สหรัฐช็อก! ชายยิงใส่โบสถ์โรงเรียนคาทอลิก เด็กเสียชีวิตแล้ว 2 ราย-เจ็บนับสิบคน...
สหรัฐช็อก! – เอพี รายงานวันที่ 28 ส.ค. ถึงเหตุสะเทือนใจใน สหรัฐอเมริกา หลังจากชายคนร้ายเปิดฉากยิงที่ โรงเรียนแอนนันซิเอชั่น คาทอลิก ในเมืองมินนีแอโพลิส รัฐมินนิโซตา เมื่อช่วงเช้าวันพุธที่ 27 ส.ค.ตามเวลาท้องถิ่น
เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย ส่วนคนร้ายซึ่งเป็นชายอายุราว 20 ปี ใช้อาวุธปืนปลิดชีพตัวเองที่ด้านหลังโบสถ์ ขณะที่แรงจูงใจและสาเหตุยังอยู่ระหว่างการสอบสวน
ด้าน พล.ต.ต.ไบรอัน โอฮารา ผู้บังคับการตำรวจเมืองมินนีแอโพลิสเปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตทั้งสองรายเป็นเด็ก คนหนึ่งอายุ 8 ขวบ และอีกคนอายุ 10 ขวบ ถูกยิงเสียชีวิตคาที่นั่งภายในโบสถ์ของโรงเรียน นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 17 คน ในจำนวนนี้ 14 คนเป็นเด็ก
พล.ต.ต.โอฮารากล่าวว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็น “การกระทำรุนแรงโดยเจตนาต่อเด็กผู้บริสุทธิ์ ความโหดร้ายและความขี้ขลาดอย่างแท้จริงในการกราดยิงเข้าไปในโบสถ์ที่เต็มไปด้วยเด็กๆ เป็นสิ่งที่ไม่อาจเข้าใจได้” ผู้บังคับการตำรวจกล่าวระหว่างแถลงข่าว
ก่อนระบุด้วยว่าผู้ต้องสงสัยใช้ปืน 3 กระบอก ได้แก่ ปืนไรเฟิล ปืนลูกซอง และปืนพกซึ่งดูเหมือนว่าการยิงทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมดเกิดขึ้นจากภายนอก เพราะไม่พบปลอกกระสุนด้านใน โดยมือปืนยิงผ่านหน้าต่างโบสถ์ไปยังเด็กๆ และผู้คนที่กำลังทำพิธีมิสซา...
รายงานระบุด้วยว่า นายเวสต์แมนมีช่องยูทูบชื่อโรบิน ดับเบิลยู และเผยแพร่วิดีโออย่างน้อย 2 วิดีโอก่อนช่องจะถูกเว็บไซต์ปิด คลิปหนึ่งเผยให้เห็นนายเวสต์แมนแสดงอาวุธและกระสุนที่ซ่อนไว้ นอกจากนี้ยังมีข้อความ เช่น “ฆ่าโดนัลด์ ทรัมป์” และ “พระเจ้าของคุณอยู่ไหน” ปรากฏในวิดีโอด้วย
อีกคลิปนายเวสต์แมนชี้ไปที่หน้าต่างสองบานซึ่งดูเหมือนจะเป็นภาพวาดของโบสถ์ จากนั้นใช้มีดด้ามยาวแทงเข้าไป แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าวิดีโอถูกอัปโหลดเมื่อไหร่
'รัสเซีย'ยิงขีปนาวุธถล่มกรุงเคียฟครั้งใหญ่ ยอดตายพุ่ง 21 ศพ
วันศุกร์ ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2568:สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัสเซียปฏิบัติการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ถล่มกรุงเคียฟ ของยูเครน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 21 ราย อาคารสำนักงานสหภาพยุโรปและอังกฤษได้รับความเสียหาย ทำให้อียูและอังกฤษต้องเรียกเอกอัครราชทูตรัสเซียเข้าพบเพื่อแสดงความไม่พอใจ
กรุงเคียฟ ถูกถล่มอย่างหนักตลอดคืนวันพุธตามเวลาท้องถิ่น จากการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของรัสเซียนับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการทางทหารในยูเครนเต็มรูปแบบ กองทัพอากาศยูเครน แถลงว่า รัสเซียได้โจมตีทางอากาศใส่ยูเครนตลอดคืนด้วยอาวุธจำนวน 629 รายการ ประกอบด้วยโดรน 598 ลำ และขีปนาวุธ 31 ลูก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 21 ราย รวมถึงเด็ก 4 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายสิบ อาคารหลายหลังพังเสียหาย รวมถึงอาคารสำนักงานของตัวแทนสหภาพยุโรป หรืออียู ประจำกรุงคียฟ และสำนักงานบริติชเคานซิล ของสหราชอาณาจักร ได้รับความเสียหาย ถือเป็นหนึ่งในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดของรัสเซียทั้งต่อกรุงเคียฟและต่อยูเครนทั้งหมด
ทางการยูเครนระบุว่า มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายร้อยคนถูกส่งไปยังจุดเกิดเหตุในหลายพื้นที่ รวมถึงอาคารสำนักงานของตัวแทนอียูประจำยูเครน ซึ่งมีฐานอยู่ในกรุงเคียฟมาตั้งแต่ปี 2536 มีภารกิจส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างยูเครนกับสหภาพยุโรป รวมถึงภารกิจอื่น ๆ ด้วย
ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน โพสต์ผ่านแอปพลิเคชันเอ็กซ์ ประณามการโจมตีครั้งนี้ ว่าเป็นการสังหารประชาชนอย่างโหดเหี้ยมและจงใจ ขีปนาวุธและโดรนโจมตีของรัสเซียในวันนี้ เป็นคำตอบที่ชัดเจนต่อทุกคนในโลก ที่เรียกร้องให้มีการหยุดยิงและเจรจาทางการทูตอย่างแท้จริงตลอดหลายสัปดาห์และหลายเดือนที่ผ่านมา
ด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า เป้าหมายของการโจมตีคือสถานประกอบการด้านอุตสาหกรรมการทหาร และฐานทัพอากาศของยูเครน โดยใช้อาวุธความแม่นยำสูง ขณะที่ ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า รัสเซียยังคงสนใจเรื่องการเจรจาสันติภาพ แต่เน้นย้ำว่าปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครนจะยังคงดำเนินต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย
การโจมตีกรุงเคียฟโดยรัสเซียครั้งนี้ ซึ่งส่งผลให้อาคารซึ่งเป็นทรัพย์สินของอียูและอังกฤษเสียหาย สร้างความไม่พอใจให้ทั้งอียูและอังกฤษ มีการเรียกตัวเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงบรัสเซลส์และลอนดอนเข้าพบเพื่อแสดงความไม่พอใจ อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป แสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อเหตุการณ์นี้ผ่านโพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ โดยกล่าวว่าเป็น เครื่องเตือนใจที่โหดร้ายอีกครั้งถึงเหตุการณ์ที่กำลังตกอยู่ในความเสี่ยง
เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่ารัสเซียจะไม่หยุดยั้งในการก่อการร้ายต่อยูเครน ฆ่าประชาชนอย่างไม่เลือกหน้า ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก รวมถึงยังกล้าโจมตีเป้าหมายสหภาพยุโรปด้วย เธอได้พูดคุยกับทั้งประธานาธิบดีเซเลนสกี และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ภายหลังเหตุโจมตี พร้อมกล่าวว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียต้องมานั่งเจรจาบนโต๊ะเจรจา
"เวียดนาม" แจกเงินประชาชน คนละ 100,000 ด่ง ฉลองใหญ่รับ "วันชาติ" 2 ก.ย.
เมื่อวันที่ 29 ส.ค.68 สื่อเวียดนามรายงานว่า รัฐบาลเวียดนามได้ตัดสินใจมอบเงิน 100,000 ด่ง (ประมาณ 120 บาท) ให้ประชาชนทุกคน เพื่อฉลองวันชาติในวันที่ 2 ก.ย.ที่จะถึงนี้ โดย ณ เดือนเม.ย. 2567 เวียดนามมีประชากรกว่า 101 ล้านคน ทำให้ต้องใช้งบประมาณกว่า 10 ล้านล้านด่ง (ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท) เพื่อโครงการนี้
เงินพิเศษนี้จะถูกโอนเข้าบัญชีธนาคารหรือจ่ายเป็นเงินสดโดยตรงทั่วประเทศ ภายในวันที่ 2 ก.ย. 2568
นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้มีคำสั่งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันทำงานอย่างใกล้ชิด เช่น กระทรวงการคลัง ธนาคารกลางเวียดนาม กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ คณะกรรมการประชาชนท้องถิ่น และหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อให้การแจกจ่ายเงินเป็นไปอย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และแม่นยำ
กระทรวงการคลังจะดูแลเรื่องงบประมาณและการใช้จ่ายเงินของรัฐ ขณะที่ธนาคารกลางจะรับผิดชอบเรื่องระบบการชำระเงินและสำรองเงินสดให้เพียงพอ เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีการจ่ายเงินล่าช้า ตกหล่น หรือซ้ำซ้อน
นอกจากนี้ กระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว สถานีโทรทัศน์เวียดนาม (VTV) สถานีวิทยุเวียดนาม (VOV) และสำนักข่าวเวียดนาม (VNA) จะร่วมกันประชาสัมพันธ์โครงการนี้ เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความสุขและสามัคคีให้ประชาชนทั่วประเทศ เนื่องในวันสำคัญของชาติ
“อนุทิน” มั่นใจจัดตั้งรัฐบาล พร้อมเป็นนายกฯ - งูเห่าเพื่อไทยโผล่ร่วมแถลง
“ภูมิใจไทย” ดีลลงตัว รวมเสียงเพียงพอพร้อมจัดตั้งรัฐบาลชุดต่อไป ลั่นมีความจริงใจแก้ไขปัญหาประเทศ หลังจากนั้นจะยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน
พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล พร้อม ส.ส. ที่จะเข้าร่วมการจัดตั้งรัฐบาล ได้แถลงข่าวจุดยืนของพรรค ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้คณะรัฐมนตรีชุดเดิมสิ้นสุดลงโดยทันที
โดย นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้พวกเราทุกคน ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้มารวมตัวกันเพื่อแสดงความพร้อมที่จะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลชุดต่อไป เพื่อทำให้ปัญหาของประเทศได้รับการแก้ไขและคลี่คลายโดยเร็ว ทำให้การขับเคลื่อนประเทศไทยเดินหน้าต่อไปโดยไม่มีการหยุดชะงัก
หลังจากได้รับทราบเงื่อนไขที่ทางพรรคประชาชนได้แจ้งให้กับพี่น้องประชาชนได้รับทราบในการที่จะขอรับการสนับสนุนให้ไม่เกิดช่องว่างในการบริหารราชแผ่นดิน พวกเราได้รับทราบและได้พูดคุยหารือกันแล้ว จึงมอบหมายให้ตนไปหารือกับพรรคประชาชน ซึ่งเงื่อนไขของพรรคประชาชน ตามสาระสำคัญและรายละเอียดในที่เป็นประเด็นได้เห็นพ้องต้องกันทุกประการ
หลังจากเรารับทราบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้วเห็นว่าเราจะปล่อยให้ประเทศไทยหยุดชะงักไม่ได้ ปัญหาที่เกิดขึ้นอาจจะเกิดเพราะเส้นผมบังภูเขา ถ้าเป็นรัฐบาลกลุ่มเดิมอาจจะแก้ไขไม่ได้ แต่ถ้าเป็นกลุ่มพวกเรา มั่นใจว่าแก้ไขได้ เราอยากคืนความสงบสุขให้กับบ้านเมือง พวกเราเมื่อร่วมกับเสียงของพรรคประชาชน มั่นใจว่าสามารถจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาบริหารประเทศ
โดยเงื่อนไขต่างๆ คือ เรื่องของการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องของการแก้ไขปัญหาคืนความสงบสุข เจรจากับประเทศเพื่อนบ้านที่มีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์อย่างรุนแรง เมื่อเราดำเนินการเรื่องหลักๆ แล้ว เราจะคืนอำนาจให้กับประชาชนภายในเวลา 4 เดือนหลังจากรัฐบาลแถลงนโยบายรับตำแหน่ง ด้วยการยุบสภา พี่น้องประชาชนเหมือนรีเซตประเทศอีกครั้ง ใช้อำนาจเลือกคนที่จะมาบริหารประเทศต่อไป
ทุกท่านที่นั่งอยู่ในที่นี้ขอเข้ามาแก้ไขปัญหาบ้านเมืองในทุกด้านและคืนอำนาจให้พี่น้องประชาชนโดยเร็วที่สุด
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า หน้าที่ของการรวบรวมเสียงคือหน้าที่ของเราทุกคน ซึ่งพรรคประชาชนไม่มีข้อขัดแย้งหรือการไม่เห็นด้วยแต่อย่างใด อาจจะเหลือแค่รายละเอียดปลีกย่อย ที่ทางพรรคประชาชนอยากให้มีการลายลักษณ์อักษรกำกับไว้ ซึ่งเป็นหลักการทำงานของพรรคประชาชน ถ้าอยู่ในเงื่อนไข เราก็ต้องรับเงื่อนไขนั้น ดังนั้นเราต้องไปจัดลำดับความสำคัญของบ้านเมืองที่ต้องได้รับการแก้ไขทันที รวมไปถึงพรรคกล้าธรรม ที่ตนเพิ่งได้ไปพบมา ซึ่งเรามีความจริงใจในการเข้ามาแก้ปัญหา
เรามีเสียงเพียงพอที่จะนำเสนอให้พรรคประชาชนวางใจว่า การร่วมมือกันระหว่างพรรคประชาชนและกลุ่มของเรานี้จะทำประโยชน์ให้กับบ้านเมือง
ด้านนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า พวกตนมากัน 16 คน ใช้เอกสิทธิ์ของ ส.ส. ซึ่งเรามีวัตถุประสงค์เพื่อประเทศชาติบ้านเมืองเดินหน้าต่อไป ในฐานะ ส.ส.เราทุกคนเห็นตรงกัน จึงเดินมาจุดนี้ด้วยกัน
ด้านพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เป็นเรื่องของบ้านเมือง ขณะนี้เศรษฐกิจโลกและประเทศของเรากำลังลำบาก ถ้าเราไม่ผนึกกำลังเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพราะฉะนั้นเห็นว่า อนุทินมีความเหมาะสม เราจึงจับมือไปด้วยกัน
อย่างไรก็ตาม นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ สส.กาญจนบุรี เขต 4 พรรคเพื่อไทย กล่าวชี้แจงต่อสื่อมวลชนว่า ตนเองและพรรคพวกอยากเห็นบ้านเมืองเดินหน้าต่อไป ก็เลยมาสนับสนุนนายอนุทินเป็นนายกฯ เมื่อถามว่ามากันกี่คน นายศักดิ์ดากล่าวว่า ประมาณ 10 กว่าคน ยืนยันว่าเป็นเอกสิทธิ์ของตนเอง ไม่ได้มีปัญหากับพรรคเพื่อไทย แค่อยากเห็นบ้านเมืองเดินไปได้ ตนเองเป็นผู้แทนบ้านนอกเห็นความเดือดร้อนของประชาชน และตนเองมั่นใจว่านายอนุทินเหมาะสมที่สุด
