ข่าว
"ปนัดดา" เผยไม่กดดันมาเป็น ส.ว.เชื่อทุกคนมีธรรมาภิบาล โหวตนายกฯ

ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล เข้ารายงานตัวเป็นส.ว. ระบุ ส่วนตัวไม่รู้สึกกดดันที่มาทำหน้าที่จะใช้ประสบการณ์ที่มีมาทำประโยชน์ เชื่อ ส.ว.ทุกคนจะยึดหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการประกอบการตัดสินใจ โหวตนายกฯ

เมื่อวันที่ 17 พ.ค.2562 บรรยากาศวันสุดท้ายการเข้ารายงานตัว สมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว.ที่เหลือสมาชิกที่ยังไม่มารายงานตัว คือ พลเอกสมเจตน์ บุญถนอม หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะที่ นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังติดภารกิจอยู่ต่างประเทศ ไม่ได้เดินทางมาในวันนี้

ขณะที่มีรายงานว่า พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก เดินทางมารายงานตัวช่วงเวลาประมาณ 9 นาฬิกา และทันทีที่เดินทางมาถึงได้ขึ้นไปยังห้องรายงานตัวชั้น 21 ทันที โดยไม่ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว

ส่วนผู้ที่มารายงานตัวแล้ว ล่าสุดก่อนเวลา 09.00 น. คือ นายพิศาล มาณวพัฒน์ นายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ พลเอกวิชิต ยาทิพย์ นายระวี รุ่งเรือง พลเอกไตรโรจน์ ครุธเวโช และ นายภาณุ อุทัยรัตน์

หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้ารายงานตัวเป็น ส.ว. โดยภายหลังการรายงานตัวได้กล่าวถึง บทบาทการทำงานโดยยืนยันว่า จะนำประสบการณ์การเป็นข้าราชการกว่า 30 ปีมาปรับใช้ในการเป็น ส.ว. เพื่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุด โดยต้องใช้แนวคิดหลักของระเบียบข้าราชการและความรอบคอบเป็นสิ่งสำคัญในการพิจารณากฎหมายต่างๆ พร้อมระบุว่าส่วนตัวไม่รู้สึกกดดันที่ได้เข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้

หนึ่งใน 250 ส.ว.สรรหา กล่าวต่อว่า ขณะที่ประเด็นเรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรี ตัวเองเชื่อว่าทุกคนจะยึดหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการประกอบการตัดสินใจ และเชื่อว่าทุกส่วนงานจะยึดหลักการนี้เช่นกัน ส่วนรายชื่อ ส.ว. ทั้งหมด เชื่อว่าทุกคนจะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะทุกคนมีประสบการณ์การทำงานมา

หม่อมหลวงปนัดดา ยังกล่าวถึงกระแสข่าวที่อาจมี ส.ว. จำนวน 60 คน ยกมือโหวตให้กับพรรคเพื่อไทยนั้น ส่วนตัวยังไม่ทราบเรื่องนี้.

‘มาร์ค’ ปัดตั้งขั้วที่ 3 ชี้ปิดสวิตช์ ส.ว. ไม่ได้ หากร่วม พปชร. เสียงปริ่มน้ำ อาจเกิดงูเห่า

เมื่อวันที่ 16 พ.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวผ่านการไลฟ์สดทางเฟซบุ๊กของ นพ.คณวัฒน์ จันทรลาวัณย์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ตอนหนึ่งว่า ข่าวการจัดตั้งขั้วการเมืองที่ 3 เป็นข่าวลือ ซึ่งตนไม่ขอลงรายละเอียด เพราะเป็นกระบวนการภายในของพรรคที่จะตัดสินใจทางการเมือง แต่ตอนนี้เหมือนพรรคถูกบังคับให้เลือกข้างอยู่ แต่ทั้ง 2 ข้าง เดินไปแล้วคงจะราบรื่นยาก ความหมายคือ อยู่ดีๆ มีข่าวว่า ประชาธิปัตย์จะไปจับมือกับเพื่อไทย ซึ่งตนก็แปลกใจเพราะได้ประกาศจุดยืนไปตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งแล้ว ในขณะนี้พล.อ.ประยุทธ์มีเกิน 125 จากหลายปัจจัย ดังนั้นการเมืองขั้วที่ 3 จึงไม่สามารถปิดสวิตช์ ส.ว.ได้จริง

ในทางกลับกัน สมมติพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ ไปร่วมกับพลังประชารัฐจะมีเสียงเกินครึ่งประมาณ 3-5 เสียง เท่านั้นอาจจะพอ สำหรับการบอกว่าได้เสียงเกินครึ่ง แต่ยากต่อการบริหารประเทศ ทำให้เกิดความคิดเรื่องงูเห่า จึงมีคำถามว่าหากทำแบบนี้ สังคมจะยอมรับหรือไม่ และจะผลักดันเรื่องนี้อย่างไร รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์จะต้องคุยกันเพื่อค้นหาวิธีไม่ให้อยู่ในสภาวะแบบนี้หรือไม่

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ ว่า ต้องให้โอกาสนายจุรินทร์ในการดำเนินการตามแนวคิดที่จะทำให้อุดมการณ์ทันสมัย รวมถึงการตัดสินใจทางการเมืองในอนาคต ซึ่งส.ส.และกรรมการบริหารพรรคจะประชุมกัน ทั้งนี้ นายจุรินทร์ เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าที่จะต้องมาช่วยพรรค ส่วนตนได้บอกนายจุรินทร์แล้วว่า จะทำหน้าที่เป็น ส.ส.และสมาชิกพรรค พร้อมช่วยนายจุรินทร์ในทุกเรื่อง

ถ้าถามว่าพรรคประชาธิปัตย์จะกลับมาได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าพรรคจะสามารถทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในเรื่องอุดมการณ์และจุดยืนได้หรือไม่ จะทำให้คนเห็นความเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่วางใจได้ พึ่งได้ ตอบโจทย์ปัญหาประเทศได้หรือไม่ ถ้าทำได้ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะกลับมาไม่ได้ แต่ถ้าทำสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ก็คงยาก

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนบทบาทของตน งานการเมืองเป็นอาชีพ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะอะไร ก็ต้องใส่ใจปัญหาของบ้านเมืองศึกษานโยบายศึกษาแนวความคิดต่างๆ อยู่ตลอดเวลา หลังลาออกจากหัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นตำแหน่งทางการเมืองที่แบกไว้กว่า 14 ปี จึงเหมือนกับยกอะไรออกไป หน้าตาผ่องใสมากขึ้น เมื่อเช้าตนได้พบกับหัวหน้าพรรคคนใหม่ ตนยังแซวอยู่ว่าจะเริ่มต้นคุยกับเขาว่าแสดงความยินดี แต่นึกถึง 14 ปีที่ผ่านมาไม่แน่ใจว่า ควรจะพูดคำนี้หรือไม่ เขาก็หัวเราะ


ประชาธิปัตย์ ยิ้มอ่อน! เลขาพรรคฯ คุยอนุทิน ส่วนตัว ขอให้รอ อีกสักสองสามวัน

เมื่อวันที่ 17 พ.ค. เวลา 10.15 น. พรรคประชาธิปัตย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ พร้อมด้วยคณะรองเลขาธิการพรรค ชุดใหม่ อาทิ นางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร ส.ส.นครปฐม นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี นายธนา ชีรวินิจ อดีตส.ส.กทม. น.ส.จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร อดีตผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรค ได้ร่วมกันสักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผมซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำพรรค หลังจากได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่วิสามัญ เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา ให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว

ทั้งนี้ นายเฉลิมชัย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยอมรับว่าได้โทรศัพท์มาหานายเฉลิมชัย หลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์ได้หัวหน้าคนใหม่แล้ว ว่า ได้พูดคุยกันจริง โดยนายอนุทินโทรศัพท์มาหาตนเพื่อแสดงความยินดี เพราะรักและรู้จักกันเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว ซึ่งตรงนี้เป็นคนละส่วนกับเรื่องการร่วมรัฐบาล

เมื่อถามว่า จากการที่นายอนุทินพูดคุยผ่านไลน์ กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยนั้น แสดงว่าพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทยจับมือกันแน่นแล้ว ใช่หรือไม่เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า

“เอาอย่างนี้ดีกว่า ส่วนตัวผม ผมมีคำตอบในใจอยู่แล้ว แต่ว่าทั้งนี้ทั้งนั้นขอให้เป็นมติของกรรมการบริหารพรรคที่จะประชุมร่วมกับ ส.ส.ดีกว่า”

เมื่อถามย้ำว่าคำตอบในใจของนายเฉลิมชัยจะออกมานอกใจได้บ้างหรือไม่ นายเฉลิมชัย ยิ้มแล้วกล่าวว่า ไม่เกิน 2-3 วันนี้ก็จะได้รู้แล้ว ต่อข้อถามว่าช่วง 2-3 วันที่ว่านั้นหมายความจะตรงกับวันที่พรรคภูมิใจไทยจะประชุมใหญ่ในวันที่ 20 พ.ค.นี้ ใช่หรือไม่ นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน ภูมิใจไทยก็คือภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ก็เป็นประชาธิปัตย์

เมื่อถามว่าจะสามารถได้คำตอบภายในต้นสัปดาห์หน้าใช่หรือไม่ นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เพราะจะมีการประชุมรัฐสภาภายในสัปดาห์หน้า ดังนั้น เราต้องมีทิศทางที่ชัดเจนออกมาก่อนจะถึงวันนั้น โดยพรรคจะมีการประชุมร่วมกันระหว่างกรรมการบริหารพรรคกับ ส.ส.ในต้นสัปดาห์หน้า ส่วนจะประชุมในวันใดนั้น ตนขอหารือกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก่อน ซึ่งอาจจะได้มีโอกาสพูดคุยกันในวันนี้ (17 พ.ค.)

ผู้สื่อข่าวถามถึงรายงานข่าวที่ว่าพรรคพลังประชารัฐแบ่งตำแหน่งรัฐมนตรีให้กับพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย พรรคละ 7-8 ตำแหน่ง นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ยังไม่มีอะไรทั้งนั้น เป็นข่าวโคมลอยทั้งหมด เมื่อถามว่าในกระแสข่าวการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรี มีชื่อนายเฉลิมชัยรวมอยู่ด้วย นายเฉลิมชัย กล่าวว่า “ไม่จริงหรอกครับ เอาเป็นว่าวันนี้ผมมาเป็นเลขาธิการพรรค ผมยังไม่รู้เลยว่าใครจะเป็นคนไปคุย คงไม่ใช่หรอกครับ มันมีข่าวออกมาทั้งวัน แต่ผมยืนยันว่ายังไม่มีใครคุยอะไรกับใคร”

เมื่อถามว่าการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวผ่านการไลฟ์สดทางเฟซบุ๊กของ นพ.คณวัฒน์ จันทรลาวัณย์ อดีตผู้สมัครส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยยังเชื่อมั่นในแนวทางที่เคยประกาศไว้ในการช่วงหาเสียงเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ตนเคารพความคิดเห็นส่วนตัวของนายอภิสิทธิ์ และถือว่าเป็นความคิดเห็นหนึ่งที่เราต้องรับฟัง โดยแต่ละคนมีความคิดเห็นกันได้ ตนก็มีความคิดเห็นของตน

ขณะเดียวกัน ตนต้องรักษามารยาทไว้ แต่ขออยู่ในใจก่อนดีกว่า และจะมีความชัดเจนในอีก 2-3 วันนี้ อย่างไรก็ตาม เรื่องปัจจัยการเลือกตั้งมีหลายส่วน ทั้งที่ทำให้ได้คะแนนและเสียคะแนน แต่สิ่งต่างๆเหล่านั้นคือสิ่งที่เราจะต้องนำมาเรียนรู้ แต่คงไม่ไปกล่าวโทษหรือต่อว่าใคร โดยวันนี้เรามีหน้าที่ฟื้นศรัทธามาให้พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งสิ่งใดที่เป็นความผิดพลาดก็ต้องถูกนำมาแก้ไข และพยายามรวมคนประชาธิปัตย์ที่มีศักยภาพให้มาช่วยงาน นี่คือเป้าหมายของเรา


พปชร. เดือดปุดๆ จวกธนาธรสกปรก-โกหกหน้าตาย ใส่ร้ายพรรคที่โปร่งใส ลั่นฟ้องกลับ

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรค แถลงถึงกรณีที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.)

ระบุในงานเสวนาสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทยว่า มีบุคคลระดับแกนนำของพรรคการเมืองใหญ่ โทรหาคุณสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ คุณแม่ของนายธนาธร เพื่อขอ ส.ส. จากพรรคอนาคตใหม่ 20 คน แลกกับการไม่ดำเนินคดี นายธนาธร

นายธนกร กล่าวว่า นายธนาธร โกหกหน้าตาย พูดเท็จใส่ร้ายพรรคพลังประชารัฐ เป็นการเล่นการเมืองที่สกปรกที่สุด เราทำการเมืองอย่างโปร่งใสตรงไปตรงมาภายใต้รัฐธรรมนูญ เราไม่เคยคิดว่าคนรุ่นใหม่อย่างนายธนาธร จะมีพฤติกรรมเช่นนี้

ดังนั้นพรรคจะมอบให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาดำเนินคดีกับ นายธนาธร เพราะทำให้พรรคได้รับความเสียหายและเสื่อมเสียชื่อเสียง

รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวต่อว่า การพูดของนายธนาธร เป็นไปในลักษณะแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม อีกทั้งยังมีอีกหลายคดีของ นายธนาธร มีพรรคไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย จึงอยากให้นายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ เตรียมตัวเป็นฝ่ายค้าน อย่าทำให้คนไทยไม่สบายใจจะดีกว่า


ภูมิธรรม ย้ำ “เพื่อไทย” ทำงานได้กับทุกพรรค ที่จุดยืนเดียวกัน พร้อมหนุน “ธนาธร”เป็นนายกฯ แย้มเงื่อนไข ปชป. นั่งประธานรัฐสภา

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคต (อนค.) ประกาศเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี ว่า นายธนาธรถือเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพมีความสามารถและไม่มีอะไรที่เสียหาย จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่นายธนาธรจะประกาศเสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรี

และถือว่าการประกาศตัวของนายธนาธรจะไม่เกิดความสับสนในการทำงานร่วมกันของ 7 พรรคการเมืองในขั้ว พท.เพราะพรรคย้ำมาตลอดว่าไม่ยึดติด โดยไม่นำตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและะประธานสภาผู้แทนราษฎร มาเป็นเงื่อนไขในการพูดคุย และจับมือทำงานร่วมกัน ซึ่งพรรคพท.พร้อมทำงานร่วมกับทุกพรรคการเมืองหากมีจุดยืนเดียวกันคือการสกัดกั้นการสืบทอดอำนาจและและการแก้ไขรัฐธรรมนูญสิ่งสำคัญคือจะต้องไม่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ได้มีการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการกับอีก 6 พรรคการเมืองแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นการแบ่งบทบาทหน้าที่ในการทำงานเพื่อเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย ซึ่งทุกพรรคการเมืองก็มีสิทธิที่จะเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีได้ หากเห็นว่าเป็นทางออกที่ดีของประเทศ

เมื่อถามถึงกรณีที่ว่าพรรค พท. เตรียมสนับสนุน ให้นายบัญญัติ บรรทัดฐาน จากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร นายภูมิธรรมว่า หากมีหลักการเดียวกันก็พร้อมสนับสนุน แต่วันนี้ยังไม่ขอพูดถึงตัวบุคคล เพราะต้องดูในหลักการ คือไม่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวยังรายงานเพิ่มเติมอีกว่า ซึ่งสอดรับกับในที่ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) ที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งและแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย ระบุตอนหนึ่งกับส.ส.ว่า ตนเองพร้อมเสียสละไม่รับตำแหน่งนายกฯ

ซึ่งสถานการณ์การเมืองในขณะนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่พรรคการเมืองต้องรวมเสียงข้างมากในสภาให้ได้มากที่สุดไว้ก่อน และต้องรักษาระบบไว้ โดยการหยุดไม่ให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกฯ โดยภารกิจเสียงข้างมากในรัฐสภา จะต้องผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อน

บิ๊กป้อม ไม่รู้เรื่องเลย ตัวเองจะไปร่วมรัฐบาล ยัน คสช.ไม่เกี่ยวจัดการ ‘ธนาธร’

เมื่อเวลา 09.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีส่วนร่วมในการจัดตั้งรัฐบาล ว่า ไม่รู้ ยังไม่รู้เรื่องเลย เมื่อถามย้ำว่า แต่มีข่าวว่า พล.อ.ประวิตร มีส่วนเข้าไปร่วมกับ แกนนำ พรรค พปชร. จัดตั้งรัฐบาล พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่รู้เรื่องอะไรข่าวลือต่างๆที่ออกมานั้นเป็นการพูดไปเองทั้งนั้น

เมื่อถามว่า การจัดตั้งรัฐบาล เริ่มชัดเจนแล้วหรือยัง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่รับทราบอะไรเลย ต่อข้อถามว่าถึงกระแสข่าวการจัดตั้งรัฐบาลขั้วที่สาม รองนายกฯกล่าวว่า ไม่รู้เรื่องเลย รู้จากหนังสือพิมพ์ที่เขียนทั้งนั้น

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทย (พท.) จะชิงตั้งประธานสภา จากเดิมที่ต้องเป็นโควตา ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เพราะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่รู้เรื่องเลย เพราะเราไม่ได้เป็นคนจัดตั้งรัฐบาล

เมื่อถามกรณีที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ระบุว่าการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้พิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพส.ส.สิ้นสุดลง มาจากคสช.ต้องการสกัดพรรคอนาคตใหม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า คสช.จะเกี่ยวอะไรเป็นเรื่อง ของ กกต.

ผู้สื่อข่าวถามถึงความชัดเจนที่จะเปิดเผยรายชื่อคณะกรรมการสรรหาส.ว. ได้เมื่อไหร่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ ส่วนรายชื่อเปิดได้ แต่ไม่รู้จะเปิดเมื่อไหร่ เป็นเรื่องของ คสช. รัฐธรรมนูญก็บอกไว้แล้วว่าให้คสช. เป็นคนคัดเลือก

เมื่อถามย้ำว่าพร้อมจะเปิดเผยหรือไม่ เพราะสังคมวิจารณ์เป็นอย่างมาก รองนายกฯกล่าวว่า ก็คิดไปเองทั้งนั้น รัฐธรรมนูญเขากำหนดไว้ ส่วนเราก็ทำงาน ตามที่ หัวหน้า คสช. สั่ง เมื่อถามว่านายวิษณุ ระบุว่ามีบันทึกการประชุมในเรื่องดังกล่าวทุกครั้ง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ผมไม่พูดด้วยแล้ว”