ข่าว
กลุ่มการเมืองแห่ขอจดทะเบียนทะลุ 40 กลุ่ม

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กตต.) กล่าวถึงภาพรวมการยื่นคำขอแจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมืองวันแรกว่า โดยภาพรวมพอใจที่มีผู้สนใจจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ ขณะนี้มีทั้งสิ้น 41 กลุ่ม ซึ่งไม่คาดคิดว่าจะมีมากขนาดนี้ กกต.จะมีการตรวจสอบคุณสมบัติและจะพยายามดำเนินการให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนด ทั้งนี้คุณสมบัติบางข้อ กกต.ไม่สามารถตรวจสอบเองได้ เพราะต้องอาศัยหน่วยงานอื่นตรวจสอบ อาจต้องใช้เวลา แต่ยืนยันว่าจะทำให้เร็วที่สุด ส่วนจะมีการเลือกตั้งในปี 62 หรือไม่นั้น ถ้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรีบดำเนินการก็ทัน เพราะกกต.รีบดำเนินการอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า ผู้ที่มายื่นจดจัดตั้งพรรคใหม่นั้น ทางกกต.กังวลในเรื่องของนอมินี หรือไม่ นายศุภชัย กล่าวว่า กกต. ไม่มีหน้าที่กลัว แต่มีหน้าที่บริการรับจดทะเบียนตามกฎหมายอยู่แล้ว ส่วนจะเป็นนอมินีหรือไม่นั้น ไม่อาจทราบ หากยื่นถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดเราก็ต้องรับจดทะเบียน

เมื่อถามต่อว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการตั้งพรรคเพื่อขายชื่อพรรคให้คนอื่น นายศุภชัย กล่าวว่า การตั้งพรรคต้องมีทุนประเดิม 1 ล้านบาท ส่วนจะตั้งไว้เพื่อขายให้คนอื่นหรือไม่นั้น เราไม่ทราบ เป็นไปได้หลายทาง

บรรยากาศการเปิดวันแรกในช่วงบ่ายไม่คึกคักเท่าไร มีกลุ่มการเมืองมาจดแจ้งจัดตั้งพรรคการเมืองไม่มากนัก อาทิ กลุ่มพรรคไทยรุ่งเรือง พรรคเพื่อสตรีไทย พรรครากแก้วไทย พรรคน้ำใจไทย พรรคไทยเสรีประชาธิปไตย พรรคคนสร้างชาติ พรรครวมไทยใหม่ พรรคสามัญชน พรรคสยามไทยแลนด์ พรรคปฏิรูปประเทศไทย แต่ที่น่าสนใจคือ กลุ่มการเมืองที่จะจัดตั้งพรรคโดยใช้ชื่อ พรรคเห็นแก่ตัว ของนายกิช ตรรกบุตร อดีตส.ส.พรรคมาตุภูมิ โดยนายกริช ให้เหตุผลว่า พรรคเห็นแก่ตัวหมายถึง การทำตัวเองให้ดีพอ แล้วทำเพื่อประเทศ โดยจุดยืนของพรรคจะน้อมรับหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นจุดขาย และการตั้งชื่อพรรคเห็นแก่ตัวจะทำให้คนจดจำได้ง่าย อย่างไรก็ตามหากชื่อพรรคไม่ผ่านการรับรองจากกกต. ตนก็มีชื่อสำรองไว้แล้ว คือ พรรคเห็นแก่ชาติ ขณะเดียวกันยอมรับว่า เป็นการสร้างเรตติ้ง เพราะเพียงแค่มายื่นจดทะเบียนวันแรก ก็ได้รับความสนใจจากสื่อจำนวนมาก

นายกริช ยังกล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ทางพรรคมีแนวทางที่จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้เป็น นายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัย แต่ขณะนี้เริ่มไม่แน่ใจในนโยบายของนายกรัฐมนตรี ว่าทำเพื่อประเทศชาติหรือหรือไม่ โดยเฉพาะนโยบาย 4.0 ที่ไม่สามารถตอบโจทย์ปัญหาของประชาชนได้ แต่ขณะเดียวกันพรรคของตน ก็พร้อมสนับสนุนนายกรัฐมนตรีคนนอก

“ศรีวราห์”ไหว้“เปรมชัย”สวย จำเป็นมั้ยต้องทำอะไรเบอร์นั้น

(2มี.ค) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชา การตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) เดินทางมาถึง สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เพื่อสอบสวน นายเปรมชัย กรรณสูต ประธาน บริหาร บริษัท อิตาเลียนไทยฯ พร้อมกับพวกรวม 4 ราย ซึ่งเป็นผู้ต้องหาร่วมกัน ล่าสัตว์ป่า ในป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก และทั้งสองได้ทักทาย กันโดย นายเปรมชัย ได้ยกมือไหว้พล.ต.อ.ศรีวราห์ ทันที่ที่พบรองผบ.ตร.ในห้องสอบสวน ขณะที่พล.ต.อ.ศรีวราห์ ก็ยกมือรับไหว้ตอบตามมารยาทโดยมีจังหวะที่ค้อมตัวลงต่ำอย่างสวยงามต่อเนื่องนานกว่า ผู้ไหว้จนนายเปรมชัยต้องยกมือขึ้นมาไหว้ตอบอีกครั้ง

จากนั้นได้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก ซึ่งหนึ่งในนั้นได้ยกระเบียบ ของตำรวจ ที่มีการปรับปรุงและกำชับการแสดงความเคารพของข้าราชการตำรวจในสมัยของพล.ต.อ. อดุลย์แสงสิงแก้วผบตร.เนื่องจากการปฎิบัติของตำรวจขณะนั้นแสดงการเคารพไม่ถูกต้อง ตามระเบียบกำหนดไว้บ่อยๆ ระเบียบดังกล่าวระบุถึงแนวทางการ ปฏิบัติตนของข้าราชการ ตำรวจไว้ในแต่ละหมวดว่าต้องทำอย่างไรให้ถุกต้อง รวมถึงการยกเว้นและการผ่อนผัน

ทั้งนี้กรณีของการไหว้ตามประเพณีนิยมของไทยระหว่างคนทั้งสองจัดอยู่ในบทนี้ การยกเว้นและการผ่อนผันโดยอยู่ในบทที่ 10 ข้อที่ 1 ในโอกาสต่อไปนี้ ตำรวจไม่ต้องทำความ เคารพแก่ผู้ใด ซึ่งไล่เรียงลงมาก็จะเห็นว่า ใน ข้อ 1.6 ซึ่งระบุว่า ข้าราชการตำรวจไม่ ต้องให้ ความเคารพใคร เมื่อจับกุมผู้กระทำผิด หรือ ขณะควบคุมผู้ต้องหา จำเลย และ ผู้ต้องโทษ

พล.ต.อ.ศรีวราห์จำเป็นหรือไม่ต้องทำความเคารพเจ้าสัวเปรมชัยอย่างอ่อนน้อมดังกล่าวจึงเป็นคำถามที่สังคมตั้งกันกระหึ่ม ณ เวลานี้


ท้าทายคสช.!จ่านิวขู่บุกทำเนียบ มอบหน้ากากยุทธ์น็อกคิโอให้บิ๊กตู่

กรณีที่โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ออกมาเตือนกลุ่มคนอยากเลือกตั้งใส่หน้ากากพิน็อกคิโอล้อเลียนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่เลื่อนเลือกตั้งไปเรื่อยๆ นั้น

2 มี.ค.61 นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง กล่าวว่า ในวันที่ 6 มี.ค.61 นี้ที่จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตนจะนำหน้ากาก "ยุทธ์น็อกคิโอ" ไปมอบให้พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อยืนยันว่า เราจะล้อเลียนต่อไป เพราะไม่ใช่เรื่องผิด เป็นเพียงตัวการ์ตูนที่แสดงถึงการโกหกหลอกลวง

"พิน็อกคิโอคือ ตัวการ์ตูน เป็นสัญญลักษณ์ของการโกหก หลอกลวง โดยจมูกจะยาวออกมา เมื่อโกหก การล้อเลียน พล.อ.ประยุทธ์ จึงเป็นเรื่องธรรมดาของการล้อเลียน เพราะเราไม่ได้ล้อเลียนจนกระทบความเป็นมนุษย์ ซึ่งรับฟังการล้อเลียน ที่เป็นเสมือนเสียงวิจารณ์จากประชาชน หากอยากลบข้อครหา รัฐบาล คสช.ก็ต้องพิสูจน์ความสัตย์จริงต่อประชาชน" นายสิรวิชญ์ กล่าว


“ลุงจรูญ” อโหสิคนที่ทำให้เดือดร้อน ทนายเตรียมฟ้อง “แก๊งครูปรีชา-ตำรวจ”

ที่สำนักงานกฎหมาย ษิทรา เบี้ยบังเกิด ถนนเศรษฐกิจ 1 ต.คลองมะเดื่อ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เมื่อเวลา 15.45 น. ร.ต.ท.จรูญ วิมูล คู่กรณีในคดีครอบครองสิทธิสลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย. 2560 รวม 30 ล้านบาท พร้อมกับ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทนายประชาชน ซึ่งเป็นทนายความฝ่าย ร.ต.ท.จรูญ ได้แถลงข่าวหลังจากที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แถลงกรณีพิพาทสลากกินแบ่งรัฐบาล 30 ล้านบาท

นายษิทรา กล่าวว่า รู้สึกพอใจที่ ผบ.ตร. แถลงข่าว ถึงแม้จะไม่ได้ระบุอย่างเด่นชัด แต่ด้วยหน้าที่ของตำรวจ คือ การรวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งพฤติการณ์ในการออกหมายจับ นายปรีชา ใคร่ครวญ ข้าราชการครูที่เป็นคู่กรณี และ นางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น ผู้ที่ระบุว่าเป็นคนขายสลากกินแบ่งให้กับครูปรีชา และมีการดำเนินคดีต่อ ทำให้ตนเชื่อมั่นว่าตำรวจได้ดำเนินการด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม

ทั้งนี้ การที่ฝ่ายครูปรีชาได้แจ้งความ กล่าวหาว่า ร.ต.ท.จรูญ ขโมยสลากกินแบ่งรัฐบาลไป แต่กองปราบปรามได้มีการสืบสวนสอบสวนแล้ว ทำให้รู้ว่าฝ่ายครูปรีชามีการให้การเท็จ เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า ร.ต.ท.จรูญ เป็นเจ้าของสลากตัวจริง เฉกเช่น ผบ.ตร. ยกฎีกาขึ้นมาว่า ใครเป็นเจ้าของสลากกินแบ่งรัฐบาล ทั้งคำวินิจฉัยของอัยการสูงสุดด้วย

“วันนี้ต้องขอบคุณ ผบ.ตร. ที่เห็นความสำคัญของคดีนี้ ถ้าไม่โอนสำนวนคดีมาที่กองปราบปราม ผมก็ไม่รู้ว่า ร.ต.ท.จรูญ จะเป็นอย่างไรบ้าง อาจจะถูกดำเนินคดีแล้วก็ได้ รวมทั้งขอบคุณ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งให้ความเป็นธรรมโดยไม่ต้องร้องขอ และให้โอกาสอีกฝ่ายแล้วว่า ใครรู้ตัวว่ากระทำความผิด โกหก ให้การเท็จ ให้มาหา และมาพูดความจริง แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่มีความสำนึก จึงต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด”

ขณะเดียวกัน ยังขอบคุณ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการปราบปราม ที่ทำงานหนักมาก เพื่อหาข้อมูล ทั้งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อตอบคำถามกับสังคมให้ได้ ต้องเข้าใจว่าบางครั้งอาจเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับฝ่ายคู่กรณี แต่เรื่องนี้ต้องชื่นชม เพราะเคยบอกว่า ต่อให้เป็นเพื่อนแต่ความถูกต้องต้องมาก่อน ถ้าองค์กรตำรวจเป็นแบบนี้ ในยุค พล.ต.อ.จักรทิพย์ เป็น ผบ.ตร. มาล้างคนชั่วที่เป็นตำรวจออกไปได้ ประชาชนจะมีความเชื่อมั่นในองค์กรตำรวจมากขึ้น และมีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น

ส่วนการดำเนินคดีนั้น กองปราบปรามได้รวบรวมหลักฐานต่างๆ ทั้งพยานบุคคล หรือหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ จึงสรุปสำนวนว่าฝ่ายครูปรีชาให้การเท็จ ต่อไปตนจะแยกการกระทำความผิดเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรก เป็นกลุ่มที่แอบอ้างว่าทำสลากกินแบ่งรัฐบาลหายพร้อมกับพรรคพวก มีการออกหมายจับมา 2 คนแล้ว ส่วนใครมีส่วนร่วมอีก จะต้องเข้าไปคุยกับตำรวจว่าจะต้องดำเนินคดีกับใครอีก ไม่ว่าจะเป็นข้อหาแกล้งให้ผู้อื่นรับโทษทางอาญา ให้การเท็จ และเบิกความเท็จในศาล

กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มนายตำรวจที่ทำคดี ที่ จ.กาญจนบุรี ที่เห็นชัดเจนคือ พ.ต.ท. ที่ไปอายัดเงินของ ร.ต.ท.จรูญ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ทั้งที่จะต้องขออำนาจศาล หรือเป็นอำนาจของ ป.ป.ส. หรือ ปปง. ตามกฎหมายพิเศษ แต่เรื่องนี้ตำรวจไม่มีการสืบสวน สอบสวน ยังไม่ได้รับแจ้งข้อกล่าวหาด้วย แต่รีบร้อนอายัดเงินไปแล้ว ถือว่ามีความผิดชัดแจ้ง อีกคนหนึ่งเป็นนายตำรวจระดับสูง เป็นหัวหน้าขบวนการนี้ จากหลักฐานที่ออกมาถือว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เรื่องนี้กองปราบปรามคงจะต้องส่งเรื่องต่อ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มของตำรวจภูธรภาค 7 ที่เอาสำนวนจากทางตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรีมาทำ แต่ไม่ได้เอาหลักฐานที่ทางกองปราบปรามมี และส่งมอบให้มาใช้แม้แต่น้อย หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เช่น การตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์ หรือการถอดเทปจากคู่กรณีทั้งสองฝ่าย ตำรวจภูธรภาค 7 ไม่ได้เอามาใช้เลย ถือว่าบกพร่องต่อหน้าที่ ส่วนจะดำเนินการกับใคร ทั้งหัวหน้าคณะทำงาน หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จะปรึกษาทั้ง ร.ต.ท.จรูญ และกองปราบปราม ว่าจะดำเนินการหรือไม่

ส่วนคดีแพ่งที่ ร.ต.ท.จรูญ ถูกอายัดเงินอยู่ 25 ล้านบาทนั้น นายษิทรา กล่าวว่า จะขอสำนวนจากตำรวจเพื่อขอถอนอายัด เพราะพยานหลักฐานชัดเจนแล้วว่าเป็นขบวนการให้การเท็จ จะเอาหลักฐานสำนวนตำรวจ และขอหมายศาลเพื่อขอถอนอายัดเงิน หลังจากอัยการสรุปสำนวนคดีแจ้งความเท็จแล้ว ตนจะไปฟ้องละเมิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพราะถือว่าละเมิดสิทธิของ ร.ต.ท.จรูญ กลั่นแกล้งให้ได้รับโทษทางอาญา และอายัดเงินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จะเรียกค่าเสียหายทุกคนที่เกี่ยวข้อง

เมื่อถามว่า หากเปิดโอกาสให้ครูปรีชาพูด ทนายความหนักใจหรือไม่ นายษิทรา กล่าวว่า ถือเป็นสิทธิตามกฎหมายมากกว่า ถ้าครูปรีชาถูกดำเนินคดีแบบนี้ มีสิทธิที่จะสู้คดีได้ แต่ถ้าสู้คดีโดยไม่ได้รับสารภาพแล้วศาลตัดสินว่าผิด จะไม่ได้รับการลดโทษเลย แต่ถ้าวันนี้รู้จักสำนึกผิดและรับสารภาพ โทษหนักจะได้เป็นเบา เพราะยังไม่ได้เบิกความในคดีแพ่งและอีกหลายคดี ส่วนคนที่คิดจะฟ้องคดีอาญาด้วยตัวเอง จะต้องไต่สวนมูลฟ้องก่อน ซึ่งจะใช้พยานชุดเดียวกับที่มอบให้ตำรวจภูธรภาค 7 และตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งพยานชุดนี้กองปราบปรามบอกมาแล้วว่าเป็นพยานเท็จ จะเป็นเท็จอีกรอบก็ตามใจ และจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

ส่วนกรณีที่ น.ส.กนกพรรณ หมวกไสว หรือ ฟ้า สาวคนสนิทของครูปรีชา ฝากให้อีกฝ่ายไปหาที่มาของสลากกินแบ่งรัฐบาลให้ได้ เพราะตอนนี้ยังไม่รู้ต้นทาง นายษิทรา กล่าวว่า คนนี้ตนไม่ให้ราคา เพราะไม่เกี่ยวข้องกับคดี ไม่รู้กฎหมาย และไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไปออกรายการโทรทัศน์กี่รายการตนไม่เคยดู เพราะเขาไม่เกี่ยวข้องกับคดี ถ้าฟ้ามีคลิปก็เอาไปยื่นให้กองปราบปรามด้วยตัวเอง จะได้เป็นคนนำพยานหลักฐานเท็จเข้าสู่สำนวน


“เทอดศักดิ์”ฟ้องกลับคนดู ยันเลิกยุ่งเรื่องหวย 30 ล้าน

วันนี้ (2 มี.ค.) เฟซบุ๊ก “ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา” นักจัดรายการยูทูปการเมือง และเจ้าของเว็บไซต์วิหคนิวส์ ได้โพสต์รูปภาพพร้อมเนื้อหาว่า ย้ำชัดเลิกยุ่งหวยอลเวง 30 ล้าน หลังเคยออกตัวเอาข้างครูปรีชามาโดยตลอด สุดท้ายคดีพลิกครูปรีชาเข้าคุก ทีมงานเกรงเสื่อมเสียชื่อเสียง วอนหยุดยุ่งเกี่ยว โดยโพสต์อีกว่าพร้อมเตรียมฟ้องกลับ ผู้ที่ดูหมิ่นนำภาพตนเองและคลิปไปตัดต่อล้อเลียนใส่ร้ายด้วย

โดยระบุข้อความว่า “จากที่มีหุ้นส่วนจำนวนมากได้โทรศัพท์มาในรายการ และทีมงาน ขอให้ผมอย่าไปยุ่งเรื่องหวย ไม่อยากให้เสียหายไปด้วย และอยากให้มาทำเรื่องการสังเคราะห์การเมืองเหมือนเดิม ผมได้เรียนในรายการไปเมื่อวานแล้วว่า ผมน้อมรับข้อเสนอแนะของหุ้นส่วน และจะหยุดเกี่ยวข้องกับกรณีนี้เพื่อความสบายใจของหุ้นส่วนทุกท่าน ส่วนเรื่องบุคคลที่ดูหมิ่น เหยียดหยามผม ตัดต่อภาพ คลิป ทำให้เสียหาย ใส่ร้าย อันเป็นการกระทำผิดของการก่ออาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ และหมิ่นประมาท ตามคำแนะนำของ อ.เดชา ซึ่งท่านก็จะทำเช่นกัน ทราบอีกประมาณ 2 สัปดาห์ ทนายความจะรวบรวมพยานหลักฐานจนครบ และจะแจ้งความดำเนินคดี จึงกราบเรียนมา ณ ที่นี่ กราบขอบพระคุณครับ”

สร้าง"ซุปเปอร์ ทาวเวอร์ " อภิมหาโปรเจกต์ตึกระฟ้า

นายโยธิน บุญดีเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แกรนด์คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงทิศทางการลงทุนของบริษัทในระยะข้างหน้าว่า ที่ผ่านมา บริษัทฯเห็นว่าโครงการเพื่อขาย อาจล้นตลาด บริษัทจึงมุ่งเน้นโครงการเช่าเป็นหลัก ซึ่งเป็นโครงการที่มีรายได้สม่ำเสมอ เติบโตอย่างมั่นคง อีกทั้งที่ดินที่ตั้งโครงการ ยังเป็นทรัพย์สินของบริษัทตลอดไป และเมื่อมูลค่าทรัพย์สินที่ให้เช่าเพิ่มสูงขึ้น บริษัทจะมีกำไรจากมูลค่ายุติธรรมของทรัพย์สินนั้น โดยในปี 2560 บริษัทฯ มีกำไรจากมูลค่ายุติธรรมเพิ่มขึ้น 414.08 ล้านบาท และมีรายได้ค่าเช่าและค่าบริการ เพิ่มขึ้น 161.68 ล้านบาท

นอกจากนี้ โครงการเพื่อเช่าที่สำคัญของบริษัทฯ คือ โครงการ ซุปเปอร์ ทาวเวอร์ (Super Tower) ความสูงกว่า 100 ชั้น ซึ่งบริษัทฯ เริ่มสร้างในส่วนของอาคารจอดรถและพื้นที่ค้าปลีกแล้วนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างทดสอบความแข็งแรงของเสาเข็ม ในส่วนของ Tower คาดว่า จะลงเสาเข็มได้ในไตรมาส 2ของปีนี้

สำหรับโครงการเพื่อขายของบริษัท ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่ดี ติดแนวรถไฟฟ้า 3 โครงการ คือ แปลงดอนเมือง เนื้อที่กว่า 100 ไร่ และแปลงโลคัลโรด เนื้อที่ 35 ไร่ ติดแนวรถไฟฟ้าสายสีแดง ส่วนที่ดินแปลงที่ติดถนนพหลโยธินและวิภาวดีรังสิต เนื้อที่ 49 ไร่ ติดจุดตัดสถานีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีเขียว นอกจากนี้ในปี2561 จะมีการปรับผังเมืองใหม่ ทำให้ FAR เพิ่มขึ้น ซึ่งโครงการขายของบริษัทจะได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้น

ในส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทฯและบริษัทย่อย สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.ปี 2561 มีรายได้จำนวน 2,855.36 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน ซึ่งมีรายได้จำนวน 3,603.59 ล้านบาท ลดลง 748.23 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 20.76 ในขณะที่ ผลกำไรสุทธิในปี 2560 มีจำนวน 1,069.89 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 1,112.21 ล้านบาท

อนึ่ง โครงการ ซุปเปอร์ ทาวเวอร์ จะเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของประเทศไทย ตั้งอยู่ใจกลางศูนย์กลางทางธุรกิจแห่งใหม่ใน เดอะ แกรนด์ พระราม 9 ด้วยความสูงกว่า 615 เมตร ประมาณ 125 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอยรวมประมาณ 320,000 ตร.ม. ซึ่งจะเป็นอาคารที่สูงในประเทศไทยในอนาคต จากปัจจุบันที่มีโครงการมหานครเป็นตึกระฟ้าที่สูงอยู่ในขณะนี้ สูง 314.2 เมตร โดยมีบริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

ทั้งนี้ โครงการ เดอะ ซุปเปอร์ ทาวเวอร์ จะมีมูลค่าการลงทุนสูงกว่า 18,000 ล้านบาท และเป็นแหล่งศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ที่หรูหราทันสมัย ด้วยการบริการแบบครบวงจรตลอด 24 ชั่วโมง แห่งแรกในประเทศไทย ประกอบด้วย

อาคารสำนักงานเกรดเอ ที่มีมาตรฐานสากลรองรับการทำงานตลอด 24 ชั่วโมง

โรงแรมระดับ 6 ดาว พร้อมต้อนรับบุคคลสำคัญระดับโลก ห้องจัดเลี้ยงและศูนย์ประชุมที่ทันสมัย เหนือห้องจัดเลี้ยงและศูนย์ประชุมเป็นพื้นที่พลาซ่า เปิดโล่งรองรับกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ ภัตตาคารลอยฟ้าชั้นเลิศ และอาเขตที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน

จุดชมวิวที่สูงที่สุดในประเทศไทย ตึกระฟ้าแห่งใหม่นี้มุ่งเน้นการออกแบบให้เป็นอาคารอนุรักษ์พลังงานระดับสูงสุด (Platinum) ภายใต้มาตรฐาน LEED (Leadership in Energy & Environmental Design) โดย USGBC (U.S. Green Building Council) ประเทศสหรัฐอเมริกา.