ข่าว
เสี่ยงจุดไฟประท้วง! 'ศรีลังกา'ลงมติเลือก'นายกฯ' เป็นประธานาธิบดีคนใหม่

20 ก.ค.65 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สถานการณ์วิกฤตทางการเมืองส่อเค้าปะทุอีกระลอก ล่าสุดสมาชิกรัฐสภาศรีลังกาลงคะแนนเลือกนายรานิล วิกรมสิงเห นายกรัฐมนตรี 6 สมัยให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในวันนี้

อย่างไรก็ตาม การลงคะแนนดังกล่าวเสี่ยงจุดชนวนความโกลาหลทางการเมืองขึ้นอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ทางกลุ่มนักศึกษาและประชาชนออกมาคัดค้านการชิงเก้าอี้ของนายรานิล วิกรมสิงเห ซึ่งมีความใกล้ชิดกับนายโกตาบายา ราชปักษา อดีตประธานาธิบดีที่ถูกขับไล่และหนีออกนอกประเทศไปแล้ว เนื่องจากในหมู่ประชาชนชาชนยังโกรธแค้นที่บริหารราชการจนทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ และการเมืองที่เลวร้ายจนประเทศล้มละลาย

นายวิกรมสิงเห วัย 73 ปี ทำหน้าที่รักษาการประธานาธิบดีแทนนายโกตาบายา ราชปักษา ที่ลาออกจากตำแหน่งทางอีเมล หลังจากหนีออกนอกประเทศเมื่อสัปดาห์ก่อน เขามีประสบการณ์ทางการทูตและเวทีระหว่างประเทศอย่างกว้างขวาง ขณะนี้กำลังเจรจาขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ (IMF) เขาได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลผสมที่เสียงแตก แต่ไม่เป็นที่ต้องการของผู้ประท้วงที่มองว่าเขาคือมรดกตกทอดของรัฐบาลราชปักษา

สมาชิกสภา 225 คนลงคะแนนลับเลือกประธานาธิบดีในวันนี้ นายวิกรมสิงเหได้ 134 เสียง ทิ้งขาดนายดัลลัส อาลาฮัปเปรูมา วัย 63 ปี อดีตรัฐมนตรีสื่อมวลชนที่ได้ 82 เสียง เขาจะดำรงตำแหน่งไปจนกว่าจะครบวาระของนายราชปักษาในสิ้นปี 2567

ขณะที่มีผู้สนับสนุนนายรานิล วิกรมสิงเห ออกมาจุดประทัดเฉลิมฉลองหลังจากที่เขาได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีในกรุงโคลัมโบ

'ก้าวไกล'ขุดมหากาพย์ไม้ล้างป่าช้า GT200 ถล่มเรียงหน้า'พี่น้อง 3 ป.'

เมื่อเวลา 19.37 น. วันที่ 20 ก.ค. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระพิจารณาญัตติขอเปิดการอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 จำนวน 11 คนต่อเป็นวันที่สองนั้น

นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กรณีการจัดซื้อเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด GT-200 ที่ไม่สามารถใช้งานได้จริงว่า คดี GT-200 ถือเป็นมหกรรมการทุจริตครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ เกิดขึ้นในช่วง 2549-2552 จากการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องค้นหาวัตถุระเบิดและสารเสพติดต่างๆ ที่ต่อมาถูกแหกว่าไร้คุณภาพ จนมีการให้ฉายาความห่วยแตกว่าไม่ต่างอะไรกับไม้ล้างป่าช้า

ส่วนสาเหตุที่สังคมไทยไม่ลืมเรื่องค่าโง่ GT-200 ทั้งที่ผ่านมาแล้ว 13 ปี ก็เพราะยังคงมีคำถามที่ยังไม่เคยได้รับคำตอบว่า ใครต้องรับผิดชอบจากการจัดซื้อเครื่อง GT-200 ปัญหาสำคัญของการจัดซื้อเครื่องนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การทุจริตที่ทำให้ประเทศชาติสูญเงินฟรีนับพันล้าน แต่ยังเป็นต้นเหตุที่ทำให้ทหารและพลเรือนหลายคนได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิด เพราะเครื่องที่ใช้การไม่ได้ ทั้งยังทำให้ผู้บริสุทธิ์นับร้อยรายต้องโดนละเมิดสิทธิมนุษยชนจากการโดนคุมขัง ดำเนินคดี เพราะเครื่องชี้ผิดชี้ถูก ดังนั้นเรื่องนี้มันไม่ใช่แค่เพียงได้เงินคืนแล้วจบ แต่ต้องมีการเอาผิดไปถึงผู้ที่อนุมัติการซื้อเครื่องนี้เข้ามา เพราะมันได้ทำร้ายชีวิตของผู้คนไปมากมาย

นายจิรัฏฐ์ กล่าวต่อว่า คดีนี้เพิ่งมีความคืบหน้าไปอีกขั้น เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2565 อัยการสูงสุด โดยอัยการศาลทหารกรุงเทพ ได้ยื่นฟ้องทหารจำนวน 22 คน ในข้อหาว่ากระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากกรณีที่กองทัพบกสั่งซื้อ GT-200 เป็นจำนวน 12 สัญญา ทั้งหมด 757 เครื่อง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 682,600,000 บาท สำนวนนี้รับต่อจากป.ป.ช. ที่มีมติชี้มูลความผิดทหารทั้ง 22 นาย แต่ประเด็นสำคัญคือ คดีนี้กลับชี้ไปไม่ถึงผู้มีส่วนสำคัญในการอนุมัติเลย ทั้งที่ GT-200 เกือบทั้งหมด ถูกอนุมัติสั่งซื้อโดยพล.อ.อนุพงษ์ ผบ.ทบ.ขณะนั้น ร่วมกับพล.อ.ประวิตร รมว.กลาโหมขณะนั้นโดยการสั่งซื้อครั้งที่ 11 พบว่าเสนาธิการทหารบกผู้รับคำสั่งจาก ผบ.ทบ. ให้เซ็นอนุมัติซื้อ มีชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างทั้ง 12 สัญญา ซึ่ง ป.ป.ช. ถืออยู่มา 10 ปีแล้ว คำถามคือทำไมชื่อเหล่านี้หายไป คดีนี้มองมุมไหนก็ส่อเค้าทุจริตและพล.อ.อนุพงษ์และพล.อ.ประวิตรต้องรับผิดชอบด้วย แต่สาเหตุที่ไม่สามารถนำไปสู่การชี้มูลความผิดได้ เพราะ ป.ป.ช. ซึ่งรู้กันว่ามีที่มาเกี่ยวข้องกับการรัฐประหารเพิกเฉยในการทำหน้าที่จึงไม่สามารถไปสู่การดำเนินคดีต่อได้

"คดีนี้ป.ป.ช.ไม่แจ้งข้อกล่าวหารมว.กลาโหม ผู้มีอำนาจอนุมัติจัดซื้อในการจัดซื้อ ผู้บัญชาการทหารบกผู้มีอำนาจอนุมัติจัดซื้อในการจัดซื้อ อัยการสูงสุดจึงไม่มีอำนาจพิจารณาการกระทำความผิดของบุคคลดังกล่าวได้ นอกจากกรณีที่คนเซ็นอนุมัติไม่ต้องรับผิดชอบแล้ว ภายหลังการรัฐประหารโดยพล.อ.ประยุทธ์ การหาความจริงในคดีนี้จากหน่วยงานตรวจยิ่งหายไปเลย ขณะที่เมื่อหันไปดูฝั่งผู้ขาย คือ Avia Satcom ซึ่งขาย GT-200 ให้กับทุกหน่วยงานในกองทัพ รวมถึงกองทัพบกที่อ้างมาตลอดว่าโดนหลอก พบว่ากว่าจะดำเนินคดีกับ 18 มงกุฏที่มาหลอกได้ ใช้เวลาคิดอยู่ 7 ปี โดยเพิ่งจะยื่นฟ้องเมื่อปี 60 คดีถึงที่สิ้นสุดในปี 65 ศาลปกครองลงโทษให้กรรมการหนึ่งคนของ เอวิเอ แซทคอม ต้องชดใช้เงิน 683 ล้านพร้อมดอกเบี้ย แต่ต่อมาศาลได้ให้ประกันตัวและได้ข่าวว่าย้ายไปอยู่อังกฤษนานแล้วจึงไม่รู้ว่าถึงชนะจะได้เงินคืนหรือไม่" นายจิรัฏ กล่าว

และว่า สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้กองทัพจะอ้างว่าโดน Avia Satcom หลอก แต่กลับพบว่า หลังการรัฐประหาร 57-65 บริษัทในก๊วนเดียวกันกับเครือนี้ยังคงได้รับการประเคนงานจากกองทัพและกระทรวงกลาโหมอย่างต่อเนื่องคิดเป็นมูลค่าประมาณ 8,000 ล้านบาท และโครงการเกือบทั้งหมด เป็นการจัดซื้อจัดจ้าง โดยวิธีพิเศษ ไม่มีการประมูลและสืบราคา และประเด็นสำคัญคือประธานอาวุโสของ Avia Satcom คือคีย์แมนคนสำคัญในการรัฐประหาร 49 และเป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 6 รุ่นเดียวกับ พล.อ.ประวิตร มีผลงานเด่นๆเช่น นำเข้าฝูงบินกริพเพนที่ราคาแพงเกินจริง โครงการจัดซื้อโดรนต่างๆ ความปลอดภัยไซเบอร์

"หลังรัฐประหารเคยได้เป็นทั้ง สนช.,รองปลัดกระทรวงกลาโหม ประธาน กสทช. ควบตำแหน่ง ผ.อ. สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ที่มีโครงการทำวิจัยภายใต้ข้อตกลงรูปแบบความร่วมมือมากมายกับ Avia Satcom ซึ่งเป็นบริษัทตัวเอง ด้วยเหตุผลล้านแปด ผมไม่สามารถไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร และพล.อ.อนุพงษ์ ให้บริหารราชการแผ่นดินต่อไป ขอให้พวกท่านไม่ไปดี ไม่เจอสุคติ และไม่ต้องคาดหวังจะได้รับการอโหสิกรรมจากพวกเรา” นายจิรัฏฐ์ กล่าว


ทะลุปรอท! สเปนเผชิญ'คลื่นความร้อนรุนแรง'พุ่ง 45 องศา ดับแล้วกว่า 500 ราย

20 กรกฎาคม 2565 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่ากระทรวงสาธารณสุขสเปนรายงานพบผู้เสียชีวิตจากสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศร้อน 510 ราย ในช่วงสัปดาห์แรกของคลื่นความร้อน ซึ่งส่งผลให้บางพื้นที่มีอุณหภูมิสูงถึง 45 องศาเซลเซียส

สถาบันสุขภาพคาร์ลอสที่ 3 สังกัดกระทรวงฯ รายงานพบกลุ่มผู้เสียชีวิตข้างต้นระหว่างวันที่ 10-16 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยพบผู้เสียชีวิตมากที่สุดเมื่อวันเสาร์ (16 ก.ค.) ซึ่งอยู่ที่ 150 ราย โดยระบบติดตามการเสียชีวิตรายวันของสถาบันฯ ระบุว่ายอดผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศร้อนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วขณะคลื่นความร้อนทวีความรุนแรงขึ้น

ระบบดังกล่าวชี้ว่ายอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึงสี่เท่าจาก 15 ราย เป็น 60 ราย ในระยะเวลา 4 วัน นับตั้งแต่วันที่ 10-13 ก.ค. จากนั้นเพิ่มขึ้นเป็น 93 รายเมื่อวันพฤหัสบดี (14 ก.ค.) และ 123 รายเมื่อวันศุกร์ (15 ก.ค.) ก่อนจะแตะระดับสูงสุดที่ 150 รายเมื่อวันเสาร์ (16 ก.ค.) และคาดว่ายอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นเมื่อมีการเผยแพร่ตัวเลขผู้เสียชีวิตของวันอาทิตย์ (17 ก.ค.)

สภาพอากาศร้อนส่งผลกระทบต่อผู้สูงอายุมากเป็นพิเศษ โดยจากยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมด 510 ราย พบว่าเป็นผู้ที่มีอายุ 85 ปีขึ้นไป จำนวน 321 ราย อายุระหว่าง 75-84 ปี จำนวน 121 ราย และอายุระหว่าง 65-74 ปี จำนวน 44 ราย

อย่างไรก็ดียังมีรายงานพบผู้เสียชีวิตในกลุ่มประชากรอายุน้อยกว่า รวมถึงเจ้าหน้าที่เทศบาลในกรุงมาดริดที่เสียชีวิตจากโรคลมแดดจำนวน 2 ราย ทำให้หน่วยงานท้องถิ่นปรับเปลี่ยนชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อให้คนงานไม่ต้องทำงานกลางแจ้งในช่วงอากาศร้อนที่สุดของวัน ทั้งยังพบนักดับเพลิงและคนเลี้ยงแกะเสียชีวิตจากเหตุไฟป่าที่กำลังลุกลามในสเปน รวมถึงพื้นที่อื่นๆ ทางตอนใต้ของยุโรป

ทั้งนี้ คลื่นความร้อนครั้งนี้นับเป็นระลอกที่ 2 ในช่วงฤดูร้อนของสเปน โดยระลอกแรกกินเวลาตั้งแต่วันที่ 11-17 มิ.ย. และคร่าชีวิตผู้คน 829 รายทั่วประเทศ

‘เกาหลีใต้’อ่วม ติดโควิดวันเดียว 7.3 หมื่นคน

“เกาหลีใต้” พบยอดติดเชื้อโควิดรายใหม่เพิ่มกว่า 7.3 หมื่นคน ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย ช่วงที่เกาหลีใต้กำลังผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรค ด้านชาวมาเลเซีย ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดเพิ่มร้อยละ 51 ในรอบ 2 สัปดาห์เหตุวิตกว่าจะเกิดการระบาดของโควิดระลอกใหม่ในมาเลเซีย

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลีใต้ หรือเคดีซีเอ รายงานว่าเกาหลีใต้พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19รายใหม่ 73,582 คน เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับวันก่อน ซึ่งมีผู้ติดเชื้อเพียง 26,299 คน ขณะที่เกาหลีใต้มียอดผู้ติดเชื้อรายวันเฉลี่ย 40,342 คนเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา และ 41,310 คน เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม12 คน ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 18.8 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 24,700 คน

สำนักข่าวยอนฮัพของเกาหลีใต้ระบุว่า เกาหลีใต้มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พุ่งสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงสิ้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เนื่องจากการระบาดของเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยBA.5ที่แพร่ระบาดในช่วงวันหยุดฤดูร้อน โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ทะลุ 10,000 คนเมื่อวันที่ 29 มิถุนายนเป็นครั้งแรกในรอบ 3สัปดาห์ ก่อนจะพุ่งขึ้นเป็นกว่า 40,000 คนเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า เกาหลีใต้กำลังเข้าสู่การระบาดระลอกใหม่ หลังจากผู้ติดเชื้อกว่า 620,000 คน ในช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และคาดว่าอาจจะพบผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งสูงกว่า 200,000 คนในเดือนสิงหาคมนี้ ขณะที่รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ประกาศแนะนำให้ประชาชนอายุ 50 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปที่มีโรคประจำตัว เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 เข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันเข็ม 4 ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อป้องกันการระบาดซ้ำอีกระลอก

วันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เว็บไซต์เดอะสตาร์ของมาเลเซีย รายงานอ้างข้อมูลจากโพรเทคเฮลต์ องค์กรไม่แสวงหากำไรสังกัดกระทรวงสาธารณสุขมาเลเซียที่ระบุว่ามีชาวมาเลเซียเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ในช่วงวันที่ 4-10 กรกฎาคมที่ผ่านมา 50,774 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 31 จากในช่วงวันที่ 27 มิถุนายน-3 กรกฎาคม ที่มี 38,822 คน

ส่วนช่วงวันที่ 11-17 กรกฎาคม มีผู้เข้ารับการฉีดวัคซีน76,433 คน เพิ่มขึ้นจาก 2 สัปดาห์ก่อนถึงร้อยละ51 ทั้งยังระบุว่าขณะนี้มาเลเซียมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่และผู้ที่รักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ ส่วนผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขของมาเลเซียได้ออกมาเรียกร้องให้ชาวมาเลเซีย โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปและกลุ่มเปราะบาง เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันโดยด่วน เนื่องจากเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยสามารถแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็วและหลบหลีกภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติหลังจากติดเชื้อหรือภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากวัคซีน

ด้านศาสตราจารย์ พญ.มอยฟุงหมิง จากมหาวิทยาลัยมลายาของมาเลเซีย กล่าวว่า เชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.5 สามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากการฉีดวัคซีนโควิดครบ2 โดสหรือวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็มที่3 ดังนั้นการระบาดของเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยอาจทำให้เกิดการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซ้ำ แต่การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจะช่วยป้องกันไม่ให้มีอาการรุนแรง ป้องกันการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และช่วยลดอัตราการเสียชีวิตได้ ขณะนี้มาเลเซียมียอดผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 4.62ล้านคนและมีผู้เสียชีวิตกว่า 35,800 คน