ข่าว
'สูบกัญชา'ไม่อันตรายกว่า'ดื่มเหล้า'

ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ระบุ การสูบกัญชาไม่ได้อันตรายมากกว่าการดื่มแอลกอฮอล์ แต่ย้ำเป็นนิสัยที่ไม่ดี

20 ม.ค. 57 บารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐ ให้สัมภาษณ์ลงนิตยสาร เดอะ นิวยอร์กเกอร์ เกี่ยวกับเรื่องกัญชาที่กำลังมีความพยายามผลักดันให้เป็นสิ่งถูกกฎหมายในหลายรัฐ ว่า การสูบกัญชาไม่ได้อันตรายมากกว่าการดื่มเหล้า

เขาบอกด้วยว่า อย่างที่รู้กันดีว่าตอนเด็ก เขาเคยสูบกัญชา และคิดว่าเป็นนิสัยไม่ดี ไม่ใช่เรื่องที่ถูก แต่การสูบกัญชาไม่อันตรายกว่าการดื่มแอลกอฮอล์ ถึงอย่างนั้นเขาสอนลูกสาวสองคน ซาชา และมาเลีย ว่าการสูบกัญชาไม่ใช่ความคิดที่ดี เสียเวลา และไม่ดีต่อสุขภาพ

นอกจากนี้เขาบอกว่า เยาวชนชาวอเมริกัน-แอฟริกัน และละตินที่ยากจน มีแนวโน้มจะถูกจับติดคุกฐานใช้กัญชา มากกว่าเยาวชนที่ฐานะดีกว่า เพราะไม่มีกำลังทรัพย์และการช่วยเหลือให้หลีกเลี่ยงบทลงโทษที่หนักเกินเหตุ เขาจึงเห็นด้วยกับการออกกฎหมายกัญชาในรัฐโคโลราโดและวอชิงตัน ที่ทำให้สามารถซื้อขายกัญชาได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และบอกว่า ไม่ควรเกิดสถานการณ์ที่มีคนทำผิดกฎหมายเหมือนกันมากมาย แต่มีเพียงไม่กี่คนที่ถูกลงโทษ ส่วนการเคลื่อนไหวในโคโลราโดและวอชิงตัน เขาถือว่าเป็นการทดลองที่น่าท้าทาย แต่ก็บอกด้วยว่า ผู้ที่พูดว่ากฎหมายกัญชาจะช่วยแก้ปัญหาสังคมได้ทุกเรื่อง เป็นการพูดเกินจริง

รัฐโคโลราโดและวอชิงตัน เป็นเพียงสองรัฐที่มีกฎหมายอนุญาตให้ประชาชนเสพกัญชาเพื่อความบันเทิงได้ และอนุญาตให้ร้านค้าจำหน่ายกัญชาได้ โดยรัฐโคโลราโดเริ่มบังคับใช้กฎหมายกัญชา และร้านค้าเริ่มจำหน่ายกัญชาเมื่อวันปีใหม่ ส่วนวอชิงตันจะเริ่มขายได้ภายในปีนี้

สื่อตปท.ตีข่าวรัฐบาลไทยใช้พรก.ฉุกเฉิน สหรัฐประนามความรุนแรง-วอนหาทางออกสันติ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 22 ม.ค.ว่า รัฐบาลไทยได้ประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อควบคุมสถานการณ์ประท้วงของกลุ่มกปปส.ภายใต้ความวิตกว่า มาตรการดังกล่าวจะทำให้เมืองไทยต้องวิกฤตการเมืองยืดเยื้อยิ่งขึ้นไปอีกหลังดำเนินมาแล้วหลายเดือน

รายงานระบุว่า ภายใต้พ.ร.ก.ฉุกเฉินนี้ จะเพิ่มอำนาจให้หน่วยกองกำลังความมั่นคงสามารถปฎิบัติการตรวจค้น จับกุม และควบคุมตัวผู้คน ในพื้นที่ที่มีการประกาศใช้มาตรการดังกล่าว ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากเกิดการโจมตีสถานที่ประท้วงของกลุ่มกปปส.ซึ่งฝ่ายหลังและรัฐบาลต่างกล่าวหากันและกัน ขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าวว่า มาตรการนี้่จะควบคุมสถานการณ์ตามหลักของสากล ซึ่งรวมทั้งการใช้หลักเจรจาเป็นลำดับแรกก่อน

ขณะเดียวกัน กระทรวงต่างประเทศสหรัฐได้ออกมาประนามอย่างรุนแรงต่อเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างการชุมนุมประท้วงของกปปส.และเรียกร้องให้รัฐบาลสอบสวนและนำตัวผู้ก่อโจมตีกลุ่มกปปส.มารับโทษตามกระบวนการทางกฎหมาย และว่า สหรัฐขอให้ทุกอย่างใช้ความอดกลั้น และขอให้ทุกฝ่ายยึดหลักเจรจากันอย่างจริงใจ เพื่อช่วยกันหาทางออกความขัดแย้งทางการเมืองอยางสันติและเป็นประชาธิปไตย

รายงานระบุว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินได้ถูกใช้ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2010 เมื่อกลุ่มคนเสื้อแดงได้ก่อเหตุประท้วงต่อต้านรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ และเกิดเหตุยิงผู้ชุมนุมซึ่งมีผู้บาดเจ็บกว่า 90 คน และในช่วงนั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นำกปปส. ได้ดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรี และถูกตั้งข้อหาว่าสั่งการยิงผู้ชุมนุม

ขณะที่หลายฝ่ายวิตกว่า กลุ่มกปปส.จะพยายามกระตุ้นเหตุรุนแรงให้ทหารออกมาแทรกแซง แต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ได้ย้ำว่า กองทัพไม่ต้องการจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้ง แต่ก็ไม่ได้ปฎิเสธความเป็นไปได้ที่กองทัพจะก่อเหตุรัฐประหาร

'บิล เกตส์'ชี้อีก20ปีไม่มีปท.ยากจน

'บิล เกตส์' ทำนาย อีกราว 20 ปีข้างหน้า โลกจะไม่มีประเทศยากจนหลงเหลืออยู่

22 ม.ค. 57 บิล เกตส์ มหาเศรษฐีที่ได้ชื่อว่าร่ำรวยที่สุดในสหรัฐ และผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟต์ ทำนายว่า ในปี 2578 โลกก็จะไม่มีประเทศที่มีฐานะยากจนหลงเหลืออยู่ ถ้าวัดจากคำจำกัดความของคำว่า ความยากจนในปัจจุบัน เพราะเมื่อถึงช่วงเวลานั้น เกือบทั้งหมดจะอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลาง / ระดับล่าง หรือรวยกว่า

ในจดหมายประจำปีของเขา ที่มูลนิธิเกตส์ ซึ่งเขาและเบลินด้า เกตส์ ภรรยา ร่วมกันก่อตั้งเมื่อปี 2543 นำออกเปิดเผย ระบุว่า ใน 2 ทศวรรษข้างหน้า ประเทศยากจนอย่างหนักจะเป็นสิ่งที่หาได้ยากกว่าในปัจจุบัน ผู้คนหลายพันล้านคน จะถูกยกออกจากระดับความยากจนแสนสาหัส และการที่เรื่องนี้จะเกิดขึ้นในช่วงที่เขายังมีชีวิตอยู่ ถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก

เขาบอกว่า จากเหตุผลทางด้านสงคราม การเมืองและสภาพทางภูมิศาสตร์ ในอนาคตอันใกล้ จะมีแค่ไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่ยังยากจนอยู่ เช่น เกาหลีเหนือ และประเทศในแอฟริกาที่ไม่มีทางออกทะเล แต่คนยากคนจนจะยังคงมีอยู่ และความไม่เท่าเทียมกันในสังคมก็จะยังคงเป็นปัญหา

เกตส์ บอกว่าทุกประเทศในอเมริกาใต้ เอเชีย และอเมริกากลาง ยกเว้นเฮติ รวมทั้งประเทศแถบชายฝั่งของแอฟริกาส่วนใหญ่ จะเข้ามาอยู่ในกลุ่มประเทศที่มารายได้ปานกลางของปัจจุบัน โดยมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ของประเทศทั่วโลกจะมีรายได้ต่อหัวประชากรมากกว่าจีนในปัจจุบัน และเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ จะมีรายได้ต่อหัวประชากรมากกว่าอินเดียในปัจจุบัน

เขาบอกว่าประเทศที่กำลังพัฒนาบางประเทศ ตอนนี้ก็อยู่ในกลุ่มพัฒนาแล้ว และอีกหลายประเทศก็กำลังมุ่งหน้าไปสู่แนวทางนี้ ประเทศต่างๆ จะเรียนรู้จากประเทศเพื่อนบ้านที่ประสบความสำเร็จ และได้ประโยชน์จากนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างวัคซีน เมล็ดพันธุ์ และการปฏิวัติทางดิจิตอลอื่นๆ