ข่าว
'อิสราเอล'ขึ้นศาลโลก แก้ต่างคดีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์

12 ม.ค.67 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า อิสราเอลจะให้การต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกของเนเธอร์แลนด์ในวันนี้ แก้ต่างข้อกล่าวหาของแอฟริกาใต้เรื่องปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในกาซาเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์

แอฟริกาใต้ซึ่งยื่นฟ้องต่อศาลโลกเมื่อเดือนธันวาคม 2566 ร้องขอต่อองค์คณะผู้พิพากษาศาลโลกเมื่อวานนี้ ให้ออกมาตรการฉุกเฉินสั่งให้อิสราเอลระงับปฏิบัติการทางทหารในกาซาโดยทันที แอฟริกาใต้ระบุว่า ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศและภาคพื้นดินของอิสราเอลมีเป้าหมายเพื่อนำมาซึ่งการทำลายประชากรของกาซา ขณะที่อิสราเอลปฏิเสธข้อกล่าวหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ว่าไร้มูล และว่าแอฟริกาใต้กำลังทำตัวเป็นกระบอกเสียงให้แก่ฮามาสที่อิสราเอลมองว่าเป็นกลุ่มก่อการร้ายที่หาทางกำจัดรัฐอิสราเอล กองทัพอิสราเอลมุ่งเป้าหมายที่กลุ่มนักรบฮามาส ไม่ใช่พลเรือนชาวปาเลสไตน์

คณะผู้แทนอิสราเอลมองขณะคณะผู้แทนแอฟริกาใต้กล่าวต่อศาลโลก

แอฟริกาใต้ยุคหลังสิ้นสุดการแบ่งแยกสีผิวได้ให้การสนับสนุนข้อเรียกร้องของปาเลสไตน์มาโดยตลอด ความสัมพันธ์ของ 2 ฝ่ายเริ่มขึ้นเมื่อยัสเซอร์ อาราฟัต ผู้นำองค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์หรือพีแอลโอ (PLO) แสดงความสนับสนุนพรรคสมัชชาแห่งชาติแอฟริกาหรือเอเอ็นซี (ANC) ที่ต่อสู้กับการปกครองของกลุ่มคนผิวชาวที่เป็นชนส่วนน้อยของแอฟริกาใต้

คาดว่าศาลโลกจะมีคำตัดสินเรื่องมาตรการฉุกเฉินในเดือนนี้ แต่จะยังไม่ตัดสินเรื่องข้อกล่าวหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เพราะเป็นกระบวนการที่อาจใช้เวลานานหลายปี คำตัดสินของศาลโลกถือเป็นที่สิ้นสุด ไม่สามารถอุทธรณ์ได้ แต่ศาลโลกไม่สามารถนำคำตัดสินไปบังคับใช้ได้

วธ.เผยโพลวันเด็กปี 67 อยากเจอ 'ลิซ่า-วงทรีแมนดาวน์-ยูทูบเบอร์คนดัง' มากที่สุด

วันที่ 12 ม.ค. 2567 นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า กระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) ร่วมกับสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นเด็กและเยาวชนในหัวข้อ “วันเด็กแห่งชาติ” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จากกลุ่มตัวอย่างเด็กและเยาวชนทั่วประเทศ โดยสำรวจข้อมูลครอบคลุมทุกอาชีพและทุกภูมิภาค จำนวน 21,627 คน เป็นเพศหญิง ร้อยละ 58.59 เพศชาย ร้อยละ 41.41 โดยมีผลสรุปว่า เด็กและเยาวชนต้องการเข้าร่วมกิจกรรมในงานวันเด็กแห่งชาติ 5 อันดับแรก คือ อันดับ 1 ชมการแสดงคอนเสิร์ต/การแสดงดนตรี ร้อยละ 49.35 อันดับ 2 การเล่นเกมชิงรางวัล ร้อยละ 43.50 อันดับ 3 ชมภาพยนตร์ ร้อยละ 42.35 อันดับ 4 การพบปะศิลปินดารา/บุคคลที่มีชื่อเสียง ร้อยละ 35.11 อันดับ 5 การโชว์ทำอาหาร ร้อยละ 27.47

รมว.วธ. กล่าวอีกว่า เมื่อสอบถามถึงความต้องการให้จัดงานวันเด็กที่ไหน 5 อันดับแรก ปรากฏว่าเด็กและเยาวชนให้ อันดับ 1 คือ สถานศึกษา ร้อยละ 51.66 อันดับ 2 ห้างสรรพสินค้า ร้อยละ 36.82 อันดับ 3 สวนสนุก/สวนสัตว์ ร้อยละ 33.94 อันดับ 4 ลานกิจกรรมในชุมชน ร้อยละ 28.96 อันดับ 5 สนามกีฬา ร้อยละ 28.81 ส่วนบุคคลที่เด็กและเยาวชนต้องการพบเจอมากที่สุดในงานวันเด็กแห่งชาติ 5 อันดับแรก คือ อันดับ 1 ศิลปิน/นักร้อง/นักดนตรี อาทิ ลิซ่า วงทรีแมนดาวน์ วงแบล็กพิงก์ เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น วงบีทีเอส เป็นต้น ร้อยละ 73.57 อันดับ 2 ยูทูบเบอร์ /อินฟลูเอนเซอร์ อาทิ SPD เก๋ไก๋ สไลเดอร์ Zbing z. My Mate Nate คิวเท โอปป้า เป็นต้น ร้อยละ 59.11 อันดับ 3 ดารา/นักแสดง อาทิ ณเดชน์ อั้ม พัชราภา ญาญ่า จี๋ สุทธิรักษ์ มาริโอ้ เป็นต้น ร้อยละ 34.49 อันดับ 4 นักการเมือง อาทิ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายเศรษฐา ทวีสิน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นต้น ร้อยละ 30.24 อันดับ 5 นักกีฬา อาทิ เจ ชนาธิป คริสเตียโน โรนัลโด เทนนิส พาณิภัค บัวขาว บัญชาเมฆ ลิโอเนล เมสซี เป็นต้น ร้อยละ 29.23

นายเสริมศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ผลสำรวจเด็กและเยาวชนถึงความต้องการของขวัญในวันเด็ก มากที่สุด 5 อันดับแรก คือ อันดับ 1 เงิน ร้อยละ 29.38 อันดับ 2 โทรศัพท์มือถือ/I-pad/โน้ตบุ๊ก ร้อยละ 24.82 อันดับ 3 ไปเที่ยวกับครอบครัว ร้อยละ 13.96 อันดับ 4 อุปกรณ์เครื่องเขียน ร้อยละ 6.80 อันดับ 5 อุปกรณ์กีฬา ร้อยละ 6.00 นอกจากนี้เด็กและเยาวชนต้องการบอกอะไรพ่อกับแม่มากที่สุดในวันเด็กแห่งชาติ 5 อันดับแรก คืออันดับ 1 อยากให้พ่อแม่พาไปเที่ยวหรือทำกิจกรรมร่วมกัน ร้อยละ 54.66 อันดับ 2 อยากให้พ่อแม่เป็นกำลังใจอยู่เคียงข้างเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ร้อยละ 50.43 อันดับ 3 อยากได้รับคำชมจากพ่อแม่ ร้อยละ 34.36 อันดับ 4 ไม่อยากให้พ่อแม่พูดเปรียบเทียบกับลูกคนอื่น ร้อยละ 34.04 อันดับ 5 ไม่อยากให้พ่อแม่ทะเลาะกัน ร้อยละ 32.22

รมว. วธ. กล่าวด้วยว่า ผลสำรวจได้สอบถามถึงความเห็นต่อปัญหาของเด็กและเยาวชนที่จำเป็นต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน 5 อันดับแรก คือ อันดับ 1 ปัญหายาเสพติด ร้อยละ 30.10 อันดับ 2 ปัญหาเกี่ยวกับการเรียน/การศึกษา ร้อยละ 18.91 อันดับ 3 ปัญหาการใช้ความรุนแรง อาทิ การทำร้ายร่างกาย/จิตใจ การล่วงละเมิดทางเพศ ร้อยละ 15.70 อันดับ 4 ปัญหาเด็กติดเกม ร้อยละ 11.27 อันดับ 5 ปัญหาการเลียนแบบพฤติกรรมจากสื่อสังคมออนไลน์ ร้อยละ 9.48 ซึ่งด้านวธ. จะนำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของเด็กและเยาวชนนำเสนอต่อสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งในปีนี้ วธ. ได้จัดกิจกรรมวันเด็กในหลากหลายพื้นที่ ให้สาระ ความรู้ ความบันเทิง ด้วยมิติวัฒนธรรมแก่เด็กและเยาวชนมากมาย ร่วมกับภาครัฐ และเอกชน อาทิ ทำเนียบรัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการ หออัครศิลปิน หอศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย หอสมุดแห่งชาติ หอภาพยนตร์ และศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร เป็นต้น


ชาวเน็ตหูผึ่ง!! เพจดังบอกมีนักการเมืองรุ่นใหญ่ ก็ไปลง'นะดากทอง'กะเค้าด้วย

12 ม.ค.66 หลังจากกลายเป็นประเด็นร้อนบนโลกโซเซียลกรณี"อาจารย์แมน"อ้างพิธีกรรม"ลงนะ"ในที่ลับ ทั้งที่อวัยวะเพศชาย และที่ทวารหนัก จนเป็นประเด็นที่มา"นะดากทอง"พิธีกรรมชวนอ้วกยู่ในขณะนี้

ล่าสุดเพจดังอย่าง อีซ้อขยี้ข่าว โพสต์ทิ้งประเด็นให้ชาวเน็นต้องเกาะติดแบบไม่ต้องหลับไม่ต้องนอนว่า เริ่มหล่ะ...แอบเห็นคนดัง ดาว Tiktok และดาราบางคน รีบออกมาปฎิเสธเรื่องลงดากทอง ร้อนตัวเกิน มีพิรุธนะเรา

"ไม่ต้องรีบเฉลยก่อน กูยังนั่งทับนิ้วอยู่ รู้กันไม่เยอะมาก แต่ถ้ารู้คือ ตาค้างทั้งประเทศ ปล.กูจะไม่บอก ไม่ใบ้ เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวมาก " ทั้งนี้ก่อนหน้านั้นเพจอี้ซ้อขยี้ข่าว ระบุว่า แค่ดาราไปลงนะ Dask ทอง อึ้งแล้ว มีนักการเมืองระดับแถวหน้าเก๋าเกมรุ่นใหญ่ก็ไปลงนะกับเค้าเหมือนกัน

ขณะที่ขาวเน็ตเข้าไปคอมเมนต์เป็นจำนวนมาก บอกว่าคงไม่ต้องหลับไม่ต้องนอนกันแล้ว


นักผังเมืองอาวุโสจี้‘กทม.’ เปิดเผยผู้ครอบครองที่ดินแปลงใหญ่ แก้ข้อครหาเอื้อนายทุน

12 ม.ค. 2567 นายจรัสโรจน์ บถดำริห์ อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญ (กมธ.วิสามัญ) การตั้งถิ่นฐานและการผังเมือง วุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Charasroj Bothdamrih” เนื้อหาดังนี้

กทม. ควรเปิดเผยข้อเท็จจริงผู้ครอบครองที่ดินแปลงใหญ่ในพื้นที่สีแดง ตามหลักธรรมาภิบาลว่า ผมร. กทม. กำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน "ผังสี" บริเวนใดมีนายทุนครอบครองเป็นจำนวนมาก ให้ประชาชนหายสงสัยว่า "ไม่ได้กำหนดสีเอื้อประโยชน์นายทุน"

นอกจากนั้นยังมีการให้ความเห็นเพิ่มเติมใต้โพสต์ดังกล่าวด้วยว่า

ข้อเสนอทางวิชาการ

1 ประเด็นที่ประชาชนสงสัย ต้องนำมาชี้แจง เปิดเผยให้ทราบต้นเหตุอย่างชัดเจน ทำงานกันอย่างไรถึง "ผลงาน" ออกมามีข้อสงสัย ขัดแย้ง ไม่เป็นธรรมกับประชาชนในหลายบริเวณเช่นนี้

2 หลักเกณฑ์ มาตรฐาน ในข้อกฎหมาย วิธีการเทคนิค และความสามารถของผู้รับผิดชอบงานผังเมืองที่เกี่ยวข้อง มีระดับเทียบกับมาตรฐานงานผังเมืองในประเทศพัฒนาแล้วมากน้อยเพียงใด

3 ประเด็นการให้และใช้อำนาจของประชาชนในการมีส่วนร่วมตามขั้นตอนทางกฎหมายที่ต้องกำหนดในรัฐธรรมนูญ ต้องแก้ไข/ปรับปรุง ให้ได้มาตรฐานระดับสากล

4 ระบบงานการผังเมืองไทยมีปัญหาความไม่ชัดเจนและโปร่งใส ตามที่ได้มีการศึกษาและพยายามแก้ไขตลอดมาในอดีตกว่า 30 ปี หลายครั้ง ดังปรากฎในรายงานของ กมธ.ฯ ที่เคยดำเนินการ แต่ไม่ได้รับการตอบสนองจากรัฐบาลในอดีต

5 ประเด็นสำคัญที่สุดคือ ผังเมืองกำหนดโครงสร้างไม่ถึงระดับสากล

องค์กรด้านการผังเมืองไทยจะต้องมี สถานะนโยบายและกำกับควบคมการพัฒนาพื้นที่/การใช้ประโยชน์ชุมชนร่วมกัยการใช้ประโยชน์ที่ดินทุกภาคส่วน ร่วมกับการจัดโครงสร้างพื้นฐานอย่างบูรณาการขึ้นในระดับชาติ เช่นเดียวกับ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม (สภาพัฒนฯ) วางแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ควบคู่ร่วมกัน เพื่อเกิดความชัดเจนในการพัฒนาที่ชัดเจน สอดคล้อง ลดความขัดแย้ง/สร้างความเดือดร้อน/งบประมาณสูญเปล่าในการปฎิบัติโครงการทุกพื้น

ขณะนี้ งานผังเมืองมีระดับศักย์ตามกฎหมายเพียงระดับ "พระราชบัญญัติ" เท่าเทียมกับศักย์กฎหมายของส่วนราชการอื่น จึงไม่บรรลุเป้าหมายการผังเมือง เช่น ประเทศพัฒนาแล้วต้องกำหนด "การพัฒนาเมือง/ผังเมือง" ไว้ในระดับรัฐธรรมนูญของประเทศ ถึงจะบังคับให้ทุกหน่วยงานที่มีหน้าที่ตามกฎหมายระดับรองต้องปฎิบัติตาม


สื่ออินเดียจับตาไทย ธุรกิจ‘กัญชา’ส่อกระทบหนัก หากร่างกฎหมายใหม่ผ่านออกมาบังคับใช้

12 ม.ค.2567 นสพ.Hindustan Times ของอินเดีย เสนอข่าว Thailand moves to ban recreational cannabis use, nascent industry on thin ice ระบุว่า ขณะที่ประเทศไทยกำลังจัดทำร่างกฎหมายฉบับใหม่ ที่สาระสำคัญคือต้องการควบคุมไม่ให้มีการนำกัญชาไปใช้เพื่อสันทนาการ ซึ่งสืบเนื่องจากทางการไทยปลดกัญชาพ้นจากรายชื่อยาเสพติดให้โทษเมื่อปี 2565 โดยเมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2567 กระทรวงสาธารณสุขของไทยได้เผยแพร่ร่างกฎหมายใหม่ ซึ่งมุ่งหวังให้ใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น

หากกฎหมายฉบับใหม่สามารถผ่านออกมามีผลบังคับใช้ มันจะเป็นการยกเลิกสิ่งที่รัฐบาลชุดก่อนดำเนินการไว้ตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2565 ซึ่งการไม่นับกัญชาเป็นยาเสพติดผิดกฎหมาย ทำให้เกิดธุรกิจที่เกี่ยวข้องขึ้นมาเป็นจำนวนมากในประเทศไทย ในเบื้องต้นมีข้อมูลว่า ร่างกฎหมายใหม่เสนอบทลงโทษปรับสูงสุด 6 หมื่นบาท หรือ 1,720 เหรียญสหรัฐ สำหรับผู้เสพกัญชา และบทลงโทษจะเข้มงวดยิ่งขึ้นหากเป็นกรณีผู้ค้า

การเพิ่มขึ้นของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกัญชาโดยเฉพาะตามเมืองหรือย่านที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ได้กลายเป็นความกังวลในสังคมไทย ส่งผลให้นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน (Srettha Thavisin) ผู้นำรัฐบาลไทยชุดปัจจุบัน ต้องให้คำมั่นว่าจะแก้ไขปัญหานี้ ในระหว่างการรณรงค์เพื่อจำกัดการใช้กัญชาเนื่องจากรับรู้ถึงความเสี่ยงของการติดยาเสพติด ร่างกฎหมายใหม่เรียกร้องให้มีกฎการออกใบอนุญาตที่เข้มงวดมากขึ้นในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับกัญชา โดยกำหนดให้ธุรกิจปัจจุบันต้องได้รับใบอนุญาตหรือใบอนุญาตใหม่ ไม่เช่นนั้นต้องเผชิญกับบทลงโทษที่รุนแรง

รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า แม้จะมีข้อจำกัดที่เสนอไว้ แต่ร่างกฎหมายใหม่ไม่ได้นำกัญชากลับดขไปใส่ในบัญชียาเสพติดให้โทษ อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ก่อให้เกิดความท้าทายสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจกัญชา ตั้งแต่เกษตรผู้ปลูกไปจนถึงร้านค้า อาจได้รับผลกระทบจากมาตรการใหม่ที่ออกมา ขณะที่ตามกฎหมายปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์กัญชาจะต้องมีสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (THC) ซึ่งเป็นสารประกอบออกฤทธิ์ทางจิต ในปริมาณไม่เกินร้อยละ 0.2

ผู้สนับสนุนกัญชาและผู้ประกอบการในประเทศไทยแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรม โดยสังเกตเห็นความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงไป อาทิ Chokwan Kitty Chopaka ผู้สนับสนุนและผู้ประกอบการกัญชาชาวไทย กล่าวว่า ช่วงเวลาชั่วคราวสำหรับธุรกิจที่ก่อนหน้านี้ผิดกฎหมายและได้ขึ้นมาอยู่เหนือพื้นดินกำลังใกล้จะสิ้นสุดแล้ว พวกเขาจะต้องปรับเปลี่ยนหรือเสี่ยงต่อการติดคุก หรือพวกเขาจะลงไปใต้ดินซึ่งมันไม่ดีกว่านี้อีกแล้ว

ปัจจุบันร่างกฎหมายดังกล่าวเปิดให้รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและกลุ่มต่างๆ ที่เกี่ยวข้องหรือมีส่วนได้-ส่วนเสีย ไปจนถึงวันที่ 23 ม.ค. 2567 ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น จากนั้นกระทรวงสาธารณสุขจะส่งข้อเสนอขั้นสุดท้ายต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) จากนั้นจะส่งให้รัฐสภาพิจารณาอนุมัติตามลำดับ


พาสปอร์ตไทยติดอันดับ 63 ทรงอิทธิพลของโลกปี 2567

12 ม.ค. 2567 เว็บไซต์ henleyglobal.com องค์กรที่จัดอันดับ Henley Passport Index หรืออันดับหนังสือเดินทางของประเทศหรือดินแดนต่างๆ ที่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้มาก-น้อยเพียงใด พบว่า ผลการจัดอันดับในปี 2567 ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มอันดับที่ 63 ของโลก สามารถเดินทางไปได้ 82 ประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า สูงขึ้นจากการจัดอันดับในปี 2566 ซึ่งไทยอยู่ในอันดับ 68 ของโลก สามารถเดินทางไปได้ 78 ประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า

โดย 10 อันดับพาสปอร์ตที่สามารถใช้เดินทางไปต่างประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่าได้มากที่สุดในโลก อันดับ 1 มี 6 ประเทศ คือ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และสเปน ไปได้ 194 ปะรเทศ อันดับ 2 มี 3 ประเทศ คือ ฟินแลนด์ เกาหลีใต้ และสวีเดน ไปได้ 193 ประเทศ อันดับ 3 มี 4 ประเทศ คือ ออสเตรีย เดนมาร์ก ไอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์ ไปได้ 192 ประเทศ อันดับ 4 มี 5 ประเทศ คือ เบลเยียม ลักเซมเบิร์ก นอร์เวย์ โปรตุเกสและอังกฤษ ไปได้ 191 ประเทศ อันดับ 5 มี 3 ประเทศ คือ กรีซ มอลตา และสวิตเซอร์แลนด์ ไปได้ 190 ประเทศ

อันดับ 6 มี 4 ประเทศ คือ ออสเตรเลีย สาธารณรัฐเช็ก นิวซีแลนด์และโปแลนด์ ไปได้ 189 ประเทศ อันดับ 7 มี 3 ประเทศ คือ แคนาดา ฮังการีและสหรัฐอเมริกา ไปได้ 188 ประเทศ อันดับ 8 มี 2 ประเทศ คือ เอสโตเนียและลิธัวเนีย ไปได้ 187 ประเทศ อันดับ 9 มี 3 ประเทศ คือ ลัตเวีย สโลวาเกียและสโลวีเนีย ไปได้ 186 ประเทศ และอันดับ 10 ไอซ์แลนด์ ไปได้ 185 ประเทศ

สำหรับอันดับประเทศหรือดินแดนในทวีปเอเชีย อันดับ 1 มี 2 ประเทศ คือ ญี่ปุ่นและสิงคโปร์ (อันดับ 1 โลก) ไปได้ 194 ประเทศ อันดับ 2 เกาหลีใต้ (อันดับ 2 โลก) ไปได้ 193 ประเทศ อันดับ 3 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE – อันดับ 11 โลก) ไปได้ 183 ประเทศ อันดับ 4 มาเลเซีย (อันดับ 12 โลก) ไปได้ 182 ประเทศ อันดับ 5 เขตปกครองพิเศษฮ่องกง (อันดับ 19 โลก) ไปได้ 181 ประเทศ อันดับ 6 บรูไน (อันดับ 20 โลก) ไปได้ 168 ประเทศ อันดับ 7 อิสราเอล (อันดับ 21 โลก) ไปได้ 166 ประเทศ อันดับ 8 เขตปกครองพิเศษมาเก๊า (อันดับ 34 โลก) ไปได้ 144 ประเทศ อันดับ 9 ไต้หวัน (อันดับ 35 โลก) ไปได้ 143 ประเทศ และอันดับ 10 กาตาร์ (อันดับ 53 โลก) ไปได้ 108 ประเทศ

ขณะทีประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน - ยังไม่นับติมอร์เลสเค) อันดับ 1 สิงคโปร์ (อันดับ 1 โลก) ไปได้ 194 ประเทศ อันดับ 2 มาเลเซีย (อันดับ 12 โลก) ไปได้ 182 ประเทศ อันดับ 3 บรูไน (อันดับ 20 โลก) ไปได้ 168 ประเทศ อันดับ 4 ไทย (อันดับ 63 โลก) ไปได้ 82 ประเทศ อันดับ 5 อินโดนีเซีย (อันดับ 66 โลก) ไปได้ 78 ประเทศ อันดับ 6 ฟิลิปปินส์ (อันดับ 73 โลก) ไปได้ 69 ประเทศ อันดับ 7 กัมพูชา (อันดับ 86 โลก) ไปได้ 56 ประเทศ อันดับ 8 เวียดนาม (อันดับ 87 โลก) ไปได้ 55 ประเทศ อันดับ 9 ลาว (อันดับ 90 โลก) ไปได้ 51 ประเทศ และอันดับ 10 เมียนมา (อันดับ 92 โลก) ไปได้ 48 ประเทศ

ส่วน 10 อันดับหนังสือเดินทางที่ใช้เดินทางไปต่างประเทศได้น้อยที่สุดในโลกประจำปี 2567 อันดับ 1 อัฟกานิสถาน (อันดับ 104 โลก) ไปได้น้อยที่สุด เพียง 28 ประเทศ อันดับ 2 ซีเรีย (อันดับ 103 โลก) ไปได้ 29 ประเทศ อันดับ 3 อิรัก (อันดับ 102 โลก) ไปได้ 31 ประเทศ อันดับ 4 ปากีสถาน (อันดับ 101 โลก) ไปได้ 34 ประเทศ อันดับ 5 เยเมน (อันดับ 100 โลก) ไปได้ 35 ประเทศ

อันดับ 6 โซมาเลีย (อันดับ 99 โลก) ไปได้ 36 ประเทศ อันดับ 7 (อันดับ 98 โลก) มี 3 ประเทศ คือ ลิเบีย เนปาลและปาเลสไตน์ ไปได้ 40 ประเทศ อันดับ 8 (อันดับ 97 โลก) มี 2 ประเทศ คือ บังกลาเทศและเกาหลีเหนือ ไปได้ 42 ประเทศ อันดับ 9 (อันดับ 96 โลก) มี 2 ประเทศ คือ เอริเทรียและศรีลังกา และอันดับ 10 (อันดับ 95 โลก) มี 4 ประเทศ คือ อิหร่าน เลบานอน ไนจีเรียและซูดาน ไปได้ 45 ประเทศ


ครั้งแรกของโลก! 'สหรัฐฯ'เตรียมประหารนักโทษด้วยก๊าซไนโตรเจน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ มีคำตัดสินอนุญาตให้รัฐแอละแบมาสามารถดำเนินการประหารชีวิตนักโทษโดยการ “ทำให้ขาดอากาศหายใจด้วยก๊าซไนโตรเจน” ได้ นับเป็นครั้งแรกที่จะมีการประหารนักโทษด้วยวิธีการนี้

การประหารชีวิตด้วยก๊าซไนโตรเจนนั้น เจ้าหน้าที่เพชฌฆาตจะมัดหน้ากากเข้ากับใบหน้าของนักโทษ ซึ่งหน้ากากนี้จะเชื่อมต่อกับถังก๊าซไนโตรเจน ซึ่งเป็นก๊าซที่มีคุณสมบัติ แทนที่ออกซิเจน

ข่าวระบุว่า นักโทษคนแรกที่จะถูกประหารด้วยก๊าซไนโตรเจน คือนายเคนเนธ สมิธ นักโทษวัย 58 ปี ที่ถูกตัดสินประหารชีวิต จากข้อหาฆาตกรรม และมีกำหนดจะถูกประหารในวันที่ 25 มกราคมนี้ ด้วยวิธีที่เรียกว่า ไนโตรเจน ไฮโปเซีย หรือการทำให้อากาศมีไนโตรเจนเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ จนร่างกายขาดออกซิเจน ที่เชื่อว่า ไม่ทำให้เกิดความทรมานแต่อย่างใด ด้วยการให้นักโทษสวมหน้ากาก ที่จะเชื่อมท่อไนโตรเจนเข้ากับจมูกและปากของนักโทษ เพื่อให้นักโทษสูดดมก๊าซไนโตรเจนเข้าไปแทนที่ออกซิเจน ทำให้นักโทษขาดออกซิเจนและเสียชีวิตในที่สุด

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญขององค์การสหประชาชาติเตือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า การประหารชีวิตโดยใช้ภาวะขาดอากาศหายใจด้วยก๊าซเฉื่อย ซึ่งถือเป็นกรณีแรกในโลก อาจถือเป็นการละเมิดสนธิสัญญาระหว่างประเทศในเรื่องการต่อต้านการทรมานและการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี

เผยภาพมือปืนเอกวาดอร์ เอาปืนจ่อศีรษะผู้ประกาศในห้องส่ง

กิโต (รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) - จากเหตุการณ์กลุ่มมือปืนในเอกวาดอร์บุกยึดห้องส่งสถานีโทรทัศน์ซึ่งเป็นข่าวดังไปทั่วโลก ล่าสุด มีการเผยแพร่ภาพเหตุการณ์ขณะคนร้ายเล็งปืนจ่อหัวผู้ประกาศ ซึ่งภาพเหตุการณ์ดังกล่าวออกอากาศไปทั่วประเทศ ด้านผู้นำเอกวาดอร์ประกาศสงครามกับแก๊งอาชญากรรมและค้ายาเสพติดในประเทศ

สื่อต่างประเทศรายงานพร้อมเผยแพร่ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในห้องส่งของสถานีโทรทัศน์ทีซี ในเมืองกัวยากิลของเอกวาดอร์ เมื่อช่วงบ่ายวันอังคารที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น กลุ่มมือปืน 13 คนพร้อมอาวุธครบมือสวมหมวกและหน้ากากบิดบังใบหน้าบุกเข้าไปจับตัวพนักงานและเจ้าหน้าที่ทั้งหมดภายในห้องส่งเป็นตัวประกัน หนึ่งในมือปืนยังใช้ทั้งปืนยาวและปืนสั้นเล็งไปที่ศีรษะของ โฮเซ่ ลูอิส คัลเดรอน ผู้ประกาศของทางสถานี ซึ่งกำลังพูดอยู่หน้ากล้องขอร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจถอนกำลังออกจากบริเวณสถานี คนร้ายบางคนยังเอาระเบิดออกมาโชว์ต่อหน้ากล้องเพื่อข่มขู่ด้วย

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะสถานีโทรทัศน์แห่งนี้กำลังออกอากาศรายการสดอยู่ ทำให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถูกถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศเป็นเวลาถึง 20 นาที สร้างความตกตะลึงให้กับประชาชนชาวเอกวาดอร์ทั้งประเทศ และกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก แต่ในที่สุด เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถบุกเข้ารวบตัวมือปืนทั้ง 13 คนได้ทั้งหมด และช่วยเหลือตัวประกันทุกคนภายในอีก 30 นาทีต่อมา แต่มีพนักงาน 2 คนได้รับบาดเจ็บ

ล่าสุด ประธานาธิบดีแดเนียล โนโบอา แถลงผ่านทางวิทยุว่า เวลานี้ เอกวากอร์กำลังทำสงครามปราบปรามผู้ก่อการร้าย ซึ่งเขาจะไม่มีวันยอมอ่อนข้อให้กลุ่มก่อร้ายอย่างเด็ดขาด ขณะที่ทางกองทัพกำลังเดินหน้ากวาดล้างแก๊งอาชญากรเพื่อคืนความสงบสุขให้แก่ประชาชนหลังเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นต่อเนื่องในช่วงนี้ ล่าสุด กองทัพแถลงว่าสามารถจับกุมผู้ก่อการร้ายได้แล้ว 329 คน

การกวาดล้างแก๊งอาชญากรในรอบนี้ มีขึ้นหลังจาก อดอลโฟ มาซิอัส หัวหน้าแก๊งค้ายาลอส โคเนรอส หลบหนีออกจากเรือนจำไปเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากนั้นยังเกิดเหตุจลาจลในเรือนจำหลายแห่ง นักโทษจับผู้คุมและเจ้าหน้าที่ 130 คนเป็นตัวประกัน ทำให้ประธานาธิบดีโนโบอาต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินนาน 60 วันเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเพื่อปราบปรามแก๊งอาชญากร พร้อมขึ้นบัญชีแก๊งอาชญากรรม 22 กลุ่มเป็นองค์การก่อการร้าย ซึ่งจะเป็นเป้าหมายในปฏิบัติการทหาร

สำหรับเอกวาดอร์ ตั้งอยู่ระหว่างประเทศโคลอมเบียกับเปรู ซึ่งเป็น 2 ผู้ผลิตโคเคนรายใหญ่ของโลก ทำให้เอกวาดอร์กลายเป็นเส้นทางที่สำคัญในการขนส่งยาเสพติดไปยังสหรัฐฯ และยุโรป ที่ผ่านมา เอกวาดอร์เผชิญปัญหาอาชญากรรมความรุนแรงพุ่งสูง ทั้งในและนอกเรือนจำ ซึ่งเป็นผลจากการต่อสู้แย่งชิงอำนาจระหว่างแก๊งค้ายา

และด้วยความที่แก๊งอาชญากรเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกับผู้มีอำนาจทางการเมือง จึงเหิมเกริมก่อเหตุอุกอาจต่อเนื่อง