ข่าว
ผมไม่หนี! บิ๊กตู่ ลั่นพร้อมสู้ ท้าฝ่ายค้านอยากอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ทำไป เชื่อแจงได้

ผมไม่หนี! บิ๊กตู่ ลั่นพร้อมสู้ ท้าฝ่ายค้าน อยากอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ทำไป แจงต้องระวังทุกคำพูดชี้แจงปมถวายสัตย์ เผยเอกสารโครงข่ายขบวนการทำลายชาติแค่ติดกระเป๋ามา ไม่มีเจตนาขู่ใคร

บิ๊กตู่ – วันที่ 20 ก.ย. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี 7 พรรคฝ่ายค้านเตรียมยื่นเรื่องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบมาตรฐานทางจริยธรรมของนายกฯว่า เรื่องของฝ่ายค้าน ขอให้ดำเนินการสอบไป ต้องดูฝ่ายกฎหมายว่าทำได้หรือไม่

นายกฯ กล่าวว่า ตนเคารพกระบวนการทางกฎหมายทุกประการ ศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครอง ตนก็รับหมด และส่งคนไปดำเนินการทางคดีความ โดยชี้แจงต่อผู้ตรวจเงินแผ่นดิน และป.ป.ช. ซึ่งทำมาตลอด เพราะมีการฟ้องร้องหลายอย่าง เมื่อไปชี้แจงทุกอย่างก็จบ และยืนยันว่าตนไม่หนี

ส่วนฝ่ายค้านมองว่านายกฯชี้แจงไม่เคลียร์นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถือเป็นมุมมองของเขา ตนชี้แจงเท่าที่ทำได้ ขณะเดียวกันนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ได้ชี้แจงไปแล้ว ส่วนที่บอกว่าตนชี้แจงเองจะชัดเจนกว่านั้น ก็รู้อยู่ว่าเขาต้องการอะไร เขาต้องการให้ตนพูดอะไรสักอย่าง ก็ต้องระมัดระวังมากที่สุดที่จะถูกลากไปเชื่อมโยงอะไรก็แล้วแต่ต้องระมัดระวัง เพราะต้องรับผิดชอบ

เมื่อถามว่าเรื่องนี้ควรจบได้แล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่รู้ก็แล้วแต่ท่าน ส่วนที่ฝ่ายค้านจะนำประเด็นถวายสัตย์ไปอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ทำไป จะลากไปทำที่ไหนก็ไป ผมอธิบายได้ ซึ่งผมอยากให้ประชาชนเข้าใจว่าประเทศกำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่ และอย่าลืมอดีตที่ผ่านมาพฤติกรรมของหลายคน อยากให้เรียนรู้ไม่ให้เกิดขึ้นอีก”

เมื่อถามว่าเป็นกลุ่มโครงข่ายทำลายประเทศชาติตามเอกสารหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในเอกสารดังกล่าวไม่ใช่หมายถึงแค่นักการเมือง เพราะมีเรื่องการแก้ปัญหาภาคใต้และการวางระเบิดรวมอยู่ด้วย อีกทั้งผลการสอบสวนต่างๆ ที่รายงานตนมา แต่บังเอิญวันนั้นเอกสารติดกระเป๋าไป เลยหยิบมาดู ไม่ได้มีเจตนาเอามาขู่ใคร แต่สื่อไปถ่ายภาพออกมา ซึ่งความจริงก็ไม่ควร

นายกฯ กล่าวว่า ทุกวันนี้ตนก็ยิ้มสู้อยู่แล้ว และสู้ในสิ่งที่ควรสู้ แต่ถามว่าจะสู้กับคนในชาติไปทำไม ตนสู้กับเศรษฐกิจและความยากจน ยืนยันว่าไม่ได้อยากสู้กับใคร อยากให้ทุกคนช่วยกันไตร่ตรองใคร่ครวญให้ดีในการจะทำอะไรก็ตาม รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งผ่านประชามติมามาก หากจะแก้ไขหรือทำอะไรควรอยู่ในกระบวนการ จะแก้ไขมาตราอะไรก็ค่อยๆ ทำไป ตนไม่ได้ไปขัดขวาง แต่อย่าลืมว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำให้หลายคนได้เข้ามาอยู่ในสภา

ฉะนั้นอย่าเลือกรัฐธรรมนูญเฉพาะบางมาตราเท่านั้น อยากให้ไปดูกฎหมายลูกด้วยโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับกฎหมายชุมนุม การปลุกคนมารวมตัวกันที่ถนน ควรเลิกได้แล้ว และวันหน้าก็อย่ามาตีพ.ร.บ.การชุมนุมอีก เพราะอยากให้เคารพกฎหมาย บ้านเมืองจะได้สงบ

บิ๊กตู่-สวมบทบาท "จ่าเฉย" เมินสภา! ไม่ตอบถวายสัตย์

พูดเรื่องงบเป็นฉากๆ ปล่อยวิษณุแจงแทน แบ่งรับแบ่งสู้อาจผิด ฝ่ายค้านฉะไร้วุฒิภาวะ รุมเสนอ-ให้ลาออก!

ฝ่ายค้านรุมชำแหละปมถวายสัตย์ “สมพงษ์” นำทีมฉะผู้นำไร้วุฒิภาวะ จงใจขัด รธน.แต่ไม่ยอมรับว่าทำผิด “อนุดิษฐ์” จี้ลาออกแสดงความรับผิดชอบ “ปิยบุตร” สวดพวกโรคไม่แยแส รธน. ถามทำไมไม่อ่านตามที่ สลค.เตรียมไว้ให้“เสรีพิศุทธ์” ไล่ระนาดต้องรับผิดทั้ง ครม. จี้ถามคิดจะปฏิวัติ อีกหรือ “วันนอร์” แนะล้างไพ่ใหม่โละ ครม.ตัวปัญหา “มงคลกิตติ์” ลั่นรู้อย่างนี้ไม่ยกมือหนุน “บิ๊กตู่” ไม่ยอมเคลียร์ปมถวายสัตย์ อ้างเป็นสิทธิที่จะไม่ตอบ แถมไม่บอกที่มารายได้ให้ไปรอดูใน พ.ร.บ.งบฯ“วิษณุ” ย้ำเป็นเรื่องระหว่าง ครม.กับสถาบัน รัฐบาลมีหน้าที่ก้มหน้าก้มตาทำงานไป “ไพบูลย์” ขู่ฟ่อฝ่ายค้านระวังดาบศาล รธน. ศาล รธน.ชี้ขาดสถานะหัวหน้า คสช.ไม่เป็น จนท.อื่นของรัฐ เพราะใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์ แต่รับวินิจฉัย “สิระ” กร่างใส่ ตร.ภูเก็ต

หลังปล่อยให้คอการเมืองรอคอยกันมานาน ล่าสุดพรรคร่วมฝ่ายค้านได้เปิดเวทีประชุมสภาผู้แทนราษฎรอภิปรายซักฟอกปมการกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน และประเด็นการไม่แจ้งที่มาของรายได้ในการจัดทำนโยบายของรัฐบาล กันพอหอมปากหอมคอ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 18 ก.ย. ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศก่อนเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่ออภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่ครบถ้วน และกรณีคณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภาโดยไม่แจ้งที่มาของเงินงบประมาณว่า บรรดา ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านเเละรัฐบาลทยอยเดินทางมาตั้งเเต่ช่วงเช้า ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภา ตำรวจควบคุมฝูงชน ส่วนบริเวณรอบนอกอาคารรัฐสภา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล 1 (บก.น.1) และเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.บางโพ กว่า 150 นาย ทั้งในและนอกเครื่องแบบคอยดูแล มีการกั้นแผงรั้วรอบบริเวณทางเข้าอาคารรัฐสภา พร้อมติดป้าย “พื้นที่ห้ามชุมนุมในรัศมี 50 เมตรจากรัฐสภา”

“บิ๊กตู่” หน้านิ่งไม่ยอมตอบสื่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้ามีกลุ่มมวลชนใส่เสื้อสีเเดงส่วนหนึ่งทยอยเดินทางมาบริเวณหน้ารัฐสภา แต่ไม่สามารถเข้าไปภายในได้ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจกันเอาไว้ก่อน ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์เดินทางถึงรัฐสภาด้วยสีหน้าเรียบเฉย และไม่ตอบคำถามผู้สื่อข่าว ส่วนรัฐมนตรีคนอื่นก็ทยอยเดินทางเข้ามา อาทิ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ฯลฯ

“วีระกร” เปิดหัวตีรวนเบรกเกม

กระทั่งเวลา 09.30 น. จึงเริ่มการประชุมเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม ซึ่งนายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นหารือว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้องกรณีการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่น โดยระบุว่า ไม่มีองค์กรใดตรวจสอบการถวายสัตย์ปฏิญาณได้ ดังนั้น จึงไม่สามารถเปิดการอภิปรายทั่วไปในครั้งนี้ได้

“ชวน” ยืนยันเป็นสิทธิของสภา

ด้านนายชวนชี้แจงว่า แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะไม่รับไว้วินิจฉัย แต่ญัตตินี้เสนอก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งออกมา ทั้งประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎรหารือกันแล้ว เห็นว่าญัตติไม่ขัดรัฐธรรมนูญเป็นการเสนอตามรัฐธรรมนูญ จะมีผลผูกพันทุกองค์กรต่อเมื่อเป็นคำวินิจฉัย แต่กรณีที่นายวีระกรอ้างเป็นแค่คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ จึงพิจารณาญัตตินี้ได้ ผู้เสนอญัตติมีสิทธิเสนอข้อเท็จจริงให้คำแนะนำ เพราะไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขอให้ 2 ฝ่ายเคารพข้อบังคับ ขณะที่ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ พยายามประท้วงคำชี้แจง แต่ นายชวนยังคงยืนยันในคำชี้แจง ทำให้ น.ส.ปารีณากล่าวตอบโต้ไม่พอใจว่า “ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีอำนาจตรวจสอบเรื่องนี้เลย แล้วท่านจะใช้อำนาจประธานเนี่ยนะ” ทำให้นายชวนปิดไมค์ไม่ให้พูดต่อพร้อมชี้แจงย้ำว่า ในฐานะประธานสภาฯหากทำผิดพร้อมรับผิดชอบ แต่ยืนยันว่าพิจารณาญัตติอย่างรอบคอบ เพราะคำสั่งและคำวินิจฉัยมีความต่างกัน จากนั้นเริ่มเข้าสู่การอภิปราย

“สมพงษ์” นำชำแหละถวายสัตย์ฯ

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้าน เริ่มการอภิปรายว่า การถวายสัตย์ปฏิญาณตนของนายกฯ ไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 เพราะไม่มีประโยคว่า “ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ” รวมถึงยังเพิ่มถ้อยคำว่า “ตลอดไป” เพิ่มขึ้นมา ทั้งที่ไม่มีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ถือว่ามีปัญหาเรื่องความชอบในการถวายสัตย์ฯ เพราะไม่ครบถ้วนถูกต้อง แม้ฝ่ายค้านให้แก้ปัญหาแต่นายกฯเพิกเฉยไม่แก้ไขข้อบกพร่อง การถวายสัตย์ฯคือการให้คำมั่นสัญญาต่อพระมหากษัตริย์ จึงต้องกล่าวคำถวายสัตย์ฯให้ครบถ้วนทุกถ้อยคำ เรื่องนี้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เขียนไว้ในหนังสือ “เรื่องเล่าจากเนติบริกร” ระบุว่า รัฐมนตรีผู้ใดไม่กล่าวคำถวายสัตย์ฯถือว่าเป็นรัฐมนตรีไม่สมบูรณ์ ใช้อำนาจรัฐมนตรีไม่ได้ และจะต้องเปล่งวาจาด้วยถ้อยคำที่กฎหมายกำหนด จะพูดมากหรือน้อยกว่าในถ้อยคำไม่ได้

ฉะไร้วุฒิภาวะจงใจขัด รธน.

นายสมพงษ์กล่าวว่า ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์เคยกล่าวคำถวายสัตย์ฯมาหลายครั้งแล้ว แต่เหตุใดครั้งนี้ไม่กล่าวถ้อยคำให้ถูกต้อง มีเจตนาไม่ใช้เอกสารที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) จัดให้ จะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร เพราะเป็นการขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 161 ส่งผลต่อความชอบด้วยรัฐธรรมนูญทั้งในเรื่องการแถลงนโยบายรัฐบาล และความชอบ ในการบริหารราชการแผ่นดิน นอกจากนี้ ยังทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 162 กรณีแถลงนโยบายรัฐบาลโดยไม่ชี้แจงที่มาของเงิน จะนำงบประมาณจากแหล่งใดมาใช้ เมื่อพิจารณาพฤติกรรมของนายกฯที่ทำต่อเนื่อง พบว่าจงใจขัดรัฐธรรมนูญชัดแจ้งเป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชน บทเรียนครั้งนี้นายกฯแสดงถึงความไม่มีวุฒิภาวะ ไม่รับฟังข้อท้วงติงของผู้หวังดี ไม่ยอมรับว่าทำผิด ก่อให้เกิดความเสียหายเป็นลูกโซ่ ประเทศขาดความเชื่อมั่น จงใจทำผิดรัฐธรรมนูญสม่ำเสมอ ความเชื่อมั่นไม่เกิด การยอมรับจึงไม่มี ประเทศที่ผู้นำมีมลทินถูกตำหนินินทามากเช่นนี้ จะนำพาสังคมและประเทศที่กำลังวิกฤติให้อยู่รอดได้อย่างไร

จี้ลาออกแสดงความรับผิดชอบ

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สิ่งที่ชัดเจนคือนายกฯกล่าวนำถวายสัตย์ฯโดยตัดถ้อยคำออกไป ทำให้เกิดปัญหา ครม.ถวายสัตย์ฯชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ การถวายสัตย์ฯคือการให้คำมั่นสัญญาต่อพระมหากษัตริย์ในการปฏิบัติหน้าที่ เมื่อถวายสัตย์ฯไม่ครบถ้วน กิจกรรมที่รัฐบาลทำหลังจากนั้นอาจมีปัญหาเป็นโมฆะได้ การถวายสัตย์ฯไม่ครบแสดงให้เห็นว่าอาจไม่เคารพสิทธิเสรีภาพประชาชน หรือไม่ดำเนินนโยบายตามที่รัฐบาลกำหนดหรือไม่ หรือแสดงว่าฝ่ายค้านจะไม่สามารถเอาผิดรัฐบาลได้ เพราะไม่เคยให้สัญญาว่าจะทำตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ เมื่อไม่ให้คำมั่นสัญญาจะไว้ใจให้บริหารประเทศได้หรือไม่ การให้คำมั่นเหมือนเป็นการขอลูกสาว เขารับปากว่าจะรัก แต่ไม่รับปากว่าจะดูแล นายกฯก็มีลูกเป็นผู้หญิง ถามว่าจะยกลูกสาวให้หรือไม่ หากปล่อยเวลาให้เนิ่นช้ายิ่งเสียหายมากขึ้น ทางออกเดียวคือนายกฯต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองที่สง่างามที่สุดด้วยการลาออก ไม่ใช่การเสื่อมเสีย แต่เป็นการแสดงความรับผิดชอบที่นานาประเทศทำกัน ไม่ต้องทำเป็นหนังสือ ให้ใช้ความกล้าหาญลุกขึ้นเปล่งเสียงชัดๆ ผมขอลาออก แสงสว่างจะเกิดกับประเทศทันที ทำให้คนไทยสักครั้งได้ไหม

“ปิยบุตร” สวดโรคไม่แยแส รธน.

นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ในฐานะผู้เปิดประเด็นพร้อมรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ แต่ไม่รู้นายกฯจะกล้ารับผิดชอบในการกระทำของตัวเองหรือไม่ หากยอมรับผิดตั้งแต่แรกปัญหาจะไม่วุ่นวายแบบนี้ ยืนยันว่าไม่คิดล้มรัฐบาล มีสื่อถามว่า รู้ว่าถวายสัตย์ฯไม่ครบได้ยังไง มีหนอนบ่อนไส้ในรัฐบาลไหม ยืนยันไม่มีหนอนบ่อนไส้ แต่รู้ได้ด้วยตนเอง การถวายสัตย์ฯ ไม่ครบของ พล.อ.ประยุทธ์เป็นอาการโรคไม่แยแสรัฐธรรมนูญ ไม่ให้ความสำคัญกับรัฐธรรมนูญ พยายามหาช่องโหว่ยกเว้นเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญเสมอ มองรัฐธรรมนูญเป็นเพียงเครื่องมือในการปกครอง อันไหนได้ประโยชน์ พล.อ.ประยุทธ์จะอ้าง แต่อันใดเสียประโยชน์ก็จะไม่อ้าง ออกแบบรัฐธรรมนูญมาแล้วกลับไม่ทำตามและไม่แยแส และยังเป็นโรคไม่รับผิดชอบต่อการเป็นผู้นำ นอกจากความรับผิดชอบทางกฎหมายแล้ว ความรับผิดชอบทางการเมืองเป็นสิ่งสำคัญกว่า คือขอโทษต่อประชาชนและลาออก

ทำไมไม่อ่านตามที่ สลค.เขียน

นายปิยบุตรกล่าวว่า ฝากคำถามไปยังนายกฯ 4 ข้อคือ 1.นายกฯอ่านคำถวายสัตย์ฯจากกระดาษที่อยู่ในกระเป๋า เป็นการเตรียมมาเองใช่หรือไม่ และเขียนถ้อยคำถวายสัตย์ฯใหม่เองใช่ไหม เหตุใดไม่อ่านคำถวายสัตย์ฯเหมือนที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เตรียมมาให้ 5 ครั้งก่อนหน้านี้ 2.หากมี ครม.บางคนลาออกเพราะทนกระแสสังคมไม่ได้ นายกฯต้องนำ ครม.ใหม่เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ฯอีกครั้ง จะนำถวายสัตย์ฯด้วยข้อความเหมือนที่เคยอ่านเมื่อวันที่ 16 ก.ค.หรือไม่ 3.หากนายกฯคนต่อไปที่ไม่ใช่พวกท่านมีโอกาสเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ฯแล้วกล่าวถ้อยคำไม่ครบถ้วน จะทำได้หรือไม่ 4.ขอถามนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ที่ทำงานในทำเนียบมาเกือบสองทศวรรษ เคยเห็นนายกฯคนใดกล่าวคำถวายสัตย์ฯแบบ พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ มีข้อเสนอแนะไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ว่า ขอให้นายกฯขอพระบรมราชานุญาตถวายสัตย์ปฏิญาณใหม่อีกครั้งให้ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ และขอเรียกร้องให้นายวิษณุกลับมาเป็นคนเดิม ยุติการให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายแก่นายกฯ

“เสรี” ไล่ระนาดต้องรับผิดทั้ง ครม.

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย อภิปรายว่า ประเด็นการกล่าวคำถวายสัตย์ฯไม่ครบไม่ต้องวินิจฉัยแล้ว เพราะนายกฯยอมรับเองว่าไม่ครบถ้วน ถามว่าแล้วทำไมไม่ทำเรื่องนี้ให้ถูกต้อง นายกฯต้องพิจารณาตัวเอง ที่เคยบอกว่าจะขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวนั้น ถามว่าจะรับผิดชอบคนเดียวได้อย่างไร เพราะ ครม.พูดตามก็ต้องรับผิดชอบทั้งคณะ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯฝ่ายกฎหมายอยู่กับรัฐบาลอื่นมาหลายสิบปี รู้ดีทุกเรื่องก็ยังไม่กล้ายืนยัน ทั้งๆที่หนังสือที่ท่านเขียนเองชื่อ “หลังม่านการเมือง” ระบุว่าการกล่าวคำถวายสัตย์ฯจะขาดตกคำใดไปไม่ได้ แม้แต่และ-หรือ แต่นี่ขาดเป็นประโยค นายวิษณุรู้อยู่แล้วว่าจะทำให้ถูกต้องนั้นต้องทำอย่างไร แต่ทำไมจึงไม่เสนอแนะนายกฯ

ถามจี้ใจดำคิดปฏิวัติอีกหรือไม่

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวต่อว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จิตใต้สำนึกไม่ได้ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงอาจคิดว่าจะทำการปฏิวัติรัฐประหารอีกก็ได้ เพราะเคยทำมาแล้ว นี่เป็นสาเหตุที่ตัดข้อความออกไปหรือไม่ นายกฯเคยพูดออกทีวีเรียกร้องทุกฝ่ายรักษากฎหมาย ขอถามว่าแล้วท่านได้ปฏิบัติจริงหรือไม่ เพราะการไม่ทำตามรัฐธรรมนูญก็เหมือนกับการทำขัดต่อสถาบันและขัดรัฐธรรมนูญ หากปล่อยให้บริหารราชการแผ่นดินแล้วประเทศเกิดความเสียหายตามมา รับผิดชอบไหวหรือ ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง วันนี้ท่านก็ยังไปแต่งตั้งโยกย้ายทหาร ตำรวจ และข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ขอฝากว่าใครที่ถูกรังแกหรือได้รับความไม่เป็นธรรม สามารถฟ้องได้เลย เพราะวันนี้ไม่มีมาตรา 44 คอยปิดปากแล้ว

ฉะแหลกรัฐบาลโจราธิปไตย

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวอีกว่า ไม่เข้าใจว่านายกฯปล่อยให้คนที่เป็นรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลออกมาให้สัมภาษณ์เชิงข่มขู่ ส.ส.ฝ่ายค้านได้อย่างไร ว่าให้อภิปรายให้ดีๆ ถ้าอภิปรายไม่ดีมีเรื่องแน่ สังคมอาจเข้าใจว่าเป็นรัฐบาลโจราธิปไตยได้ พล.อ.ประยุทธ์ บริหารประเทศมา 5 ปี ชาติเป็นหนี้ 7 ล้านล้านบาท มาตรฐานความโปร่งใสเหลือ 9.8 จุด มีมาตรา 44 แต่ยังแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ ที่บอกว่าคุมได้ทุกเรื่องนั้น เชื่อว่ามีอยู่เรื่องหนึ่งที่คุมไม่ได้ คือคุมสติตัวเองไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ในฐานะรุ่นพี่ขอแนะนำรุ่นน้อง แม้ท่านจะตัดขาดไปแล้วก็ตาม ขอให้เอาอย่างป๋า (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ) ท่านเคยพูดไว้ว่า “ผมพอแล้วครับ” ขอให้นายกฯลาออกไปเถอะครับ

“วันนอร์” แนะโละ ครม.ที่มีปัญหา

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ถือเป็นการกระทำผิดทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงของนายกฯ สมาชิกรัฐสภา 1 ใน 5 สามารถเข้าชื่อเสนอต่อประธานรัฐสภาเพื่อยื่นให้ ป.ป.ช.ไต่ส่วน เพื่อเสนอศาลฎีกาให้พิจารณาต่อไปได้ หากศาลรับคำร้อง ผู้ถูกร้องคือนายกฯและ ครม. ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ทันที จึงอยากเสนอแนะให้นายกฯประกาศลาออกจากตำแหน่งในวันนี้ เหมือนที่ประกาศยึดอำนาจเมื่อปี 2557 เข้ามาใหม่จะได้โละสิ่งของพะรุงพะรังคือ ครม.ออกไป ใครมีปัญหาจะได้ตัดออก ตัว พล.อ.ประยุทธ์จะเบาขึ้นเยอะ เสียงปริ่มน้ำก็จะไม่ทำให้ท่านมีปัญหา แล้วนำ ครม.เข้าถวายสัตย์ฯใหม่ให้ครบถ้วน

“ไพบูลย์” ขู่ฟ่อระวังดาบศาล รธน.

ขณะที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นทักท้วงว่า ความเห็นของศาลรัฐธรรมนูญต่อกรณีดังกล่าว มีสาระสำคัญไม่ฟังไม่ได้ โดยเห็นว่าเรื่องดังกล่าวอยู่ในเขตพระราชอำนาจโดยเฉพาะ มิสามารถให้ฝ่ายใดเข้าไปก้าวล่วงได้ ตนเป็นห่วงฝ่ายค้านคิดว่าจะมาตรวจสอบ ครม. แต่ทำไปทำมาจะโดนตรวจสอบเสียเอง เพราะกระทำการที่ไม่มีอำนาจ อาจมีคนสงสัยนำเรื่องไปยื่นต่อ ป.ป.ช. สิ่งเหล่านี้อาจเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 หรืออาจมีกระบวนการใดกระบวนการหนึ่งยื่นเรื่องไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ และคิดหรือว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยเป็นอื่น

ไม่ทำตามแบบแผนประเพณี

ต่อมา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทยอภิปรายว่า การถวายสัตย์ฯไม่ครบถ้วน เหมือนนายกฯจงใจไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ เป็นการกระทำโดยเจตนาที่เห็นชัดเจนในขั้นตอนและกระบวนการ ไม่ทำตามแบบแผนประเพณีปฏิบัติ ส่วนการแถลงนโยบายโดยไม่แถลงที่มารายได้ เป็นคำถามว่า ครม.ทราบหรือไม่ว่าเจตนาของรัฐธรรมนูญมาตรา 162 กำหนดว่าต้องชี้แจงแหล่งที่มาในการนำไปใช้กับนโยบาย พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 57 ระบุว่า การทำนโยบายให้กับประชาชน หากเป็นนโยบายที่ต้องใช้เงิน ต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่ามาจากไหนอย่างไร และต้องบอกถึงผลกระทบ ประโยชน์ที่จะได้รับ ทั้งนี้ นายกฯและ ครม.ต้องยึดมั่น จงรักภักดีต่อสถาบันหลักอย่างจริงจังจริงใจ อย่าเอาเรื่องเหล่านั้นมาแอบอ้างเป็นประโยชน์ทางการเมือง ท่านต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ และต้องไม่กลับไปใช้อำนาจ คสช.ในการปกครองประเทศ ถ้าเป็นแบบนั้นบ้านเมืองเราไปไม่ได้

อัดตีเช็คเปล่าเลี่ยงวินัยการคลัง

นพ.เรวัติ วิศรุตเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า อยากถามว่าการไม่ชี้แจงเรื่องที่มางบประมาณในการทำโครงการต่างๆตอนแถลงนโยบาย มีเจตนาหลีกเลี่ยงเพราะอะไร การไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญถือว่าการแถลงนโยบายเป็นโมฆะไปแล้ว ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว การไม่แจ้งแหล่งที่มาของรายได้ นอกจากเป็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่ซื่อสัตย์แล้ว ยังเข้าข่ายไม่รักษาวินัยในกิจการที่เกี่ยวกับเงินแผ่นดินด้วย ส่อให้เห็นเจตนาอันฉ้อฉลเข้าข่ายตีเช็คเปล่า หลีกเลี่ยงวินัยการเงินการคลัง มั่นใจในอำนาจว่า คงไม่มีใครกล้ามากล่าวหาให้รับผิดชอบแต่อย่างใด

“บิ๊กตู่” ไม่บอกที่มาของรายได้

กระทั่งเวลา 15.10 น. พล.อ.ประยุทธ์ได้ใช้สิทธิชี้แจงว่า ขอพูดเรื่องการไม่แจ้งที่มาของงบประมาณในการทำนโยบาย รัฐบาลไม่อาจระบุได้ว่าจะนำรายได้จากจุดใดมาใช้ในเรื่องใดบ้าง ขอให้ไปรอดูตอนทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 จึงจะรู้ว่าเอางบประมาณจากที่ไหนมาทำบ้าง แต่ยืนยันได้ว่ารัฐบาลไม่ได้มุ่งหวังรีดภาษีคนจนนำมาเป็นรายได้ อย่างรัฐบาลก่อนหน้านี้มีโครงการจำนำข้าว ก็เห็นกันอยู่ว่าเป็นอย่างไร ส่วนนโยบายที่พรรคการเมืองต่างๆหาเสียงกันไว้ หากนำมารวมกันจะใช้เงินมากกว่า 2.2 ล้านล้านบาท ต้องมาดูรายละเอียดว่าทำได้หรือไม่ แต่นโยบายอะไรที่คล้ายกันจะจัดมาอยู่ในกลุ่มเดียวกัน ไม่เกี่ยงว่าเป็นของรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ส่วนทุนสำรองระหว่างประเทศ รัฐบาลไม่เคยปิดบัง ขณะนี้มีทุนสำรองอยู่ 220,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถือว่าสูงในระดับต้นๆ ของโลก เช่นเดียวกับการก่อหนี้สาธารณะ รัฐบาลนี้กู้เงินน้อยกว่ารัฐบาลที่ผ่านๆมา ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในเศรษฐกิจประเทศบ้าง ยืนยันว่าทุกอย่างทำถูกต้องทุกประการ

แถมไม่เคลียร์ปมถวายสัตย์ฯ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า เรื่องตัวเลขคนว่างงานให้ไปดูว่าเกิดจากอะไร เกิดจากคนเลือกงานไหม หรือหนี้ครัวเรือนต้องไปดูว่าเป็นหนี้จากอะไร เรื่องรัฐธรรมนูญที่พูดกันว่าร่างมาเพื่อตนนั้น ไม่จริง แต่เป็นคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ร่าง อย่ามาโยงตน เคารพในหลักการรัฐธรรมนูญทุกตัว ไม่เคยล่วงละเมิดหรือทำให้เสียหาย ส่วนเรื่องน้ำท่วมขณะนี้มีพื้นที่น้ำท่วม 30 กว่าจังหวัด แต่ยังมีอีก 30 กว่าจังหวัดที่ไม่ท่วม จะไม่ไปสนใจเขาเลยหรือไง ยืนยันรัฐบาลไม่ได้ดูแลเฉพาะพื้นที่ตัวเอง ทั้งระหว่างที่นายกฯชี้แจง นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ประท้วงว่า นายกฯพูดนอกประเด็น ไม่ได้ชี้แจงเรื่องการถวายสัตย์ไม่ครบถ้วน และเรื่องที่มารายได้ในการจัดทำนโยบาย แต่นายศุภชัย โพธิ์สุ ที่ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม วินิจฉัยว่า นายกฯ ทนฟังพวกเรามาหลายชั่วโมงแล้ว ขอให้ทนฟังท่านบ้าง พล.อ.ประยุทธ์จึงชี้แจงต่อว่า วันนี้ดุเดือดน้อยกว่าเก่าเยอะ รักทุกคนเพราะนี่คือประเทศไทย ก่อนทิ้งท้ายด้วยการส่งยิ้มให้ ส.ส.ในห้องประชุม รวมใช้เวลาชี้แจงราว 25 นาที แต่ไม่ได้ชี้แจงประเด็นการกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณ ก่อนเดินทางออกจากรัฐสภาไปปฏิบัติภารกิจสำคัญต่อ

รบ.มีหน้าที่ก้มหน้าก้มตาทำงาน

นายวิษณุกล่าวต่อว่า การกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณจะใช้กับ 1.องคมนตรี 2.ครม. 3.ผู้พิพากษา 4.ตุลาการ การถวายสัตย์ปฏิญาณต้องมีผู้ถวายและผู้รับการถวาย เมื่อจบก็มีพระราชดำรัสทุกครั้งไป การถวายสัตย์ปฏิญาณ วันที่ 16 ก.ค.2562 เมื่อ ครม.ถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว มีกระแสพระราชดำรัสให้ไปปฏิบัติหน้าที่ถือเป็นพระบรมราชานุญาต และรัฐบาลได้ปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ถ้าทำไม่ครบถ้วนถือว่ารัฐบาลเป็นโมฆะ คสช. ยังอยู่ การที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องโดยระบุว่าการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่อยู่ในอำนาจการตรวจสอบขององค์กรใดตามรัฐธรรมนูญ แปลว่าศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบไม่ได้ และชี้ไม่ได้ว่าถูกหรือผิด ขณะนี้ยังไม่มีใครพูด หรือใครชี้อะไรได้ ทุกอย่างจึงดำเนินการไปตามปกติ รัฐบาลมีหน้าที่เดียวคือก้มหน้าก้มตาปฏิบัติงานด้วยกำลังใจ และมุ่งมั่นปฏิบัติให้เป็นไปตามคำถวายสัตย์ปฏิญาณตามพระบรมราโชวาทและพรที่พระราชทานลงมา

ห่วงโชเฟอร์เมายา-เมาอำนาจ

จากนั้นเวลา 17.45 น. นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวปิดการอภิปรายว่า พฤติกรรมนายกฯจงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเป็นนิสัย ถ้าไม่เตือนสติ ไม่สอบถามแนะนำกันบ้าง อาจเป็นอย่างนี้อีกในอนาคต เปรียบนายกฯเป็นโชเฟอร์ ฝ่าไฟเเดงมาเเล้วสามสี่ไฟแดง จะพาเราไปชนตายเมื่อไหร่ เลยอยากถามโชเฟอร์เมาหรือเปล่า เมายาบ้า หรือเมาอำนาจ ถ้าโชเฟอร์หันมาตอบว่า ไม่เมาไว้ใจได้ เราเป็นผู้โดยสารก็สบายใจ แต่นี่โชเฟอร์หันมาด่าผู้โดยสารอีก ไม่ให้ความมั่นใจผู้โดยสาร ถวายสัตย์ฯต่อหน้าองค์ประมุขท่านยังทำผิด สมาชิกทุกคนที่อภิปรายเห็นว่านายกฯจงใจ หลายคนบอกอดีตชี้ปัจจุบันกรณีท่านยึดอำนาจมา ใช้มาตรา 44 เป็นเครื่องมือ เมื่ออดีตเป็นอย่างนี้ ปัจจุบันเป็นอย่างนี้ในอนาคตไม่รับปากว่าจะปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมันก็คิดไปได้ทั้งนั้นว่าท่านจะยึดอำนาจอีกหรือไม่ ยิ่งเห็นผู้บัญชาการทหารบกออกมาคำรามทำให้คิดไปว่าสอดคล้องกันหรือเปล่า ทุกคนกังวลจะเกิดเเบบนี้อีกหรือไม่ วันนี้จึงมาถามนายกฯ ถ้าท่านคิดอย่างนั้นจริงให้กลับใจใหม่

ทำไมไม่พูดตามที่ รธน.บัญญัติ

นายสุทินกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันตลอดว่าจะไม่ลาออก ไม่ปรับ ครม. อ้างเป็นสิทธิที่จะไม่ตอบ ถามว่า ท้าทายหรือเปล่า ท่านไม่เคารพสภาฯไม่สงสารหัวใจของตัวเเทนประชาชน ให้นายวิษณุมาตอบแทนเราก็ผิดหวัง ที่เคยชื่นชมว่าท่านเก่งแต่วันนี้ผิดหวังเพราะพูดเท็จ เปิดกีฬา อบต.ยังมีเเฟ้ม นี่ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าประมุขของประเทศ หยิบกระดาษแผ่นเดียวออกมาเเล้วบอกว่านี่คือประเพณีปฏิบัติ คำถามคือทำไมไม่พูดตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่เขียนไว้ ถ้าไม่ผิดทำไมไม่พูด ถ้านายกฯพูดว่าจะธำรงไว้ซึ่งบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญทุกประการ พูดแบบนี้มันผิดอะไร ถ้าไม่พูดเเล้วคืออะไร จะเป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลกับพระมหากษัตริย์อันนั้นก็ยังเเย้งได้ แต่ระหว่างรัฐบาลกับพระมหากษัตริย์ก็แล้วแต่ เเต่พูดคำนี้ไม่ได้หรือ

รบ.มีหน้าที่ก้มหน้าก้มตาทำงาน

นายวิษณุกล่าวต่อว่า การกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณจะใช้กับ 1.องคมนตรี 2.ครม. 3.ผู้พิพากษา 4.ตุลาการ การถวายสัตย์ปฏิญาณต้องมีผู้ถวายและผู้รับการถวาย เมื่อจบก็มีพระราชดำรัสทุกครั้งไป การถวายสัตย์ปฏิญาณ วันที่ 16 ก.ค.2562 เมื่อ ครม.ถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว มีกระแสพระราชดำรัสให้ไปปฏิบัติหน้าที่ถือเป็นพระบรมราชานุญาต และรัฐบาลได้ปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ถ้าทำไม่ครบถ้วนถือว่ารัฐบาลเป็นโมฆะ คสช. ยังอยู่ การที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องโดยระบุว่าการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่อยู่ในอำนาจการตรวจสอบขององค์กรใดตามรัฐธรรมนูญ แปลว่าศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบไม่ได้ และชี้ไม่ได้ว่าถูกหรือผิด ขณะนี้ยังไม่มีใครพูด หรือใครชี้อะไรได้ ทุกอย่างจึงดำเนินการไปตามปกติ รัฐบาลมีหน้าที่เดียวคือก้มหน้าก้มตาปฏิบัติงานด้วยกำลังใจ และมุ่งมั่นปฏิบัติให้เป็นไปตามคำถวายสัตย์ปฏิญาณตามพระบรมราโชวาทและพรที่พระราชทานลงมา

ห่วงโชเฟอร์เมายา-เมาอำนาจ

จากนั้นเวลา 17.45 น. นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวปิดการอภิปรายว่า พฤติกรรมนายกฯจงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเป็นนิสัย ถ้าไม่เตือนสติ ไม่สอบถามแนะนำกันบ้าง อาจเป็นอย่างนี้อีกในอนาคต เปรียบนายกฯเป็นโชเฟอร์ ฝ่าไฟเเดงมาเเล้วสามสี่ไฟแดง จะพาเราไปชนตายเมื่อไหร่ เลยอยากถามโชเฟอร์เมาหรือเปล่า เมายาบ้า หรือเมาอำนาจ ถ้าโชเฟอร์หันมาตอบว่า ไม่เมาไว้ใจได้ เราเป็นผู้โดยสารก็สบายใจ แต่นี่โชเฟอร์หันมาด่าผู้โดยสารอีก ไม่ให้ความมั่นใจผู้โดยสาร ถวายสัตย์ฯต่อหน้าองค์ประมุขท่านยังทำผิด สมาชิกทุกคนที่อภิปรายเห็นว่านายกฯจงใจ หลายคนบอกอดีตชี้ปัจจุบันกรณีท่านยึดอำนาจมา ใช้มาตรา 44 เป็นเครื่องมือ เมื่ออดีตเป็นอย่างนี้ ปัจจุบันเป็นอย่างนี้ในอนาคตไม่รับปากว่าจะปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมันก็คิดไปได้ทั้งนั้นว่าท่านจะยึดอำนาจอีกหรือไม่ ยิ่งเห็นผู้บัญชาการทหารบกออกมาคำรามทำให้คิดไปว่าสอดคล้องกันหรือเปล่า ทุกคนกังวลจะเกิดเเบบนี้อีกหรือไม่ วันนี้จึงมาถามนายกฯ ถ้าท่านคิดอย่างนั้นจริงให้กลับใจใหม่

ทำไมไม่พูดตามที่ รธน.บัญญัติ

นายสุทินกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันตลอดว่าจะไม่ลาออก ไม่ปรับ ครม. อ้างเป็นสิทธิที่จะไม่ตอบ ถามว่า ท้าทายหรือเปล่า ท่านไม่เคารพสภาฯไม่สงสารหัวใจของตัวเเทนประชาชน ให้นายวิษณุมาตอบแทนเราก็ผิดหวัง ที่เคยชื่นชมว่าท่านเก่งแต่วันนี้ผิดหวังเพราะพูดเท็จ เปิดกีฬา อบต.ยังมีเเฟ้ม นี่ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าประมุขของประเทศ หยิบกระดาษแผ่นเดียวออกมาเเล้วบอกว่านี่คือประเพณีปฏิบัติ คำถามคือทำไมไม่พูดตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่เขียนไว้ ถ้าไม่ผิดทำไมไม่พูด ถ้านายกฯพูดว่าจะธำรงไว้ซึ่งบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญทุกประการ พูดแบบนี้มันผิดอะไร ถ้าไม่พูดเเล้วคืออะไร จะเป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลกับพระมหากษัตริย์อันนั้นก็ยังเเย้งได้ แต่ระหว่างรัฐบาลกับพระมหากษัตริย์ก็แล้วแต่ เเต่พูดคำนี้ไม่ได้หรือ

ซัดแรงบิดเบือนดึงฟ้าต่ำ

“ที่หนักกว่านั้นที่ไม่สบายใจอย่างยิ่งคือ ท่านพยายามทำให้เราเข้าใจว่าการถวายสัตย์ฯผิดถูกก็ช่าง กล่าวครบไม่ครบก็ช่าง ถ้ามีพระบรมราโชวาทเเล้วถือว่าสมบูรณ์ ท่านพยายามอธิบายอย่างนั้น ผมว่าไม่ใช่ ท่านอย่าไปเอาสิ่งนั้นมาเป็นนัยทางการเมือง อย่าไปตีความเป็นคุณเป็นโทษเเก่ฝ่ายตนเองไม่ว่าฝ่ายใด ถ้าไปหยุดตรงที่ว่าเป็นเรื่องรัฐบาลกับพระมหากษัตริย์คำนี้ไม่น่าใช้ ได้ยินถึงไหนน้อยใจถึงนั่น พระมหากษัตริย์ทรงเป็นที่พึ่งของประชาชน ท่านต้องบอกว่าทำไมไม่ใช้ถ้อยคำตามรัฐธรรมนูญกำหนด ท่านกำลังสร้างประวัติศสตร์หน้าใหม่โดย นายกฯประยุทธ์ และนายวิษณุ ใครจะถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ต้องดูแล้วรัฐธรรมนูญมาตรา 161 วรรค 2 ที่เสียใจที่สุดคือทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ นอกจากนี้ วันนี้ท่านยังฝากเรื่องใหญ่ไว้เป็นแผลใจ คนข้างๆผมหลายคนกระซิบว่า ดึงฟ้าต่ำมาปกป้องตัวเอง ทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรมสิ้นเชิง” นายสุทินกล่าว

ถ้า “ทักษิณ” คงแหลกเป็นจุณ

นายสุทินกล่าวอีกว่า ถ้าเป็นการกระทำของอดีตนายกฯ เช่น นายทักษิณ ชินวัตร คงแหลกเป็นจุณ วันนี้กลับกลายเป็นว่ารัฐบาลนี้ทำอะไรก็ไม่ผิด แต่อีกฝั่งทำอะไรก็ผิด จะเกิดบาดแผล แล้วความสามัคคีปรองดองจะเกิดขึ้นได้อย่างไร การกระทำของ พล.อ.ประยุทธ์ถือเป็นการลดทอนสถาบันอันเป็นที่รักของเรา สิ่งที่นายกฯต้องทำคือฟื้นฟูความเชื่อมั่นประเทศ ยกเทิดทูนสถาบันอันเป็นที่รักของชาติ แบบพันท้าย นรสิงห์ พล.อ.ประยุทธ์ควรลาออก สามารถกลับมาอีกรอบได้ แต่หากไม่ยอมเชื่อว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า พฤติกรรม พล.อ.ประยุทธ์จะส่งผลเอง จากนั้นนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม เเจ้งต่อสมาชิกเรื่องพระบรมราชโองการปิดสมัยประชุมสภาฯ และสั่งปิดการประชุมเมื่อเวลา 18.20 น.

“บิ๊กตู่” บอกเป็นสิทธิที่จะไม่ตอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลัง พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงฝ่ายค้านเสร็จ ได้เดินทางออกจากรัฐสภากลับทำเนียบรัฐบาล เพื่อเตรียมตัวร่วมพิธีมหามงคลบำเพ็ญพระราชกุศล ณ ลานพระราชวังดุสิต ในช่วงเย็น โดย ก่อนกลับนายกฯกล่าวว่า รับข้อเสนอไว้ทั้งหมด ส่วนเรื่องถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบเป็นสิทธิที่จะไม่ตอบ ให้แนวทางชี้แจงไปแล้ว เดี๋ยวนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ จะเป็นผู้ชี้แจงแทน เมื่อถามว่าล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าหัวหน้า คสช.ไม่เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ รู้สึกสบายใจขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ยังไม่รู้เรื่อง พร้อมย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า “แล้วเชื่อศาล เคารพศาลหรือไม่ ก็เป็นไปอย่างนั้นแหละ” ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อเสนอของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ให้ลาออกหรือปรับ ครม. พล.อ.ประยุทธ์เพียงแต่ส่ายหัวไม่ได้ตอบคำถาม

ส่องรายงานขบวนการทำลาย ปท.

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ระหว่างนั่งฟังการอภิปรายอยู่ในที่ประชุมสภานั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังนั่งอ่านรายงานฉบับหนึ่งที่หน้าปกเขียนว่า “โครงข่ายขบวนการทำลายประเทศ” ซึ่งสร้างความฮือฮาให้กับบรรดาช่างภาพและสื่อมวลชนที่สังเกตเห็น โดยเป็นข้อมูลที่หน่วยข่าวความมั่นคงทำสรุปขึ้นมาเสนอรายงานตามปกติ มีเนื้อหารายละเอียดเกี่ยวข้องโยงเครือข่ายไปถึงฝ่ายการเมือง และเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการหมิ่นสถาบันรวมอยู่ด้วย ขณะที่นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารที่ฝ่ายความมั่นคงสรุปข้อมูลส่งให้กับนายกฯ ถือเป็นความลับไม่สามารถเปิดเผยได้

ศาล รธน.ชี้ “บิ๊กตู่” ไม่เป็น จนท.รัฐ

วันเดียวกันเวลา 14.15 น. ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัยกรณีความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญจากเหตุดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐหรือไม่ ว่า หัวหน้า คสช.มาจากการยึดอำนาจ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเพื่อบริหารราชการแผ่นดิน เป็นตำแหน่งที่ใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์ เห็นได้จากการออกประกาศและคำสั่งหัวหน้า คสช. ไม่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาหรือการกำกับดูแลของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐ ไม่ได้รับการแต่งตั้งโดยกฎหมาย ไม่มีกระบวนวิธีการได้มาหรือการเข้าสู่การดำรงตำแหน่ง มีอำนาจหน้าที่เป็นการเฉพาะชั่วคราวช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้มีอำนาจรักษาความสงบเรียบร้อย และความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ และประชาชน ดังนั้น หัวหน้า คสช. จึงไม่มีสถานะตำแหน่งหน้าที่หรือลักษณะงานทำนองเดียวกับพนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ไม่มีลักษณะต้องห้ามเป็นรัฐมนตรีเพราะเหตุเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ส่วนกรณีที่นางอุบลกาญจน์ อมรสิน ประธานองค์กรตรวจสอบการธำรงไว้ซึ่งหลักนิติธรรม ยื่นคัดค้าน 7 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ให้วินิจฉัยคดีนี้ มีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องเนื่องจากไม่ได้เป็นคู่กรณี

รับวินิจฉัย “สิระ” กร่างใส่ ตร.ภูเก็ต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งความเห็นของส.ส. 57 คน ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ว่า สมาชิกสภาพความเป็น ส.ส.ของนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (7) ประกอบมาตรา 185 (1) หรือไม่เนื่องจากใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็น ส.ส.กระทำการก้าวก่าย แทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเองในการปฏิบัติราชการหรือการดำเนินงานในหน้าที่ประจำของข้าราชการไว้พิจารณา โดยไม่ได้สั่งให้ นายสิระหยุดปฏิบัติหน้าที่ และแจ้งให้นายสิระยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน นับแต่วันได้รับสำเนาคำร้อง นอกจากนี้ ยังมีมติรับคำร้องที่ขอให้วินิจฉัย การตรา พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาและคุ้มครองสถาบันครอบครัว พ.ศ.2562 ชะลอการบังคับใช้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 172 วรรคหนึ่งหรือไม่ไว้พิจารณา

ขรก. ตบเท้าให้กำลังใจ “ไก่อู”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีนายจรูญ ไชยศร รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ยื่นหนังสือร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาฯ ล่าสุดช่วงบ่ายวันเดียวกันมีข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้างกรมประชาสัมพันธ์ ทยอยเข้าให้กำลังใจ พล.ท.สรรเสริญ

ที่ห้องปฏิบัติงานอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ต่อเนื่อง พล.ท.สรรเสริญกล่าวเปิดใจว่า ที่กองทัพมันไม่มีแบบนี้ แต่ไม่เป็นไรทำงานต่อได้ ขอบคุณทุกคนจะทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุด ขอให้ทุกคนตั้งใจทำงาน เราต้องช่วยกันพากรมนี้ไปอย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรีเป็นที่ยอมรับของทุกคน มั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้ประพฤติผิดคิดทุจริต ทุกอย่างมีคำตอบและพร้อมชี้แจงข้อร้องเรียนทุกเรื่องตามกระบวนการ ตามหน้าที่ของข้าราชการ


เตือนไทยอากาศแปรปรวน 23-25 ก.ย.นี้ อุณหภูมิลดฮวบ 3-5 องศาฯ

อุตุฯ ประกาศไทยตอนบนมีสภาพอาการแปรปรวน ฝนตกชุกหนาแน่น ตกหนักหลายพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองบริเวณ "ภาคเหนือ-อีสาน-กลาง-ตะวันออก" และมีลมกรรโชกแรง ช่วงวันที่ 23-25 ก.ย.นี้ ไทยตอนบนอุณหภูมิลดลง 3-5 องศา ขอประชาชนดูแลสุขภาพด้วย

เมื่อวันที่ 19 ก.ย.62 กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศ "สภาพอากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทยตอนบน (มีผลกระทบจนถึงวันที่ 25 กันยายน 2562)" ฉบับที่ 3 ลงวันที่ 19 กันยายน 2562 ในช่วงวันที่ 19-22 กันยายน 2562 ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกชุกหนาแน่น กับมีฝนตกหนักหลายพื้นที่และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง โดยมีฝนฟ้าคะนองบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก โดยมีลมกระโชกแรงในช่วงวันที่ 21-22 กันยายน 2562

จากนั้นในช่วงวันที่ 23-25 กันยายน 2562 ประเทศไทยตอนบน อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส โดยจะเริ่มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคเหนือและภาคกลางตอนบนจะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป

ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากสภาพอากาศแปรปรวน ที่มีฝนตกหนักและอุณหภูมิลดลงในช่วงเวลาดังกล่าว และดูแลรักษาสุขภาพในระยะนี้ไว้ด้วย

จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ มีดังนี้

ในช่วงวันที่ 19-20 กันยายน 2562 บริเวณที่มีฝนตกหนักถึงหนักมาก ภาคเหนือ : จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ พะเยา น่าน พิษณุโลก พิจิตร อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด ยโสธร มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี

ภาคกลาง: จังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร นครปฐม สุพรรณบุรี อุทัยธานี ชัยนาท นครสวรรค์ อ่างทอง สิงห์บุรี ลพบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา และภูเก็ต

ในช่วงวันที่ 21-22 กันยายน 2562 บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมกระโชกแรง

ภาคเหนือ: จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน พิษณุโลก พิจิตร อุตรดิตถ์ และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

ภาคกลาง: จังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร นครปฐม สุพรรณบุรี อุทัยธานี ชัยนาท อ่างทอง สิงห์บุรี และพระนครศรีอยุธยา รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์

ทั้งนี้เนื่องจากร่องมรสุมจะเลื่อนขึ้นมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงปกคลุมประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ในช่วงวันที่ 19-22 กันยายน 2562 จากนั้นบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีน จะแผ่เสริมลงมาปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อนชื้น จึงทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศแปรปรวน จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด

กรมอุตุฯ เตือน 23-26 ก.ย.นี้ ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลางตอนบน เตรียมเจออากาศเย็นหลงฤดู อุณหภูมิลด 3-5 องศาฯ แต่ยังไม่ใช่ฤดูหนาว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศ สภาพอากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทยตอนบน โดยในช่วงวันที่ 19-22 ก.ย. 2562 ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง รวมทั้งมีลมกระโชกแรงบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก

จากนั้น ในช่วงวันที่ 23-25 ก.ย. 2562 ประเทศไทยตอนบน อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส โดยจะเริ่มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคเหนือ และภาคกลางตอนบน จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป

อย่างไรก็ตาม กรมอุตุนิยมวิทยา ยังเผยข้อมูลเพิ่มเติมว่า "ประเทศไทยยังไม่เข้าสู่ฤดูหนาว อุณหภูมิลดลงเท่านั้น จากนั้นจะกลับมีฝนตกเหมือนเดิม".


Thai Town Passport “Win a Trip to Thailand” Celebrating 20th Anniversary of Thai Town Los Angeles

เมื่อบ่ายวันพุธที่ 18 กันยายน 2562 ณ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส สภาไทยทาวน์ลอสแอนเจลิส ร่วมกับสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ได้จัดแถลงข่าวการจัดกิจกรรมพิเศษ “Thai Town Passport “Win a Trip to Thailand” Celebrating 20th Anniversary of Thai Town Los Angeles” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 20 ปีของการสถาปนาไทยทาวน์บนถนนฮอลลีวูด โดยมี กงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ท่านมังกร ประทุมแก้ว และนายกสภาไทยทาวน์ลอสแอนเจลิส คุณตัน พัฒนะ และคณะกรรมการฯ ท่ามกลางสื่อมวลชนและแขกผู้มีเกียรติที่เข้าร่วมงาน

โดยรายละเอียดของโครงการไทยทาวน์พาสปอร์ต นั้น นายตัน พัฒนะ นายกสภาไทยทาวน์ฯ กล่าวว่า สภาไทยทาวน์ฯ และสถานกงสุลใหญ่ฯ มีวัตถุประสงค์ที่จะสนับสนุนธุรกิจของคนไทยในพื้นที่ โดยการดึงดูดให้ชาวไทยและนานาชาติเข้ามาใช้บริการมากขึ้น รู้จักไทยทาวน์มากขึ้น สร้างไทยทาวน์ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของต่างชาติในนครลอสแอนเจลิส อันจะส่งผลต่อเนื่องถึงภาพลักษณ์ของประเทศไทย และการท่องเที่ยวของประเทศไทยด้วย

“เป็นการประชาสัมพันธ์ไทยทาวน์ ในรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน คิดว่าน่าจะเป็นที่สนใจ และดึงดูดคนเข้ามาไทยทาวน์ให้มากขึ้น กระตุ้นธุรกิจของคนไทยให้ขยายตัวมากขึ้นครับ”

นายกสภาไทยทาวน์ฯ กล่าวต่อไปว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 15 ตุลาคม ถึง 30 พฤศจิกายน นี้ ผู้มาใช้บริการของธุรกิจในไทยทาวน์ ที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 45 ร้าน จะได้รับการประทับตรา (แสตมป์) บนแผ่นพาสปอร์ต ที่ทางสภาไทยทาวน์ฯ จัดทำขึ้น หากสามารถรับการประทับตราได้ครบ 30 ครั้งในช่วงเวลาดังกล่าว ก็จะได้รับรางวัลใหญ่ คือตั่วเครื่องบินไป-กลับ แอลเอ-กรงเทพฯ มูลค่าถึง 700 ดอลลาร์ทันที

“ในเบื้องต้นนี้ เราเตรียมรางวัลตั๋วเครื่องบินเอาไว้ 5 ใบ ใครที่แสตมป์ได้ครบก่อนก็รับไปเลย แต่ในกรณีที่มีมากกว่าห้าคน ที่เหลือจะนำมาจับฉลากรับตั๋วเครืองบินอีกสองใบ และรางวัลปลอบใจเป็นบัตรของขวัญมูลค่า 200 ดอลลาร์ อีกสองใบครับ”

นอกจากนี้ ยังมีรางวัลปลอบใจอีกมากมาย เช่นหากรับการประทับตรา 2 ครั้ง จะได้รับพวงกุญแจตุ๊กตาควายไทย, ประทับ 5 ครั้งจะได้รับกระเป๋าผ้าขาวม้า ซึ่งทางสภาไทยทาวน์ฯ ได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานแอลเอ หรือหากประทับ 10 ครั้ง รับบัตรของขวัญ 25 ดอลลาร์ เป็นต้น โดยสามารถรับรางวัลเหล่านี้ได้จากจุดรับแลกของรางวัลสองจุด คือร้านนวดรอยัลไทยสปา และร้านนุช มาสสาจ ซึ่งทั้งสองร้านตั้งอยู่บนถนนฮอลลีวูด

“รายละเอียดก็คือว่า คุณจะต้องใช้จ่ายเงินในร้านต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 25 ดอลลาร์ (ก่อนภาษี) ถึงจะได้รับการแสตมป์ในพาสปอร์ต โดยหนึ่งร้านจะแสตมป์ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น และในจำนวนธุรกิจในไทยทาวน์ ที่เข้าร่วมกับโครงการทั้ง 45 ร้านนั้น เราแบ่งออกเป็นห้ากลุ่ม คือร้านอาหาร 31 ร้าน, ร้านขนม 4 ร้าน, ร้านนวดไทย 3 ร้าน ตลาดไทย 2 ตลาด และธุรกิจอื่นๆ อีก 5 ร้าน โดยผู้ร่วมสนุกจะต้องเข้าไปใช้บริการกับธุรกิจอย่างน้อยสามกลุ่ม ถึงจะถือว่าถูกกติกา” นายกสภาไทยทาวน์ฯ กล่าว โดยให้เหตุผลว่าเพื่อกระจายลูกค้าออกไปยังธุรกิจต่างๆ ให้มากที่สุดนั้นเอง

นายตัน พัฒนะ กล่าวว่า ธุรกิจทั้ง 45 ร้านที่เข้าร่วมโครงการ “ไทยทาวน์พาสปอร์ต” ครั้งนี้ ถือว่ามีสัดส่วนประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ของธุรกิจของคนไทยในพื้นที่ โดยทุกธุรกิจที่ร่วมโครงการ จะมีสติ๊กเกอร์ 20 ปีไทยทาวน์ สีขาว ติดที่หน้าร้านเป็นที่สังเกต

ในส่วนของการประชาสัมพันธ์โครงการในกลุ่มชาวต่างชาตินั้น นายกสภาไทยทาวน์ฯ กล่าวว่าได้มีการแจ้งไปยังสื่อมวลชนใหญ่ๆ เช่นลอส แอนเจลิส ไทมส์ และแอลเอวีคลีย์ โดยอาศัยความสัมพันธ์ที่ร้านอาหารไทยบางร้าน เช่นร้านจิตลดา ถนนซันเซ็ต มีกับสื่อมวลชนใหญ่ๆ เหล่านี้ นอกจากนั้นจะมีการจัดทำวิดีโอประชาสัมพันธ์ทางยูทูป และโซเชียลมีเดียอื่นๆ โดยมีการติดต่อเชฟไทยที่มีชื่อเสียงจากร้านอาหารดังๆ ให้ช่วยในส่วนนี้เอาไว้แล้วหลายคน

“เราค่อนข้างแน่ใจครับว่าโครงการนี้จะได้รับความสนใจ เพราะเท่าที่ตรวจสอบดู เชื่อว่าการแจกตั๋วเครืองบิน 5 ใบแบบนี้ ไม่เคยมีมาก่อน” นายกสภาไทยทาวน์ฯ กล่าว

ในส่วนของงบประมาณสำหรับโครงการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ไทยทาวน์และธุรกิจไทยในพื้นที่ครั้งนี้ นายกสภาไทยทาวน์ฯ กล่าวว่าได้รับมาจากสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส บวกกับเงินทุนสำหรับพัฒนาไทยทาวน์ ที่ทางสภาไทยทาวน์ฯ จัดหามาเองในช่วงที่ผ่านมา โดยขณะนี้ยังไม่ได้สรุปจำนวนเงินที่แน่ชัด แต่เชื่อว่าไม่ต่ำกว่า 10,000 ดอลลาร์

รายชื่อร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ Thai Town Passport RESTAURANT

1. Yai’s Restaurant

2. Chuan Chim Thai Café

3. Rodded

4. Pailin Thai Cuisine

5. Pao Pak Noodle Bar

6. Boran Thai Restaurant

7. Ocha Classic

8. Pa Ord Noodle

9. Tumnak Thai

10. Kazoku Sushi

11. Ruen Pair

12. Crispy Pork Gang

13. Hollywood Thai Restaurant

14. Sapp Coffee Shop

15. Lacha Somtum

16. Sanamluang

17. Kruang Tedd

18. Pho Thai Town

19. Vim Thai Restaurant

20. The Shrimp Lover

21. Fukurou Ramen

22. Northern Thai Food

23. Pa Ord Noodle

24. Siam Sunset

25. Shabushi

26. Luv2Eatt

27. Pattaya Bay Thai

28. Yai’s on Vermont

29. Pho VT

30. Wat Dong Moon Lek

31. The Silverlake House

MASSAGE

32. Siam Classic

33. Nuad Royal Thai Spa

34. Nuch Thai Massage

MARKET

35. Silom Supermarket

36. Bangluck Market

DESSERT

37. Bhan Kanom Thai

38. Kanom Thai Ram

39. Milk Crate

40. Khanom Thai Sunset

Etc

41. Dokya

42. Siam Books Center

43. Send2Thai

44. Thai Herbs & Spa

45. Inprint


ด่วน! รัฐบาลประกาศ “ยกระดับน้ำท่วมใหญ่อุบล” เป็นภัยพิบัติ “ระดับ 3”

รัฐบาลประกาศ “ยกระดับน้ำท่วมใหญ่อุบล” เป็นภัยพิบัติ “ระดับ 3” ให้ “อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)” ในฐานะผู้อำนวยการกลาง ดำเนินการ และ ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล

เมื่อวันที่ 20 ก.ย. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ประกาศยกระดับการจัดการสาธารณภัย เป็นการจัดการสาธารณภัยขนาดใหญ่ คือระดับ 2 เป็นระดับ 3 ตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ 2558

ทั้งนี้ เนื่องจากกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้ตรวจสอบแนวโน้มสถานการณ์ ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ พบว่าจากอิทธิพลของร่องมรสุมอาจส่งผลให้เกิดประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มมากขึ้น และฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับข้อมูลของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและกรมชลประทาน

ซึ่งเห็นว่าสถานการณ์น้ำในแม่น้ำชีและแม่น้ำมูลมีระดับลดลงแต่ยังคงล้นตลิ่งสอดคล้องกับความเห็นเชิงพื้นที่ของ จ.อุบลราชธานี ว่าสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง และสถานการณ์ยังมีความรุนแรงต่อเนื่อง ดังนั้นผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงประกาศยกระดับดังกล่าว

โดยให้อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะผู้อำนวยการกลาง ดำเนินการและปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลตลอดจนอำนวยการประสานงานประเมินสถานการณ์ติดตามเฝ้าระวังวิเคราะห์สถานการณ์รายงานเสนอความคิดเห็น ต่อผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ

เพื่อพิจารณาสั่งการเชิงนโยบาย จัดตั้งกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติส่วนหน้าขึ้นที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสารภัยเขต 13 อุบลราชธานีโดยมีนายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้กำกับควบคุมพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ยโสธร ศรีสะเกษและร้อยเอ็ด โดยมีผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย พร้อมส่วนราชการต่างๆ ร่วมบูรณาการช่วยเหลือประชาชน

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ จัดตั้งส่วนสนับสนุนการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉินตามที่ผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เห็นสมควรและให้ประสานการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัย

โดยมีหน่วยงานทุกภาคส่วน รวมทั้งเอกชน ฝและจิตอาสาเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในด้านต่างๆ โดยเร็ว และเมื่อสถานการณ์ในพื้นที่คลี่คลาย จะเร่งสำรวจความเสียหายในด้านต่างๆ เพื่อทำการฟื้นฟูให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว

ทั้งนี้ ขอให้ทุกหน่วยงานน้อมนำพระราชกระแสดํารัสของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ยึดถือเป็นแนวทางในการปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาอุทกภัย โดยจะติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องการคิดปรับแผนแนวทางแผนเผชิญเหตุทั้งในภาพรวมและเฉพาะเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นตลอดจนรวบรวมความเสียหาย ประมาณการต่อยอดเตรียมการสิ่งใหม่ๆและสิ่งที่ยังไม่ได้ทำเพื่อลดผลกระทบบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเต็มความสามารถ

สหรัฐฯคุ้มกันฐานลับ 'Area 51' ฝูงชนนัดรวมตัวบุกดู 'มนุษย์ต่างดาว'

รอยเตอร์ - เสียงเรียกร้องให้บุกฐานทัพทหารลับของสหรัฐฯในทะเลทรายเนวาดา หรือที่รู้จักกันในชื่อ "แอเรีย51" ดึงดูดผู้คนหลายสิบชีวิตมุ่งหน้าไปยังทางเข้าที่มีการคุ้มกันอย่างหนาแน่นในวั้นศุกร์(20ก.ย.) แต่ทั้งหมดไม่ได้พยายามเข้าไปภายในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งมีข่าวลือหนาหูกันมานานว่าเป็นสถานที่กุมความลับของโลกในเรื่องราวของมนุษย์ต่างดาว

สถานการณ์คล้ายกับงานเทศกาลปรากฏขึ้นตอน 3.00น.ตามเวลามาตรฐานแปซิฟิกของวันศุกร์(ตรงกับเมืองไทย 17.00น.) ซึ่งเป็นวันเวลาที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กคนหนึ่งจัดแคมเปญขำๆเชิญผู้คนเดินเท้าไปยังฐานทัพดังกล่าว "เพื่อดูเอเลี่ยน" ทั้งนี้ในหมู่ผู้คลั่งไคล้ UFO และกลุ่มผู้อยากรู้อยากเห็น มีอยู่คนหนึ่งสวมชุดมนุษย์อวกาศสีล้ม บางส่วนสวมหมวกที่ทำจากฟอยล์ห่ออาหารและหน้าหากมนุษย์ต่างดาว นอกจากนี้ยังมีการติดป้ายข้อความเขียนว่า "ปลดปล่อยเอ.ที.จากรัฐบาล"

มีผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่งพยาพยามมุดใต้ประตูป้องกันเข้าไปภายใน จนถูกจับและโดนควบคุมตัวไว้ช่วงสั้นๆ ก่อนได้รับการปล่อยตัวออกมา ส่วนคนอื่นๆปักหลักชุมนุมกันอยู่นอกแนวรั้ว

"พวกเขาแค่อยากเห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่นี่บ้าง" สิบตำรวจเอกอออร์แลนโด กูเอร์รา จากแผนกสืบสวนความปลอดภัยสาธารณะของกรมตำรวจเนวาดาระบุ "พวกเขาแค่มาที่นี่เพื่อสนุกันเท่านั้น"

กองทัพอากาศสหรัฐฯเคยออกคำเตือนถึงสาธารณะว่าอย่าได้ล่วงล้ำเข้าไปในแอเรีย51 ซึ่งพวกเขาบอกว่าฐานทัพแห่งนี้ใช้สำหรับทดสอบเครื่องบินและฝึกฝนบุคลากร

แอเรีย51 ถูกปิดบังอยู่ในความลึกลับมาช้านาน โหมกระพือทฤษฎีสมคบคิดต่างๆว่ามันอาจเป็นสถานที่เก็บเศษซากจานบินและซากศพของลูกเรือมนุษย์ต่างดาวในเหตุการณ์ที่ว่ากันว่าเป็นวัตถุบินไม่ทราบเอกลักษณ์ตกในรอสเวลล์ รัฐนิวเม็กซิโก ในปี 1947

ที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐฯไม่เคยออกมายืนยันว่ามีฐานทัพแห่งนี้อยู่ จนกระทั่งปี 2013 ได้มีการเผยแพร่เอกสารสำคัญของซีไอเอ ที่ยอมรับว่าสถานที่นี้มีอยู่จริง แต่มันถูกใช้สำหรับทดสอบเครื่องบินสอดแนมลับสุดยอด อย่างไรก็ตามเอกสารดังกล่าวก็ไม่สามารถยุติข้อสงสัยว่ามีการซุกซ่อนเอเลี่ยนไว้ที่นั่น

สำหรับกิจกรรมนัดบุกแอเรีย 51 เพื่อพิสูจน์เอเลี่ยนนั้น เป็นที่สนใจของบรรดาชาวเน็ตอย่างมากจนมีผู้ร่วมลงชื่อเกินกว่า 1 ล้านคน และแม้ทางด้านผู้ตั้งแคมเปญจะระบุว่าทำขึ้นเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น แต่ทางด้านโฆษกหญิงรายหนึ่งของกองทัพอากาศได้เคยกล่าวกับหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ว่า "พื้นที่แอเรีย 51 เป็นสนามฝึกซ้อมเครื่องบินรบด้วยอาวุธจริงสำหรับกองทัพอากาศสหรัฐฯ และเราจะกีดกันไม่ว่าใครก็ตามที่พยายามบุกเข้ามาในพื้นที่ของกองทัพสหรัฐฯ"