ข่าว
ดินสไลด์โคลนกลบหมู่บ้านจีน ดับ11ศพ-สูญหายเพียบ

25 ก.ค.62 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุดินสไลด์เมื่อคืนวันอังคารที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา ฝังบ้านเรือนราษฎรไป 21 หลังคาเรือนและทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 ศพในเขตสุ่ยเจิ้งมณฑลกุ้ยโจวทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เชื่อว่าสาเหตุมาจากฝนตกหนัก แต่เจ้าหน้าที่กู้ยังค้นหาผู้สูญหายอีกอย่างน้อย 42 คน แม้จะช่วยเหลือขึ้นมาได้แล้ว 11 คน

ขณะที่ล่าสุดทางการจีนได้ยกระดับปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้เรียกกำลังหน่วยกู้ภัยและผู้เชี่ยวชาญจากท้องที่ต่างๆ กว่า 560 คนเข้าค้นหาผู้สูญหายจากเหตุการณ์ครั้งนี้ พร้อมกับสั่งเฝ้าระวังภัยจากเหตุดินสไลด์ในอีกหลายๆ พื้นที่ เนื่องจากสภาพอากาศยังเลวร้าย เพราะเกิดฝนตกชุกในพื้นที่หุบเขา

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ก่อนหน้านี้เหตุดังกล่าว เพิ่งเกิดเหตุดินสไลด์อีกหมู่บ้านแห่งหนึ่งในมณฑลกุ้ยโจว เหตุครั้งนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ศพ และยังสูญหายอีก 6 คน

ดราม่าซอสพริกศรีราชา! ถูกเวียดนามจดลิขสิทธิ์-เจ้าของซัดยื่นเรื่อง7ปียังไม่ได้

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Nisit Buaphuan" ได้เผยแพร่คลิปที่ตนเองได้ไปซื้่อของที่ซูเปอร์มาร์เกต และพบเรื่องน่าเจ็บใจว่า ซอสพริกศรีราชา แบรนด์คนไทย ขายในราคา 21 บาท เปรียบเทียบ แต่คนเวียดนามที่เอาศรีราชาไทย ไปจดลิขสิทธิ์ที่สหรัฐอเมริกา แล้วเอาชื่อ SRIRACHA เราไปทำ รวยเป็นพัน ๆ ล้าน แล้วตอนนี้ก็ขโมยของไทยกลับมาขายที่เมืองไทยในราคา 170 บาท เราเสียเปรียบเพราะเราไม่จดลิขสิทธิ์ เพราะเราทำแบรนด์ดิ้งไม่เป็น ของเขาขายดีกว่าเราเกือบ 7 เท่า

ต่อมา เจ้าของแบรนด์ซอสพริกศรีราชา ก็ได้อัดคลิปชี้แจงว่า ไม่ใช่ว่าเราไม่จดนะผมยื่นสิทธิบัตรไปจดถูกต้องกับกระทรวงพาณิชย์ ผ่านมา 7 ปีแล้วยังไม่ได้ แล้วจะไปสู้อะไรกับเขา แค่ยื่นจดสิทธิบัตรเนี่ยมันใช้เวลา 7 ปี ยังไม่ได้ และไม่ใช่แค่ผมคนเดียว มีปัญหาทุกคน กระทรวงพาณิชย์มันไม่ได้ส่งเสริมอะไรให้ประเทศชาติเลย แล้วจะไปสู้อะไรกับเขา ไม่ใช่ว่าเราไม่สู้


อย.ยันไม่มีแบน'น้ำมันกัญชา'อ.เดชา ชี้ข่าวคลาดเคลื่อน

จากกรณีกระแสข่าวคณะอนุกรรมการพิจารณาผลิตภัณฑ์ที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบ ซึ่งมี นพ.ชาตรี บานชื่น ที่ปรึกษาอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธาน มีมติเมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ไม่รับรองตำรับน้ำมันกัญชาสูตรนายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก เพราะขัดกับมติคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ ที่ไม่รับรองจากการติดคุณสมบัติหมอพื้นบ้านตามระเบียบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย แต่ตัวตำรับเห็นชอบในหลักการไปแล้ว

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม เวลา 10.20 น. นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แถลงข่าวถึงกรณีที่เกิดขึ้น ว่า เรื่องนี้เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน ขอชี้แจงในนามของ อย.และฝ่ายเลขานุการของคณะอนุกรรมการพิจารณาผลิตภัณฑ์ยาเสพติดให้โทษที่มีกัญชาหรือสารสกัดกัญชาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์หรือศึกษาวิจัย ว่า คณะอนุฯ ไม่ได้มีวาระการพิจารณาเรื่องดังกล่าว จึงไม่มีการแบนตำรับน้ำมันกัญชาสูตร อ.เดชา เนื่องจากพิจารณาในชั้นคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษไปแล้ว โดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก อยู่ระหว่างแก้ไขระเบียบการรับรองหมอพื้นบ้าน เพื่อให้หมอพื้นบ้าน 3-4 พันคนตามระเบียบกรมการแพทย์แผนไทยฯ มาเป็นหมอพื้นบ้านตามระเบียบใหม่ได้ทันที โดยจะเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ลงนามออกระเบียบโดยเร็ว จากนั้นจึงจะเสนอเข้ามายังคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดฯ พิจารณาสูตรตำรับน้ำมันกัญชา อ.เดชา อีกครั้ง ซึ่งจะมีการประชุมในเดือน ส.ค.นี้ โดยอยู่ระหว่างนัดหมายวันประชุมอยู่

นพ.ธเรศ กล่าวว่า สำหรับการประชุมคณะอนุฯ นัดดังกล่าว เป็นการพิจารณาเรื่องที่ต่อเนื่องกัน คือ ต่อไปถ้าหมอพื้นบ้านจะผลิตหรือจำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชาตามสูตรตำรับที่ประกาศรับรองไปแล้ว จะต้องทำอะไรหรือพิจารณาเรื่องอะไรบ้างเท่านั้น ทั้งนี้ การขับเคลื่อนเรื่องกัญชาทางการแพทย์ สธ.ก็กำลังดำเนินการในหลายเรื่อง ซึ่งปลัด สธ.ได้ตั้งคณะทำงานวอร์รูมเพื่อประชุมเร่งรัดการทำงานทุกวันพุธ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลและ รมว.สาธารณสุข ทั้งในแง่ของการบริการทางการแพทย์ โดยการทำเซอร์วิสแพลน วางระบบ รพ.แม่ข่ายในทุกเขตสุขภาพ และการส่งต่อให้ รพ.สังกัดกรมการแพทย์และ รพ.สังกัดกรมสุขภาพจิต หากเกินความสามารถ การเร่งรัดการผลิตสารสกัดจะเดินหน้าต่ออย่างไร เป็นต้น

นพ.ธเรศ กล่าวว่า ขณะที่ อย.ก็จะมีการเสนอให้ปลดล็อกกัญชงออกจากพืชยาเสพติด ทั้งแผนงาน โครงการ และแนวทางการดำเนินการ โดยเบื้องต้นจะต้องมีการปรับแก้ไขกฎหมายประมาณ 3 ฉบับ ได้แก่ ประกาศคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ เรื่อง กำหนดลักษณะกัญชง ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ซึ่งทั้งสองฉบับนี้คาดว่าจะสามารถปรับแก้ไขให้แล้วเสร็จได้ภายใน 1 เดือนหรือช่วง ส.ค.นี้ และอีกฉบับ คือ กฎกระทรวงเกี่ยวกับกัญชง ซึ่งจะแก้ไขเพื่อให้ชาวบ้านทั่วไปปลูกกัญชงได้เร็วขึ้น โดยไม่ต้องจนถึง ธ.ค. 2563 ตามที่กฎกระทรวงเดิมกำหนด ซึ่งตรงนี้ต้องใช้เวลาหลายเดือน เพราะต้องเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) และคณะกรรมการกฤษฎีกา นอกจากนี้ จะให้กองเครื่องสำอางและกองอาหารของ อย.ไปศึกษาด้วยว่า จะต้องออกประกาศอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะเมื่อปลดล็อกแล้วก็จะมีการปลูกเยอะขึ้น มีคุณค่ามากขึ้น โดยเฉพาะการนำมาใช้ในเรื่องของอาหารและเครื่องสำอางเหมือนต่างประเทศ

เมื่อถามถึงกรณีการปลดล็อกกัญชง แต่หลายฝ่ายกังวลว่าสายพันธุ์ที่ปลูกเป็นการเอาเส้นใยและมีสารซีบีดีน้อย นพ.ธเรศ กล่าวว่า การปลูกกัญชงขณะนี้ดำเนินการโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส.มีการคัดเลือกและขึ้นทะเบียนสายพันธุ์ ซึ่งมีการเตรียมสายพันธุ์ที่ให้สารซีบีดีสูง และให้สารทีเอชซีที่ต่ำไว้แล้ว หากปลดล็อกก็สามารถปลูกได้ ซึ่งการปรับแก้กฎหมายก็จะกำหนดเรื่องสารทีเอชซีด้วยว่าจะต้องต่ำกว่าเท่าไร ซึ่งก็จะยึดตามประเทศต่างๆ หรือองค์การอนามัยโลก เพื่อให้สามารถส่งออกได้


'บอริส จอห์นสัน'นั่งเก้าอี้'นายกฯอังกฤษ'คนใหม่

24 ก.ค.62 สำนักงานข่าวต่างประเทศรายงานว่า พรรคคอนเซอร์เวทีฟ (Conservative) หรือพรรคอนุรักษนิยมในอังกฤษ ประกาศ นายบอริส จอห์นสัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ วัย 55 ปี คือผู้ชนะการลงมติได้เป็นผู้นำพรรคคอนเวอร์เวทีฟ คนใหม่ สืบต่อจากนางเทเรซา เมย์ ที่ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยนายบอริส จะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษ ในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.62 )

โดยจากการลงมติโดยสมาชิกพรรคคอนเซอร์เวทีฟประมาณ 160,000 คน ที่ใช้สิทธิ 87.4% เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ ซึ่งมีผู้สมัครชิงชัย 2 คน ได้แก่ นายบอริส จอห์นสัน และนายเจเรมี ฮันต์ รมว.ต่างประเทศคนปัจจุบัน ปรากฏว่า นายจอห์นสัน เป็นผู้ชนะด้วยคะแนนเสียง 92,153 คะแนน ขณะที่นายฮันต์ ได้ 46,656 คะแนน

ทั้งนี้นายบอริส จอห์นสัน ได้กล่าวต่อหน้าสมาชิกพรรคว่า จะทำให้อังกฤษก้าวต่อไป ด้วยการพัฒนาทั้งด้านการศึกษา ระบบสาธารณูปโภค เพิ่มกำลังตำรวจ ให้ทุกครัวเรือนเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูง และจะเดินหน้าเรื่องการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู)


'หลี่ เผิง'นักฆ่าแห่งกรุงปักกิ่ง ลาโลกด้วยวัย 90 ปี

24 ก.ค.62 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายหลี่ เผิง อดีตนายกรัฐมนตรีจีน ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม 2562 ด้วยวัย 90 ปี โดยสาเหตุของการเสียชีวิตทางด้านสื่อจีนยังไม่มีการเปิดเผยที่แน่ชัด ก่อนหน้านี้เคยมีรายงานว่าหลี่เป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร

สำหรับ นายหลี่ เผิง เกิดเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2472 อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน คนที่ 4 ระหว่าง พ.ศ. 2530 – 2541 และประธานสภาประชาชนแห่งชาติจีนระหว่าง พ.ศ. 2541 – 2546 ในช่วงเวลาที่ดำรงตำแหน่งถือว่าเป็นบุคคลผู้มีอำนาจเป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจากประธานาธิบดีเจียง เจ๋อหมิน

หลี่เผิง เป็นที่รู้จักมากที่สุดในชื่อของ "นักฆ่าแห่งกรุงปักกิ่ง" ในเหตุการณ์เทียนอันเหมินเมื่อปี 2532 เมื่อใช้อำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรีประกาศกฎอัยการศึก เพื่อใช้กำลังทหารปราบปรามผู้ชุมนุมไร้อาวุธเสียชีวิตจำนวนมาก อาจถึงพันราย


สาหัส! คลื่นความร้อนแผ่ยุโรป อุณหภูมิสูงสุดเป็นประวัติการณ์

25 ก.ค.62 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า พื้นที่ทางฝั่งตะวันตกของยุโรปมีคลื่นความร้อนแผ่เข้าปกคลุมเป็นครั้งที่ 2 ในช่วงฤดูร้อนของปีนี้ และทำให้หลายประเทศออกประกาศเตือนภัยจากสภาพอากาศร้อนจัด ทั้งคาดว่า จะร้อนจัดจนมีการทำลายสถิติอุณหภูมิร้อนที่สุดในสัปดาห์นี้ โดยที่เมืองบอร์กโดซ์ ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศสเมื่อปี 2546 ทำสถิติอุณหภูมิสูงถึง 40.7 แต่ทำสถิติใหม่ในปีนี้ที่ 41.2 องศาเซลเซียส ซึ่งสูงที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึก

นอกจากนี้หลายพื้นที่ในฝรั่งเศสยังมีการประกาศเตือนภัยในระดับสีส้ม ซึ่งเป็นระดับที่อันตรายสูงสุดอันดับ 2 โดยเหตุคลื่นความร้อนที่ปกคลุมฝรั่งเศสเมื่อปี 2546 ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 15,000 ราย

ส่วนที่เบลเยียม, เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์ คาดว่าอุณหภูมิจะสูงขึ้นแตะ 40 องศาเซลเซียส ทำให้เบลเยียมประกาศเตือนภัยในระดับสีแดงทั้งประเทศ สเปนประกาศเตือนภัยระดับสีแดงในเมืองซาราโกซาที่มีไฟป่าเกิดขึ้นเมื่อเดือนก่อน และเนเธอร์แลนด์เริ่มใช้แผนรับมือคลื่นความร้อน

องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก เตือนว่า คลื่นความร้อนคือลักษณะเด่นของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ซึ่งเกิดบ่อยขึ้น และมีความรุนแรงมากขึ้น และปัญหานี้จะไม่หมดไปโดยง่าย ขณะที่สำนักงานว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ของคณะกรรมาธิการยุโรป เตือนว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดไฟป่าในสเปนและโปรตุเกส

รัสเซียปัดเกาหลีใต้ ย้ำเครื่องบินไม่ได้ล่วงล้ำน่านฟ้า

โซล/มอสโก (เอเอฟพี/รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์) - รัสเซียออกมายืนยันหนักแน่นว่าเครื่องบินทหารของตนไม่ได้ล่วงล้ำน่านฟ้าเกาหลีใต้เมื่อวันอังคารตามที่เกาหลีใต้กล่าวหา ด้านนักวิเคราะห์มองว่า การที่จีนและรัสเซียส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดลาดตระเวนร่วมกันเหนือดินแดนพิพาทนอกชายฝั่งญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เป็นความเคลื่อนไหวเพื่อท้าทายอิทธิพลของสหรัฐในภูมิภาคนี้

โฆษกสถานเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงโซลของเกาหลีใต้ระบุในแถลงการณ์ว่า รัสเซียได้เห็นแถลงการณ์ของเกาหลีใต้ที่กล่าวหารัสเซียเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนน่านฟ้าเหนือทะเลจีนตะวันออกเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา รัสเซียยืนยันว่าเนื้อหาในแถลงการณ์ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เนื่องจากเครื่องบินทหารของรัสเซียไม่ได้ล่วงล้ำน่านฟ้าของเกาหลีใต้ และเครื่องบินรบเกาหลีใต้ไม่ได้ยิงเตือนเครื่องบินรัสเซีย ก่อนหน้านี้ ในวันเดียวกัน โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้แถลงว่า ผู้แทนรัสเซียได้ออกมาแสดงความเสียใจที่เครื่องบินทหารรัสเซียล่วงล้ำเข้าไปยังน่านฟ้าของเกาหลีใต้โดยไม่ตั้งใจระหว่างปฏิบัติการบินซ้อมรบกับเครื่องบินกองทัพจีน และได้ดำเนินการสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่รัสเซียบอกว่าเกิดจากความผิดพลาดทางเทคนิค

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ระบุในแถลงการณ์ว่า เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ เอ-50 ของรัสเซียลำหนึ่งได้บินล่วงล้ำน่านฟ้าเหนือทะเลตะวันออก ใกล้เกาะด๊อกโด ซึ่งอยู่ทางตะวันออกสุดของเกาหลีใต้เมื่อช่วงเช้าวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น โดยได้บินล่วงล้ำเข้าไป 2 ครั้ง แต่ละครั้งกินเวลา 3 นาที เกาหลีใต้จึงส่งเครื่องบินรบเอฟ-15 และเอฟ-16 ขึ้นประกบและยิงกระสุนเตือนจำนวน 360 นัด เครื่องบินทิ้งระเบิดรัสเซียจึงล่าถอยไป นอกจากนี้ ยังมีเครื่องบินทิ้งระเบิดของจีนอีก 1 ลำ ล่วงล้ำน่านฟ้าของเกาหลีใต้ด้วย แต่กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า เครื่องบินทิ้งระเบิด Tu-95 สองลำซ้อมบินตามที่กำหนดไว้ในน่านฟ้าเหนือน่านน้ำสากลของทะเลญี่ปุ่น ใกล้กันมีเครื่องบินทิ้งระเบิดของจีนบินซ้อมรบ ในระหว่างที่กำลังบินใกล้หมู่เกาะข้อพิพาทที่เกาหลีใต้เรียกว่าด๊อกโดและญี่ปุ่นเรียกว่าทาเคชิมะ เครื่องบินเกาหลีใต้ 2 ลำ ได้กระทำการอย่างไม่เป็นมืออาชีพด้วยการบินตัดเส้นทางบินของเครื่องบินรัสเซียและคุกคามความปลอดภัย โดยไม่สื่อสารกับนักบินรัสเซียแต่อย่างใด และว่าเครื่องบินรัสเซียซ้อมบินโดยไม่ได้ออกนอกเส้นทางและอยู่ห่างจากหมู่เกาะพิพาทไม่ต่ำกว่า 25 กิโลเมตร ยืนยันการซ้อมรบร่วมนี้ไม่ได้มุ่งเป้าหมายที่ประเทศใดและไม่ได้ล่วงล้ำน่านฟ้าพิพาท

ขณะที่ นักวิเคราะห์ของแรนด์คอร์ปอเรชัน หน่วยงานไม่แสวงหากำไรของสหรัฐเห็นว่า เป็นเรื่องใหญ่เพราะแสดงให้เห็นชัดเจนว่า กองทัพอากาศจีนและรัสเซียสามารถร่วมกันลาดตระเวนในลักษณะที่จะทำให้ภูมิภาคนี้รู้สึกไร้เสถียรภาพได้ ที่ผ่านมาทั้งสองประเทศจัดการซ้อมรบร่วมหลายครั้งอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้มีนัยทางการเมืองเป็นพิเศษเพราะเกิดขึ้นเหนือหมู่เกาะที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้มีข้อพิพาทเรื่องการอ้างสิทธิทับซ้อน ขณะที่นักวิจัยด้านจีนของมหาวิทยาลัยแมคควอรีในออสเตรเลียชี้ว่า เครื่องบินทิ้งระเบิด H-6K ของจีน และ Tu-95 ของรัสเซียที่เข้าร่วมการซ้อมรบฝั่งละสองลำล้วนสามารถติดอาวุธนิวเคลียร์ เป็นความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในแง่ของความมั่นคงทางภูมิประเทศของภูมิภาค ด้านนักวิจัยสถาบันไต้หวันโลกที่สหรัฐมองว่า เป็นการส่งสัญญาณว่าความร่วมมือระหว่างจีนและรัสเซียแน่นแฟ้นถึงขั้นที่สามารถลาดตระเวนร่วมกันได้แล้ว และเป็นการท้าทายโดยตรงไปถึงระบบพันธมิตรสหรัฐในอินโด-แปซิฟิก