ข่าว
เพนตากอนรับภาพหลุด UAP วัตถุสามเหลี่ยมปริศนาบนท้องฟ้า เป็นของจริง

เมื่อวันที่ 15 เม.ย. เว็บไซต์ข่าว CNN รายงานอ้างคำเปิดเผยของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่ระบุว่า ทั้งภาพถ่ายและคลิปวิดีโอสั้นๆ ที่แสดงให้เห็นสิ่งที่เรียกว่า “ปรากฏการณ์ทางอากาศที่ไม่สามารถระบุได้” (Unidentified Aerial Phenomena-UAP) ที่บันทึกได้เมื่อปี 2562 และถูกนำออกมาเผยแพร่ก่อนหน้านี้ เป็นภาพและคลิปวิดีโอที่ได้รับการพิสูจน์ว่ามีความถูกต้อง เป็นของจริง ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีวัตถุปริศนาที่ไม่สามารถหาคำอธิบายได้ว่าคืออะไร

เมื่อปีที่แล้ว เว็บไซต์ Mystery Wire และ Extraordinary Beliefs ที่มักจะนำเสนอเรื่องราวความเชื่อเกี่ยวกับยูเอฟโอ และเรื่องราวลี้ลับเหนือธรรมชาติ ได้เผยแพร่ภาพถ่ายนี้ โดยระบุว่าเป็นคลิปหลุดจากเพนตากอน และได้รับการแชร์ต่อกันอย่างกว้างขวางในโลกโซเชียล

ซู โก โฆษกหญิงของเพนตากอน ระบุว่า ภาพถ่ายและคลิปวิดีโอนี้ถ่ายโดยเจ้าหน้าที่หน่วยนาวิกโยธิน ซึ่งแสดงให้เห็นวัตถุรูปทรงสามเหลี่ยม มีการกะพริบ และเคลื่อนที่ผ่านเมฆ ขณะที่ก่อนหน้านี้เพนตากอนเพิ่งเผยแพร่คลิปวิดีโอสั้นๆ จำนวน 3 คลิป ถ่ายจากกล้องอินฟราเรดบนเครื่องบินของนาวิกโยธิน ในปี 2547 และ 2558 ในช่วงเวลาที่นักบินเผชิญหน้ากับวัตถุปริศนาที่กำลังเคลื่อนไปด้วยความเร็วสูง และเคลื่อนที่ในรูปแบบที่ไม่สามารถอธิบายได้ ซึ่งทางเพนตากอนเรียกสิ่งนี้ว่า “UAP” ซึ่งเป็นการหลีกเลี่ยงที่จะใช้คำว่า “ยูเอฟโอ” (Unidentified Flying Object) เพื่อไม่ให้เกิดการตีความว่าเป็นวัตถุปริศนาในแบบทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ

ที่มา CNN

กงสุลใหญ่ประเทศสมาชิกอาเซียน ในวาระเทศกาลสงกรานต์

เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2564 นายมังกร ประทุมแก้ว กงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส เป็นเจ้าภาพจัด working lunch กับกงสุลใหญ่ประเทศสมาชิกอาเซียน ในวาระเทศกาลสงกรานต์ ปีใหม่ไทย และเข้าสู่เดือนรอมฎอน ปี 2564 รวมทั้งหารือเเลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ต่าง ๆ ในชุมชนด้วย


ฝ่ายต้านเผด็จการพม่าประกาศตั้ง ‘รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ’ พร้อมเปิดโผ ครม.

นับเป็นข่าวใหญ่ส่งท้ายสัปดาห์เทศกาลสงกรานต์พม่า หรือ ‘ตะจ่านปแว’ เมื่อ คณะกรรมการผู้แทนสภาแห่งสหภาพ หรือ CRPH ประกาศจัดตั้งรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ เพื่อโค่นกองทัพพม่า พร้อมเปิดโผ ครม. ที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ สะท้อนเจตนารมณ์การสร้างสหพันธรัฐอย่างแท้จริง

เมื่อ 16 เม.ย. 2564 คณะกรรมการผู้แทนสภาแห่งสหภาพ หรือ CRPH ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่เป็น ส.ส. พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือ เอ็นแอลดี ที่ชนะการเลือกตั้งทั่วไปของพม่าที่จัดเมื่อปีที่แล้ว (พ.ศ. 2563) ประกาศบนสื่อโซเชียลมีเดียยอดนิยมของชาวเมียนมา เฟซบุ๊ก กลุ่มสาธารณะเพจ ‘Committee Representing Pyidaungsu Hluttaw - CRPH’ จัดตั้ง ‘รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ’ เป็นรัฐบาลคู่ขนาน เพื่อโค่นเผด็จการ พร้อมเปิดโผคณะรัฐมนตรีในตำแหน่งต่าง ๆ

รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติของเมียนมาชุดนี้ ประกอบด้วย ประธานาธิบดี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ รองประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย 11 รัฐมนตรีสำหรับ 12 กระทรวง และมีการแต่งตั้งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างๆ อีก 12 ตำแหน่ง ทั้งนี้ สมาชิก ครม. 26 คน มี 13 คนเป็นชาวชาติพันธุ์ และ 8 คนเป็นนักการเมืองหญิง

ครม.ของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติเมียนมา มีใครบ้าง

ตำแหน่งประธานาธิบดียังคงเป็นของ วินมยิ้ด จากพรรคสันนิบาติแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือ เอ็นแอลดี ขณะที่ อองซานซูจี หัวเรือใหญ่ของเอ็นแอลดี รั้งตำแหน่งที่ปรึกษาแห่งรัฐเช่นเดิม อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ยังอยู่ในการควบคุมตัวของกองทัพพม่า

ดูหว่าละชิละ ได้รับการแต่งตั้งเป็นรองประธานาธิบดี (รักษาการประธานาธิบดีขณะนี้) มาจากชาติพันธุ์กะฉิ่น ด้านนายกรัฐมนตรี คือ มานวินข่ายตาน จากชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ที่ผ่านมา เขาคือผู้นำของ CRPH ซึ่งทั้งสองคนจะทำงานร่วมกันเพื่อนำรัฐบาลในขณะนี้

โฆษกของ CRPH คือยี่มูน หรือรู้จักกันในชื่อ หม่องตินทิด ได้รับการแต่งตั้งเป็น รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ร่วมกับรัฐมนตรีช่วยฯ ขิ่นหม่าหม่าเมียว ผู้ก่อตั้งสถาบันสันติสุขและความมั่นคงเมียนมาศึกษา และหน่ายโกรอต นักการเมืองชาติพันธุ์มอญ

ดร.ซอเหว่โซ ผู้เคยมีประสบการณ์เป็นรักษาการรัฐมนตรี 3 กระทรวง ประกอบด้วย กระทรวงแรงงานฯ กระทรวงศึกษา และกระทรวงสุขภาพและกีฬา ตอนนี้เขาได้รับแต่งตั้งเป็น รัฐมนตรีชั่วคราว 2 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงศึกษา และกระทรวงสุขภาพและกีฬา ซินหม่าอ่อง ส.ส.ที่ชนะการเลือกตั้งเมื่อคราวที่แล้ว และสมาชิกของ CRPH ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ

หน่อซูซานนาหละหละโซ จากชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงผู้หญิง เยาวชนและเด็ก โดยมีรัฐมนตรีช่วยฯ คือ เอทินซาหม่อง อดีตผู้สมัคร ส.ส. ในเขตปานแบตาน นครย่างกุ้ง ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปีที่แล้ว (พ.ศ. 2563) ในฐานะสมาชิกพรรคประชาธิปไตยเพื่อสังคมใหม่ (Democratic Party for New Society - DPNS) นอกจากนี้ เอทินซาหม่อง ยังเป็นที่รู้จักในแวดวงนักกิจกรรมการเมืองดาวรุ่งอีกด้วย

ดร.ซาซา สมาชิกของ CRPH และผู้แทนพิเศษสหประชาชาติจากเมียนมา ได้รับการแต่งตั้งเป็น รัฐมนตรีกระทรวงความร่วมมือต่างประเทศ

ทั้งนี้ อรรวี แตงมีแสง อดีตผู้สื่อข่าวสายอาเซียน และแอดมินเพจเฟซบุ๊ก ‘Natty in Myanmar’ และ ดร.ซาซา ชี้ให้เห็นว่า โผ ครม. ชุดนี้มีความน่าใจ เนื่องจากเป็นชุด ครม.ที่มีความหลากหลายของชาติพันธุ์

“นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เมียนมาที่จะมีรัฐบาลเอกภาพ ซึ่งสะท้อนให้เห็นความแข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชาติ - ความหลากหลายของประชาชน ซึ่งสะท้อนผ่านรายชื่อคณะรัฐมนตรีของคณะรัฐบาลเอกภาพแห่งชาตินั่นเอง” ดร.ซาซา ระบุในโพสต์เฟซบุ๊ก

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 16.00 น. สำนักข่าว DVB ถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ คณะรัฐมนตรีของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ ทำพิธีสาบานตนเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์


'สหรัฐฯ' คว่ำบาตร 'รัสเซีย' ขับทูต10คน ตอบโต้พฤติการณ์ปรปักษ์หลายอย่าง

16 เมษายน 2564 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรการ คว่ำบาตรรัสเซียเมื่อวันพฤหัสบดี และขับเจ้าหน้าที่ทูต 10 คน เพื่อตอบโต้ที่รัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจมตีไซเบอร์ครั้งใหญ่ และพฤติการณ์ปรปักษ์อื่นๆ ด้านนาโตหนุนหลังสหรัฐฯ เต็มที่ ขณะรัสเซียเตือนการตอบโต้เป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว

ทำเนียบขาวแถลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 เมษายนว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ออกคำสั่งของฝ่ายบริหาร คว่ำบาตรภาคเศรษฐกิจของรัสเซียโดยจำกัดการเข้าถึงตลาดพันธบัตรรัฐบาลของรัสเซีย เนรเทศนักการทูต 10 คน ซึ่งรวมถึงหลายคนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นสายลับ และแซงก์ชั่น 32 บุคคลและองค์กรที่ถูกกล่าวหาว่าพยายามก้าวก่ายการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2563

แถลงการณ์ของทำเนียบขาวระบุถึง “ความพยายามของรัสเซียในการบ่อนทำลายการจัดการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยที่เสรีและยุติธรรม และสถาบันประชาธิปไตยในสหรัฐฯ และในประเทศพันธมิตรและหุ้นส่วน” ไว้เป็นอันดับแรก โดยหมายถึงคำกล่าวหาที่ว่า หน่วยงานด้านข่าวกรองของรัสเซียรณรงค์ใช้กลอุบายสกปรกและบิดเบือนข้อมูลอย่างต่อเนื่องระหว่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2559 และ 2563 เพื่อช่วยเหลือโดนัลด์ ทรัมป์

นอกจากนี้ ทำเนียบขาวกล่าวว่า การแซงก์ชั่นครั้งนี้ยังเป็นการตอบโต้ “กิจกรรมทางไซเบอร์ที่มุ่งร้ายต่อสหรัฐฯ และประเทศพันธมิตร และหุ้นส่วน” โดยหมายถึงการแฮ็กระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ครั้งใหญ่ที่เรียกว่า โซลาร์วินด์ เมื่อปีที่แล้ว และยังเป็นการตอบโต้ที่รัสเซีย “เล็งเป้าหมาย” ผู้ที่ไม่เห็นด้วยและนักข่าวภายนอกดินแดนของรัสเซีย และบั่นทอนความมั่นคงในประเทศที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ

สัปดาห์นี้ประธานาธิบดีไบเดนเพิ่งเสนอจัดการพบปะกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แบบเผชิญหน้ากันโดยตรงครั้งแรก ซึ่งอาจเป็นในประเทศที่สาม และรัฐบาลรัสเซียมีท่าทีตอบรับในเชิงบวก แต่ก็ออกตัวว่าการแซงก์ชั่นไม่ช่วยอะไร ภายหลังสหรัฐฯ เปิดเผยมาตรการคว่ำบาตรเมื่อวันพฤหัสบดี กระทรวงการต่างประเทศของงรัสเซียกล่าวว่า การตอบโต้ของรัสเซียเป็นสิ่งที่ “หลีกเลี่ยงไม่ได้” แล้ว

มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวง กล่าวว่า สหรัฐฯ ไม่พร้อมที่จะยอมรับความเป็นจริงเชิงวัตถุวิสัยที่ว่า มีโลกหลายขั้วที่ไม่รวมความเป็นเจ้าโลกของอเมริกาเอาไว้ด้วย

ความตึงเครียดครั้งล่าสุดเกิดขึ้นท่ามกลางความโกรธเคืองมายาวนานในวอชิงตัน กรณีรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้ง และความวิตกทั้งในสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรในยุโรปเกี่ยวกับการสร้างเสริมกำลังทหารของรัสเซียประชิดชายแดนยูเครน นอกจากนี้ การจำคุกอเล็กเซย์ นาวัลนี ศัตรูทางการเมืองอย่างเปิดเผยของปูตินเพียงคนเดียวที่ยังหลงเหลือ ยิ่งทำให้โลกตะวันตกกังวลมากขึ้น

ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป, ออสเตรเลีย, อังกฤษ และแคนาดา ยังได้พร้อมใจกันแซงก์ชั่น 8 บุคคล และองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการที่รัสเซียเข้ายึดครองแคว้นไครเมียในยูเครนด้วย

ที่กรุงบรัสเซลส์ องค์การนาโตแถลงว่า ชาติพันธมิตรนาโตของสหรัฐฯ สนับสนุนและยืนหยัดด้วยความเป็นน้ำหนึ่งในเดียวกับสหรัฐ ฯภายหลังคำประกาศดำเนินการเมื่อวันที่ 15 เมษายน เพื่อตอบโต้กิจกรรมของรัสเซียที่บั่นทอนเสถียรภาพ


สหรัฐฯ ช็อก มือปืนกราดยิงที่ตึก ‘เฟดเอ็กซ์’ ดับสลด 8 ศพเจ็บอื้อ

เกิดเหตุกราดยิงสะเทือนขวัญที่เมืองอินเดียนาโพลิส ของสหรัฐฯ เมื่อมือปืนก่อเหตุกราดยิงที่หน้าและภายในอาคารของบริษัท เฟดเอ็กซ์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 8 ราย ก่อนที่คนร้ายจะจบชีวิตตัวเอง

สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ตำรวจเมืองอินเดียนาโพลิส รัฐอินเดียนา ได้รับแจ้งให้เดินทางไปยังอาคาร ‘เฟดเอ็กซ์ กราวด์’ ใกล้สนามบินหลักของเมือง ในเวลาประมาณ 23:00 น. วันพฤหัสบดีที่ 15 เม.ย. 2564 หลังเกิดเหตุคนร้ายกราดยิงที่หน้าและภายในอาคารดังกล่าว ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 8 ศพ มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ก่อนที่มือปืนจะปลิดชีพตนเอง

นายเครก แมคคาร์ต รองผู้กำกับการตำรวจเมืองอินเดียนาโพลิส บอกกับซีเอ็นเอ็นว่า “มือปืนเดินทางมาถึงลาดจอดรถ และผมเชื่อว่าเขาลงจากรถแล้วเริ่มกราดยิงทันที ... เหตุยิงกันจุดแรกเกิดขึ้นที่ลานจอดรถ จากนั้นเขาเข้าไปในอาคารแต่เข้าไปได้ไม่ลึกนัก” “จากที่ผมได้ยินมา เหตุการณ์นี้ดำเนินไปนานเพียง 1-2 นาทีเท่านั้น”

นายแมคคาร์ต เปิดเผยอีกว่า ตำรวจที่ไปถึงจุดเกิดเหตุพบภาพความวุ่นวายอย่างหนัก ผู้บาดเจ็บและผู้เห็นเหตุการณ์ต่างวิ่งหนีไปทุกทิศทาง และเขาเชื่อว่ามือปืนจบชีวิตตัวเองหลังจากเจ้าหน้าที่พยายามเข้าไปเผชิญหน้ากับเขา ไม่ได้ถูกตำรวจยิงเสียชีวิต

ด้านนาง จีนี คุก โฆษกตำรวจหญิงเมืองอินเดียนาโพลิส กล่าวว่า ตอนนี้ยังมีทราบมูลเหตุจูงใจของคนร้าย ขณะที่ตำรวจระบุตัวเลขผู้ได้รับบาดเจ็บไม่ตรงกัน โดยนายแมคคาร์ตกล่าวว่า มีผู้บาดเจ็บถูกยิงอย่างน้อย 4 รายกำลังรักษาตัวที่โรงพยาบาล และรายที่ 5 มีบาดแผลจากของมีคม

ส่วนแถลงการณ์ของตำรวจอินเดียนาโพลิสระบุว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกยิง 5 คนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล และมีอีก 2 คนได้รับการรักษาที่จุดเกิดเหตุและกลับบ้านได้แล้ว

อนึ่ง นี่นับเป็นเหตุกราดยิงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในสหรัฐฯ นับตั้งแต่เหตุกราดยิงที่ร้านขายของในรัฐโคโรลาโด เมื่อ 22 มี.ค. ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 10 ศพ โดยบริษัท เฟดเอ็กซ์ ออกแถลงการณ์ว่า พวกเขารู้สึกช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเสียใจต่อการสูญเสียของสมาชิกทีมของพวกเขา ขณะที่นาย เอริค โฮลคอมบ์ ผู้ว่าการรัฐอินเดียนาก็ออกมากล่าวแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตและได้รับผลกระทบเช่นกัน

ไฟเซอร์แนะคนที่ฉีดวัคซีนต้านโควิดครบแล้ว อาจจำเป็นต้องฉีดเข็มที่ 3

ซีอีโอของ บ.ไฟเซอร์ ระบุว่า ผู้ที่รับการฉีดวัคซีนต้านโควิดของไฟเซอร์ครบแล้ว 2 โดส อาจมีความจำเป็นต้องฉีดเข็มที่ 3 ภายในระยะเวลา 6-12 เดือน

เมื่อวันที่ 15 เม.ย. เว็บไซต์ข่าว CNBC รายงานว่า นายอัลเบิร์ต บัวร์ลา ประธานกรรมการบริหารของบริษัทไฟเซอร์ เปิดเผยว่า อาจมีความจำเป็นสำหรับคนที่รับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ของไฟเซอร์ครบ 2 โดสแล้ว จะต้องรับการฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 ภายในระยะเวลา 6-12 เดือน และอาจมีความเป็นไปได้ที่ผู้คนจะต้องรับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 กันเป็นประจำทุกปี โดยระบุว่า มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องกระตุ้นภูมิคุ้มกันสำหรับคนที่มีภูมิอ่อนแอต่อเชื้อไวรัส

คำกล่าวของซีอีโอบริษัทไฟเซอร์ มีขึ้นหลังจากที่นายอเล็ก กอร์สกี้ ซีอีโอของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เปิดเผยว่า ในอนาคตผู้คนคงต้องฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 กันเป็นประจำทุกปี เหมือนกับวัคซีนโรคระบาดตามฤดูกาล

ก่อนหน้านี้ บริษัทไฟเซอร์ ระบุว่า วัคซีนต้านโควิด-19 โดสแรกมีประสิทธิภาพในการป้องกันถึงกว่า 91% และเมื่อฉีดกระตุ้นโดสที่ 2 แล้วผ่านไป 6 เดือน จะสามารถป้องกันได้ถึง 95%