19 สิงหาคม 2563 สำนักข่าวซินหัวรายงาน ดาเกนส์ เมดิซิน (Dagens Medicin) วารสารการแพทย์ของสวีเดน รายงานกรณีทารกแรกเกิดที่ได้รับการยืนยันว่าป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) โดยระบุว่ามีแนวโน้มที่เด็กอาจติดเชื้อตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ทำให้ทารกรายนี้กลายเป็นทารกรายแรกในสวีเดนที่ได้รับการยืนยันว่าติดโรคโควิด-19 ตั้งแต่แรกเกิด
อลิซาเบธ โอลฮาเกอร์ หัวหน้าแผนกกุมารศัลยศาสตร์และการอภิบาลทารกแรกเกิดประจำโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยสกาเน (Skane University Hospital) ในเมืองมัลโมทางตอนใต้ของสวีเดน ได้เปิดเผยกับวารสารว่าทารกมีแนวโน้มติดเชื้อระหว่างอยู่ในครรภ์ และขณะนี้กำลังได้รับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลฯ
วารสารระบุว่าแม่ของทารกรายนี้ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อก่อนคลอด อย่างไรก็ดีทารกไม่แสดงอาการป่วยซึ่งมักพบในเด็กเล็กที่ติดโรคโควิด-19 อาทิ ไอ มีไข้ หรืออ่อนเพลีย
นอกจากนั้น โอลฮาเกอร์เปิดเผยกับวารสารว่าโรงพยาบาลฯ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงวิถีการทำงานใดๆ แม้จะสงสัยว่าโรคนี้ถูกถ่ายทอดจากแม่สู่ทารก “เท่าที่ฉันทราบ มีกรณีการคลอดจำนวนมากในภูมิภาคสตอกโฮล์มและอื่นๆ ที่ผู้เป็นแม่ป่วยโรคโควิด-19 แต่ก็ไม่ได้แพร่เชื้อไปยังลูก ดังนั้นฉันไม่คิดว่าเราจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอะไรหลังจากตรวจพบทารกติดเชื้อตั้งแต่แรกเกิดเพียงกรณีเดียว”
ทั้งนี้ สถานีโทรทัศน์สวีเดนรายงานว่ากรณีดังกล่าวยังพบได้ยากในบริบทระหว่างประเทศ เนื่องจากมีรายงานกรณีทารกติดโรคโควิด-19 ระหว่างอยู่ในครรภ์น้อยมาก ขณะที่ผลการศึกษาชิ้นหนึ่งของสหราชอาณาจักรที่เผยแพร่ในวารสารทางการแพทย์แลนเซ็ต ไชลด์ แอนด์ อะโดเลสเซนต์ เฮลธ์ (Lancet Child & Adolescent Health) เมื่อเดือนกรกฎาคม ซึ่งได้ติดตามหญิงตั้งครรภ์จำนวน 116 รายที่ได้รับการยืนยันว่าป่วยโรคโควิด-19 พบว่าไม่มีหญิงรายใดแพร่โรคสู่ลูกในระหว่างตั้งครรภ์
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2563 นายเมธา มาสขาว เลขาธิการ คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ระบุถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับแกนนำประชาชนปลดแอก ที่ปรึกษาสมัชชาคนจน รวมถึงศิลปินวงสามัญชนและวง Rap Against Dictatorship นั้น ผมเห็นว่ารัฐบาลกำลังคุกคามสิทธิเสรีภาพทางการเมืองของประชาชนอย่างกว้างขวางและโดยตรง โดยใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าคุกคามและกลั่นแกล้งกลุ่มประชาชนที่เห็นต่างและเลือกปฏิบัติ ขณะที่กลุ่มสนับสนุนรัฐบาลกลับเคลื่อนไหวได้โดยเสรี ทั้งที่ทุกฝ่ายใช้สิทธิทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญและพื้นฐานสิทธิมนุษยชนที่สามารถใช้สิทธิชุมนุมทางการเมืองได้
ก่อนหน้านี้สภาความมั่นคงแห่งชาติก็ออกมายืนยันว่าไม่ห้ามการชุมนุม และการใช้สิทธิชุมนุมเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญและกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ที่รัฐไทยเป็นภาคีอยู่ นอกจากนี้การประกาศใช้ พรก.สถานการณ์ฉุกเฉิน รัฐบาลไทยยังไม่ได้รายงานให้รัฐภาคีอื่นทราบผ่านเลขาธิการสหประชาชาติ ดังนั้น ทั่วโลกกำลังจับตาดูประเทศไทยอยู่ นอกจากรัฐบาลจะทำผิดรัฐธรรมนูญไทยเสียเอง ยังละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอีกด้วย
เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องระวังการตกเป็นเครื่องมืออำนาจที่ฉ้อฉลของรัฐบาล เพราะการตั้งข้อหาเกินจริงหรือเลือกปฏิบัติอาจจะนำมาสู่การทำผิดกฎหมายเสียเองรวมถึงการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ประมวลกฎหมายอาญา ม.116 จะกลายเป็นเครื่องมือคุกคามประชาชนผู้เห็นต่างทางการเมืองไม่ได้ และแกนนำผู้ชุมนุมมีใครใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่า จะใช้กำลังประทุษร้ายบ้าง หากไม่มีและศาลยกฟ้องข้อหาดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรับผิดชอบ
“ผมจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดการคุกคามข่มขู่ประชาชนและปล่อยตัวแกนนำประชาชนปลดแอกโดยทันที เพราะการตั้งข้อหาไม่ถูกต้องและขัดหลักสิทธิมนุษยชน ที่อนุญาตให้ชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธได้ โดยเฉพาะศิลปินนักร้องที่ไปเพียงร้องเพลงต่อต้านรัฐบาล ต่อต้านเผด็จการและการรัฐประหาร จะทำให้ประเทศไทยได้รับความอับอายไปทั่วโลกโดยการกระทำของรัฐบาล ซึ่งเขาเคยได้รับรางวัล Václav Havel Prize for Creative Dissent ในงาน Oslo Freedom Forum ประจำปี 2562 จาก Human Rights Foundation ที่ประเทศนอร์เวย์อีกด้วย” เลขาธิการ ครป. กล่าว
โดยคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) จะจัดเวทีเพื่อเรียกร้องรัฐบาลและรัฐสภาหาทางออกจากความขัดแย้งทางการเมืองในวันพรุ่งนี้ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย โดยเชิญประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาหลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ และประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญรับฟังความคิดเห็นของนักเรียน นิสิต และนักศึกษา สภาผู้แทนราษฎร รวมถึงผู้แทนพรรคการเมืองเข้าร่วมหารือ
ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกยังน่าห่วงพุ่งเกิน 22 ล้านราย เสียชีวิตอย่างน้อย 7.8 แสน อินเดียยังวิกฤติวันเดียวป่วย-ตายพุ่งไม่หยุด ขณะเกาหลีใต้ยอดติดเชื้อใหม่อีก 297 คน สูงสุดรอบ5เดือน รับเชื้อในประเทศ ด้านนายกฯออสซี่ แถลงฉีดวัคซีนฟรีให้พลเมือง25ล้านคน หลังลงนามซื้อวัคซีนจากอังกฤษ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่19สิงหาคม อ้างข้อมูลจากเว็บไซต์ www.worldometers.info/coronavirus/เกี่ยวกับสถานการณ์ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19 จนถึงเวลา 17.00 น.ตามเวลาในประเทศไทยว่า มีการติดเชื้อใน 213 ประเทศ จำนวนผู้ติดเชื้อรวมทั้งหมด 22,325,623 คน เสียชีวิตสะสม 784,770 คน รักษาหายแล้ว 15,066,324 ราย
สำหรับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดยังเป็นสหรัฐอเมริกา ที่มีผู้ติดเชื้อ 5,656,204 ราย เสียชีวิตแล้ว 175,092 ราย อันดับ 2 บราซิล มีผู้ติดเชื้อ 3,411,872 ราย เสียชีวิต 110,019 ราย และอันดับ 3 อินเดียมีผู้ติดเชื้อ 2,768,670 ราย เสียชีวิต 53,026 ราย ซึ่งทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตถือว่าพุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบวัน อันดับ 4 รัสเซีย ติดเชื้อทั้งหมด 937,321 ราย เสียชีวิตสะสม 15,989 ราย และอันดับ 5 แอฟริกาใต้ ติดเชื้อรวม 592,144 ราย เสียชีวิตทั้งหมด 12,264 ราย
ขณะที่สถานการณ์ระบาดในกรุงโซล ของเกาหลีใต้ยังน่าวิตก โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคเกาหลี ( เคซีดีซี )รายงานว่า ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มสถิติจึงยังคงอยู่ที่อย่างน้อย 306 คน ขณะที่มีผู้ออกจากโรงพยาบาลและสถานกักตัวอีก 72 คน เพิ่มสถิติผู้ที่หายป่วยสะสมเป็นอย่างน้อย 14,006 คน อย่างไรก็ตาม สถิติผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็นอย่างน้อย 16,058 คน หลังมีการยืนยันผู้ป่วยใหม่ 297 คน เป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคมเป็นต้นมา ซึ่งวันนั้นเกาหลีใต้ยืนยันผู้ป่วยใหม่ 367 คน ขณะเดียวกันยังเป็นวันที่ 6 ติดต่อกันนับตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม ที่เกาหลีใต้พบผู้ป่วยใหม่เป็นเลขสามหลัก ยิ่งไปกว่านั้นนับเป็นวันที่ 5 ต่อเนื่องซึ่งการยืนยันผู้ป่วยจากในประเทศมากกว่า 100 คน โดยผลจำแนกผู้ติดเชื้อกลุ่มใหม่พบว่าเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศเพียง 14 คน หมายความว่าอีก 283 คนได้รับเชื้อจากในประเทศ และอยู่ในกรุงโซลมากถึง 150 คน รองลงมาคือที่จังหวัดคย็องกี 94 คน
ทั้งนี้ มาตรการควบคุมทางสังคมระดับใหม่ของเกาหลีใต้ มีผลบังคับใช้อย่างน้อย 14 วัน นับตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคมตามเวลาท้องถิ่น โดยให้ระงับกิจกรรมทางศาสนาของโบสถ์ทุกแห่งในกรุงโซลและเขตปริมณฑล รวมถึงสั่งปิดสถานบันเทิง ร้านอาหารบุฟเฟต์ อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ และห้องคาราโอเกะ ในเมืองหลวงและพื้นที่ใกล้เคียง พร้อมยกระดับมาตรการทางสังคมที่เมืองอินชอนจาก 1 เป็น 2 เท่ากับกรุงโซลและจังหวัดคย็องกี
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเร่งติดตามสมาชิกของโบสถ์ทุกแห่งในกรุงโซลและใกล้เคียงให้เข้ารับการตรวจ ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าจะซ้ำรอยโบสถ์ของลัทธิชินชอนจิที่เมืองแทกู โดยหนึ่งในคลัสเตอร์ใหญ่ตอนนี้คือโบสถ์ซารัง เจอิล ชานกรุงโซล ซึ่งจำนวนผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็นอย่างน้อย 457 คนแล้ว ภายในระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์
ด้านนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลียแถลงว่า รัฐบาลลงนามกับ บริษัทแอสตราเซนเนกา บริษัทยาของอังกฤษ ที่พัฒนาวัคซีนไวรัสโควิด-19 ร่วมกับมหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด โดยให้ผลิตเพื่อแจกให้ประชากรออสเตรเลีย 25 ล้านคน หากผลการทดลองวัคซีนประสบความสำเร็จ ก็จะมีวัคซีนให้ประชาชนได้ใช้ต้นปีหน้า ขณะเดียวกันออสเตรเลียพร้อมทำข้อตกลงวัคซีนกับแหล่งอื่น เช่น มหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์และซีเอสแอล (CSL) ของออสเตรเลีย และจะพูดคุยเรื่องจัดสรรวัคซีนให้ประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซีย ปาปัวนิวกินีและฟิจิ
นายเกร็ก ฮันต์ รัฐมนตรีสาธารณสุขให้สัมภาษณ์ว่า ประชาชนจะได้รับวัคซีนฟรี โดยคณะทำงานทางการแพทย์เป็นคนพิจารณาว่าจะให้ความสำคัญกับกลุ่มไหนก่อน ปกติแล้วจะเน้นกลุ่มอ่อนแอที่สุด กลุ่มคนสูงวัย บุคคลากรทางการแพทย์ และผู้ทุพพลภาพก่อน รวมถึงดูว่าสถานที่ใดเสี่ยงติดเชื้อสูงที่สุด และวัคซีนให้ผลกับคนกลุ่มอายุต่างกันอย่างไร ทั้งนี้ เนื่องจากการทดลองยังอยู่ในขั้นต้นมาก จึงไม่ควรฝากความหวังไว้กับวัคซีนขนานเดียว
สำหรับสถานการณ์แพร่ระบาดในออสเตรเลียนั้น อยู่ในรัฐวิกตอเรียที่มีประชากรมากเป็นอันดับสอง ที่เริ่มมีผู้ป่วยใหม่ลดลงแล้ว หลังรัฐบาลยกระดับมาตรการสาธารณสุข ประกาศห้ามออกนอกเคหสถานยามวิกาลและปิดธุรกิจส่วนใหญ่ของรัฐตั้งแต่สองสัปดาห์ก่อน โดยในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีผู้ป่วยใหม่ 216 คน เสียชีวิต 12 คน ส่วนยอดผู้ป่วยสะสมทั้งประเทศไม่ถึง 24,000 คน เสียชีวิต 450 คน
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2563 เว็บไซต์ นสพ.The Standard ของฮ่องกง เสนอข่าว Cluster fears as Thai illegal tests positive ระบุว่า ชายไทยวัย 37 ปีรายหนึ่งที่ถูกจับในฮ่องกงฐานอยู่เกินระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด เป็นหนึ่งใน 26 คน ที่ตรวจพบเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 19 ส.ค.2563 ที่ผ่านมา โดยทั้ง 26 คนนี้ แบ่งเป็น 15 คน ติดเชื้อในท้องถิ่น โดยระบุความเชื่อมโยงกับผู้ติดเชื้อคนก่อนหน้าได้ 8 คน ติดเชื้อในท้องถิ่นแต่ไม่สามารถระบุแหล่งที่มา และ 3 คน เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ
ฉวง ชุก-ควาน(Chuang Shuk-kwan) หัวหน้าศูนย์คุ้มครองสุขภาพสาขาโรคติดต่อ เปิดเผยว่า ชายไทยคนดังกล่าวเดินทางมาฮ่องกงเมื่อเดือน ต.ค.2562 และมาติดเชื้อในท้องถิ่นแต่ยังไม่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ กระทั่งถูกควบคุมตัวเมื่อวันที่ 16 ส.ค.2563 ซึ่งตามมาตรการควบคุมโรค ทั้งศูนย์กักกันและเรือนจำทุกแห่งจะมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 และพบว่าชายไทยรายนี้ติดเชื้อแต่ไม่มีอาการแสดงออก ทำให้ต้องตรวจขยายผลไปถึงเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง 200 คน และผู้ต้องกักในศูนย์ฯ อีก 400 คน
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ชายไทยรายนี้ค่อนข้างไม่ให้ความร่วมมือโดยให้ข้อมูลอย่างจำกัด แต่ก็พอจะทราบได้ว่าเขาอยู่กับเพื่อนที่ย่านซุนวาน (Tsuen Wan) ขณะที่การตรวจคัดกรองคนงาน 8,000 คนที่จุดรวบรวมตู้คอนเทนเนอร์ ไคว่สิง (Kwai Tsing) เบื้องต้นตรวจไปแล้ว 3,400 คน ทั้งหมดไม่พบเชื้อ ฉวง ระบุว่า แม้จำนวนผู้ติดเชื้อในท้องถิ่นของฮ่องกงจะลดลง แต่ความกังวลอยู่ที่ผู้ติดเชื้อที่ไม่สามารถระบุแหล่งที่มาของเชื้อได้ ซึ่งกระทบต่อภาคส่วนต่างๆ ของชุมชน รวมถึงผู้ว่างงานบางส่วนที่อยู่บ้าน
นอกจากนี้ ฮ่องกงยังสั่งห้ามสายการบินแอร์อินเดีย บินเข้าฮ่องกง หลังพบเที่ยวบิน AI314 มีผู้โดยสาร 11 คนติดเชื้อ เมื่อวันที่ 14 ส.ค.2563 ที่ผ่านมา ซึ่งแม้ว่าฮ่องกงจะมีระเบียบกำหนดให้ผู้เดินทางเข้าประเทศต้องมีใบรับรองแพทย์ว่าไม่ติดเชื้อโควิด-19 แต่อัตราการติดเชื้อยังคงสูงมาก โดยสถิติล่าสุด ฮ่องกงมีผู้ติดเชื้อสะสมรวม 4,587 คน เสียชีวิต 72 ราย
เซี่ยงไฮ้ (รอยเตอร์/ซีซีทีวี) - ทางการจีนรายงานว่า เกิดเหตุน้ำท่วมบริเวณพื้นที่ต้นน้ำของแม่น้ำแยงซีในมณฑลเสฉวนของจีน และเร่งอพยพประชาชนกว่า 100,000 คนออกจากพื้นที่ รวมถึงตั้งแนวกระสอบทรายกันน้ำท่วมพระใหญ่เล่อซาน แหล่งมรดกโลกอายุเก่าแก่กว่า 1,200 ปี
สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีของจีนรายงานว่าเจ้าหน้าที่ ตำรวจและอาสาสมัครช่วยกันนำกระสอบทรายมากั้นเป็นแนวป้องกันน้ำท่วมพระใหญ่เล่อซาน แหล่งมรดกโลกอายุ 1,200 ปี ในมณฑลเสฉวนทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน หลังกระแสน้ำไหลทะลักเข้าท่วมสูงเหนือเท้าพระพุทธรูปเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2492 ขณะที่ทางการท้องถิ่นมณฑลเสฉวน ประกาศยกระดับการกู้ภัยฉุกเฉินขั้นสูงสุดในพื้นที่ใกล้แม่น้ำแยงซี ด้านคณะกรรมการทรัพยากรแม่น้ำแยงซีออกประกาศเตือนภัยระดับสีแดง พร้อมระบุว่า ระดับน้ำที่สถานีสังเกตการณ์บางแห่งเพิ่มขึ้นจนเกินระดับการป้องกันน้ำท่วมไปแล้วกว่า 5 เมตร
ทั้งนี้ สถานการณ์น้ำท่วมบริเวณตอนบนของแม่น้ำแยงซี ทำให้ทางการต้องอพยพประชาชนกว่า 100,000 คน เมื่อวันอังคาร กระทรวงทรัพยากรน้ำของจีนคาดว่า เขื่อนสามผาที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันภัยน้ำท่วมที่เกิดจากแม่น้ำแยงซีจะมีปริมาณน้ำไหลเข้ามา 74,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งเป็นปริมาณสูงสุดตั้งแต่สร้างเขื่อนขึ้นมา เขื่อนดังกล่าวทำหน้าที่ควบคุมการปล่อยน้ำจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำโดยกักเก็บน้ำไว้ในอ่างเก็บน้ำ ซึ่งมีปริมาณน้ำสูงกว่าระดับเตือนภัยกว่า 10 เมตร นานกว่า 1 เดือนแล้ว ทางการจีนกำลังประสบปัญหาอย่างหนักในการพิสูจน์ว่าเขื่อนสามผาจะสามารถช่วยบรรเทาอุทกภัยครั้งใหญ่ในปีนี้ได้จริง ขณะที่นักวิเคราะห์หลายคนให้ความเห็นว่า เขื่อนดังกล่าวอาจทำให้สถานการณ์น้ำท่วมยิ่งเลวร้ายลง
ส่วนที่ฮ่องกง อิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นฮีโกส ที่โหมกระหน่ำฮ่องกง ตลอดค่ำคืนวันอังคารที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักและกระแสลมแรงจัด ต้นไม้จำนวนมากหักโค่น แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหายร้ายแรง หลังจากนั้นไต้ฝุ่นฮีโกสได้เคลื่อนเข้าโหมกระหน่ำเมืองจูไห่ มณฑลกวางตุ้ง ทางตอนใต้ของจีนด้วยกำลังลมสูงถึง 126 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก่อนอ่อนกำลังเป็นพายุโซนร้อน และยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ กระแสลมแรงจัดและพายุฝนที่โหมกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ส่งผลให้ต้นไม้และเสาไฟฟ้าจำนวนมากหักโค่น ประชาชนหลายหมื่นคนต้องอพยพออกจากบ้านเรือน โรงเรียนหลายแห่งต้องหยุดการเรียนการสอน
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012