ข่าว
ฮือฮา!!! จีนพบแหล่ง'ทองคำ'ขนาดใหญ่ คาดปริมาณสำรองเกิน 1 พันตัน

หูหนานพบแหล่ง 'ทองคำ' ขนาดใหญ่ คาดปริมาณสำรองเกิน 1 พันตัน:22 พ.ย.67 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สำนักธรณีวิทยามณฑลหูหนานทางตอนกลางของจีน เปิดเผยการค้นพบแหล่งทองคำขนาดใหญ่มากซึ่งคาดว่ามีปริมาณสำรองมากกว่า 1,000 ตัน

รายงานระบุว่า คณะนักธรณีวิทยาได้ตรวจพบสายแร่ทองคำมากกว่า 40 เส้นภายในความลึก 2,000 เมตรข้างใต้แหล่งทองคำว่านกู่ ในอำเภอผิงเจียงของหูหนาน โดยมีปริมาณทองคำสำรองสูงถึง 300 ตัน

นอกจากนี้ มีการคาดการณ์ว่าปริมาณทองคำสำรองภายในความลึก 3,000 เมตรของแหล่งทองคำว่านกู่นั้นมีอยู่มากกว่า 1,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 6 แสนล้านหยวน (ราว 2.86 ล้านล้านบาท)

เฉินหรูหลิน ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้นหาแร่ของสำนักฯ กล่าวว่าแกนหินที่ขุดเจาะลงไปมีทองคำอยู่แบบเห็นได้ชัด พร้อมเสริมว่าแร่ 1 ตันที่อยู่ภายในความลึก 2,000 เมตรมีทองคำอยู่สูงสุด 138 กรัม

ด้านหลิวยงจวิน รองหัวหน้าของสำนักฯ กล่าวว่ามีการนำเทคโนโลยีการสำรวจแร่ใหม่มาใช้ในแหล่งทองคำว่านกู่ อาทิ เทคโนโลยีสร้างแบบจำลองทางธรณีวิทยา 3 มิติ พร้อมสำทับว่ายังพบทองคำระหว่างการขุดเจาะบริเวณรอบนอกแหล่งทองคำว่านกู่อีกด้วย ซึ่งถือว่าการขุดค้นครั้งนี้มีแนวโน้มไปในทางที่ดี

รัสเซียเชื่อมั่นสหรัฐเข้าใจ “คำเตือน” หลังปูตินสั่งยิงขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกใส่ยูเครน

รัฐบาลมอสโกกล่าวว่า สหรัฐ "ทราบดี" ว่ารัสเซียต้องการเตือนอีกฝ่าย หลังผู้นำรัสเซียสั่งให้มีการยิงขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง โจมตีเป้าหมายในยูเครน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ว่านายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวถึงการที่รัสเซียทดสอบขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง หรือขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกรุ่นล่าสุด “โอเรชนิก” โดยเป็นการยิงไปที่เมืองดนิโปร ทางตอนกลางของยูเครน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ว่ารัฐบาลวอชิงตันคุ้นเคย และมีความเข้าใจกับสิ่งที่รัฐบาลมอสโกต้องการสื่อสาร ผ่านการทดสอบขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกที่เกิดขึ้น

เปสคอฟกล่าวว่า การที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวว่า สงครามในยูเครนกำลังยกระดับสู่การเป็น “การเผชิญหน้าระดับโลก” และไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ของการโจมตีตอบโต้โดยตรงไปยังฝ่ายตะวันตก ที่ให้ความสนับสนุนด้านอาวุธแก่ยูเครน ถือเป็น “การส่งสารที่ครอบคลุม ชัดเจน และสมเหตุสมผล” จากผู้นำรัสเซีย

ทั้งนี้ ผู้นำรัสเซียยืนยันว่า ไม่มีทางที่อาวุธชนิดใดจะต้านทานการโจมตีของขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกลูกดังกล่าวได้ ซึ่งมีชื่อว่า “โอเรชนิก” (Oreshnik) เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 10 มัค หรือ 10 เท่าของความเร็วเสียง หรือ 2.5-3 กิโลเมตรต่อวินาที

ขณะเดียวกัน ปูตินเตือนโดยตรงไปยังสหรัฐและพันธมิตรตะวันตกของรัฐบาลวอชิงตัน ว่ารัสเซีย “พร้อมสำหรับความเปลี่ยนแปลงทุกรูปแบบในสมรภูมิ” และอีกฝ่ายไม่ควรตั้งข้อสงสัยในเรื่องนี้ เนื่องจากรัสเซีย “พร้อมตอบโต้เสมอ”

ถ้อยแถลงดังกล่าวของปูตินเกิดขึ้น หลังประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า รัสเซียโจมตีเมืองดนิโปรโดยใช้ขีปนาวุธข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) ซึ่งต่อมาสหรัฐออกมาอธิบายว่า “ไม่ใช่ไอซีบีเอ็ม” แต่ตอนนั้นรัฐบาลวอชิงตันยังไม่ได้ชี้แจงเพิ่มเติม ว่าเป็นอาวุธชนิดใด

อนึ่ง สงครามในยูเครนซึ่งยืดเยื้อตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. 2565 ทวีความรุนแรงขึ้นอีกระดับ เมื่อสหรัฐอนุญาตให้ยูเครนใช้ระบบขีปนาวุธ “อะแทคซิมส์” ซึ่งมีพิสัยทำการระยะไกลประมาณ 300 กิโลเมตร และรัฐบาลเคียฟยังใช้ระบบขีปนาวุธพิสัยไกล “สตอร์ม ชาโดว์” ของสหราชอาณาจักร ซึ่งมีพิสัยทำการไกลประมาณ 250 กิโลเมตร แต่ยังน้อยกว่าระบบขีปนาวุธ “อิสกันเดอร์” ของรัสเซีย ที่เป็นอาวุธลักษณะใกล้เคียงกัน และมีพิสัยทำการไกลประมาณ 500 กิโลเมตร.

ผู้นำรัสเซียเผยว่า พวกเขาทดสอบยิงขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยกลางโจมตีเป้าหมายในยูเครนได้สำเร็จ ท่ามกลางการกล่าวหาของฝ่ายยูเครนว่า รัสเซียใช้ขีปนาวุธข้ามทวีป

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 พ.ย. 2567 ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ออกมาเปิดเผยว่า กองทัพรัสเซียโจมตีเมืองดนิโปรในภาคตะวันออกของยูเครนด้วย ขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยกลาง (intermediate-range ballistic missile : IRBM) รุ่นใหม่ ชื่อรหัสคือ “โอเรชนิค” (Oreshnik) เพื่อตอบโต้ที่ยูเครนยิงขีปนาวุธของสหรัฐฯ กับ UK โจมตีดินแดนของพวกเขา

ปูตินระบุว่า กองทัพประสบความสำเร็จในการ ยิงขีปนาวุธทิ้งตัวความเร็วเหนือเสียงเวอร์ชั่นที่ไม่ใช่อาวุธนิวเคลียร์ ถูกเป้าหมาย

“เพื่อเป็นการตอบโต้การใช้ขีปนาวุธพิสัยกลางของสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร ในวันที่ 21 พ.ย. 2567 กองทัพรัสเซียได้โจมตีประสานกันเข้าใส่เขตอุตสาหกรรมทางทหารของยูเครน” ผู้นำรัสเซียกล่าวและเสริมว่า ไม่มีทางใดเลยที่จะตอบโต้อาวุธชนิดนี้ได้ เพราะมันเดินทางเข้าหาเป้าหมายด้วยความเร็วถึง 10 มัค หรือ 2.5-3 กิโลเมตร/วินาที

ปูตินยังเตือนชาติตะวันตกด้วยว่า รัสเซียพร้อมสำหรับพัฒนาการใดๆ ที่จะเกิดขึ้น หากมีใครกังขาในเรื่องนี้ ขอตอบว่าพวกเขาไม่ควรกังขา รัสเซียจะมีการตอบสนองเสมอ

นายแมทธิว ซาวิลล์ ผู้อำนวยการแผนกวิทยาศาสตร์กองทัพขององค์กรวิจัย “Rusi” ระบุว่า จากข้อมูลที่มีอยู่ตอนนี้ ขีปนาวุธที่รัสเซียใช้มีพิสัยทำการที่ไกลกว่าขีปนาวุธ อิสกันเดอร์ ซึ่งมีระยะ 500 กม. และรัสเซียใช้โจมตียูเครนมาตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

ขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยกลาง (IRBM) ที่ปูตินพูดถึง ตามปกติแล้วจะมีพิสัยทำการ 3,000 กม. ถึง 5,500 กม. ซึ่งการใช้อาวุธชนิดนี้ไม่มีความสำคัญทางทหารมากนัก แต่มันมีผลเชิงสัญลักษณ์ เนื่องจากรัสเซียเพิ่งปรับหลักการการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของพวกเขาให้ง่ายขึ้น

ก่อนหน้านี้ กองทัพยูเครนออกมากล่าวหารัสเซียว่า ใช้ขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ซึ่งมีพิสัยทำการมากกว่า IRBM เสียอีก ในการโจมตีเมืองดนิโปร

แต่เจ้าหน้าที่ของชาติตะวันตกนายหนึ่ง บอกกับผู้สื่อข่าวนอกรอบการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของชาติเอเชียที่ประเทศลาว ในวันพฤหัสบดี ว่า มิสไซล์ที่รัสเซียยิงโจมตีเมืองดนิโปร เป็นขีปนาวุธ แต่ไม่ใช่ขีปนาวุธข้ามทวีป โดยที่ไม่เปิดเผยรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติม

ต่อมา โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ก็ออกแถลงการณ์พูดถึงการโจมตีเมืองดนิโปร โดยกล่าวว่า ขีปนาวุธที่รัสเซียยิงมีมีคุณลักษณะของขีปนาวุธข้ามทวีป และว่า ปูตินกำลังใช้ยูเครนเป็นลานทดสอบอาวุธ

ส่วนคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ระบุว่า ขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยกลางรุ่นทดสอบถูกใช้โจมตียูเครน แต่เชื่อว่า รัสเซียอาจมีอาวุธชนิดนี้ในครอบครองไม่มากนัก และมันจะไม่ใช่ตัวเปลี่ยนเกมในสงครามนี้

ที่มา : bbc


นักท่องเที่ยวดับศพที่ 5 ในลาว ป่วยหลายราย คาดซดเหล้าผสมเมทานอล

ทนายความสาวชาวบริติชกลายเป็นนักท่องเที่ยวรายที่ 5 ที่เสียชีวิตในประเทศลาว ซึ่งคาดว่าเกี่ยวข้องกับการดื่มเหล้าเถื่อนที่มีสารพิษอย่าง เมทานอล ผสมอยู่

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงต่างประเทศของสหราชอาณาจักร ยืนยันในวันพฤหัสบดีที่ 21 พ.ย. 2567 ว่า น.ส. ซิโมน ไวท์ ทนายความวัย 28 ปี กลายเป็นนักท่องเที่ยวรายที่ 5 ที่เสียชีวิตในประเทศลาว ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งคาดกันว่า สาเหตุเกิดจากการดื่มเหล้าเถื่อนที่มีส่วนผสมของสารพิษอย่าง เมทานอล

ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ บอกกับสื่อว่า ชายชาวอเมริกันรายหนึ่ง เสียชีวิตที่เมืองวังเวียง เมืองท่องเที่ยวในประเทศลาว หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง ครอบครัวของ น.ส.เบียงกา โจนส์ หญิงชาวออสเตรเลียวัยเพียง 19 ปี ก็ออกมายืนยันการเสียชีวิตของเธอ

ผู้เคราะห์ร้ายอีก 2 รายเป็นหญิงชาวเดนมาร์ก อายุ 19 กับ 20 ปี เสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ก่อน ตามการยืนยันของทางการเดนมาร์ก แต่พวกเขาไม่เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อรักษาความลับของผู้เสียชีวิต

การเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวทั้ง 5 รายกำลังอยู่ภายใต้การสืบสวนของตำรวจ แต่สื่อหลายสำนักรวมถึงคำให้การของนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ผ่านโลกออนไลน์ชี้ว่า ผู้เคราะห์ร้ายอาจดื่มสุราที่มีส่วนผสมของ เมทานอล สารพิษที่มักพบในเหล้าเถื่อน

เหตุการณ์นี้ยังทำให้มีล้มป่วยอีกหลายราย หนึ่งในนั้นคือ ฮอลลี โบว์เลส เพื่อนของ น.ส.โจนส์ กำลังรักษาตัวที่โรงพยาบาลในประเทศไทย โดยต้องใช้เครื่องพยุงชีพ นอกจากนั้นยังมีหญิงชาวบริติชอยู่โรงพยาบาลอีกรายด้วย

กระทรวงต่างประเทศของนิวซีแลนด์ บอกกับสื่อท้องถิ่นในวันพฤหัสบดีว่า พลเมืองคนหนึ่งของพวกเขาก็เกิดอาการไม่สบายหลังดื่มสุราต้องสงสัย ส่วนกระทรวงต่างประเทศของเนเธอร์แลนด์ ระบุว่า นักท่องเที่ยวชาวดัตช์รายหนึ่ง ล้มป่วยจนต้องนอนโรงพยาบาล โดยมีอาการทรงตัว

ด้านกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า พวกเขากำลังติดตามสถานการณ์เกี่ยวกับการเสียชีวิตของชาวอเมริกันอย่างใกล้ชิด และว่าการระบุสาเหตุการเสียชีวิต ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น

ทั้งนี้ โรงแรม “นานา แบ็กแพ็กเกอร์” (Nana Backpacker) ในเมืองวังเวียง ที่นักท่องเที่ยวหญิงชาวออสเตรเลียทั้ง 2 รายพักอยู่ ถูกปิดระหว่างตำรวจทำการสืบสวน

ผู้จัดการโรงแรมบอกกับสำนักข่าว เอพี ว่า หญิงทั้ง 2 คนกับแขกที่มาพักอีกมากกว่า 100 คน ได้รับ “วอดก้าลาว” จากโรงแรมฟรีคนละ 1 ช็อต ก่อนที่ทั้งคู่จะออกไปเที่ยวต่อในคืนนั้น โดยผู้จัดการอ้างด้วยว่า ไม่มีแขกคนอื่นแจ้งว่าเกิดปัญหาสุขภาพ และเขาหวังว่าการสืบสวนจะช่วยกอบกู้ชื่อเสียงให้โรงแรมได้ แต่พวกเขาคนต้องหยุดแจกเหล้าฟรีไปสักพักหนึ่ง

ที่มา : bbc


ไซโคลนบอมบ์ถล่มสหรัฐฯ ตาย 2 เจ็บ

BBC:21 พ.ย. 2567: พายุนอกชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ และทางตะวันตกของแคนาดา กำลังทำให้เกิดลมกระโชกแรง, น้ำท่วม และ หิมะตก กระทบประชาชนกว่า 7 ล้านที่อาศัยอยู่ในรัฐติดมหาสมุทรแปซิฟิก

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า พายุไซโคลนนอกชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ และทางตะวันตกของแคนาดา ทำให้เกิดฝนตกหนัก ลมแรง และหิมะตกในรัฐตามแนวชายฝั่งแปซิฟิกของทั้ง 2 ประเทศ และทำให้เกิดไฟดับเป็นวงกว้าง ต้นไม้หักโค่นใส่อาคารหรือกีดขวางถนน

พายุลูกนี้รุนแรงขึ้นจากปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “บอมบ์ ไซโคลน” (bomb cyclone) เกิดจากการที่พายุ มีความกดอากาศลดลงอย่างรวดเร็วมากกว่า 24 มิลลิบาร์ภายในเวลา 24 ชั่วโมง ทำให้อากาศที่อยู่รอบด้านไหลเข้าไปแทนที่ในจุดศูนย์กลาง เกิดเป็นลมพายุที่มีความเร็วและความแรงเทียบเท่าพายุเฮอร์ริเคน

อิทธิพลของมันทำให้มีผู้หญิงเสียชีวิต 2 ศพ หลังจากต้นไม้หักโค่นทับบ้านของพวกเธอ โดยรายหนึ่งอยู่ที่เมืองลินวู้ด ส่วนอีกรายอยู่ที่เมืองเคิร์คแลนด์ ใกล้ซีแอตเทิล ในรัฐวอชิงตัน นอกจากนั้นยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 รายที่เมืองเมเปิล วัลเลย์ ทางใต้ของซีแอตเทิลด้วย

ในช่วงเช้าวันพุธ เกิดไฟดับกระทบบ้านเรือนกับธุรกิจมากกว่า 700,000 หลัง ในรัฐวอชิงตัน ก่อนที่จำนวนจะลดลงเหลือประมาณ 500,000 หลังในเวลาต่อมา ขณะที่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย จนถึงตอนนี้ยังมีบ้านได้รับผลกระทบจากไฟกับอีกประมาณ 15,000 หลัง

โรงเรียนทั่วรัฐวอชิงตันต้องปิดทำการในวันพุธ ขณะที่ศูนย์พยากรณ์อากาศสหรัฐฯ (WPC) ระบุว่า มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดฝนตกหนัก จนก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มในภาคเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยบริเวณอ่าวซานฟรานซิสโก คาดว่าจะได้รับน้ำฝนสูงถึง 20 ซม.

อิทธิพลของพายุยังแผ่ไปจนถึงแคนาดา ทำให้เกิดลมกระโชกแรง สูงสุด 160 กม./ชม. ที่รัฐบริติชโคลัมเบีย เกิดไฟดับกระทบบ้านเรือน 140,000 หลัง

นายสตาฟ ดานาออส ผู้สื่อข่าวสภาพอากาศของ บีบีซี ระบุว่า ความเสียหายจากลมแรงจะค่อยๆ ลดลงตลอดวันพุธ แต่สภาพอากาศเช่นนี้จะคงอยู่ต่อไปตามแนวชายฝั่งแปซิฟิก ตั้งแต่ซานฟรานซิสโก ยาวขึ้นไปจนถึงเกาะแวนคูเวอร์ และคาดว่าจะมีฝนตกหนักตลอดวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ด้วย

นอกจาก ลม, ฝน และหิมะแล้ว พายุลูกนี้อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม และหิมะตกหนักบนภูเขาสูง โดยพายุเริ่มทำให้เกิดพายุหิมะบริเวณเทือกเขา “แคสเคด” (Cascade) กับ “นอร์ท ร็อกกี้” (North Rockies) แล้ว

เจ้าหน้าที่คาดว่า หิมะบนภูเขานี้จะละลายในช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งเมื่อประกอบกับฝนตกหนัก จึงอาจทำให้เกิดน้ำท่วมในภาคเหนือของแคลิฟอร์เนียไปจนถึงรัฐโอเรกอน และมีความเสี่ยงสูงมากที่จะเกิดดินถล่มลงจาภูเขา

ทางการสหรัฐฯ เปิดเผยว่า พายุไซโคลนบอมบ์ ทำให้บ้านเรือน และธูรกิจร้านค้ากว่า 530,000 แห่ง ในรัฐวอชิงตัน ออริกอน แคลิฟอร์เนีย และบริติชโคลัมเบีย ไม่มีไฟฟ้าใช้ เนื่องจากกระแสลมแรงของพายุ ทำให้ต้นไม้ และเสาไฟฟ้าโค่นล้มเป็นจำนวนมาก สร้างความเสียหายให้บ้านเรือน รถยนต์ และกีดขวางถนน เบื้องต้น มีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 คน และบาดเจ็บอีก 2 คน จากเหตุต้นไม้ล้มทับ

ล่าสุด หน่วยพยากรณ์อากาศ รายงานว่า พายุไซโคลนบอมบ์ลูกนี้ ซึ่งมีกำลังแรงลม 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวไปที่รัฐแคลิฟอร์เนียแล้ว และคาดว่าจะทำให้เกิดฝนตกหนักในช่วงสุดสัปดาห์นี้ โดยทางการยังได้ประกาศปิดการเรียนการสอนเมื่อวานนี้ พร้อมประกาศเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านโดยไม่จำเป็น

ทั้งนี้ คาดว่า ในวันนี้ อิทธิพลของพายุอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนกว่า 7 ล้านคนในหลายรัฐตามแนวชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก และอาจส่งผลให้เกิดน้ำท่วมบริเวณชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนียด้วย

สหรัฐฯเรียกคืนเนื้อวัวบด กว่า 75,000 กก. หลังพบปนเปื้อนเชื้ออีโคไล

สหรัฐอเมริกาเรียกคืนเนื้อวัวบดมากกว่า 167,000 ปอนด์ หรือประมาณ 75,750 กิโลกรัม หลังพบการปนเปื้อนเชื้ออีโคไล และมีผู้ล้มป่วยแล้วกว่า 15 รายในรัฐเดียว

กระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกาสั่งเรียกคืนเนื้อวัวบด จากบริษัท Wolverine Packing Co. ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองดีทรอยต์ หลังพบความเป็นไปได้ที่จะมีการปนเปื้อนเชื้อ อีโคไล โดยผลิตภัณฑ์ที่ถูกเรียกคืนมีทั้งแบบสดและแบบแช่แข็ง

การเรียกคืนดังกล่าวมีขึ้นหลังจาก หน่วยบริการตรวจสอบความปลอดภัยของอาหาร หรือ FSIS ได้รับการแจ้งเตือนจากกรมเกษตรของรัฐมินนิโซตาเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2024 ว่าพบกลุ่มผู้ป่วยที่ล้มป่วยหลังจากรับประทานเนื้อวัวบดที่เป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัท Wolverine Packing Co. และจากการนำตัวอย่างเนื้อวัวบดดังกล่าวมาตรวจสอบโดยกรมเกษตรของรัฐมินนิโซตา เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2024 ก็พบเชื้อ อีโคไล โอ157

สำหรับเนื้อวัวบดที่ถูกเรียกคืนคือเนื้อที่มีการติดฉลากให้ใช้ก่อนวันที่ 14 พฤศจิกายน 2024 ส่วนผลิตภัณฑ์แช่แข็งจะมีวันที่ผลิต 22 ตุลาคม 2024 นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ที่ถูกเรียกคืนมีหมายเลขสถานประกอบการ "EST. 2574B" อยู่ภายในเครื่องหมายการตรวจสอบของ USDA โดยจนถึงปัจจุบัน พบผู้ป่วยที่ติดเชื้อแล้ว 15 คนในรัฐเดียว โดยมีช่วงเวลาของการป่วยระหว่างวันที่ 2 ถึง 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

ด้าน FSIS ได้แนะนำให้ร้านอาหารหยุดให้บริการผลิตภัณฑ์ที่ถูกเรียกคืน และเน้นย้ำว่าอาจมีผลิตภัณฑ์บางส่วนที่ยังอยู่ในตู้เย็นหรือตู้แช่ของร้านอาหาร ดังนั้นควรทิ้งหรือส่งคืนผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไปยังแหล่งจำหน่าย เนื่องจากเนื้อวัวบดจำนวนมากได้ถูกกระจายต่อไปยังร้านอาหารจำนวนมาก ตามข้อมูลจากกรมสาธารณสุขของรัฐมินนิโซตา เชื้อ E. coli โอ157 เป็นหนึ่งในหลายๆ สายพันธุ์ของเชื้อแบคทีเรีย Escherichia coli ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเชื้อที่ไม่เป็นอันตรายและอาศัยอยู่ในลำไส้ของมนุษย์และสัตว์ แต่สายพันธุ์ โอ157 สามารถผลิตสารพิษที่ทำให้เกิดอาการป่วยได้

ทั้งนี้ อาการของการติดเชื้ออีโคไลได้แก่ ท้องร่วงรุนแรง(มักมีเลือดปน) และอาการปวดท้อง โดยส่วนใหญ่จะไม่มีอาการไข้หรืออาเจียน อาการมักเริ่มภายใน 2-5 วันหลังจากสัมผัสเชื้อ ขณะที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ระบุว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะฟื้นตัวจากการติดเชื้อโดยไม่ต้องรับการรักษาภายในระยะเวลา 5 ถึง 7 วัน แต่ในบางรายอาจพัฒนาเป็นปัญหาทางไตที่รุนแรง และอาจต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาล วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันก็คือการล้างมือให้สะอาด การเตรียมอาหารอย่างปลอดภัย และการดื่มน้ำที่ปลอดภัย.

ที่มา : goodmorningamerica