เอเอฟพี - ผู้หญิงรายที่ 2 ซึ่งเป็นอดีตนางแบบเพลย์บอย ออกมาอ้างเคยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อครั้งยังเป็นแค่นักธุรกิจใหญ่ เผยมีการทำข้อตกลงทางกฎหมายและการเงินอันซับซ้อนเพื่อปกปิดเรื่องราวเอาไว้
คาเรน แมคโดกอล อ้างว่าเธอกับทรัมป์ มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกันในปี 2006 ซึ่งเริ่มขึ้นไม่กี่เดือนหลังจาก เมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลข 1 ให้กำเนิดบุตรชายคนแรกของประธานาธิบดี
ทำเนียบขาวปฏิเสธแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าว แต่ในถ้อยแถลงที่ส่งถึงนิตยสาร THE NEW YORKER ทางโฆษกระบุประธานาธิบดีปฏิเสธว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับ แมคโดกอล พร้อมเรียกคำกล่าวอ้างดังกล่าวว่าเป็น "ข่าวปลอม"
รายงานของ นิตยสาร THE NEW YORKER ระบุว่าความสัมพันธ์ 9 เดือนของทั้งคู่ยุติลงแบบเงียบๆ แต่หลายปีต่อมา ระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี 2016 แมคโดกอล นำเรื่องราวดังกล่าวมาเสนอขายให้สื่อฉบับหนึ่ง
THE NEW YORKER รายงานว่าเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2016 แมคโดกอล ตกลงมอบสิทธิ์แก่บริษัทแห่งหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ NATIONAL INQUIRER อนุญาตให้ตีพิมพ์เรื่องราวเอ็กคลูซีฟความสัมพันธ์ลับระหว่างเธอกับทรัมป์
มีการกล่าวอ้างว่าข้อตกลงนี้มีมูลค่าราว 150,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่มันกลับไม่เคยถูกตีพิมพ์ เนื่องจาก NATIONAL ENQUIRER คิดว่ามันไม่มีความน่าเชื่อถือ
อย่างไรก็ตามมีการตั้งข้อสังเกตว่า เจ้าของของ NATIONAL INQUIRER คือ เดวิด เพ็คเกอร์ ผู้ซึ่งถูกอ้างว่าเป็นเพื่อนของทรัมป์ และแท็บลอยด์ฉบับนี้ให้การสนับสนุนทรัมป์ในการลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี
เรื่องราวของนางแบบสาวรายนี้สอดรับกับคำกล่าวหาของดาราหนังโป๊ สตอร์มมี แดเนียลส์ หรือชื่อจริงว่า สเตฟานี คลิฟฟอร์ด ที่อ้างว่ามีความสัมพันธ์กับประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อครั้งยังเป็นแค่นักธุรกิจใหญ่ในช่วงเวลาเดียวกัน
ในคดีดังกล่าว ทนายความส่วนตัวทรัมป์ อ้างควักเงินตัวเอง 130,000 ดอลลาร์จ่ายให้ แดเนียลส์ แต่ไม่ยอมให้รายละเอียดว่า จ่ายค่าอะไรและทรัมป์รู้เห็นด้วยหรือไม่
กลุ่มต่างๆที่รณรงค์ด้านธรรมาภิบาลเชื่อว่ามันอาจเข้าองค์ประกอบของการบริจาคหาเสียงและอาจละเมิดกฎระเบียบการใช้จ่ายเงินหาเสียงเลือกตั้ง
เมื่อ 16 ก.พ.61 เว็บไซต์ เดลี่เมล รายงานชาวรัสเซียต้องช็อกตกตะลึง นางสาวอนาสตาเซีย โอนีกินา นักศึกษาสาวสวยรัสเซีย วัย 21 ปี พำนักอยู่ที่ เมืองออร์ยอล ยอมรับสารภาพต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน ว่าเธอได้ลงมือฆ่าหั่นศพ นายดมิทรี ซินคีช แฟนหนุ่ม อายุ 24 ปี ในระหว่างกำลังเล่นเซ็กซ์เกมแบบรุนแรง BDSM กัน จากนั้น เธอได้ไปคว้ามีดในครัวมาหั่นศพแฟนหนุ่ม ด้วยการตัดอวัยวะทีละชิ้นๆ ทั้งตัดองคชาต ศีรษะ แขนขา และแก้ม โดยเก็บชิ้นส่วนอวัยวะสำคัญเหล่านี้ไว้ในตู้เย็น ส่วนอวัยวะที่เหลือบางอย่างก็ทิ้งลงในถังขยะ ข้างนอก และบ้างก็เอาตะขอมาเกี่ยวแขวนไว้ในห้องพักที่อพาร์ตเมนต์ เหมือนกับเป็นร้านขายเนื้อ
ข่าวแจ้งว่า นายซินคีซ เสียชีวิตจากขาดอากาศหายใจ และเบื้องต้น นางสาวโอนีกินาปฏิเสธว่าเธอไม่ได้เป็นคนฆ่าแฟนหนุ่ม ซึ่งเคยเป็นอดีตตำรวจและทหารเกณฑ์ โดยอ้างว่า หลังเธอพบว่านายซินคีซเสียชีวิตแล้ว จึงลงมือหั่นศพ เนื่องจากเกรงว่าเธอจะถูกจับได้และโดนกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร
เว็บไซต์ เดลี่เมล ยังเผยด้วยว่าก่อนหน้านี้ สามีของโอนีกินา ได้เสียชีวิตอย่างปริศนาหลังจากแต่งงานกับเธอได้เพียงไม่นาน โดยหลังจากสามีของโอนีกินาตายจากไปแล้ว เธอได้ถูกสั่งให้ไปเข้ารับการบำบัดรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวช เป็นเวลาปีครึ่ง ก่อนจะได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล แต่แล้วก็มาก่อเหตุสยองอีก และศาลในรัสเซียได้มีคำสั่งให้เธอถูกส่งไปตรวจสภาพจิต ขณะที่การสืบสวนในคดีฆาตกรรมก็ยังคงดำเนินต่อไป
เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2561 พลตำรวจตรีไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยความคืบหน้าทางโทรศัพท์ เกี่ยวกับการสืบสวนคลี่คลายคดีหวย 30 ล้านบาท ที่จังหวัดกาญจนบุรี ขณะนี้ตำรวจกองปราบยังไม่ดำเนินการออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องในคดีแต่อย่างใด ขณะที่การเชิญตัวมาสอบปากคำนั้น เป็นการเชิญมาซักถามในประเด็นที่ตำรวจสงสัย หลังมีหลักฐานใหม่ที่เกี่ยวข้องกับคดี พร้อมยืนยันว่า นางรัตนาภรณ์ สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น แม่ค้าที่อ้างว่าขายลอตเตอรี่ให้กับครูปรีชา ไม่ได้มีการกลับคำให้การที่เคยให้ไว้ก่อนหน้านี้
โดยพนักงานสอบสวนได้สอบถามว่า จะกลับคำให้การหรือไม่ แต่เจ๊บ้าบิ่นยืนยันที่จะยังคงให้การเช่นเดิม ตามที่เคยให้การไปก่อนหน้านี้ แต่พนักงานสอบสวนเห็นพิรุธบางอย่างที่ไม่ตรงกับคำให้การที่เคยให้ไว้แต่แรก โดยขณะนี้ตำรวจยังคงอยู่ระหว่างการสอบปากคำ
นอกจากนี้ ผู้บังคับการปราบปราม ยังขอฝากไปถึง นายอัจฉริยะ เรืองรัตนะพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ว่า ควรนำข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องนำเสนอสู่สังคม ไม่ใช่การนำเสนอข่าวโคมลอยที่ไม่มีหลักฐานให้สังคมตื่นตระหนก รวมถึงขณะนี้ยังไม่มีแนวคิดที่จะนำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปรามแต่อย่างใด.
วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพรามณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับ นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ว่า ศาลนัดให้นายเปรมชัย รายงานตัวในวันที่ 26 มีนาคม ไม่ใช่การขอเลื่อนรายงานตัว แต่ศาลเห็นว่าศาลจังหวัดทองผาภูมิ อยู่ไกลเดินทางลำบาก จึงนัดให้ นายเปรมชัย กับพวก รายงานตัวผัดฟ้องครั้งที่ 4 คือวันที่ 26 มีนาคม หากไม่เดินทางมาตามนัดก็จะริบเงินประกัน และออกหมายจับ
ส่วนนายเปรมชัยจะเดินทางมาหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ แต่จากการตรวจสอบของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ยังไม่พบรายชื่อนายเปรมชัย เดินทางหลบหนีออกประเทศ
สำหรับการตรวจพิสูจน์ว่า นายเปรมชัย เป็นคนยิงช้างหรือไม่นั้น ตนเห็นว่าไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ เนื่องจากในทางกฎหมายแล้วเพียงแค่ลักลอบนำอาวุธปืนขึ้นไปบนอุทยานฯ ก็ถือว่ามีความผิดแล้ว ยืนยันผู้ต้องหาทั้ง 4 คน มีความผิดร่วมกันชัดเจน และมีอัตราโทษเท่ากันไม่ว่าบุคคลใดจะเป็นคนยิงก็ตาม โดยคดีนี้มั่นใจว่าอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องแน่นอน
รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีตรวจสอบการรุกป่า 6 พันไร่ ว่า จากข้อมูล พบว่า บริษัท ซีพีเค เคยได้รับสัมปทานเช่าพื้นที่นี้ เมื่อปี 2552-2556 แต่หลังจากนั้น มีการยกเลิกสัมปทาน และยื่นเอกสารสิทธิ์ในการครอบครองแทน ซึ่งไม่สามารถทำได้ ทั้งนี้ จากหลักฐานเบื้องต้นไม่พบว่า นายเปรมชัย มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะการครอบครองกระทำในนามนิติบุคคล อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจได้แจ้ง ปปง. ให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน เนื่องจากเป็นการบุกรุกป่าเพื่อการค้า
ด้าน พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) กล่าวว่า ผลการตรวจพิสูจน์หาคราบเขม่าดินปืนในรถยนต์ของนายเปรมชัย ไม่พบคราบเขม่าดินปืนแต่อย่างใด จากการตรวจสอบเป็นอาวุธปืนลูกซอง และยิงตรงจุดสำคัญคือบริเวณหัวของเสือดำ สอดคล้องกับอาวุธปืนของนายเปรมชัย ส่วนซากเสือดำจากการตรวจสอบพบว่า ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองเข้าบริเวณส่วนหัว และส่วนอื่นๆ หลายนัด
ผบก.พฐก. กล่าวอีกว่า สำหรับการตรวจสอบอาวุธปืน ลูกกระสุนปืนหลายรายการที่ตรวจค้นได้ที่บ้านของนายเปรมชัย ว่า มีการนำไปก่อเหตุในพื้นที่ไหนมาก่อนหรือไม่ เพราะหลายปีที่ผ่านมามีการใช้อาวุธปืนไรเฟิล ยิงสัตว์ป่า และขณะนี้กองพิสูจน์หลักฐาน 7 ได้ประสานขอลูกกระสุนปืนไรเฟิลที่ตรวจยึดได้ไปตรวจเทียบเคียงกับหัวกระสุนปืนไรเฟิล ที่พบในซากช้างป่าที่ถูกยิงบริเวณอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อประมาณ 3-4 ปีก่อน ว่าเป็นกระบอกเดียวกันหรือไม่ โดยคาดว่าจะทราบผลภายใน 3 วัน
เรื่องนี้สามารถตรวจสอบได้ เพราะมีการเก็บหลักฐานไว้ ถึงแม้ว่าซากช้างจะไม่อยู่แล้ว แต่ทุกครั้งที่ช้างถูกยิง เจ้าหน้าที่จะเก็บลูกกระสุนไว้เป็นหลักฐาน ในกรณีนี้ตำรวจเพียงสงสัย เพราะตรวจพบว่าเป็นอาวุธที่มีขนาดเดียวกัน ตอนนี้เป็นเรื่องของการสงสัยเท่านั้น ยังไม่มีข้อมูลว่านายเปรมชัย เดินทางไปในห้วงเวลาที่ช้างถูกยิงหรือไม่ เป็นการเปรียบเทียบเชื่อมโยง จึงต้องพิสูจน์ทราบ.
เมื่อวันที่ 16 ก.พ.2561 นางทิชา ณ นคร ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและเยาวชน อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. พร้อมภาคประชาชน นำรายชื่อที่รวบรวมผ่านทางเว็บไซต์ Change.org กว่า 80,000 รายชื่อ ยื่นถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์บริการประชาชน เพื่อเรียกร้องให้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แสดงสปิริตโดยการลาออกจากตำแหน่งตามที่เคยพูดไว้ เพราะข้อชี้แจงเกี่ยวกับนาฬิกาหรู โดยอ้างว่ายืมเพื่อนมาใส่ ถือว่าไม่เคลียร์ และประชาชนไม่สามารถเข้าใจได้ ในฐานะผู้นำระดับสูงของประเทศ การกระทำเช่นนี้ถือว่ากฎหมายของประเทศไม่ศักดิ์สิทธิ์ และถือว่าหมดความชอบธรรม เพราะเทียบกับผู้นำต่างประเทศ เขาลาออกด้วยเรื่องเพียงเล็กน้อย ดังนั้นหากพลเอกประวิตร รักรัฐบาลชุดนี้ เป็นพี่ที่ดี เป็นบูรพาพยัคฆ์ที่รักน้องจริงก็ควรลาออก ก่อนที่จะเป็นปัจจัยทำให้รัฐบาลเสียหายยิ่งกว่าเดิม
นางทิชา เรียกร้องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. รักษาความเที่ยงตรง เพราะกรณีนาฬิกาหรูของพลเอกประวิตร สะท้อนชัดว่า ป.ป.ช.ตีความโน้มเอียง ทำหน้าที่เป็นผงฟอกขาวให้พลเอกประวิตร จนประชาชนเกิดความไม่เชื่อมั่น หมดความไว้วางใจ โดยเฉพาะคำกล่าวที่ว่า หากนาฬิกายืมมาก็ไม่จำเป็นต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน ซึ่งหากนี่เป็นบรรทัดฐานที่วางไว้ ต่อไปช่องทางนี้จะเอื้อให้กับนักการเมืองระดับสูงและข้าราชการ ในอนาคต ทั้งนี้แม้จะเป็นแค่คำพูดไม่ได้เขียนเป็นกติกา แต่เราก็จำเป็นต้องออกมาส่งสัญญาณต่อ ป.ป.ช.ว่าอย่าทำไร้เดียงสากับเครื่องมือที่ดีที่สุดของประเทศ ที่รัฐธรรมนูญออกแบบเอาไว้ เมื่อกติกานี้ออกมา จึงไม่เข้าใจว่า ป.ป.ช.จะเลื่อนมาตรฐานให้ตำ่ลงไปทำไม ถ้ายังใช้คำว่ายืมเพื่อนเป็นบรรทัดฐาน ก็ไม่เข้าใจว่า ป.ป.ช.จะมีอยู่ไปไปทำไม
นางทิชา กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีเคยประกาศไว้ในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล ปี 2560 ว่า "คนไทยไม่ทนต่อการโกง" ซึ่งเป็นคำพูดศักดิ์สิทธิ์ หากไม่ศักดิ์สิทธิ์ ก็แสดงว่าผู้นำไทยไว้วางใจไม่ได้ แม้แต่คนเดียว เพราะกรณีนี้นายกฯ ขอร้องให้ลดราวาศอก
ส่วนกรณีที่มีผู้ลงชื่อสนับสนุนให้พลเอกประวิตรอยู่ต่อกว่า 1 แสนรายชื่อนั้น นางทิชา เห็นว่า ทุกคนคงวิเคราะห์ได้ว่า ชื่อนั้นถูกจัดตั้งมาด้วยกระบวนการใดบ้าง ซึ่งถือเป็นสิทธิ แต่เสียงที่บริสุทธิ์ ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง และร้อนหนาวกับผู้นำที่ไม่โปร่งใส คนไทยก็ต้องวินิจฉัยอย่างจริงใจ
ทั้งนี้พอจะคาดเดาได้ว่า การยื่นรายชื่อเรียกร้องครั้งนี้ อาจไม่ได้รับการสนองตอบ เพราะเหลิงในอำนาจรัฐของตัวเอง เสียงของประชาชน 8 หมื่นรายชื่อนี้ อาจเป็นแค่เสียงนกเสียงกาในความหมายของรัฐ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่รัฐทำเช่นนี้ ลางแห่งหายนะของรัฐก็จะมาพร้อมกันเช่นกัน เพราะไม่มีประวัติศาสตร์หน้าไหนที่บอกว่า ถ้ารัฐไม่ฟังเสียงประชาชนแล้วรัฐจะยังเข้มแข็งต่อไป เพราะขณะนี้ความเชื่อมั่นในรัฐบาลเริ่มน้อยลง หากยังทรนงในอำนาจที่มีอยู่ก็ถือว่าประเมินสถานการณ์ผิดพลาด.
เพจเฟซบุ๊ก ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ และเป็นทนายของ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ ในคดีหวย 30 ล้าน โพสต์ข้อความล่าสุด (15 ก.พ.61) ว่า พยานเด็ดที่มั่นอกมั่นใจยืนยันว่า เห็นคุณลุงก้มเก็บหวยแล้วตะโกนกลางตลาดนัด ถึงเวลานี้เจ้าตัวรีบชิ่งหนีเรียบร้อยแล้วครับ จะเป็นเพราะอะไรเจ้าตัวคงรู้ตัวดี
ขณะที่ ป้าบ้าบิ่นยอมรับว่าเสียงในคลิปเป็นเสียงตัวเอง ในบทสนทนาเป็นที่ชัดเจนว่าเลข 533726 นั้นครูไม่ได้ซื้อแน่นอน แต่ป้าขอยืนยันในคำให้การเดิมที่เคยให้การไปแล้วว่าเลขนี้ขายให้ครูจริง ป้าให้การสับสน ขัดแย้งกับตัวป้าเอง ป้าคงไม่เข้าใจอะไรมาก เพียงแต่ทำและพูดตามที่เขาบอกเท่านั้น ป้าก็ต้องไปต่อสู้กับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ต่อไป จะแพ้หรือชนะไม่ขอเดาครับ
ทางด้าน ผบช.ก.ท่านทำตามตัวบทกฎหมายชัดเจนครับ ที่ให้ผู้กล่าวหาคือครูต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจจนปราศจากข้อสงสัย หน้าที่ของครูและพยานต้องพิสูจน์ในตอนนี้เลยครับ ต้องทำในขณะที่คุณไปกล่าวหาเขา อย่าใช้ลีลาแบบผู้รู้กฎหมายบางคนที่พยายามจะแถแนะให้เอาหลักฐานไปยื่นที่ศาลลูกเดียว ก็ตอนนี้คุณไม่มีหลักฐานอะไรให้พนักงานสอบสวน ไม่มีให้พนักงานอัยการ แต่อยากได้เงิน 30 ล้าน มันไม่ง่ายไปหรือครับ
ส่วนหลักฐานไลน์สั่งซื้อหวย หรือคลิปเห็นคนเก็บหวย อยู่ไหนครับ อย่าลีลาเลยครับว่าอยู่ที่ตำรวจบ้าง มีแล้วในสำนวนบ้าง จะเอาไปยื่นแสดงต่อศาลบ้าง มันแค่ลีลาการพูดให้ตัวเองดูดีเท่านั้น ซึ่งผมขอฟันธงเลยว่าที่ครูและตำรวจชุดสอบสวนอ้างนั้นไม่มีแน่นอนครับ เพราะถ้ามีเขาคงไม่ปั้นพยานมามากขนาดนี้ เพราะคลิปภาพเพียงคลิปเดียว มีน้ำหนักมากกว่าพยานบุคคลเป็นร้อยๆ ปาก ให้รีบเปิดมาเลยครับอย่าลีลามาก
ทั้งนี้ เห็นด้วยกับคุณอัจฉริยะ ที่จะขอตรวจสอบการขอกำลังคุ้มกันของครูปรีชา เพราะการใช้รถ ใช้น้ำมันของหลวงนั้นมันคือเงินภาษีของพวกเราทุกคนครับ วันนั้นมีตำรวจนอกเครื่องแบบพาครูออกจากโรงเรียน ผมเองคิดว่าน่าจะพากันไปตกลงเรื่องคำให้การมากกว่าที่จะเป็นการคุ้มกันครับ ครูมีเหตุอะไรที่ต้องให้ตำรวจมาคุ้มกันเพราะครูเป็นพวกใครคนทั้งจังหวัดก็รู้ วันต่อมาก็เห็นครูยืนรดน้ำต้นไม้แบบสบายๆ คนเดียวในบ้าน แล้วจะเสียงบประมาณไปคุ้มกันด้วยเหตุอะไร เรื่องนี้หน่วยที่รับผิดชอบต้องอธิบาย.
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012