้มีการเก็บบันทึกไว้หมด และสามารถดูว่าใครเป็นคนตั้งค่าให้เป็นสาธารณะ กระทั้งการบันทึกว่าไฟล์ถูกดาวน์โหลดไปแล้วกี่ครั้ง ทรูต้องแจ้งกับกสทช. โดยตนเชื่อว่าวิศกรในทรูรู้แก่ใจว่าเป็นความผิดพลาด แต่ผู้บริหารกลับออกมาบอกว่าโดนแฮ็ก

โดยในข่าวต่อมาที่มีคนมาเสนอให้ดำเนินคดีกับนักวิจัยที่เจอลิงก์นี้แล้วมาเตือน กลายเป็นว่าคนทำดีกลับจะถูกลงโทษ โดยเวลาที่ชี้แจง 1 ชั่วโมง กสทช.ได้ถามหรือไม่ว่าจะรับผิดชอบลูกค้าอย่างไร กสทช.ต้องเข้าไปควบคุมดูแลแล้ว เพราะนี่คือสิทธิประโยชน์ของประชาชน และเสนอให้คดีแบบอย่าง

“นอกจากนั้นแล้ว กสทช.ยังเสนอว่าจะทำคลาวด์เองแล้วให้ผู้ให้บริการเครือข่ายมาใช้บริการเพื่อให้ข้อมูลจะได้ไม่หลุด คิดว่าทำได้แต่ยากที่จะทำให้ปลอดภัยกว่าของอเมซอน ซึ่งทั้งหมดไม่ใช่ปัญหาเรื่องความปลอดภัยของคลาวด์ แต่มันคือปัญหาการตั้งค่าผิดพลาด คลาวด์จะปลอดภัยแค่ไหน หากตั้งค่าเป็นสาธารณะข้อมูลก็หลุดอยู่ดี ไม่ต้องถึงขนาดผู้เชี่ยวชาญ แต่นักศึกษาคอมพิวเตอร์ชั้นปริญญาตรีก็ทำได้”

ตนสงสัยว่าทีมสอบสวนภายในทรูน่าจะรู้เรื่องหมดแล้ว ควรออกมายอมรับและเปิดเผยข้อผิดพลาด เราจะได้เตรียมตัวรับมือถูก รวมถึงต้องแจ้งลูกค้า 11,400 ราย ที่ทำข้อมูลรั่วไหลให้รู้ตัว และกสทช.ได้โปรดดูแลผลประโยชน์ของประชาชนด้วยครับ


เยอรมันทลายซ่องครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ คอมมานโดรวบ'แม่เล้าสาวไทย'ตัวการสำคัญ

19 เม.ย.61 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หน่วยคอมมานโดของเยอรมนีบุกทลายแก๊งอาชญากรรมลักลอบพาคนเข้ามาบังคับค้าประเวณีใน 12 รัฐ ทั่วประเทศซึ่งนับเป็นครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเยอรมนี โดย จับตัวผู้ต้องสงสัยได้กว่า 100 คน รวมถึงหัวหน้า ซึ่งเป็นหญิงไทยอายุ 59 ปี ที่นำเหยื่อเข้ามาในประเทศ

ตำรวจท้องถิ่นระบุว่า ชาวเยอรมันและชาวไทย ซึ่งเป็นผู้หญิง ผู้ชาย และกลุ่มคนข้ามเพศจำนวนมาก ถูกตำรวจคอมมานโดกว่า 1,500 นาย ปฏิบัติการบุกซ่องและแฟลตหลายสิบแห่งใน 12 รัฐ ซึ่งคนเหล่านี้ถูกลักลอบพาเข้าประเทศด้วยวีซ่าปลอม เมื่อเหยื่อเดินทางมาจากประเทศไทยถึงเยอรมนี พวกเขาจะถูกบังคับให้ทำงาน เพื่อจ่ายค่าวีซ่าเชงเก้นปลอม โดยต้องจ่ายคืนสูงสุดถึง 36,000 ยูโร (ประมาณ 1,400,000 บาท)

ทั้งนี้ ประเทศเยอรมนี ถือว่า การค้าประเวณี นั้น ถูกกฎหมายมาตั้งแต่ปี 2002 มีคนที่ทำงานประเภทนี้หลายแสนคน


ตำรวจมาเลย์ล่า4ไอเอสจ้องก่อเหตุ แฉมีคนไทยเป็นหัวหน้า

ทั้งนี้ ตำรวจมาเลเซียปฏิบัติการจับกุมสมาชิกกลุ่มไอเอส 6 คนในรัฐยะโฮร์ ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ – 1 มีนาคม แต่มี 4 คนที่ยังอยู่ระหว่างหลบหนี ประกอบด้วยคนไทย 1 คนคือ 1.อะแว แว-เอยา อายุ 37 ปี ภูมิลำเนาเป็นชาวจ.นราธิวาส และเป็นหัวหน้ากลุ่ม 2.มูฮะหมัด ไฟซาล มูฮะหมัด ฮานาฟี วัย 29 ปี กับบิดา 3.มูฮะหมัด ฮานาฟี เยาะห์ วัย 51 ปี และ4.นอร์ ฟาร์ฮัน โมห์ อิซา วัย 31 ปี จากรัฐยะโฮร์

ผบ.ตร.มาเลย์เซีย ระบุว่า ทั้ง 4 คนนี้เป็นบุคคลอันตรายต่อความมั่นคงแห่งชาติ และขอความร่วมมือจากประชาชนให้เฝ้าระวังและให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหากพบความเคลื่อนไหว

ขณะที่หนังสือพิมพ์สเตรทส์ไทมส์ ของสิงคโปร์ อ้างแหล่งข่าวกรองว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องสงสัยไอเอส 6 คนที่ถูกจับกุมตัวได้ เชื่อว่าอาแวเป็นคนหัวแข็งและกำลังพยายามที่จะจัดตั้งเซลล์ไอเอสในภาคใต้ประเทศไทย

อดีตผอ.เอฟบีไอแฉทรัมป์ ไร้จริยธรรมที่จะเป็นประธานาธิบดี

วอชิงตัน (เอพี/รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์) - นายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) ที่ถูกประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ปลดฟ้าผ่าเมื่อเดือนพฤษภาคมปีก่อน ประณามทรัมป์ว่า ไร้จริยธรรมที่จะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีและโกหกเป็นไฟ ให้ร้ายทุกคนรอบตัว

สถานีโทรทัศน์เอบีซีนิวส์ออกอากาศบทสัมภาษณ์นายโคมีย์ที่ผ่านการตัดต่อแล้วเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาสหรัฐ แต่เผยแพร่คำสัมภาษณ์เต็มแบบคำต่อคำในเว็บไซต์ หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ทวิตข้อความจำนวนมากถล่มเขาในวันเดียวกัน และก่อนที่หนังสือบันทึกเรื่องราวของเขากับประธานาธิบดีทรัมป์ชื่อ A Higher Loyalty: Truth, Lies and Leadership จะวางแผงในวันอังคารนี้

อดีตผู้อำนวยการเอฟบีไอวัย 57 ปีกล่าวว่า ทรัมป์พูดและปฏิบัติต่อผู้หญิงราวกับว่าพวกเธอเป็นเพียงชิ้นเนื้อ โกหกตลอดเวลาไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่แล้วอ้างว่าชาวอเมริกันเชื่อ เป็นประธานาธิบดีที่ไม่เคยแสดงออกถึงค่านิยมของประเทศชาติ ปัญหาของประธานาธิบดีคนนี้คือ จะให้ร้ายคนรอบตัวทุกคน การรับใช้รัฐบาลนี้จึงเป็นภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกด้านจริยธรรมอย่างร้ายแรง เพราะไม่รู้ว่าการถูกให้ร้ายมากแค่ไหนจึงจะถือว่ามากเกินไปจนไม่สามารถอยู่รับใช้และปกป้องประเทศได้ตามที่ตั้งใจไว้ อย่างไรก็ตาม เขาหวังว่า ทรัมป์จะไม่ถูกอภิปรายถอดถอนจากตำแหน่ง ไม่เช่นนั้นชาวอเมริกันจะเหมือนถูกปลดปล่อยแล้วจะมีบางอย่างขึ้นอย่างอ้อมๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาเชื่อว่ามีคนตั้งใจให้เกิดขึ้นตรงๆ

ส่วนเรื่องรัสเซียขู่กรรโชกทรัมป์ด้วยเรื่องส่วนตัวก่อนเลือกตั้งหรือพฤติกรรมของคณะหาเสียงหรือไม่นั้น โคมีย์ยอมรับว่า ไม่แน่ใจแต่อาจเป็นไปได้ และคิดว่าทรัมป์อาจขัดขวางกระบวนการยุติธรรมกรณีขอให้เขายุติการสอบสวน พล.ท.ไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติที่ทำให้รองประธานาธิบดีเข้าใจผิดเรื่องติดต่อกับเอกอัครราชทูตรัสเซีย โคมีย์ยอมรับด้วยว่า สาเหตุที่รื้อคดีอีเมลของนางฮิลลารี คลินตันขึ้นมาสอบสวนทั้งที่เหลือเวลาเลือกตั้งอีกเพียง 11วัน เพราะคิดว่าเธออาจชนะได้เป็นประธานาธิบดี หากเขาเก็บเรื่องเงียบไว้เธอก็จะขึ้นเป็นผู้นำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ในอีกด้านหนึ่ง มีรายงานว่านายจอน เลิร์นเนอร์ คนสนิทของนางนิกกี ฮาลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ของสหรัฐ ได้ลาออกแล้วเมื่อวันอาทิตย์ ทั้งที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งเมื่อวันศุกร์ เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวที่ขอสงวนนามเผยว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่พอใจหลังได้รับข้อมูลคลาดเคลื่อนว่า นายเลิร์นเนอร์เป็นรีพับลิกันที่ไม่เอาทรัมป์ เพราะสนับสนุน สว.มาร์โก รูบิโอ ช่วงชิงชัยเป็นตัวแทนพรรคลงเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2559 รองประธานาธิบดีเพนซ์ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดอเมริกาที่เปรูต้องโทรศัพท์มาชี้แจง แต่กลับมีข่าวรั่วออกมาในวันอาทิตย์ว่า ก่อนหน้านั้นผู้นำสหรัฐได้สั่งให้ พล.อ.จอห์น เคลลี หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวยกเลิกการแต่งตั้งนายเลิร์นเนอร์และข้องใจว่าเหตุใดนายเพนซ์จึงเลือกชายคนนี้ นายเลิร์นเนอร์จึงขอถอนตัวในคืนนั้นเพื่อลดความขัดแย้ง ขณะที่รองประธานาธิบดีเพนซ์ก็มองว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว