เมื่อ 23 มิ.ย. บีบีซีรายงานว่า สถานการณ์คลื่นความร้อนปกคลุมจังหวัดสิงห์ ทางภาคใต้ของปากีสถาน รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตสูงกว่า 700 รายแล้ว ท่ามกลางอากาศร้อนจัดกว่า 45 องศาเซลเซียส
นายนาวาซ ชาริฟ นายกรัฐมนตรีประกาศมาตรการฉุกเฉินเพื่อรับมือ รวมถึงการส่งกำลังทหารเข้าไปช่วยตั้งศูนย์ช่วยเหลือประชาชนที่มีอาการลมแดด แต่เนื่องจากการออกมาจัดการกับปัญหาของรัฐบาลล่าช้า รอจนเข้าสู่วันที่สามของการประกาศยอดผู้เสียชีวิต ทำให้ประชาชนจำนวนมากไม่พอใจ ยิ่งทางการควบคุมการจ่ายกระแสไฟฟ้า ทำให้ชาวบ้านเปิดเครื่องปรับอากาศและพัดลมไม่ได้ ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง
ผู้สื่อข่าวบีบีซี ชาห์เซบ จิลานี รายงานว่า คลื่นความร้อนไม่ใช่เรื่องผิดปกติในช่วงฤดูร้อน แต่ที่ทำให้ประชาชนโกรธแค้นจนออกมาชุมนุมในนครการาจี คือเรื่องการตัดกระแสไฟฟ้าของทางการ และการปล่อยปละละเลยที่ทำให้คนร้อนตายไปเรื่อยๆ
(18 มิ.ย.) เฟซบุ๊ก Thailand Police Story เผยแพร่จดหมายติดแสตมป์ฉบับหนึ่ง เรียนถึงผู้บัญชาการวิทยาลัยการตำรวจ ที่อยู่ 100 กองบัญชาการศึกษา สนง.ตร. ชั้น 3 ถนนวิภาวดีรังสิต ลาดยาว จตุจักร กทม. 10900 โดยเนื้อหาของจดหมายดังนี้
“เรียน ผบ.วิทยาลัยการตำรวจที่เคารพ ดิฉัน มีสามีมาเรียนอบรม หลักสูตรผู้กำกับ เวลานี้ ค่ะ จากที่ได้เห็นตารางเรียนแล้ว เห็นว่ามีแต่ พวกผู้นำ จิปาถะ จึงเรียนมา ในฐานะดิฉันก็จบมาหลายหลักสูตร ทั้ง ตรี โท จึงเสนอแนะนำ ให้อบรมการปฏิบัติตนที่บ้านและที่ทำงานด้วยค่ะ คือ สามีชอบเป็นคนมักง่าย ขอไปที ทำอะไรที่บ้านก็รก ไม่เป็นระเบียบ ไม่เก็บของ ชอบวางกองไว้ คนมาทำตามหลัง เปิดน้ำเปิดไฟที่บ้านทิ้งไว้จนเคยตัว และถ้าหากไปบริหารโรงพัก คงจะรกน่าดู เป็นที่ดูถูกของ ปชช. อยากให้อบรมให้เข้ม เป็นถึงนาย ตร.ผู้ใหญ่แล้ว ทำตัวแบบเด็กๆ ลองสอนให้ทำ 5ส. ดูบ้าง ดิฉันว่า ถ้าทำได้ มีผลต่อที่ทำงานที่ดูสะอาด ไม่สกปรก
“ขอบพระคุณค่ะ หวังว่าหลักสูตรนี้ จะปรับเปลี่ยนนิสัยสามีได้นะคะ จากภรรยา นายตำรวจระดับสัญญาบัตร นะคะ” อนึ่ง ปัจจุบันผู้บัญชาการศึกษา วิทยาลัยการตำรวจ คือ พล.ต.ท.พรหมธร ภาคอัต
วันที่ 23 มิ.ย.58 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีต ผบช.น.ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศญี่ปุ่นควบคุมตัว ในข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง ที่สนามบินนาริตะ
เบื้องต้น พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ให้การรับสารภาพกับตำรวจญี่ปุ่นว่า อาวุธปืนดังกล่าวเป็นของตนจริง พร้อมแสดงเอกสารประจำตัวข้าราชการตำรวจ และเอกสารเกี่ยวกับอาวุธปืนต่อเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่น อีกทั้งยังระบุอีกว่า ไม่รู้ว่าตนลืมอาวุธปืนไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ทางการทูตไทยประจำประเทศญี่ปุ่นได้เข้าไปประสานในเรื่องการดำเนินคดีให้กับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ แล้ว
ทั้งนี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.58 ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ ทีจี 640 เวลา 21.50 น. และถูกค้นพบอาวุธปืนได้ที่สนามบินนาริตะ ขณะจะเดินทางกลับประเทศไทย เมื่อเวลา 17.00 น. ของวันที่ 22 มิ.ย.58 ส่วนกรณีที่อาวุธปืนดังกล่าว ผ่านการตรวจสแกนของประเทศไทย ผ่านไปยังประเทศญี่ปุ่น รวมถึงยังท่องเที่ยวอยู่ในประเทศญี่ปุ่นได้กว่า 3-4 วัน ก่อนจะเตรียมเดินทางกลับและตรวจพบอาวุธปืนดังกล่าว ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และสอบสวนของเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่น
จากกรณี วานนี้ (24 มิ.ย.) ที่สน.ปทุมวัน นายพรชัย ยวนยี อายุ 24 ปี นายทรงธรรม แก้วพันพฤกษ์ อายุ 23 ปี นายรัฐพล ศุภโสภณ อายุ 22 ปี นายปกรณ์ อารีกุล อายุ 26 ปี นายอภิสิทธิ์ ทรัพย์นภาพันธ์ อายุ 29 ปี นายรังสิมันต์ โรม อายุ 22 ปี และน.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว อายุ 22 ปี พร้อมนายกฤษฎางค์ นุตจรัส รวม 7ราย พร้อมทนายความเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน เพื่อแจ้งข้อหาทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ กักขังหน่วงเหนี่ยว ข่มขู่ ใช้กำลังประทุษร้าย,เจ้าหน้าที่ปฏิบัติโดยมิชอบ และหมิ่นประมาท แก่ตำรวจชุดจับกุม เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา
โดยภายหลังนักศึกษาแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่เรียบร้อยแล้วประชาไทรายงานเมื่อเวลา 21.40 น. ว่า นักศึกษาทั้งหมดได้ประกาศสลายตัวจากหน้า สน.ปทุมวัน หลังจากมีการแจ้งความกลับต่อเจ้าหน้าที่เรียบร้อยแล้ว และตำรวจรับปากจะไม่จับกุมนักศึกษาทั้ง 7 คนที่มีหมายจับ ดยก่อนจะสลายตัวนักศึกษาและประชาชนได้ร่วมกันร้องเพลง "บทเพลงของสามัญชน"
ขณะที่ เฟซบุ๊ก กลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย รายงานว่า นักศึกษากลุ่มดาวดินและหน้าหอศิลป์เตรียมแถลงข่าว เนื่องจากเช้านี้มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบจำนวนหนึ่งเฝ้าหน้าที่พัก"สวนเงินมีมา" คาดว่าจะมีการจับกุมเพื่อนๆทั้ง 11 คนในวันนี้ หลังจากได้เดินทางไปฟ้องข้อหากลับเจ้าหน้าที่ตำรวจและนอกเครื่องแบบที่ใช้ความรุนแรงกับนักศึกษาเมื่อวันที่22 พฤษภาคมที่ผ่านมา ล่าสุดเพื่อนๆทั้งหมดยังปลอดภัยดีครับ
นักศึกษากลุ่มดาวดิน และ นักศึกษา หน้าหอศิลป์ ร่วมกันแถลงข่าวว่า วันนี้ ในเวลา 17.00 น. จะรวมตัว มุ่งสู่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อต่อสู้ต่อไป
วันที่ 24 มิถุนายน นายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ในวันนี้ที่มีกลุ่มปัญญาชนรวมทั้งนักศึกษา ออกมาแสดงสัญลักษณ์กันจำนวนมากนั้น ถือเป็นการส่งสัญญาณไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช.ให้เร่งคืนประชาธิปไตยให้กับประเทศโดยเร็วผ่านการเลือกตั้ง ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ใช้อำนาจที่แก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย เป็นที่ยอมรับของคนในประเทศ และเพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากต่างชาติด้วย
หาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่เร่งทำตามโรดแมป กระแสต่างชาติจะกดดัน ส่งผลกระทบต่อคนในประเทศจนเกิดการต่อต้าน และทำให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์อยู่ยากขึ้นด้วย ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจ ปัญหาภัยแล้ง ชาวนาแย่งน้ำกันทำนา รวมทั้งปัญหาใบแดงจากไอเคโอและปัญหาใบเหลืองด้านการประมงที่อาจจะกลายเป็นใบแดงในไม่ช้า เชื่อว่าวิกฤติเหล่านี้ พล.อ.ประยุทธ์เอาไม่อยู่อย่างแน่นอน
"ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่แค่ตามโรดแมปที่ประกาศไว้ อย่าไปฟังเสียงคนใกล้ตัวมาก เพราะคนพวกนี้คือคนที่ได้ประโยชน์ แต่จะทำ พล.อ.ประยุทธ์เสียคน อยู่ก็ลำบาก พวกผมเตือนด้วยความหวังดี ขอให้รับฟังกันบ้าง"
นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในงานปาฐกถา “หลักนิติธรรม สร้างนิติรัฐ ค้ำจุนประชาธิปไตย” ให้แก่ผู้เข้าอบรมหลักสูตร หลักนิติธรรมเพื่อประชาธิปไตย (นธป.) รุ่นที่ 3 ว่า การเลือกตั้งหรือการแต่งตั้งมีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนอยู่เสมอ เวลาเลือกตั้ง มีทั้งคนที่มาจากการเลือกตั้งจริง ๆ มีพวกซื้อเสียง หรือพวกทุจริตเข้ามาจริง ๆ แต่เวลาแต่งตั้งแน่ใจหรือไม่ว่าได้คนดีเข้ามาจริงๆ ซึ่งในสิ่งนี้บอกให้รู้ว่าในอนาคต วิธีการรักษาบ้านเมืองให้อยู่รอดได้ คือการเลือกคนดีเข้ามา
นอกจากนี้ในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตนเข้าใจเจตนาที่ดีของผู้ร่างจากการเห็นนักการเมืองบางกลุ่มทำอย่างนี้ เลยไปเอามายึดว่า ต้องเป็นอย่างนี้ ทั้งที่ควรยึดความเป็นอิสระ ดังนั้นขอให้ไปดูให้ดี อย่ายกเว้นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง พรรคใดพรรคหนึ่ง มิฉะนั้นจะเสียโอกาส ที่จะทำให้ประชาธิปไตยมีความเข้มแข็ง เพราะทุกประเทศไม่ว่าจะเป็นระบอบเผด็จการ หรือประชาธิปไตย ก็ใช้หลักกฎหมาย แต่ระบอบเผด็จการจะไม่ใช่หลักกฎหมายที่ประชาชนจะมีสิทธิ
พร้อมกันนี้ นายชวน กล่าวด้วยว่า เราควรให้ความสำคัญกับรัฐธรรมนูญ แต่อย่าทุ่มเททั้งหมดกับรัฐธรรมนูญ จนมองข้ามปัญหาแท้จริงว่า วิกฤติที่ผ่านมาเกิดจากคนใช้กฎหมาย ไม่ใช่มาตราใดมาตราหนึ่ง ที่ทำให้ฝ่ายบริหารแข็งเกินไป ให้ฝ่ายค้านอ่อนไป หรือฝ้ายค้านแข็ง ฝ่ายบริหารอ่อน ก็เป็นเหตุผลส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ซึ่งในวันข้างหน้าเมื่อมีการเลือกตั้งแล้ว ทหารไม่มีสิทธิออกมาและไม่ควรทำอะไรทั้งนั้น แต่ควรจะปฏิรูปตำรวจเพื่อให้มาทำหน้าที่ในวันข้างหน้าแทน
สำนักข่าวต่างประเทศเผยแพร่คลิปของนายบารัค โอบาม่า ประธานาธิบดีสหรัฐได้ตำหนิและเชิญผู้ที่ตะโกนขัดจังหวะการกล่าวสุนทรพจน์ออกไปจากห้องอย่างมีอารมณ์ ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่วงที่ผ่านมา
รายงานระบุว่า ขณะที่นายโอบาม่ากำลังกล่าวสุนทรพจน์เรื่องสิทธิพลเมืองของเลสเบียน เกย์ และกลุ่มข้ามเพศต่างๆ ณ ห้องรับรองในทำเนียบขาว หญิงข้ามเพศซึ่งเป็นผู้อพยพชาวเม็กซิกันนามว่านางเจนนิเซ่ กูเตียร์เรซ ได้ตะโกนขัดจังหวะเพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้อพยพข้ามเพศคนอื่นๆที่ถูกกักตัวโดยเจ้าหน้าที่ชายแดน
ขณะที่นายโอบาม่าจะพยายามบอกเธอให้หยุดและกล่าวกับเธอว่า "สักครู่นะครับโอเคคุณรู้อะไรไหมคุณอยู่ในบ้านของผมนะคุณไม่แสดงความนับถือเลยเมื่อคุณได้รับเชิญมาบ้านคนอื่น คุณจะไม่ได้การต้อนรับที่ดีจากผมหรอกที่ขัดจังหวะผมแบบนี้" รวมถึงตำหนิเธอว่า "น่าละอายจริงๆ"
อย่างไรก็ตาม หญิงรายนี้ก็ไม่ได้หยุดตะโกนแต่อย่างใด และทำให้เธอถูกเจ้าหน้าที่นำตัวออกไปจากห้อง ซึ่งหลังจากที่เธอออกไป โอบาม่าได้กล่าวว่า เขายอมรับได้กับการถูกขัดจังหวะ แต่ไม่ใช่ในทำเนียบขาว
ทั้งนี้ รายงานระบุว่า ในสหรัฐอเมริกาขณะนี้ มีการรวมตัวประท้วงของผู้อพยพที่กำลังต่อต้านการเนรเทศผู้อพยพที่มีเอกสารและหลักฐานไม่เพียงพอ ซึ่งหญิงข้ามเพศคนดังกล่าวก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านี้ด้วย
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012