ข่าว
ผบ.ทบ.อัด"แดง-เหลือง"ตีกันระวังชาติพินาศ แนะให้เคารพกฎหมาย

ที่ ททบ.5 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเหตุการณ์ปะทะระหว่างผู้ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงและกลุ่มคนเสื้อเหลือง บริเวณกองบังคับการปราบปราม จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บว่า ไม่ได้เกี่ยวกับทหาร เป็นเรื่องของสถานการณ์ทั่วไป ทหารอยู่ในกรอบของกฎหมาย ดังนั้น การกระทำอะไรก็ตามเป็นเรื่องของกฎหมาย มีอย่างเดียวคือห่วงใยประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน และมีผลกระทบต่อคนทั้งสองกลุ่ม ไม่ว่าพวกไหน ก็เป็นคนไทยเหมือนกันทั้งคู่ ดังนั้น จะต้องมีความอดทนอดกลั้น หาวิธีการที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหา ในขั้นนี้ทหารไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลประชาชนให้ปลอดภัย ทั้งนี้ มองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะไม่กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว เพราะตนจะไม่มองอะไรที่มันเลวร้ายไปทุกเรื่อง ขอให้ช่วยกันมองให้ดีๆ ให้ลดระดับลงให้เบาลง หากมองทุกอย่างเลวร้าย ประเทศไทยจะน่าอยู่หรือไม่ น้ำก็จะท่วม ฝนก็จะตก คนก็จะตีกัน ขอให้มองในแง่ดี ไม่มีอะไร ขอให้เคารพกฎหมายกัน

"ทุกวันนี้เราถอยหลังไปทะเลาะกันให้มากขึ้นเรื่อยๆ ระวังว่า สักวันมันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่อยากให้บ้านเมืองเสียหายพินาศแบบประเทศอื่นขอให้ช่วยกันเบาๆ ลงหน่อย ลดระดับความรุนแรง ให้คนไทยเกลียดการใช้ความรุนแรง เคารพกฎหมาย เชื่อฟังกัน ความคิดเห็นแตกต่างกันได้ แต่ก็จะต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ แต่ถ้าจะต้องตีและฆ่ากันคงไม่ได้ ขอให้แยกกันให้ออก" พล.อ.ประยุทธ์ระบุ

เมื่อถามถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวต่างประเทศว่าการแก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎหมายมาตรา 112 ควรมาจากการริเริ่มและความเห็นขององคมนตรี พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องนี้ไปเกี่ยวอะไรกับองคมนตรี ผมไม่ทราบ ไม่เกี่ยวข้อง หากเป็นเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมไม่มีหน้าที่วิพากษ์วิจารณ์ หน้าที่ของผมก็คือพิทักษ์รักษาสถาบันหลักของชาติ อย่างอื่นผมไม่มีความคิดเห็น

อึ้ง!! กองทัพบกจ้าง50ล้าน ซ่อมอีก"เรือเหาะ"ยุค"อนุพงษ์"

เมื่อวันที่ 27 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา กองทัพบก(ทบ.)ได้ทำสัญญาบริษัทWorldwide Aeros Corp.และ บ.เอ็มแลนดาร์ช จำกัด เพื่อว่าจ้างให้ซ่อมแซมแก้ไขให้เรือเหาะ (Airship) มูลค่า 350ล้านบาท ที่ซื้อมาในยุค พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผบ.ทบ. เพื่อให้สามารถขึ้นบินได้ และใช้ปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ โดยวงเงินว่าจ้างรวมกันกว่า 50 ล้านบาท โดยมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าจริงๆแล้ว ฝ่ายบริษัท Aria International Incorporated จะต้องรับผิดชอบ เพราะขณะที่ตรวจรับก็อาการไม่ปกติแล้ว และตอนที่ชำรุดก็ยังคงอยู่ในระยะประกันตามสัญญา

แหล่งข่าวจาก ทบ. กล่าวว่า เป็นคำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ต้องการทำให้เรือเหาะใช้งานได้ ไม่ใช่แค่ให้จอดในโรงเก็บแล้วเลี้ยงรูปทรงด้วยก๊าซฮีเลียม ทุกเดือนๆ ซึ่งทางบริษัท มั่นใจว่า จะสามารถทำให้ เรือเหาะขึ้นบินและปฏิบัติงานได้ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้

แหล่งข่าวกล่าวว่า ระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ทบ.ต้องใช้งบประมาณ เดือนละ 2-3 แสนบาท ในการเติมก๊าซฮีเลี่ยม ใส่เรือเหาะ เพื่อให้คงรูปทรง แล้วจอดไว้ในโรงเก็บ ที่ จ.ปัตตานีตลอด เพราะถ้าไม่เลี้ยงด้วยก๊าซฮีเลี่ยม จะทำให้เสียรูปทรง และทำให้เกิดการรั่วซึมได้อีก โดยการดูแลเรือเหาะในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ใช้งบประมาณไปแล้ว 25 ล้านบาท ทั้งนี้ ตามอัตราโครงสร้างของทบ. มีการตั้งเป็น กองร้อยลาดตระเวนทางอากาศ หรือ กองร้อยเรือเหาะ ซึ่งมีกำลังพลประจำกองร้อยนี้ จำนวน 80 นาย โดยทุกคนได้ เงินเพิ่มพิเศษสู้รบ (พสร.) ทั้งสิ้น เพราะถือว่าเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย และเป็นภารกิจที่เสี่ยงภัย


'อ.นิด้า-มธ.'ล่าชื่อ146คนร้องยุติจำนำข้าว

เมื่อเวลา 14.15 น. นายอดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา คณบดีคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) พร้อมคณะ เดินทางมายื่นหนังสือต่อนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยับยั้งหรือยุติโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล โดยมีนายชวลิต ศรีโฉมงาม ผอ.สำนักคดี 5 เป็นตัวแทนรับหนังสือ

นายอดิศร์ กล่าวว่า วันนี้ได้มีการรวบรวมรายชื่อคณาจารย์จากนิด้า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนักศึกษา จำนวนทั้งสิ้น 146 คน เพื่อขอให้ศาลวินิจฉัยว่าโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลมีการเปลี่ยนรูปแบบและวิธีการรับซื้อ ที่ยังคงใช้ชื่อโครงการรับจำนำข้าวหมือนเดิม แต่วิธีการรับซื้อข้าวนั้นเปลี่ยนไป เพราะรัฐบาลได้เข้ามาผูกขาดแต่เพียงผู้เดียว ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นการทำลายกลไกการซื้อขายข้าว และท้ายสุดจะทำให้ข้าวไทยไม่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ เนื่องจากราคาและต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงคุณภาพข้าวที่ด้อยลง เราจึงเป็นห่วงกลุ่มเกษตรกรในอนาคต ว่า การดำเนินการในลักษณะนี้ จะไม่สามารถทำให้ข้าวไทยส่งออกในตลาดโลกได้ ซึ่งสิ่งที่เราอยากเห็น คือ การดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวในรูปแบบเดิม โดยราคาการรับซื้อข้าวจะต้องเป็นราคาที่ต่ำกว่ากลไกตลาด แต่ทุกวันนี้รัฐบาลกลับรับซื้อราคาที่สูงกว่าตลาด ซึ่งราคาที่สูง ทำให้ข้าวหลั่งไหลมาสู่โรงสีของรัฐจำนวนมาก ส่งผลกระทบให้ผู้ประกอบการรายอื่นในภาคเอกชนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ดังนั้น เราในฐานะคณาจารย์นิด้า และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รวมถึงนักศึกษา จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญยุติ หรือชะลอการดำเนินงาน โครงการจำนำข้าวของรัฐบาล อย่างไรก็ตามเราอยากให้รัฐบาลเปลี่ยนเงื่อนไขของโครงการ 3 ประการ คือ 1. ปรับราคาการรับซื้อที่ไม่ขัดกับกลไกการค้าเสรี 2. ทำให้โครงการรับจำนำข้าวเป็นการจำนำข้าวอย่างแท้จริง และ 3.มีการจำกัดจำนวนการรับซื้อข้าว

อธิบดีกรมการแพทย์เตือน! แฟชั่นหัวโหนกเสี่ยงถึงตาย

จากกรณี แฟชั่นใหม่ของวัยรุ่นญี่ปุ่น ฉีดน้ำเกลือเข้าที่หน้าผาก เพื่อให้บวมเหมือนขนมปังเบเกิล กลายเป็นแฟชั่นการตกแต่งร่างกายของวัยรุ่นญี่ปุ่นบางกลุ่มนั้น พญ.วิลาวัณย์ จึงประเสริฐ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่สมควรทำเป็นอย่างยิ่ง การฉีดน้ำเกลือเข้าใต้ผิวหนังบริเวณหน้าผาก หรือบริเวณอื่นๆ ของร่างกาย อาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้ เพราะทางปฏิบัติน้ำเกลืออาจรั่วซึมเข้าไปในชั้นพังผืดเหนือกะโหลกศีรษะ ไหลเซาะลงเปลือกตา แก้ม คาง คอ ไปกดทับอวัยวะสำคัญ เช่น เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองหรือเส้นเลือดดำจากสมอง ทำให้สมองได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ เกิดมึนงง สมองตื้อ หากน้ำเกลือที่บวมอยู่ไปกดทับเส้นประสาทเหนือคิ้วและขมับทั้ง 2 ข้าง จะทำให้เส้นประสาทไม่ทำงาน ชาที่ใบหน้า หรือกล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงได้