ข่าว
SBN ยืนยันต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล ยังไม่สามารถถ่ายบอลโลกได้

วันที่ 16 ธันวาคม 2565 เวลา 19.50 น. SBN ยืนยัน ต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล ยังไม่สามารถถ่ายทอดบอลโลกที่เหลืออีก 2 นัดสุดท้ายได้ เนื่องจาก SBN ได้ส่งหนังสือสอบถาม ถามไปยัง 3 หน่วยงาน ได้แก่ ศาลทรัพย์สินทางปัญญา, ทรู และ กกท. หลังทรูประกาศให้ IPTV ฉายบอลโลกได้แบบมีเงื่อนไข โดยจนถึงขณะนี้ SBN เองยังไม่ได้รับคำตอบจาก ศาลทรัพย์สินทางปัญญา, กกท. และกลุ่มทรู แต่อย่างใด ดังนั้น บริษัทฯ จึงยังไม่สามารถดำเนินการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ได้

บริษัท ซุปเปอร์บรอดแบนด์ เน็ทเวอร์ค จำกัด ผู้ให้บริการ IPTV ผ่านกล่อง AIS PLAY BOX ขอเรียนแจ้งว่า หลังจาก บริษัทฯได้รับจดหมายจากการกีฬาแห่งประเทศไทย ในวันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม 2565 ว่า กลุ่มทรูไม่ขัดข้องในการให้ IPTV รายอื่น ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก (FIFA World Cup Final 2022) แต่ต้องดำเนินการด้านสิทธิประโยชน์ภายใต้เงื่อนไขเดียวกับดิจิตอลทีวี และ ระบบดาวเทียม รวมถึง วันนี้ (16 ธันวาคม 2565) กลุ่มทรู ได้ออกมาประกาศผ่านสื่อมวลชนว่า ไม่ขัดข้องในการปันสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2 คู่สุดท้าย ให้แก่ IPTV โดยให้ทำหนังสือแจ้งความจำนงไปยังกลุ่มทรู โดยทรูจะไม่คิดค่าตอบแทนนั้น

บริษัทฯ ได้ทำการส่งหนังสือสอบถามไปยัง 3 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที ประกอบด้วย คำร้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญา, หนังสือถึงการกีฬาแห่งประเทศไทย และ กลุ่มทรู เพื่อขอการยืนยันว่า บริษัทฯ สามารถถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย ตามประกาศ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เรื่องหลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป หรือ ประกาศ Must Carry หรือไม่

เนื่องจากที่ผ่านมา ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯได้มีคำสั่งห้ามบริษัทฯ ถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลก (FIFA World Cup Final 2022) ตามคำขอของกลุ่มทรู และยังมิได้มีการยกเลิกคำสั่งดังกล่าว โดยถึงขณะนี้ บริษัทเองก็ยังไม่ได้รับคำตอบจากศาลทรัพย์สินทางปัญญา กกท. และกลุ่มทรู แต่อย่างใด ดังนั้น บริษัทฯ จึงยังไม่สามารถดำเนินการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ได้ (ขอบคุณข้อมูล : สรยุทธ สุทัศนะจินดา)

ปรมจารย์ลูกหนังอิตาลีแนะวิธีจับตาย “เมสซี”

อาร์ริโก ซาคคี ปรมจารย์ลูกหนังชาวอิตาเลียน แนะวิธีจับตาย "ลิโอเนล เมสซี" หัวหอกกัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นวิธีเดียวกันกับที่เคยใช้หยุด “ดีเอโก มาราโดนา” มาแล้ว

อาร์ริโก ซาคคี ตำนานกุนซือ เอซี มิลาน ยอดทีมแห่งศึกกัลโช เซเรีย อา อิตาลี ออกมาแนะนำหมากเด็ดที่จะใช้จับตาย ลิโอเนล เมสซี หัวหอกกัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับที่ตัวเขาเคยใช้หยุด ดีเอโก มาราโดนา ตำนานลูกหนังชาวเมืองฟ้าขาว มาแล้ว

เมสซี กำลังทำผลงานได้อย่างร้อนแรงในศึกฟุตบอลโลก 2022 โดยยิงไปแล้วถึง 5 ประตูนำเป็นดาวยิงสูงสุดของทัวร์นาเมนต์ก่อนหน้าที่จะพา อาร์เจนตินา ลงสนามดวลเกือก ฝรั่งเศส แชมป์เก่า ในรอบชิงชนะเลิศ วันอาทิตย์ที่ 18 ธ.ค

อย่างไรก็ตาม ซาคคี ที่เคยพา มิลาน ฟาดฟันกับ นาโปลี ที่มี มาราโดนา เป็นตัวชูโรงมาหลายต่อหลายครั้งในยุคทศวรรษที่ 1980 เชื่อว่า วิธีการที่เขาเคยใช้จับตาย “เสือเตี้ย” น่าจะใช้ได้ผลกับ ดาวเตะบัลลงดอร์ 7 สมัย เช่นกัน

ซาคคี กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับ กัซเซตตา เดลโล สปอร์ต สื่อดังของอิตาลีว่า “มันมีอยู่ 3 วิธี วิธีแรกก็คือเก็บบอลเอาไว้เพื่อไม่ให้ ดีเอโก ได้บอล วิธีที่ 2 ก็คือขยับขึ้นไปเพรสสูง เพื่อป้องกันไม่ให้ ดีเอโก ได้บอลเช่นกัน วิธีที่ 3 หาก ดีเอโก ได้บอล เราก็จะเข้าไปรุมเขาเป็นกลุ่ม วิธีเดียวกันนี้สามารถนำมาปรับใช้ได้กับทั้ง เมสซี และ คีลิยัน เอ็มบัปเป ซึ่งเป็น 2 นักเตะฝีเท้าเยี่ยม”....

ภาพ REUTERS, gettyimages... สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/1798911/

“อะควาเรียมแนวตั้งใหญ่สุดในโลก” ระเบิด มีผู้บาดเจ็บ 2 คน

ตู้จัดแสดงสัตว์น้ำขนาดใหญ่ ภายในโรงแรมที่กรุงเบอร์ลิน เมืองหลวงของเยอรมนี ซึ่งถือเป็น “อะควาเรียมแนวตั้งใหญ่สุดในโลก” เกิดระเบิดโดยยังไม่ทราบสาเหตุ ส่งผลให้น้ำมหาศาลและสัตว์น้ำทั้งหมดไหลทะ ลักออกมา และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ว่า สำนักงานตำรวจและสำนักงานดับเพลิงกรุงเบอร์ลินออกแถลงการณ์ เกี่ยวกับการได้รับแจ้งเหตุ “ระเบิด” ภายในโรงแรม เรดิสัน บลู ในเขตใจกลางกรุงเบอร์ลิน เมื่อช่วงรุ่งสางของวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น จึงส่งเจ้าหน้าที่จำนวนมากพร้อมอุปกรณ์ครบมือเร่งเดินทางไปยังพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อควบคุมสถานการณ์

เมื่อเดินทางไปถึงโรงแรม เจ้าหน้าที่พบว่า จุดเกิดเหตุคือ “โดมอะควารี” หรือ “อะควาโดม” ซึ่งถือเป็นอะควาเรียมสัตว์น้ำแบบแนวตั้ง ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยความสูง 16 เมตร บรรจุน้ำมากกว่า ล้านลิตร และมีสัตว์น้ำหากยากมากกว่า 1,500 ตัวอาศัยอยู่ภายใน

ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่นำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว พร้อมทั้งอพยพแขกที่พักอยู่ในโรงแรมราว 400 คน ออกจากอาคารแล้ว เนื่องจากมวลน้ำมหาศาลไหลทะลักออกมาจากตู้ จนท่วมภายในโรงแรมและถนนที่อยู่ใกล้เคียง อีกทั้งยังมีเศษกระจกและเศษชิ้นส่วนอีกมหาศาล

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบชะตากรรมของบรรดาสัตว์น้ำทั้งหมดที่อาศัยอยู่ภายในตู้ ว่าเป็น ตายร้ายดีอย่างไรบ้าง

ขณะที่สาเหตุของการระเบิดอยู่ระหว่างการสอบสวนโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในเบื้องต้นมีการประเมินว่า สภาพของอะควาเรียมเสียหายจนไม่อาจซ่อมแซมได้อีก และไม่เชื่อว่า เป็นการโจมตีโดยเจตนาหรือการก่อการร้ายจากฝ่ายใด อนึ่ง อุณหภูมิในกรุงเบอร์ลิน ลดต่ำกว่าจุดเยือกแข็งต่อเนื่องมานานหลายวันแล้ว โดยอุณหภูมิในช่วงเกิดเหตุอยู่ที่ -7 องศาเซลเซียส

เครดิตภาพ : REUTERS... สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news


ยอดดับดินถล่มมาเลย์พุ่ง 19 ศพ สูญหาย 14 ทางการสั่งปิดแคมป์ในพื้นที่เสี่ยง 7 วัน

ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุดินถล่มทับฟาร์มสเตย์ ซึ่งทำเป็นแคมป์ที่พักสำหรับวันหยุดพักผ่อนในรัฐสลังงอร์ของมาเลเซียที่เกิดขึ้นเมื่อเวลา 03.00 น. ของวันที่ 16 ธันวาคม เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 19 รายแล้ว ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่ามีผู้สูญหายอีก 14 คน

ทางการได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ราว 700 คนเข้าร่วมในปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัย เบื้องต้นหน่วยดับเพลิงของมาเลเซียระบุว่า น่าจะมีเด็กอย่างน้อย 4 รายในกลุ่มผู้เสียชีวิต

ผู้จัดการฟาร์มสเตย์ระบุว่า มีเด็กอย่างน้อย 30 คน และผู้ใหญ่อย่างน้อย 51 คนลงทะเบียนเข้าพักค้างคืนในวันเกิดเหตุ ขณะที่รายงานของนิวสเตรทไทม์สชี้ว่า มีครูโรงเรียนประถมกว่า 20 คน และสมาชิกในครอบครัวของพวกเขาที่อยู่ในที่เกิดเหตุ

งา กอ หมิง รัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาท้องถิ่น ระบุว่า แคมป์ของฟาร์มสเตย์ดังกล่าวตั้งขึ้นอย่างผิดกฎหมาย โดยเขายังได้สั่งให้แคมป์ที่พักที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ถือว่ามีความเสี่ยงสูง อาทิ ตามริมน้ำ น้ำตก และเนิน

เขาทั่วประเทศปิดให้บริการเป็นเวลา 7 วันโดยมีผลทันที

อย่างไรก็ดียังไม่ชัดเจนว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ดินถล่ม ชาวบ้านกล่าวว่า มีฝนตกลงมาเพียงเล็กน้อยในพื้นที่ โดยไม่มีฝนตกหนักหรือแผ่นดินไหวใดๆ เกิดขึ้น แต่ปัจจุบันมาเลเซียยังคงอยู่ในฤดูมรสุม


รัสเซียโหด โจมตีทั่วยูเครน พุ่งเป้าถล่มโรงไฟฟ้า ใช้ “ความหนาว” เป็นอาวุธ

รัสเซียโหมโจมตีทั่วประเทศยูเครน รวมทั้งกรุงเคียฟ และคาร์คิฟ พุ่งเป้าโจมตีระบบโครงสร้างพื้นฐานและโรงงานไฟฟ้า ใช้ความหนาวเป็นอาวุธ “แช่แข็ง” ชาวยูเครน

เมื่อ 16 ธ.ค. 2565 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานกองทหารรัสเซียในยูเครนระดมยิงขีปนาวุธ มากถึงประมาณ 60 ลูก โจมตีเป้าหมายทั่วประเทศยูเครน ในวันนี้ และยังคงพุ่งเป้าถล่มโรงไฟฟ้า และโครงสร้างพื้นฐานในกรุงเคียฟ และหลายเมือง รวมทั้ง เมือง Kryvyi Rih ทางภาคใต้ และเมืองคาร์คิฟ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน

Ihor Terekhov นายกเทศมนตรีเมืองคาร์คิฟ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศยูเครน มีประชากรกว่า 1 ล้านคน กล่าวว่า การโจมตีของรัสเซียถล่มเมืองคาร์คิฟในวันนี้ สร้างความเสียหายอย่างหนักในเมืองคาร์คิฟ และส่วนใหญ่ ส่งผลกระทบต่อระบบการส่งกระแสไฟฟ้า

ระบบโครงสร้างพื้นฐานได้รับความเสียหายมหาศาล เบื้องต้นคือ “ระบบพลังงานไฟฟ้า” นายกเทศมนตรีเมืองคาร์คิฟแจ้งผ่านแอปพลิเคชันเทเลแกรม

ผมขอให้พวกท่านจงอดทนกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ ผมรู้ดีว่าบ้านของพวกท่านไม่มีไฟฟ้า ฮีตเตอร์ หรือเครื่องทำความร้อนใช้งานไม่ได้ และไม่มีน้ำประปาใช้

ทั้งนี้ รัสเซียยังคงโหมโจมตีโรงไฟฟ้าทั่วยูเครนอย่างต่อเนื่อง นอกจากจะใช้มิสไซล์ โจมตีแล้ว ยังได้ใช้ “โดรนกามิกาเซ่” ในการโจมตีเป้าหมายในยูเครน โดยเมื่อ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมา รัสเซียได้ส่งโดรนกามิกาเซ่ สร้างโดยอิหร่าน มาโจมตีเมืองโอเดสซา เมืองท่าริมฝั่งทะเลดำอีกครั้ง ทำให้ประชาชนไม่มีไฟฟ้าใช้ ท่ามกลางสภาพอากาศหนาวจัด หิมะตก


สหรัฐฯ อ่วมอากาศเลวร้าย เจอทั้งทอร์นาโด 18 ลูก-พายุหิมะ

นิวออร์ลีน/โคโลราโดสปริงส์ (เอพี/รอยเตอร์ส/ซีเอ็นเอ็น) - เจ้าหน้าที่รัฐลุยเซียนาของสหรัฐฯ พบศพสองแม่ลูกในเมืองชนบททางตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐหลังเมืองดังกล่าวถูกพายุทอร์นาโดลูกหนึ่งพัดถล่มจากทั้งหมด 18 ลูก ที่ถล่มหลายรัฐทางตอนใต้ของสหรัฐฯ ขณะที่ ชาวอเมริกันหลายล้านคนทั่วประเทศอยู่ภายใต้คำเตือนสภาพอากาศเลวร้าย หลังพายุฤดูหนาวรุนแรงถล่มทั่วภาคตะวันออก

สำนักงานเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของเทศมณฑลแคดโด แพริชในรัฐลุยเซียนา ระบุในแถลงการณ์ว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้พบศพเด็กชายวัย 8 ขวบแถวชายป่าที่อยู่ห่างจากบ้านในเมืองคีธวิลล์ราว 800 เมตร หลังเมืองดังกล่าวถูกพายุทอร์นาโดพัดถล่มเมื่อคืนวันอังคาร และพบศพมารดาของเด็กชายคนดังกล่าวใต้ซากปรักหักพังที่อยู่ห่างจากบ้านไม่ไกลนักในเวลาต่อมา ขณะเดียวกัน มีชาวบ้านอย่างน้อย 1 คน ได้รับบาดเจ็บหลังเกิดเหตุพายุทอร์นาโดพัดถล่ม และเจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถช่วยชีวิตประชาชนหลายคนจากซากปรักหักพังได้ นอกจากนี้ ยังมีบ้านเรือนหลายหลังและโรงพยาบาลแห่งหนึ่งได้รับความเสียหาย

รอยเตอร์สรายงานว่า พายุทอร์นาโดลูกดังกล่าวเป็น 1 ในทอร์นาโด 18 ลูกที่ถล่มรัฐเท็กซัส ลุยเซียนา โอกลาโฮมา และมิสซิสซิปปี เมื่อคืนวันอังคารถึงวันพุธ ซึ่งทำให้มีผู้บาดเจ็บรวมกว่า 20 คน และมีบ้านเรือนเสียหายเป็นจำนวนมาก และยังเกิดพายุทอร์นาโดถล่มเพิ่มอีกหลายลูกในวันพุธทำอาคารบ้านเรือนถล่มหลายหลัง โดยรัฐลุยเซียนาได้รับผลกระทบหนักมากผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บทั้งหมดอยู่ในรัฐนี้ ทำให้รัฐลุยเซียนาประกาศภาวะฉุกเฉิน หลังถูกพายุฤดูหนาวถล่มและยังตามมาด้วยพายุทอร์นาโด

ขณะเดียวกัน พายุฤดูหนาวทำให้ชาวอเมริกันหลายล้านคนทั่วประเทศ อยู่ภายใต้คำเตือนสภาพอากาศเลวร้าย ขณะที่ราว 500,000 คนใน 4 รัฐ คือ เนบราสกาไวโอมิง เซาท์ดาโกตา และมินเนโซตาเผชิญกับสถานการณ์หนักกว่าโดยอยู่ภายใต้คำเตือนพายุหิมะ ด้านสำนักบริการสภาพอากาศแห่งชาติสหรัฐฯ เตือนว่า พายุรุนแรงจะถล่มหลายรัฐตลอดแนวชายฝั่งอ่าวเม็กซิโก รวมถึงลุยเซียนา ที่ได้รับผลกระทบหนักไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีรัฐมิสซิสซิปปี แอละบามา และฟลอริดา และเตือนเกิดพายุทอร์นาโดในลุยเซียนาและมิสซิสซิปปีด้วย นอกจากนี้ คาดว่าฝนเยือกแข็งจะตกในแถบมิดเวสต์ ไปจนถึงพื้นที่ทางเหนือ-ตะวันออกของสหรัฐฯ

ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯ ทรงติดตามพระอาการประชวร เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ เป็นการส่วนพระองค์ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ฯ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ เยี่ยม สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ส่วนพระองค์ หลังทรงเข้ารับการรักษาพระองค์ที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เป็นการส่วนพระองค์ ในการนี้ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี เสด็จฯ เพื่อทรงเยี่ยมพระอาการด้วย ด้านพสกนิกรรับเสด็จฯ เนืองแน่นเฝ้ารอรับถวายกำลังใจ

16 ธ.ค. : เมื่อเวลา 13.24 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินถึงอาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เพื่อทรงเยี่ยมสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ซึ่งทรงพระประชวร โดยทรงเข้ารับการรักษาพระองค์ที่โรงพยาบาล

โดยโอกาสนี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงขับรถยนต์พระที่นั่งถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงโบกพระหัตถ์ให้ประชาชนที่มาเฝ้ารอรับเสด็จฯ อีกด้วย

โดยก่อนหน้านี้เวลา 12.50 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จเพื่อทรงเยี่ยมพระอาการประชวรสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดาด้วย

กระทั่งเวลา 14.56 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ กลับ โดยมีประชาชนมาปักหลักเฝ้าฯ รอบริเวณจุดรับส่งของอาคาร ต่างเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้อง ทั้ง 2 พระองค์หันพระพักตร์มาทางประชาชน ทรงโบกพระหัตถ์ให้ ครั้นกำลังประทับรถยนต์พระที่นั่งประชาชนบางคนตะโกนขอถวายกำลังใจให้พระองค์ ในหลวงสู้ๆ พระองค์ทรงหันพระพักตร์มายังประชาชนดังกล่าว และโบกพระหัตถ์ให้ ก่อนเสด็จฯ กลับ โอกาสนี้ พระราชินีฯ ทรงขับรถยนต์พระที่นั่งด้วยพระองค์เอง

ในการนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์ นำแจกันดอกไม้พระราชทานแก่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เบื้องหน้าพระรูป

สื่อใหญ่ต่างชาติทั่วโลก รายงาน 'สมเด็จเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา' ทรงพระประชวร หมดพระสติ

สื่อใหญ่ต่างประเทศทั่วโลก ทั้ง ซีเอ็นเอ็น บีบีซี รายงาน สมเด็จเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา พระราชธิดา องค์โต ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 10 ของไทย ทรงพระประชวร หมดพระสติ ด้วยพระอาการทางพระหทัย

เมื่อ 15 ธ.ค. 2565 สำนักข่าวใหญ่ต่างประเทศทั่วโลก รวมทั้ง ซีเอ็นเอ็น, บีบีซี, รอยเตอร์, เดอะซัน และเดอะมิร์เรอร์ รายงาน สำนักพระราชวังของไทยออกแถลงการณ์ เรื่องสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ซึ่งเป็นพระราชธิดาองค์โตในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระประชวร หมดพระสติ ระหว่างทรงทำการฝึกสุนัขทรงเลี้ยง ที่จังหวัดนครราชสีมา ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย

แถลงการณ์จากสำนักพระราชวงศ์ของไทย ระบุว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ พระชนม์พรรษา 44 พรรษา ทรงพระประชวร หมดพระสติ ด้วยพระอาการทางพระหทัย เมื่อช่วงเช้าวันพุธที่ 14 ธ.ค. คณะแพทย์ประจำพระองค์จึงได้เชิญเสด็จพระราชดำเนินไปปฐมพยาบาล ณ โรงพยาบาลปากช่องนานา พระอาการประชวรคงที่ในระดับหนึ่ง

จากนั้นได้เชิญสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ เสด็จประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งเข้ารับการรักษาพระองค์ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เพื่อถวายการตรวจพระวรกายอย่างละเอียด และประทับรักษาพระองค์ต่อไป

ที่มา : CNN,BBC,Reuters