ข่าว
เจ้าหน้าที่ยังดำเนินการ ′สืบสวน′ เหตุการณ์ระเบิดที่ ′โรงงานปุ๋ย′ ในสหรัฐฯต่อไป

หน่วยงานฉุกเฉินกำลังค้นหาผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดที่โรงงานปุ๋ยที่รัฐเท็กซัส ซึ่งเกิดระเบิดเมื่อช่วงหัวค่ำวานนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตราว 5 – 15 ราย

โดยในขณะนี้มีรายงานว่า มีผู้บาดเจ็บมากกว่า 160 คน และตึกอีกหลายหลังที่ถูกทำลาย

ทั้งนี้ หน่วยกู้ภัยฉุกเฉินเชื่อว่า แอมโมเนียอาจเป็นตัวการที่ทำให้เกิดการระเบิด แต่ยังไม่มีการระบุข้อมูลว่าอะไรเป็นตัวการที่ทำให้เกิดระเบิด และเพลิงไหม้ โดยตำรวจยังกังขาว่าเหตุการณ์นี้เป็นอุบัติเหตุ และจะทำการสืบสวนต่อไป และอาจมีจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น

เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นที่เมืองเวสต์ โดยการระเบิดส่งผลให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็ก และมีโรงเรียนและสถานพยาบาลซึ่งอยู่ห่างออกไปเสียหาย รวมทั้งยังมีนักดับเพลิงอาสาสมัครหายไประหว่างทำภาระกิจ 3-4 คน

ผู้ว่าการรัฐเท็กซัส นายริค เพอร์รี่กล่าวว่า เขาได้ประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว และอาจเรียกร้องให้มีการประกาศเป็นพื้นที่ฉุกเฉิน เพื่อขอรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลาง และประธานาธิบดีโอบามาด้วย

ขณะเดียวกัน คุณภาพอากาศและท่อก๊าสก็ได้รับการตรวจสอบว่ามีความปลอดภัย และการส่งจ่ายก๊าสหยุดลงชั่วคราว จนกว่าจะสามารถยืนยันความปลอดภัยได้

เจ้าหน้าที่จากสำนักนายอำเภอระบุว่า สถานการณ์ยังย่ำแย่ เนื่องจากมีการพบสารอันตราย แอมโมเนียม ไนเตรท ที่บริเวณจุดเกิดเหตุ โดยหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมกำลังจะประเมินว่าสถานการณ์นั่นอันตรายเพียงใด เพื่อจัดเตรียมความช่วยเหลือแบบเร่งด่วน

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าโรงงานปุ๋ยดังกล่าวนั้นเก็บสารแอมโนเนียไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นปุ๋ยชนิดที่ติดไฟได้

ศาสตราจารย์อันเดรีย เซลลา ผู้เชี่ยวชาญด้านปุ๋ยเคมี จาก University College London อธิบายกับสำนักข่าวบีบีซีว่า สารแอมโมเนียนั้นมักไม่ก่อให้การระเบิด แต่แอมโมเนียม ไนเตรท นั้นเป็นตัวทำระเบิด ที่นิยมใช้ในการระเบิดเหมือง

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังปฏิเสธที่จะยืนยันจำนวนผู้เสียชีวิตที่แน่นอน และ เพื่อความปลอดภัย หน่วยงานด้านแอลกอฮอล์ บุหรี่และอาวุธสั่งห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าไปในจุดเกิดเหตุแล้ว

เจสัน เชลตัน ซึ่งอยู่ในรัศมี 1 ไมล์ (1.6 กิโลเมตร) จากโรงงานปุ๋ยบอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า เขารู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนในระหว่างที่เขาอยู่หน้าบ้าน ก่อนหน้าต่างบ้านเขาจะสั่น และได้ยินเสียงเด็กๆกรีดร้อง ก่อนแรงระเบิดจะระเบิดหน้าต่างบ้านของเขาหลุดออกไป

ด้านสถานพยาบาลซึ่งอยู่ไม่ห่างจากจุดเกิดเหตุ มีการอพยพคนออกไปราว 130 คนแล้ว แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่ามีผู้บาดเจ็บมากเท่าใด โดยหลังเกิดเหตุ มีสามีภรรยาคู่หนึ่งเดินทางเข้าไปในสถานพยาบาลดังกล่าว และพบผู้พักอาศัยที่นั่งอยู่บนวีลแชร์ติดอยู่ภายใน โดยมีแผ่นยิปซั่มจากเพดานทับอยู่ ในขณะที่ทางเดินเต็มไปด้วยน้ำ และแผงไฟที่ห้อยลงมาจากเพดานเนื่องจากการระเบิด

ขณะเดียวกัน โรงเรียนจะยังไม่เปิดทำการจนกว่าเจ้าหน้าที่จะระบุว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม

ในตอนนี้ ร้านค้าเล็กๆสามารถเปิดทำการได้บางส่วนแล้ว และเจ้าหน้าที่กฎหมายของรัฐออกมาเตือนว่า หากมีใครคิดจะฉวยโอกาสในการเก็งกำไร ก็เตรียมเจอการบังคับทางกฎหมายไว้ด้วย

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐฯ เคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเขาพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ และเจ้าหน้าที่ของเขามีการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินที่อยู่ในจุดเกิดเหตุตลอดเวลา โดยนายโอบามากล่าวในแถลงการณ์ว่าเวสต์เป็นเมืองที่ชาวเท็กซัสหลายคนให้ความสำคัญ และทุกคนต่างพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์นี้ และพวกเขาจะได้รับการสนับสนุนจากชาวอเมริกันทุกคน


โอบามารับแล้วเหตุบึมบอสตันเป็น'ก่อการร้าย’

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯเมื่อวันอังคาร(16) ประณามเหตุระเบิดกลางการแข่งขันบอสตันมาราธอน เป็นปฏิบัติการก่อการร้ายที่ "ขี้ขลาด" แต่ยังไม่ชัดว่าเป็นฝีมือของบุคคลหรือกลุ่มใด และจากคนในหรือต่างชาติ พร้อมประกาศลดธงครึ่งเสาที่ทำเนียบขาว รวมถึงอาคารราชการต่างๆเพื่อไว้อาลัยแก่เหยื่อ ขณะที่แพทย์แฉคนร้ายใช้ระเบิดที่มีตะปูและกระสุนดาวกระะจายเป็นส่วนประกอบ เลยทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากและหลายคนถึงขั้นต้องสูญเสียอวัยวะ

"นี่เป็นการกระทำที่ชั่วร้ายและขี้ขลาด" โอบามา กล่าวที่ทำเนียบขาว "ไม่ว่าจะเป็นระเบิดครั้งไหนๆที่มีเป้าหมายคือประชาชนผู้บริสุทธิ์ มันก็ถือเป็นปฏิบัติการก่อการร้าย"

ขณะที่ผลกระทบของการโจมตี 2 ระลอกในเวลาไล่เลี่ยกัน ณ บริเวณใกล้เส้นชัยของศึกบอสตันมาราธอน ที่มลรัฐแมสซาซูเซตส์ เมื่อวันจันทร์(15) ได้คร่าชีวิตประชาชนไป 3 ศพและมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 170 คน แต่แรงจูงใจและกลุ่มบุคคลที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัด

"เรายังไม่ทราบว่าใครปฏิบัติการโจมตีนี้และทำไมต้องทำแบบนี้ รวมถึงยังไม่ทราบว่ามันถูกวางแผนและลงมือโดยองค์กรก่อการร้ายหรือไม่ เป็นฝีมือของคนในหรือชาวต่างชาติ หรืออาจเป็นกระทำของบุคคลที่ประสงค์ร้ายแค่คนๆเดียว" เขากล่าว อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศจำนำตัวใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและเตือนว่าอเมริกาจะไม่เกรงกลัวต่อพวกก่อการร้าย

ทั้งนี้ โอบามา ยังประกาศว่าจะเร่งมือดำเนินนการสืบสวนหาผู้กระทำผิดและร้องขอประชาชนชาวสหรัฐฯให้อยู่ในความระมัดระวัง "สิ่งที่ผมบอกกับพวกคุณก็คือสิ่งที่เราทราบในตอนนี้ เราทราบว่ามีการจุดระเบิด เราทราบว่ามันก่อความเสียหายร้ายแรง แต่เรายังไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ เรายังไม่ทราบถึงแรงจูงใจ ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างในตอนนี้คือการสันนิษฐานเท่านั้น"

ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน โอบามา ได้มีคำสั่งลดธงครึ่งเสา ตามอาคารราชการ สถาบันทางทหารและเรือรบของกองทัพ เพื่อแสดงความเคารพต่อเหยื่อผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดในบอสตัน

อีกด้านหนึ่ง เหล่าแพทย์เผยเมื่อวันอังคาร(16) ว่าเหยื่อจากเหตุระเบิดกลางศึกบอสตันมาราธอน เป็นผลจากตะปู ลูกปรายและกระสุนดาวกระจาย ขณะที่ผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสเกือบทั้งหมดจำเป็นต้องตัดขาทิ้ง

"เชื่อได้ว่าระเบิดถูกซุกไว้ที่พื้น เพราะฉะนั้นจึงคาดหมายได้ถึงอาการบาดเจ็บรุนแรงบริเวณอวัยวะส่วนล่าง" จอร์จ เวลมาฮอส หัวหน้าฝ่ายศัลยกรรมของโรงพยาบาลแมสซาซูเซตส์ เจอเนรัล กล่าว พร้อมระบุว่ามีคนไข้อยู่ 8 รายที่อยู่ในขั้นสาหัส โดย 4 ในนั้นต้องผ่าตัดใหญ่และส่วนใหญ่ต้องตัดขาทิ้ง อย่างไรก็ตามเขาเผยว่าทั้งหมดอาการทรงตัวดี

เวลมาฮอส กล่าวต่อว่า "ในบรรดาผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นบริเวณส่วนล่างของร่างกาย อาการบาดเจ็บเหล่านี้สัมพันธ์กับวิถึของแรงระเบิด เช่นเดียวกับเศษชิ้นส่วนโลหะเล็กๆที่ทะลุเข้าสู่ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นกระสุนดาวกระจายและตะปู"

มีรายงานเพิ่มเติมถึงรายละเอียดของผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย คือ มาร์ติน ริชาร์ด วัย 8 ขวบ ที่ร่วมชมการแข่งขันกับครอบครัว แม่ของเขาได้รับบาดเจ็บรุนแรงที่สมอง และน้องสาวต้องตัดขา คริสเทิล แคมป์เบล วัย 29 ปี เป็นผู้จัดการร้านอาหารในแมสซาซูเสตส์ และคนสุดท้ายเป็นนักศึกษาสาวชาวจีนที่เพิ่งจบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยบอสตัน ซึ่งสื่อมวลชนในสหรัฐฯ และฮ่องกงรายงานว่าเธอชื่อ หลู่ว์ หลิงซื่อ แม้ว่าทางครอบครัวของเธอจะร้องขอให้ปิดบังชื่อก็ตาม โดยมีเพื่อนนักศึกษาชาวจีนของเธอชื่อ โจว ต้านหลิง ได้รับบาดเจ็บสาหัส รวมมีผู้ที่รับทั้งหมดอย่างน้อย 180 คน โดยในจำนวนนี้ 17 คนได้รับบาดเจ็บสาหัส


ระเบิดถล่ม “บอสตันมาราธอน” ตายเจ็บนับร้อย โอบามาลั่นนำคนผิดมาลงโทษ

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา แถลงด่วนเมื่อวันจันทร์ (15) ยอมรับว่ายังไม่ทราบว่าใครอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดกลางการแข่งขันบอสตัน มาราธอน คร่าชีวิตผู้คน 3 ศพ ยอดผู้ได้รับบาดเจ็บพุ่งนับร้อย แต่ประกาศกร้าวนำตัวคนทำผิดมาลงโทษให้ได้ เจ้าหน้าที่รุดคุมเข้มสถานที่สำคัญทั้งในวอชิงตันและนิวยอร์ก หวั่นซ้ำรอย 11 กันยา อย่างไรก็ตาม ในเหตุระทีกขวัญที่ห้องสมุดเจเอฟเค ซึ่งเบื้องต้นมีรายงานว่าเกี่ยวข้องกัน แท้จริงแล้วเป็นแค่เหตุเพลิงไหม้เท่านั้น

“ตอนนี้เรายังไม่ทราบทุกคำตอบ เรายังไม่ทราบว่าใครเป็นคนทำและทำไมถึงทำแบบนี้” โอบามากล่าว พร้อมเชื่อว่าการระเบิดครั้งนี้มีการวางแผนเป็นอย่างดี แต่ปฏิเสธที่จะเรียกว่าเป็น “การโจมตีก่อการร้าย” แต่บอกว่าบุคคลหรือกลุ่มใดก็ตามที่อยู่เบื้องหลังจะต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เกิดระเบิดอานุภาพรุนแรง 2 ครั้งในเวลาไล่เลี่ยกันบริเวณใกล้เส้นชัยของศึกบอสตัน มาราธอน ในมลรัฐแมสซาซูเซตส์ สหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ (15) ท่ามกลางผู้ชมหลายพันคนที่เบียดเสียดตามเส้นทางที่ใช้แข่งขันและอัฒจันทร์คนดู จนมีผู้เสียชีวิตอย่างน่อย 3 รายและบาดเจ็บนับร้อยคน

ในการแข่งขันเมื่อวันจันทร์ (15) มีผู้เข้าร่วมชิงชัยทั้งสิ้น 23,326 คน โดยก่อนเกิดเหตุระเบิด มีนักกรีฑาวิ่งเข้าเส้นชัยไปแล้ว 17,584 ราย และเบื้องต้นเจ้าหน้าที่กำหนดให้มีการเปลี่ยนเส้นทาง แต่ก็จำเป็นต้องยกเลิกไปในท้ายที่สุด ขณะที่ตำรวจบอสตันออกคำเตือนให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านหรือที่พัก รวมถึงหลีกเลี่ยงที่ชุมนุมชน

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า จากที่ติดต่อกับโรงพยาบาล 3 แห่งในพื้นที่ พบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บเข้ารักษาตัวอย่างน้อย 51 คน ขณะที่บอสตัน โกลบ ระบุบนทวิตเตอร์ว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดมากกว่า 100 คน แต่ก็ไม่มีการยืนยันถึงแหล่งข่าวที่ได้มา

เบื้องต้นมีข่าวว่ามีเหตุระเบิดอีกลูกที่ห้องสมุดประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี ซึ่งอยู่ห่างจากเส้นชัยมาราธอนไปราว 5 กิโลเมตร อย่างไรก็ตามตำรวจบอสตันชี้แจงว่าหลังจากการเข้าตรวจสอบพบว่าเป็นแค่เหตุเพลิงไหม้เท่านั้น และไม่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด 2 ครั้งซ้อนก่อนหน้านี้

โฆษกตำรวจบอสตันระบุว่า ระเบิด 2 ลูกถูกซุกไว้ห่างกันราวๆ 50 ถึง 100 เมตร และอานุภาพของมันทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก พร้อมเรียกร้องประชาชนอยู่แต่ในที่พักหรือเดินทางกลับโรงแรม รวมทั้งหลีกเลี่ยงที่ชุมนุมชน “ประชาชนควรอยู่ในความสงบ แต่พวกเขาก็ต้องตระหนักถึงสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้”

ก่อนหน้าออกถ้อยแถลง ทำเนียบขาวเผยว่า โอบามา ได้รับฟังสรุปจาก ลิซา โมนาโก ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงภายในและเจ้าหน้าที่อื่นๆ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่จากรัฐบาลกลางให้การช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง ขณะเดียวกันก็ได้มีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยทั้งในวอชิงตันและนิวยอร์กด้วย

“มีเลือดอยู่ทุกที่ เหยื่อถูกหามขึ้นเปล ผมเห็นบางคนขาขาด บางคนก็ร้องไห้” สตีฟ ซิลวา ผู้สื่อข่าวของบอสตัน โกลบรายงานจากจุดเกิดเหตุ ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งก็เล่าว่าระเบิดดังขึ้นขณะที่ผู้คนกำลังส่งเสียงเชียร์นักกรีฑาที่กำลังวิ่งเข้าสู่เส้นชัยของบอสตัน มาราธอน ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกในปี 1897 นับเป็นหนึ่งในมาราธอนซึ่งเก่าแก่ที่สุดในโลก

แม้ผู้ชมหลายพันคน จะยืนให้กำลังใจเรียงรายไปตามเส้นทาง 42.19 กิโลเมตร แต่ก็มีอยู่จำนวนมากที่แออัดยัดเยียดกันตรงเสันชัยและอัฒจันทร์ใกล้เคียง จึงเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายคน ขณะที่รายงานข่าวระบุว่าเหตุระเบิดเกิดขึ้นหลังจากเริ่มออกสตาร์ทไปได้ 5 ชั่วโมง ซึ่งเหล่านักวิ่งชั้นนำล้วนเข้าเส้นชัยไปหมดแล้ว ทว่าก็ยังมีนักกรีฑาสมัครเล่นบางส่วนที่ยังแข่งไม่จบ

บอสตัน มาราธอน เป็นหนึ่งในรายการกรีฑาประจำปีที่ใหญ่ที่สุดรายการหนึ่งของสหรัฐฯ ด้วยแต่ละปีจะมีนักวิ่งที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามาร่วมชิงชัยเกือบ 27,000 คน และมีผู้ชมหลายหมื่นคน

เอฟบีไอตรวจสอบต้นตอระเบิด “บอสตัน มาราธอน”

สำนักงานสอบสวนกลางแห่งสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ตรวจสอบคลิปวีดีโอและภาพถ่ายซึ่งบันทึกเหตุระเบิดระหว่างการแข่งขัน บอสตัน มาราธอน ในมลรัฐแมสซาชูเซตส์ เมื่อวานนี้ (15) ซึ่งล่าสุดมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 3ราย บาดเจ็บอีกกว่าร้อยคน ขณะที่กลุ่มตอลิบานในปากีสถานออกมาปฏิเสธความรับผิดชอบแล้ว

เนื่องจากการแข่งวิ่งมาราธอนดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมชิงชัยกว่า 27,000 คน บวกกับผู้ชมอีกราว 500,000 คนที่เกาะติดการแข่งขัน เจ้าหน้าที่จึงคาดว่าน่าจะมีผู้คนไม่น้อยบันทึกภาพหรือคลิปวีดีโอเหตุการณ์ในช่วงก่อนและหลังการระเบิด 2 จุดบริเวณเส้นชัยที่คอปลีย์ พลาซา ในย่านแบคเบย์เอาไว้ได้

ทางการสหรัฐฯ ยังไม่สามารถระบุตัวการที่อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิด ซึ่งย้ำเตือนให้ชาวอเมริกันนึกถึงการก่อวินาศกรรม 9/11 เมื่อ 12 ปีก่อน และไม่ทราบว่าผู้ก่อเหตุมีจุดมุ่งหมายอะไร แม้ลักษณะการโจมตีจะทำให้น่าเชื่อว่าเป็นฝีมือกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ หรือกลุ่มหัวรุนแรงที่ต่อต้านรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ตาม

จนถึงช่วงค่ำวันจันทร์ (15) ยังไม่มีหน่วยงานใดพบหลักฐานว่ามีการแจ้งเตือนล่วงหน้า และไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ครั้งนี้

“เราไม่ทราบมาก่อนว่าจะมีการลอบวางระเบิด” เอ็ด เดวิส ผู้บัญชาการตำรวจเมืองบอสตัน ให้สัมภาษณ์

ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจหาหลักฐานตลอดเส้นทาง 42 กิโลเมตรที่ใช้ในการแข่งขัน และห้ามประชาชนเข้าใกล้บริเวณที่เกิดระเบิด ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางย่านการค้าของเมืองบอสตัน

รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม เอริก โฮลเดอร์ เข้าหารือกับ โรเบิร์ต มุลเลอร์ ผู้อำนวยการเอฟบีไอ และคาร์เมน ออร์ทิส อัยการประจำมลรัฐแมสซาชูเซตส์ ขณะที่กองกำลังรักษาดินแดน (National Guard) และตำรวจถูกส่งไปคุ้มกันความปลอดภัยตามโรงพยาบาลและสถานที่สำคัญต่างๆแล้ว

เจ้าหน้าที่รายหนึ่งซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ เอ่ยถึง 2 ทฤษฎีหลักที่พนักงานสอบสวนตั้งเป็นข้อสันนิษฐาน โดยทฤษฎีหนึ่งเน้นไปที่ช่วงเวลาลงมือซึ่งตรงกับวันที่รัฐบาลสหรัฐฯคืนภาษีแก่พลเมือง และเป็นวันแข่งขันบอสตันมาราธอน จึงมีความเป็นไปได้ที่ผู้ก่อเหตุจะเป็นกลุ่มหัวรุนแรงขวาจัด เช่น พวกที่ต่อต้านการเก็บภาษี ส่วนอีกทฤษฎีหนึ่งชี้ว่า เหตุการณ์นี้น่าจะมีส่วนเกี่ยวพันกับกลุ่มอิสลามิสต์ไม่มากก็น้อย เนื่องจากการวางระเบิด 2 จุดในสถานที่และเวลาที่ใกล้เคียงกัน คล้ายกับเทคนิคการโจมตีที่เผยแพร่ในนิตยสาร “อินสไปร์” ของกลุ่มอัลกออิดะห์ในคาบสมุทรอาระเบีย (AQAP) ซึ่งมีฐานอยู่ในเยเมน

ล่าสุดมีรายงานว่า กลุ่มตอลิบานในปากีสถานออกมาปฏิเสธว่าไม่มีส่วนพัวพันกับเหตุลอบวางระเบิดในการแข่งขันกรีฑา บอสตัน มาราธอน

“เรามีจุดมุ่งหมายที่จะโจมตีสหรัฐฯและประเทศพันธมิตรก็จริง แต่การวางระเบิดครั้งนี้เราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย” เอียะห์ซานุลเลาะห์ เอียะห์ซาน โฆษกขบวนการ เตห์ริก เอ ตอลิบาน ปากีสถาน (ทีทีพี) ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี