ข่าว
กลาโหมรัสเซีย เผยเว้นให้ 3 กลุ่มอาชีพ ไม่ต้องถูกเรียกระดมพล

วันที่ 23 ก.ย. บีบีซี รายงานว่า กระทรวง กลาโหมรัสเซีย เปิดเผยรายชื่อกลุ่มอาชีพที่ได้รับการยกเว้นจากการระดมพลบางส่วน ได้แก่ คนทำงานเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) นายธนาคาร และนักข่าวที่ทำงานให้สื่อทางการ โดยนายจ้างต้องรวบรวมรายชื่อคนทำงานที่มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ดังกล่าวและส่งไปสำนักงานกระทรวงกลาโหมในเขตปกครองต่างๆ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ว่า กระทรวงกลาโหมของรัสเซียประกาศแนวทางเบื้องต้น ในการคัดเลือกกำลังทหารกองหนุน 300,000 นาย เข้าสู่สมรภูมิยูเครน ตามคำสั่งของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ว่าผู้ที่จะได้รับการยกเว้น รวมถึงบุคลากรในสายงานสำคัญ เช่น สื่อสารมวลชน นักการธนาคาร ครู อาจารย์ และพนักงานด้าน “อุตสาหกรรมที่สำคัญ” โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ต้องใช้เทคโนโลยีระดับสูง เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศขับเคลื่อนไปได้อย่างราบรื่น

กระทรวงกลาโหมรัสเซียยอมรับจำเป็นต้องยกเว้นกลุ่มอาชีพบางส่วนเพื่อรับประกันว่างานของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงเฉพาะทางและระบบการเงินของรัสเซียจะไม่ได้รับผลกระทบจากการระดมพลบางส่วนเป็นครั้งแรกของรัสเซียตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังประธานาบธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย สั่งระดมพลทหารกองหนุนบางส่วน 300,000 นายเมื่อพุธวันที่ 21 ก.ย. เพื่อเสริมกำลังการทำสงครามในยูเครน อย่างไรก็ตาม ข้อความของคำสั่งดังกล่าวถูกตั้งข้อสังเกตถึงความคลุมเครือซึ่งอาจเปิดทางในการตีความได้กว้างขึ้นหากจำเป็น

นอกจากนี้ วรรคหนึ่งในมาตราของคำสั่งนั้นยังถูกจัดเป็นความลับ นายดมีตรี เปสคอฟ โฆษกเครมลิน กล่าววันเดียวกันว่า วรรคดังกล่าวอ้างอิงถึงจำนวนพลเรือนรัสเซียทั้งหมดที่สามารถเกณฑ์ทหารได้แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้

ก่อนหน้านี้ โนโวยา กาเซียตา หนังพิมพ์เสรีรัสเซีย รายงานอ้างแหล่งข่าวรัฐบาลที่ไม่เปิดเผยว่า มาตราที่ได้รับการแก้ไขข้อความนั้นจะเปิดทางในการระดมพลสูงถึง 1 ล้านคน มากกว่า 300,000 นายตามที่รายงานระบุ

คำสั่งระดมพลทำให้พลเมืองชายหนุ่มรัสเซียพยายามหนีออกนอกประเทศอย่างต่อเนื่องเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเรียกระดมพล เริ่มจากจอร์เจีย ประเทศเพื่อนบ้านที่คนรัสเซียไม่ต้องขอวีซ่า รถติดหลายเมตรตรงด่านข้ามแดน บางคนใช้จักรยานเพื่อลัดเส้นทางและเลี่ยงการห้ามข้ามพรมแดนด้วยการเดินเท้า

ส่วนในฟินแลนด์ ประเทศเพื่อนบ้านที่คนรัสเซียต้องขอวีซ่า ยามชายแดนบอกว่ารถติดเป็นแถวยาวหลายจุดข้ามแดน ขณะที่จุดหมายปลายทางอื่น เช่น ตุรกี เซอร์เบีย และยูเออี มีราคาตั๋วเครื่องบินพุ่งสูงทันทีหลังประกาศระดมพล บางปลายทาง ตั๋วขายหมดแล้ว ส่วนเที่ยวบินไปปลายทางไม่ต้องขอวีซ่าที่เหลือมีราคาหลายพันยูโร

ขณะที่หลายประเทศกำลังรับมือกับการทะลักเข้ามาของคนรัสเซีย

แนนซี แฟเซอร์ รัฐมนตรีกิจการภายในเยอรมนี บอกเป็นนัยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 ก.ย. ว่า ผู้หลบหนีการเกณฑ์ทหารที่ถูกคุกคามด้วยการปราบปรามอย่างรุนแรงจะได้รับการคุ้มครองเป็นรายกรณีในเยอรมนีหลังการตรวจสอบความปลอดภัย

แต่หลายประเทศในยุโรป รวมถึงลิทัวเนีย ลัตเวีย เอสโตเนีย และสาธารณรัฐเช็ก ระบุจะไม่ให้คนรัสเซียลี้ภัย แถมผลักดันให้สหภาพยุโรป (อียู) ดำเนินการแนวทางที่หนักขึ้นต่อรัสเซีย

นายยาน ลิปาฟสกี รัฐมนตรีต่างประเทศสาธารณรัฐเช็ก ระบุเข้าใจว่าคนรัสเซียกำลังหนีจากการตัดสินใจที่สิ้นหวังมากขึ้นโดยประธานาธิบดีปูติน แต่คนเหล่านี้หนีเนื่องจากไม่ต้องการปฏิบัติตามหน้าที่ที่รัฐบาลรัสเซียกำหนด จึงไม่ผ่านเกณฑ์การขอวีซ่าเพื่อมนุษยธรรม

กงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส นำคณะผู้ช่วย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้ารับฟังการบรรยายสรุป พบหารือและเยี่ยมชมสถานที่ของกรมตำรวจนครลอสแอนเจลิส

เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2565 นายต่อ ศรลัมพ์ กงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ได้นำคณะของ พล.ต.ท. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้ารับฟังการบรรยายสรุปจากผู้กำกับสำนักงาน การต่อต้านการก่อการร้ายและปฏิบัติการพิเศษ ณ สำนักงานใหญ่กรมตำรวจนครลอสแอนเจลิส (LAPD)

โดยได้รับฟังการบรรยายเกี่ยวกับโครงสร้างของกรมตำรวจนครลอสแอนเจลิส (LAPD) แนวทางในการประสานงานระหว่างหน่วยงานของฝ่ายต่างๆ รวมทั้งการแบ่งปันข้อมูลในยามปกติและในยามวิกฤต พร้อมนี้ ได้หารือถึงแนวทางความร่วมมือในการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยมาร่วมฝึกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจของ LAPD ในด้านที่ LAPD มีความเชี่ยวชาญ อาทิ หน่วยลาดตระเวนและสนับสนุนทางอากาศ การระงับเหตุความรุนแรงเบื้องต้นโดยไม่ใช้อาวุธที่เป็นอันตรายถึงชีวิต และการบริหารจัดการกล้องวงจรปิด และหลังจากนั้น ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้พบหารือกับรองผู้บัญชาการ LAPD โดยได้พูดคุยแนะนำตัวพร้อมทั้งแลกเปลี่ยนความสนใจที่จะสามารถร่วมมือกันได้ในอนาคต

ในช่วงถัดมา กงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ได้นำคณะไปเยี่ยมชมศูนย์ฝึกของ LAPD ซึ่งเป็นสถานที่ฝึกอบรมภาคปฏิบัติสำหรับเจ้าหน้าที่สายตรวจและหน่วยอาวุธและยุทธวิธีพิเศษ (SWAT) เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการออกปฏิบัติหน้าที่ และการฝึกอบรมทบทวนซึ่งจะต้องทำการทดสอบซ้ำอยู่เป็นระยะๆ

ในโอกาสนี้ สถานกงสุลใหญ่ฯ ขอขอบคุณนายตำรวจพีรพงศ์ (พีท) เพิ่มแสงงาม นายตำรวจสัญชาติไทย/อเมริกันประจำ LAPD ที่ได้ให้ความช่วยเหลือในการประสานนัดหมายการเข้ารับฟังการบรรยายสรุปและการเยี่ยมชมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย พร้อมทั้งนายตำรวจวรภพ ยุ่นเพียร ที่ได้มาช่วยให้การต้อนรับคณะในครั้งนี้ด้วย


เรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯ เดินทางถึงเกาหลีใต้ เพื่อซ้อมรบร่วมรับมือเกาหลีเหนือ

เอเอฟพี: รายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2565 กล่าวว่า เรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน (USS Ronald Reagan) ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์และเรือรบในภารกิจโจมตีของสหรัฐอเมริกา แล่นเข้าจอดเทียบท่าทางตอนใต้ของเมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้เมื่อวันศุกร์

การมาของเรือสหรัฐฯ ถือเป็นส่วนหนึ่งในภารกิจเสริมสร้างสินทรัพย์เชิงยุทธศาสตร์ของเกาหลีใต้และสหรัฐฯ เพื่อใช้ปฏิบัติการในภูมิภาคนี้มากขึ้น

เรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯ เดินทางมาถึงเกาหลีใต้เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 5 ปี เพื่อใช้ในปฏิบัติการซ้อมรบร่วมในการรับมือกับภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ

ประธานาธิบดียุน ซ็อก-ยอล ของเกาหลีใต้ ได้ให้คำมั่นตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนพฤษภาคม ที่ว่าจะเพิ่มปฏิบัติการซ้อมรบร่วมกับสหรัฐฯ ให้มากขึ้น ภายหลังล้มเหลวมาหลายปีกับการใช้แนวทางทางการทูตกับเกาหลีเหนือ

“การส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกนมายังปูซาน แสดงให้เห็นถึงความเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ” เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้กล่าวกับเอเอฟพี และเสริมว่า “การมาเยือนครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อยับยั้งภัยคุกคามทางนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ”

รัฐบาลเกาหลีเหนือของคิมจองอึน ได้ดำเนินการทดสอบขีปนาวุธบ่อยครั้งจนผิดสังเกตในปีนี้ และเมื่อต้นเดือนกันยายน ได้มีการแก้ไขกฎหมายนิวเคลียร์ โดยมีเนื้อหาเชิดชูสิทธิ์ที่จะใช้การชิงโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ หากตรวจพบว่าประเทศอาจถูกโจมตีด้วยอาวุธร้ายแรง

กองทัพเรือสหรัฐฯ กล่าวว่า เรือบรรทุกเครื่อบิน ยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน เดินทางมาพร้อมกับเรือโจมตีอีก 2 ลำ ได้แก่ เรือลาดตระเวนติดขีปนาวุธนำวิถี และเรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถี

สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้กล่าวว่า การซ้อมรบร่วมจะจัดขึ้นบริเวณชายฝั่งตะวันออกของเกาหลีใต้ในเดือนนี้ และเสริมว่า เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ยูเอสเอส แอนนาโพลิส (USS Annapolis) ก็น่าจะนำมาใช้ในการซ้อมรบด้วย

การนำเรือบรรทุกเครื่องบินดังกล่าวมายังเกาหลีใต้ เกิดขึ้นหลังได้รับคำเตือนจากเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้และสหรัฐฯ มานานหลายเดือนแล้วว่า คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือกำลังเตรียมทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เร็วๆ นี้


ผอ.อนามัยโลกกลับลำ ชี้โควิดยังไม่จบ

23 ก.ย. 2565 : แชนแนลนิวส์เอเชีย: ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก แถลงอีกรอบ ยืนยันไม่ได้พูดว่าโควิดจะจบแล้ว แค่ใกล้ที่จะถึงจุดสิ้นสุด แต่ยังต้องใช้เวลาอีกนาน

นายทีโดรส อัดฮานอม กรีเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ออกมาแถลงทำความเข้าใจอีกรอบเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 หลังจากเมื่อสัปดาห์ก่อนเขาได้บอกแก่ผู้สื่อข่าวว่า สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะถึงจุดสิ้นสุดของการระบาด และมองเห็นจุดสิ้นสุดอยู่อีกไม่ไกล โดยระบุว่า การที่เขาพูดว่าเริ่มมองเห็นจุดสิ้นสุด ไม่ได้หมายความว่าเรามาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว

พร้อมยังย้ำคำพูดที่ว่า โลกของเรากำลังอยู่ในจุดที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เริ่มพบการระบาดมา ด้วยตัวเลขขผู้เสียชีวิตรายสัปดาห์ที่ลดลงต่อเนื่องและในขณะนี้มีจำนวนคิดเป็นเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ของช่วงพีกเมื่อเดือนมกราคมปี 2021

ในขณะเดียวกันนายทีโดรสยังชี้ว่า 2 ใน 3 ของประชากรโลกได้รับวัคซีนกันหมดแล้ว รวมถึง 3 ใน 4 ของบุคลากรทางการแพทย์และผู้สูงอายุที่ได้รับวัคซีนแล้วด้วย อย่างไรก็ตาม คนทั่วโลกยังคงอยู่ในอุโมงค์อันมืดมิดเหมือนกับในช่วง 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา แต่ตอนนี้เราเริ่มมองเห็นแสงที่ปลายอุโมงค์บ้างแล้ว และยังคงต้องผ่านหนทางอีกไกล และยังมีอุปสรรคอีกมากมายระหว่างทาง หากเราไม่ช่วยดูแลกันและกัน

ขณะที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ เพิ่งแถลงเมื่อวันที่ 18 กันยายนว่า การระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐฯ สิ้นสุดลงแล้ว

สำหรับสถานการณ์ของโควิด-19 ล่าสุด ทางองค์การอนามัยโลกระบุว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 กว่า 9,800 ศพ ลดลงมาจากสัปดาห์ก่อนหน้า 17 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ยังมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ราว 3.2 ล้านคน ขณะที่ยอดเสียชีวิตสะสมทั่วโลกอยู่ที่ 6.5 ล้านศพ และยอดติดเชื้อสะสมทั่วโลกอยู่ที่กว่า 609 ล้านราย โดยองค์การอนามัยโลกเตือนว่า ตัวเลขที่เห็นนี้อาจจะไม่ตรงความเป็นจริง เพราะหลายๆ ประเทศยกเลิกการตรวจคัดกรองไปแล้ว หรืออาจจะไม่มีการแจ้งต่อทางการในกรณีที่อาการไม่รุนแรง


ยูเครนจี้สหประชาชาติถอดสิทธิวีโต้รัสเซีย

เมื่อวันที่ 22 ก.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานบรรยากาศการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐฯ ซึ่งมุ่งเน้นประเด็นสงครามยูเครน-รัสเซียเป็นหลัก และมีขึ้นภายหลังนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย สั่งยกระดับความขัดแย้ง ด้วยการระดมกำลังสำรอง 300,000 นาย เพิ่มหน่วยรบสำหรับอุดแนวรบในยูเครน ที่ถือเป็นคำสั่งระดมพลครั้งแรกของรัสเซียนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2

ทั้งนี้ ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ นายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ออกแถลงการณ์ผ่านวิดีโอลิงก์ เรียกร้องให้มีการจัดตั้งคณะตุลาการพิเศษเพื่อลงโทษรัสเซีย ที่ก่ออาชญากรรมในยูเครน พร้อมขอให้สหประชาชาติ ถอดถอนสิทธิในการวีโต้ของรัสเซีย หรือการยื่นคัดค้านมติใดๆ ตามอำนาจของชาติสมาชิกถาวร ในคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ

เช่นเดียวกับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กล่าวโจมตีรัสเซียว่ากำลังแสดงความเป็นจักรวรรดินิยม พยายามที่จะลบล้างสถานะความเป็นประเทศของยูเครน ละเมิดหลักการของสหประชาชาติอย่างน่าละอาย และสหประชาชาติกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะสูญเสียจุดยืน หากปล่อยให้ประเทศต่างๆ ทำตามความทะเยอทะยานของตนเอง โดยไม่ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น

วันเดียวกัน สื่อตะวันตกต่างรายงานโหนกระแสต่อต้านคำสั่งระดมพลสำรองของนายปูติน ระบุเกิดการประท้วงตามเมืองใหญ่ในรัสเซีย มีผู้ถูกเจ้าหน้าที่ความมั่นคงควบคุมตัวกว่า 1,300 คน ส่วนใหญ่ถูกควบคุมตัวในกรุงมอสโก และนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สำนักงานอัยการรัสเซียประกาศคำเตือนว่า การประกาศว่าจะเข้าร่วมการประท้วง หรือเรียกร้องให้ผู้คนไปร่วมการประท้วงผ่านช่องทางออนไลน์ หรือเข้าร่วมการประท้วงด้วยตัวเอง อาจมีโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี ทั้งอาจถูกลงโทษในฐานะหมิ่นประมาทกองทัพ และเผยแพร่ข่าวสารที่ผิดๆ เกี่ยวกับปฏิบัติการพิเศษ ทางการทหารในยูเครน หรือปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวาย

ด้านกองทัพรัสเซียปล่อยตัวเชลยศึกที่ถูกควบคุมตัวระหว่างปฏิบัติการในยูเครน 215 คน ในจำนวนนี้รวมถึงสมาชิกกองพันชาตินิยมอาซอฟ ที่ถูกจับในสมรภูมิเมืองท่ามาริอูโปล และนักรบรับจ้างชาวต่างชาติ 10 คน จากโมร็อกโก สวีเดน อังกฤษและสหรัฐฯ นักรบรับจ้างทั้งหมดถูกส่งตัวให้ทางการซาอุดิอาระเบีย เนื่องด้วยเจ้าชายโมฮัมหมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบีย ทรงเป็นผู้เจรจาต่อรองเรียกร้องรัสเซียให้ปล่อยตัว และซาอุฯ จะดำเนินการส่งตัวนักรบทั้งหมดกลับประเทศต้นทาง

ฮือฮาดวงตาจักรวาลจีน จับภาพ “สนามแม่เหล็ก” นอกทางช้างเผือกครั้งแรก

ซินหัว รายงานว่า กลุ่มนักดาราศาสตร์นานาชาติใช้ฟาสต์ (FAST) กล้องโทรทรรศน์วิทยุจานรับสัญญาณเดี่ยวขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 500 เมตร หรือ “ดวงตาจักรวาลจีน” เพื่อบันทึกภาพสนามแม่เหล็กที่อยู่ใกล้การปะทุสัญญาณวิทยุแบบฉับพลัน (FRB) จากนอกกาแล็กซีทางช้างเผือกสำเร็จเป็นครั้งแรก

ผลการศึกษาที่เผยแพร่ผ่านวารสารเนเจอร์ระบุว่า การปะทุสัญญาณวิทยุแบบฉับพลันเป็นการลุกวาบสว่างที่สุดในอวกาศของคลื่นวิทยุที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาไม่กี่มิลลิวินาทีซึ่งปัจจุบันยังไม่ทราบแหล่งที่มา

คณะนักดาราศาสตร์จีนและสหรัฐอเมริกาซึ่งนำโดยนักดาราศาสตร์จากหอสังเกตการณ์ดาราศาสตร์แห่งชาติ สังกัดสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (CAS) ตรวจพบการปะทุ 1,863 ครั้ง ใน 82 ชั่วโมง ตลอด 54 วัน จากแหล่งสัญญาณวิทยุแบบฉับพลันที่เกิดซ้ำ รหัสเอฟอาร์บี 20201124 เอ (FRB 20201124A)

เผยให้เห็นสภาพแวดล้อมสลับซับซ้อน มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วฉับพลัน และมีสนามแม่เหล็ก ภายในหน่วยทางดาราศาสตร์ (หรือระยะทางระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์) ของแหล่งสัญญาณวิทยุข้างต้น

นอกจากนี้คณะนักวิทยาศาสตร์ค้นพบครั้งแรกว่าการวัด “การหมุนแบบฟาราเดย์” ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ความเข้มข้นของสนามแม่เหล็ก สั่นสะเทือนอย่างผิดปกติในช่วง 36 วันแรก ตามด้วยการคงตัวอีก 18 วัน

การปะทุสัญญาณวิทยุแบบฉับพลันและลุกวาบสิ้นสุดภายใน 72 ชั่วโมง ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยตรวจพบมาก่อน ต่อมาทีมวิจัยจึงใช้ “กล้องโทรทรรศน์เคก” (Keck Telescope) ในรัฐฮาวาย ของสหรัฐฯ สังเกตการณ์กาแล็กซีที่มีขนาดเท่าทางช้างเผือกและอุดมไปด้วยโลหะ

กาแล็กซีดังกล่าวเป็น “กาแล็กซีกังหันแบบมีคาน” (barred spiral) พบแหล่งกำเนิดการปะทุในภูมิภาคที่มีความหนาแน่นของดาวฤกษ์ต่ำระหว่างแขนกาแล็กซีทั้งสองฝั่ง มีระยะห่างปานกลางจากศูนย์ กลางกาแล็กซี และบ่งชี้ว่าอย่างน้อยการปะทุประเภทนี้บางส่วนมีต้นกำเนิดมาจาก “ดาวแมกนีทาร์” (magnetar)

อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษานี้เผยว่าแหล่งการปะทุสัญญาณวิทยุแบบฉับพลันที่เกิดซ้ำ รหัสเอฟอาร์บี 20201124เอ ไม่น่าจะเป็นดาวแมกนีทาร์อายุน้อยที่ก่อตัวระหว่างการระเบิดรุนแรงของดาวมวลมาก ซึ่งส่งผลให้เกิดการปะทุของรังสีแกมมาแบบยาวหรือ “ซูเปอร์โนวาสว่างยิ่งยวด” (superluminous supernova) สร้างความซับซ้อนเกี่ยวกับที่มาของการปะทุดังกล่าวมากยิ่งขึ้น