ข่าว
“จาตุรนต์" เหน็บ”สุขุมพันธ์” ยังมีเวลา 4วันร้องไห้เร็วไป

เมื่อเวลา 16.30 น. ที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 สวนลุมพินี พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดเวทีปราศรัยใหญ่ " 3 มีนาคม 2556 พลิกโฉม กทม. เลือกพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ หมายเลข 9" ซึ่งเป็นเวทีปิดท้ายการหาเสียงช่วยพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผูู้ว่าฯกทม. พท. หมายเลข 9

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ปราศรัยว่า พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)ระดม ขุนพลปราศรัยพูดเรื่องเดียวอย่าเลือกคนเผาบ้านเผาเมือง พูดได้แค่นี้เป็นผู้ว่าฯกทม.มา 8 ปีแต่ไม่พูดถึงผลงานที่ผ่านมาคำตอบคือไม่มีผลงาน ปชป.ถนัดหาเสียงทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม หาเสียงบนความหวาดกลัว ที่ปชป.วาดขึ้นมาเอง เพราะปชป.กลัวจะแพ้การเลือกตั้งกลัวจะมีการกดดันให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลาออกจากหัวหน้าพรรค

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า การเลือกตั้งทั่วไปปี 2554 ปชป.เคยโจมตี พท.ว่า อย่าเลือกผู้ก่อการร้าย แต่ 1ปีที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้ามาบริหารประเทศไปเยือนต่างประเทศถึง 30 ประเทศ มากที่สุดตั้งแต่มีนายกฯมา นี่คือ1ปีที่บอกว่าอย่าเลือกผู้ก่อการร้าย อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.พงศพัศ กำลังใช้โอกาสให้กทม.เป็นหัวขบวนร่วมกับการเปลี่ยนแปลงของโลกให้เกิดกับประเทศให้คนกทม.ได้ประโยชน์ ทั้งนี้ ปชป.หาเสียงว่าจะรักษาเมืองหลวงไว้ไม่ให้ตกเป็นเมืองขึ้น ถ้าพล.ต.อ.พงศพัศ ชนะการเลือกตั้งขึ้นมา คนกทม.จะกลายเป็นชาวต่างชาติหรือไม่ หรือปชป.จะตั้งขบวนการกอบกู้เอกราช ทั้งที่ พล.ต.อ.พงศพัศจะเข้ามาพัฒนากทม. ปชป.เป็นเจ้าของกทม.เท่านั้นหรือไม่ ทำให้ปชป.ตาพร่ามัวพร้อมใจกันเสียสติ

"ปชป.บอกว่าหยุดผูกขาดประเทศ ที่ผูกขาดคือการเป็นนานๆไม่ยอมให้คนอื่นมาเปลี่ยนแปลง เราต้องหยุดการผูกขาดกทม.ได้แล้ว เมื่อวานนี้ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ แถลงข่าวพูดว่าจะสานงานต่อและร้องไห้ด้วย ผมไม่ตำหนิที่ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ร้องไห้ แต่ขอตำหนิม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ที่ร้องไห้เร็วไป4วัน ทั้งที่ควรร้องไห้ในวันที่ 4 มีนาคมก็ได้" นายจาตุรนต์ กล่าว

ศาลสั่งให้เทเวศประกันภัย จ่ายคดีเผาเมือง 4 พันล้าน

เมื่อวันที่ 1 มี.ค. บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ "CPN" โดยนางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ เลขานุการบริษัทฯ แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ตามที่บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย ได้ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายอันเนื่องมาจากเหตุเพลิงไหม้โครงการเซ็นทรัลเวิลด์ จาก บริษัทเทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2554 ในวันนี้ (วันที่ 1 มีนาคม 2556) ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาให้บริษัทฯ ชนะคดี โดยพิพากษาให้เทเวศประกันภัยชำระเงินค่าสินไหมทดแทนเนื่องจากทรัพย์สินเสียหาย จำนวนเงิน 2,719,734,975.29 บาท และค่าสินไหมทดแทนเนื่องจากการขาดรายได้ จำนวนเงิน 989,848,850.01 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 31 มีนาคม 2554 เป็นต้นไปจนกว่าเทเวศประกันภัยจะชำระเงินดังกล่าวครบถ้วน (รวมเป็นเงินประมาณ3,708ล้านบาท ยังไม่รวมดอกเบี้ย) แต่ทั้งนี้ เทเวศประกันภัยสามารถยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา และสามารถขยายระยะเวลาอุทธรณ์ได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล

ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 1 มีนาคม ศาลมีคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ ที่ ผบ.4326/2554 ที่กองทุนรวมธุรกิจไทย 4 และบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัดผู้ประกอบการศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กับพวก รวม 4 ราย ยื่นฟ้อง บริษัทเทเวศประกันภัย จำกัด(มหาชน) เป็นจำเลย คดีคุ้มครองผู้บริโภค เรื่องประกันภัย เพื่อให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 3,838,296,969 บาท พร้อมดอกเบี้ยเนื่องจาก บ.เทเวศ ฯ ปฏิเสธจ่ายค่าสินไหมทดแทนกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ศูนย์ค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ช่วงเหตุการณ์กระชับพื้นที่การชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช.) เมื่อเดือน พ.ค.53 ที่ผ่านมา โดย บ.เทเวศ ฯ อ้างเหตุว่าเพลิงไหม้ เกิดจากการก่อการร้าย ซึ่งกรมธรรม์ไม่คุ้มครอง

ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า บ.เทเวศ ฯ ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมตามกรมธรรม์ โดยเหตุเพลิงไหม้จากเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 2553 ไม่ใช่กรณีก่อการร้ายหรือกรณีอื่นที่อยู่ในข้อยกเว้นของกรมธรรม์แต่อย่างใด จึงพิพากษา ให้ บ.เทเวศ ฯ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ซึ่งเป็นค่าเสียหายต่อทรัพย์สินจำนวน 2,719,734,979.29 บาท และค่าความเสียหายต่อธุรกิจหยุดชะงักจำนวน 989,848,850.01 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันที่ 31 มีนาคม 2554 จนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยชดใช้ค่าทนายความแทนโจทก์ด้วยอีก 60,000 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ดีคำพิพากษาดังกล่าวยังเป็นเพียงคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ซึ่งจำเลยยังสามารถยื่นอุทธรณ์คดีได้ภายใน 30 วันตามกฎหมาย

ด้านบริษัทเทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน) ชี้แจงว่า ตามที่ศาลแพ่งในคดีหมายเลขดำที่ ผบ. 4326/2554 ระหว่าง กองทุนรวมธุรกิจไทย 4 กับพวกรวม 4 คน โจทก์ และ บริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน) (บริษัท เทเวศฯ) จำเลย ได้มีคำพิพากษาในวันที่ (1 มีนาคม 2556) ให้บริษัท เทเวศฯ รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์จำนวนรวม 3,709,583,825 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2554

บริษัท เทเวศฯ ขอเรียนชี้แจงว่า คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากเหตุการณ์ความวุ่นวายในบ้านเมืองอันส่งผลให้เกิดเพลิงไหม้อาคารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์บริเวณสี่แยกราชประสงค์ในวันที่19 พฤษภาคม 2553 และอาคารศูนย์การค้าดังกล่าวได้ทำประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน และประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก ไว้กับบริษัท เทเวศ ฯเหตุการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดความสูญเสียและเสียหายต่อผู้เอาประกันจำนวนมากและไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนว่าสาเหตุของความเสียหายนั้นเป็นผลมาจากภัยในลักษณะใดและอยู่ภายใต้เงื่อนไขของกรมธรรม์ที่กำหนดหรือไม่ ดังนั้น ผู้เอาประกันภัยจึงได้นำเรื่องเข้าสู่กระบวนการทางศาลเพื่อหาข้อยุติ จนกระทั่งในวันที่ 1 มีนาคม 2556) ศาลแพ่งได้มีคำพิพากษาให้บริษัท เทเวศฯ รับผิด ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อโจทก์ข้างต้น ณ ขณะนี้ บริษัท เทเวศฯ ยังไม่ได้รับสำเนาคำพิพากษาฉบับสมบูรณ์ ดังนั้น จึงยังไม่สามารถแจ้งเหตุผลและรายละเอียดของคำพิพากษาดังกล่าวได้

อย่างไรก็ตามบริษัท เทเวศฯ ขอเรียนชี้แจงว่าบริษัท เทเวศฯ ดำเนินธุรกิจประกันวินาศภัยด้วยหลักธรรมาภิบาลเสมอมา และเคารพในคำวินิจฉัยของศาล แต่เนื่องจากคดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุดและในการรับประกันภัยตามกรมธรรม์นี้ บริษัท เทเวศฯ ได้กระจายความเสี่ยงโดยจัดให้มีการประกันภัยต่อไปยังบริษัทรับประกันภัยต่อทั้งในประเทศและต่างประเทศ (Re-insurer) หลายบริษัท ดังนั้นบริษัท เทเวศฯ จึงจำเป็นต้องปรึกษาและประสานงานกับบริษัทรับประกันภัยต่อ (Re-insurer) เพื่อขอแนวทางในการดำเนินการต่อไป

ทั้งนี้ บริษัท เทเวศฯ ขอเรียนว่าฐานะการเงินของบริษัทยังคงมีความมั่นคง และเชื่อมั่นว่าในท้ายที่สุดหากบริษัท เทเวศฯ ต้องชำระเงินตามคำพิพากษาดังกล่าว บริษัท เทเวศฯ จะได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากผู้รับประกันภัยต่อตามกรมธรรม์ประกันภัยต่อ ดังนั้น คำพิพากษาดังกล่าวจึงไม่มีผลกระทบต่อความมั่นคงและสถานะทางการเงินของบริษัท เทเวศฯ แต่อย่างใด

พท.ปราศรัยใหญ่ ขอคะแนนคนกรุง

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 1 มี.ค. ที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 สวนลุมพินี พรรคเพื่อไทยจัดปราศรัยใหญ่เวทีปิดท้ายก่อนวันลงคะแนนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เพื่อช่วยหาเสียงให้กับ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครหมายเลข 9 บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำคณะพร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี อาทิ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ศึกษาธิการ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ตลอดจนแกนนำพรรค อดีตนายทหาร ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ รวมทั้งระดมส.ส.ของพรรคจากทั่วประเทศ กว่า 300 คนร่วมขึ้นเวทีปราศรัย ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยได้รับความสนใจจากประชาชนเดินทางมาฟังการปราศรัยจำนวนมาก

สำหรับเนื้อหาผู้ปราศรัยมุ่งเน้นไปที่การขอโอกาสให้พรรคเพื่อได้เข้ามาบริหารกทม.พร้อมชูนโยบายไร้รอยต่อ ภายใต้การประสานระหว่างกทม.กับรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นนโยบายลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เพิ่มโครงข่ายคมนาคม เพื่อความสะดวกในการเดินทาง พร้อมยืนยันว่าทุกนโยบายสามารถทำได้จริง และสามารถตรวจสอบได้

ขณะที่ นายจาตุรนต์ ปราศรัยตอนหนึ่งว่า พรรคเพื่อไทยหาเสียงโดยชูนโยบายว่าจะทำประโยชน์และพัฒนา กทม.อย่างไร มี พล.ต.อ.พงศพัศ เสนอตัวเข้ามาทำงานทำให้กทม.เป็นหัวขบวนของจังหวัดอื่นในการเข้าร่วมกับประเทศต่างๆ แต่ขณะที่พรรคคู่แข่งกลับพูดเรื่องที่สร้างความแตกแยก เผาบ้านเผาเมือง สวนทางกับการสร้างบรรยากาศปรองดอง สะท้อนให้เห็นวิสัยทัศน์ที่แตกต่างกัน

“การหาเสียงครั้งนี้นายกรัฐมนตรีเหนื่อยที่สุด เราทุกคนหวังว่าพรรคเพื่อไทยจะได้รับใช้ กทม.สักครั้ง ขอให้เลือก พล.ต.อ.พงศพัศ เพื่อเป็นหัวขบวนการพัฒนาการเลือกตั้งครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสแล้ว โดยไม่ใช่แค่เอาชนะคู่แข่งทางการเมือง แต่ชัยชนะครั้งนี้จะเป็นความภาคภูมิใจของพี่น้องชาวกทม.ที่เลือกอย่างมีวิสัยทัศน์ ต้องการเปลี่ยนแปลง เลือกตั้ง เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ทำให้กทม.เปลี่ยนแปลงพัฒนาไปข้างหน้า เพื่อประชาชนและลูกหลานชาวกทม.และขอให้มั่นใจว่าทุกนโยบายที่ประกาศไว้ทำได้จริง ไม่ให้เสียชื่อพรรคเพื่อไทยและพรรคไทยรักไทยในอดีต” นายจาตุรนต์ กล่าว

ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวปราศรัยแสดงความมั่นใจว่า พล.ต.อ.พงศพัศ จะได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้ว่าฯ กทม. แต่หากพ่ายแพ้การเลือกตั้งตนจะของดให้สัมภาษณ์สื่อเป็นเวลา 10 วัน.