ข่าว
‘ฮาบีบี’อดีตผู้นำอินโดฯ ถึงแก่อสัญกรรมด้วยวัย 83 ปี

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันที่ 11กันยายน นายบาชารุดดิน ยูซุฟ ฮาบีบี อดีตประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว ด้วยวัย 83 ปี ที่โรงพยาบาลทหารในกรุงจาการ์ตา หลังเข้ารับการรักษาอาการโรคหัวใจมาตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา

โดยประธานาธิบดีโจโค วิโดโด ผู้นำอินโดนีเซีย แสดงความเสียใจและไว้อาลัย ต่อการจากไปของอดีตผู้นำประเทศ และรัฐบาลได้เรียกร้องให้มีการไว้อาลัยทั่วประเทศ จนถึงวันเสาร์ที่ 14 ก.ย

ทั้งนี้ ฮาบิบี อดีตวิศวกรเครื่องกล ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีคนที่ 7 ของอินโดนีเซีย ได้ 2 เดือนกว่า ตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค. 2541 เมื่อได้รับการร้องขอจากประธานาธิบดีซูฮาร์โต ที่ครองอำนาจมายาวนาน 32 ปี ให้ขึ้นเป็นผู้นำแทน เมื่อวันที่ 21 พ.ค. และซูฮาร์โตลาออก ท่ามกลางการประท้วงของนักศึกษาและประชาชน และเศรษฐกิจประเทศกำลังล่มสลาย

การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของฮาบิบี ถูกบันทึกว่าเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยหลังยุคซูฮาร์โต ฮาบิบีได้รับการยกย่องจากการให้สิทธิเสรีภาพแก่สื่อมวลชน ปฏิรูปกฎหมายพรรคการเมือง รวมทั้งตกลงให้มีการหยั่งเสียงประชามติ ประชาชนในจังหวัดติมอร์ตะวันออก ซึ่งนำไปสู่การแยกประเทศ กลายเป็นติมอร์เลสเต ในปัจจุบัน ฮาบิบีจัดให้มีการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยก่อนกำหนด ในปี 2542 และเขาตัดสินใจไม่ลงแข่งขัน รวมระยะเวลาที่ฮาบิบีดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเพียงแค่ 16 เดือน สั้นที่สุดนับตั้งแต่อินโดนีเซียได้รับเอกราช

นปช.ล่องหน! แฉบางคนติดต่อไม่ได้ หลังโดนโทษคุกคดีล้มประชุมอาเซียน

12 กันยายน 2562 จากกรณี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งให้ทางตำรวจ ตม.ไปคัดสำเนาศาลเพื่อนำมาเข้าสู่ระบบเพื่อขึ้นแบล็คลิสต์แกนนำ นปช.ที่ถูกศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้จำคุก 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา ซึ่งนำโดยนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง อดีตแกนนำ นปช. พร้อมพวกรวม 12 คน คดีบุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่พัทยา เมื่อปี 2552 พร้อมสั่งออกหมายจับ หลังผู้ต้องหาไม่มาฟังคำตัดสินนั้น

ล่าสุดจากการตรวจสอบแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดแกนนำนปช.คนหนึ่ง ระบุว่า หลังจากมีคำพิพากษาของศาลฏีกาฯออกมาเมื่อวานนี้ จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถติดต่อได้เลย โดยมีการปิดโทรศัพท์มือถือ จึงไม่แน่ใจว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน หรือ ยังอยู่ในประเทศหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้เพียง 1 วัน ยังโทร.คุยกันอยูู่เลย ซึ่งฟังจากน้ำเสียงก็ไม่มีทีท่าจะหนักใจ หรือเครียดอะไร แต่หลังจากคำพิพากษาออกมาก็เงียบไปเลย

ขณะที่แหล่งข่าวอีกรายระบุว่า ตอนนี้ยังไม่สามารถติดแกนนำ 1 ใน 12 คน ได้เช่นเดียวกัน จึงตอบไม่ได้ว่ายังอยู่หรือไม่ เพราะยังมีเวลาตั้งสติก่อนที่จะต้องไปรับฟังคำพิพากษาอีกครั้งในวันที่ 31 ตุลาคมที่จะถึงนี้ เนื่องจากบางคนโดนหมายจับ บางคนโดนหมายเรียก เหตุที่ติดต่อไม่ได้ตอนนี้เพราะเรื่องเพิ่งเกิด เจ้าตัวอาจจะยังไม่สบายใจหรือไม่พร้อมที่จะติดต่อกับใคร อาจจะต้องการใช้เวลาทำใจไปสักพักหนึ่งก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช. ซึ่งถูกศาลพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา พร้อมออกหมายจับเนื่องจากไม่ยอมเดินทางมาฟังคำพิพากษาเมื่อวานนี้(11 กันยายน) โดยทนาย อ้างว่า นายอริสมันต์อยู่ในระหว่างการพักรักษาตัวด้วยโรคเวียนศีรษะ บ้านหมุน ที่โรงพยาบาลสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐมนั้น จากการตรวจสอบล่าสุดพบว่า มีชื่อของนายอริสมันต์เป็นคนไข้ของทางโรงพยาบาลดังกล่าวจริง แต่ไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดมากไปกว่านี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนแกนนำ นปช.ที่ถูกคำพิพากษาศาลฏีกา ประกอบด้วย 1.นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง 2.นายนิสิต สินธุไพร 3.นายพายัพ ปั้นเกตุ 4.นายวรชัย เหมะ 5.นายวันชนะ เกิดดี 6.นายพิเชษฐ สุขจินดาทอง 7.นายศักดิ์ดา นพสิทธิ์ (เข้าฟังคำพิพากษาเพียงคนเดียว) 8.พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรรัตน์ 9.นายนพพร นามเชียงใต้ 10.นายสำเริง ประจำเรือ 11.นพ.วัลลภ ยังตรง และ 12.นายสิงห์ทอง บัวชุม


แฉเล่ห์พ่อค้านำ‘ปาล์มมาเลย์’ เข้าสวมโครงการดันราคาในไทย

นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ กฟผ.กำลังเตรียมรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ(ซีพีโอ) เพื่อการผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกงที่ยังคงเหลือปริมาณการรับซื้อ 133,750 ตันจากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อ 7 พฤษภาคม 2562 ที่กำหนดให้รับซื้อรวม 200,000 ตัน หลังจากที่ล่าสุดนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เร่งรัดให้จัดซื้อเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร แก้ไขปัญหาราคาตกต่ำและได้แจ้งว่า ครม.เมื่อวัน 27 สิงหาคม 2562 ได้ช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องวงเงินรับซื้อ ว่าจะใช้งบกลางของรัฐบาลมาดำเนินการทั้งหมดทั้งงวดการจัดซื้อที่ผ่านมาที่ใช้เงินไปแล้วราว5,000 ล้านบาท และการรับซื้อรอบใหม่ ซึ่งจะไม่เกิดผลกระทบต่อต้นทุนค่าไฟฟ้าและไม่กระทบต่อกฎระเบียบการเงินการคลังของภาครัฐ

ทั้งนี้ที่ผ่านมา กฟผ. ได้ดำเนินการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบตามมติครม. 2 รอบ

นายชโยดม สุวรรณวัฒนะ ประธานชมรมคนปลูกปาล์มน้ำมัน จ.กระบี่ และประธานบริษัทคนปลูกปาล์มน้ำมันวิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) กล่าวว่า ขณะนี้ราคาผลปาล์มทลายเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 2.70 บาทต่อกก.ขณะที่ซีพีโออยู่ที่ 16.50 บาทต่อกก. โดยราคาปาล์มยังคงลดลงต่อเนื่องหลังจากสต๊อกซีพีโอเริ่มกลับมาอยู่ในระดับสูงเกือบ 4 แสนตันอย่างไรก็ตาม แม้ว่ารัฐจะมีมาตรการต่างๆ ออกมาดูดซับซีพีโอต่อเนื่องแต่หากไม่มีการออกมาตรการดูแลและป้องกันการลักลอบนำเข้าซีพีโอจากประเทศเพื่อนบ้านมาตรการเหล่านี้ก็ไม่ได้ตกถึงมือเกษตรกรคนไทยแต่จะยิ่งทำให้สูญเสียเงินงบประมาณและภาษีประชาชนไป

ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้เสนอรัฐให้บังคับติดตั้งมิเตอร์ในโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มทุกแห่ง เพื่อตรวจเช็คปริมาณซีพีโอที่ออกมาซึ่งจะสามารถเช็คปริมาณ และคำนวณสต๊อกซีพีโอได้แต่การดำเนินการยังคงเงียบไป ดังนั้นแม้ว่ากระทรวงพลังงานล่าสุดยังได้เตรียมบังคับน้ำมัน บี10 ให้เป็นเกรดมาตรฐานตั้งแต่1 มกราคม 2563 ที่จะช่วยดูดซับซีพีโอมากขึ้นแต่หากยังมีการลักลอบนำเข้ามาก็คงไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก

“พอมีมาตรการดูดซับ ผลปาล์มดิบก็จะเริ่มขยับสูงสักระยะหนึ่งก็จะจูงใจให้เกิดการนำเข้าซีพีโอจากประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะจากมาเลเซียที่มีราคาต่ำกว่าไทยเข้ามา สังเกตได้ง่ายๆ ว่าสต๊อกของไทยนั้นลดลงไปนิดเดียวแต่พอขยับเพิ่มจะเร็วมากเพราะอะไรก็เพราะมีการลักลอบนำเข้ามานั่นเอง ปัญหานี้จะวนเวียนไม่จบถ้าไม่แก้ไขและเงินที่รัฐทุ่มเทดูแลด้วยสารพัดมาตรการหมดไปแล้วหลายหมื่นล้านบาทที่ผ่านมาก็สูญเปล่า” นายชโยดม กล่าว


ทันควัน!เว็บสภาฯแก้ประวัติการศึกษา‘ธรรมนัส’แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงค่ำวันนี้(12 กันยายน 2562) เว็บไซต์สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้แก้ไขประวัติการศึกษาของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ แล้ว

จากเดิมที่ระบุว่าจบการศึกษาระดับปริญญาเอก Doctor of Philosophy(รัฐประศาสนศาสตร์) Calamus International University ประเทศสหรัฐอเมริกา แก้ข้อมูลใหม่เป็นจบการศึกษาระดับ Doctor of Philosophy (รัฐประศาสนศาสตร์) California University Fce ประเทศสหรัฐอเมริกา ภายหลังที่ ร.อ.ธรรมนัสได้นำวุฒิการศึกษาและวิทยานิพนธ์การสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก มายืนยัน โดยระบุว่าจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ยูนิเวอร์ซิตี้ ไม่ใช่จบการศึกษาจากประเทศฟิลิปปินส์


ทรัมป์ปลดโบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงจากตำแหน่ง

วอชิงตัน (เอพี/รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์) -ประธาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ระบุทำเนียบขาวไม่ต้องการความช่วยเหลือจากนายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ อีกต่อไปแล้ว และได้ขอให้นายโบลตันเขียนใบลาออก ซึ่งเขาได้รับแล้ว และยังทวีตต่อไปว่า ที่ผ่านมาเขาไม่เห็นด้วยกับนายโบลตันอย่างมากในหลายๆ เรื่อง

นายโบลตันขึ้นชื่อเรื่องเป็นนักการเมืองสายอนุรักษ์นิยมที่แข็งกร้าว และนิยมให้สหรัฐใช้กำลังกับประเทศใดก็ตามที่แข็งข้อกับสหรัฐ เขาดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการต่างประเทศด้านการควบคุมอาวุธ ระหว่างปี 2544-2549 สมัยรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช และขึ้นดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อปีที่แล้ว หลังจากพลโทเฮอร์เบิร์ต เรย์มอนด์ แมคมาสเตอร์ลาออกไป ขณะที่บางกระแส ระบุว่าแมคมาสเตอร์ก็ถูกทรัมป์ไล่ออกเช่นกัน

นายโบลตันเป็นคนพาสหรัฐถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านและมีส่วนในการเจรจากับเกาหลีเหนือ แต่หลังจากการประชุมสุดยอดกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือเป็นครั้งแรก ทรัมป์ก็เริ่มเอนเอียงมาทางเจรจากับเกาลีเหนือมากขึ้น ขณะที่นายโบลตันไม่เห็นด้วย และในการพบกันระหว่างทรัมป์ กับ คิม จอง อึน เมื่อเดือนมิถุนายน นายโบลตันก็ไม่ได้ร่วมเดินทางไปกับทรัมป์ ขณะเดียวกัน นายโบลตันยังมีปัญหากับ นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องนโยบายต่ออิหร่านและอัฟกานิสถาน

นายโบลตันยังคัดค้านอย่างแข็งขันเรื่องประธานาธิบดีจะถอนทหารอเมริกันที่เหลืออยู่ในอัฟกานิสถานกลับประเทศให้หมดภายในสิ้นปีนี้ ท่ามกลางกระแสวิตกของหลายฝ่ายว่าสหรัฐกำลังจะทิ้งอัฟกานิสถานให้แก่กลุ่มก่อการร้าย โดยไม่มีแผนปกป้องรัฐบาลอัฟกานิสถานก่อนที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปลายเดือนนี้และเลือกตั้งทั่วไปในปี 2564 ทรัมป์คิดจะหารือลับกับผู้นำตาลิบันที่แคมป์เดวิด ที่พักของประธานาธิบดี แต่ได้ยกเลิกไปเมื่อไม่กี่วันก่อนโดยอ้างเรื่องตาลิบันระเบิดรถยนต์สังหารทหารอเมริกันในกรุงคาบูล 1 นาย

นอกจากนี้ นายโบลตันเสนอให้เพิ่มการโจมตีอิหร่านที่ยิงโดรนสหรัฐตกบริเวณช่องแคบฮอร์มุซ เมื่อเดือนมิถุนายน แต่ทรัมป์ยกเลิกการตัดสินใจในนาทีสุดท้ายเพราะเกรงจะเกิดการเผชิญหน้าทางทหาร จึงได้มุ่งกดดันทางเศรษฐกิจเป็นหลัก โบลตันคาดว่าจะเกิดการลุกฮือในอิหร่านและจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากภายในแต่ผิดคาด เพราะกลุ่มแข็งกร้าวและกลุ่มปฏิรูปหันมาจับมือกับต่อต้านต่างชาติมากขึ้น ขณะที่ทรัมป์เสนอพบปะกับประธานาธิบดีฮัสซัน โรว์ฮานี ของอิหร่าน โบลตันยังคัดค้านเรื่องยื่นไมตรีให้รัสเซียตามการริเริ่มของฝรั่งเศสเพื่อฟื้นความสัมพันธ์ที่เสื่อมทรามลงจากเรื่องรัสเซียผนวกไครเมียของยูเครนในปี 2557 และสนับสนุนให้ใช้นโยบายชิงโจมตีเกาหลีเหนือ ซึ่งขัดแย้งอย่างหนักกับทรัมป์ที่ต้องการเจรจาแบบพบหน้ากับผู้นำเกาหลีเหนือ

'สหรัฐฯ'ชะลอขึ้นภาษีสินค้าจีน 2.5 แสนล้าน ส่งสัญญาณดีเจรจายุติสงครามการค้า

12 กันยายน 2562 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ประกาศชะลอการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนมูลค่า 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7.6 ล้านล้านบาท) จากอัตราภาษีจากเดิม 25% เป็น 30% ที่มีกำหนดปรับเพิ่มในวันที่วันที่ 1 ตุลาคม ไปเป็นวันที่ 15 ตุลาคม เพื่อเป็นการแสดงไมตรีจิตต่อปักกิ่ง

ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า การชะลอขึ้นภาษีเป็นไปตามการเสนอแนะของรองนายกรัฐมนตรี หลิว เหอ และเนื่องจากวันที่ 1 ต.ค. จะเป็นวันครบรอบ 70 ปี แห่งการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน และก่อนที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะเริ่มเปิดเจรจาเพื่อยุติสงครามการค้ากันอีกครั้งในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของทรัมป์เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังกระทรวงพาณิชย์ของจีนประกาศระงับการตั้งกำแพงภาษีต่อสินค้าที่ส่งออกมาจากสหรัฐ 16 ประเภท ซึ่งต้องจ่ายภาษีเพิ่มขึ้น 5% และเลื่อนกำหนดการจากวันที่ 1 ก.ย. เป็นวันที่ 17 ก.ย. นี้ อย่างไรก็ตาม คำสั่งยกเว้นภาษีของจีนยังไม่ครอบคลุมสินค้าเกษตรสำคัญๆ ของสหรัฐฯ อย่างถั่วเหลืองและเนื้อหมู ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่อาจช่วยให้การเจรจาข้อตกลงการค้าประสบความสำเร็จ