ข่าว
รัฐแคลิฟอร์เนีย เพิ่มอีก 8 ภาษา รองรับการลงทะเบียนเลือกตั้ง

ศูนย์ส่งเสริมชาวไทย แจ้งข่าว เว็บไซต์ลงทะเบียนเลือกตั้งของรัฐแคลิฟอร์เนีย เพิ่มบริการภาษาไทยไว้สำหรับชาวไทยแล้ว และอีก 7 ภาษา เพิ่มความสะดวก พร้อมกระตุ้นชาวอเมริกันเชื้อชาติต่างๆ และลาติโน่ มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากขึ้น

จากเดิมเว็บไซต์ลงทะเบียนเลือกตั้งของรัฐแคลิฟอร์เนีย เริ่มมีบริการในส่วนภาษาอังกฤษและภาษาสแปนิชเมื่อปี 2012 แต่ขณะนี้ได้เพิ่มภาษาอื่นๆ อีก 8 ภาษา คือ ภาษาจีน ภาษา ฮินดู ภาษาญี่ปุ่น ภาษาเขมร ภาษาเกาหลี ภาษาตากาล็อก ภาษาเวียดนาม และภาษาไทย

จากการสำรวจก่อนการเลือกตั้งพบว่า มีผู้ลงคะแนนเสียง ใช้บริการลงทะเบียนเลือกตั้งออนไลน์มากกว่าครึ่งล้านราย ซึ่งการเพิ่มบริการด้านภาษาสำหรับการลงทะเบียนเลือกตั้งออนไลน์ สืบเนื่องมาจากร่างกฎหมายวุฒิสภา 35 ร่างโดยวุฒิสมาชิกรัฐแคลิฟอร์เนีย นาย Alex Padilla และผ่านเป็นกฎหมายในปี 2012 การเพิ่มภาษาในส่วนของการลงทะเบียนการเลือกตั้งออนไลน์ในภาษาอื่นๆ จะช่วยเพิ่มจำนวนการลงทะเบียนในกลุ่มของคนอเมริกันเชื้อชาติเอเชียนและลาติโน่ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอัตราการลงทะเบียนต่ำเพียง 58% ในกลุ่มคนเอเชีย และ 57% ในกลุ่มของคนลาติโน่ ในขณะที่ชาวอเมริกันทั่วไปมีอัตราการลงทะเบียนถึง 70% และ 69% ในกลุ่มชาวแอฟริกันในรัฐแคลิฟอร์เนีย นางชัญชนิษฐ์ มาร์เทอร์เรล ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมชาวไทย กล่าวว่า ผู้มีสิทธิ์ลงทะเบียนเลือกตั้งในแคลิฟอร์เนียแต่ไม่ได้ลงทะเบียนมีมากกว่า 6 ล้านราย การลงทะเบียนเลือกตั้งออนไลน์จะสามารถช่วยเปลี่ยนแปลงตัวเลข หากทุกคนในชุมชนช่วยกันเผยแพร่ข้อมูลชองเว็บไซต์สำหรับการลงทะเบียน และเมื่อวันอังคารที่ 3 มิถุนายน ที่ผ่านมา ประชาชนได้มีโอกาสไปใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งขั้นต้น หรือ Primary Election สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน สามารถลงทะเบียนได้ที่ http://registertovote.ca.gov เพื่อใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งทั่วไป General Election ในวันอังคารที่ 4 พ.ย. 2014

นอกจากนี้เว็บไซต์ลงทะเบียนเลือกตั้งยังได้พัฒนาระบบสามารถใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต ทำการลงทะเบียนเลือกตั้งออนไลน์ได้ หรือจะพิมพ์แบบฟอร์มจากเว็บไซต์หรือขอแบบฟอร์มที่สำนักงาน DMV เพื่อกรอกข้อมูล แล้วส่งแบบฟอร์มกลับทางไปรษณีย์ ก็สามารถทำได้เช่นกัน สำหรับบุคคลที่ได้ลงทะเบียนเลือกตั้งออนไลน์ก่อนหน้านี้ ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนซ้ำ แต่หากต้องการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลสามารถทำได้

รองปลัดกระทรวงเกษตรฯ เยี่ยมชาวแอล.เอ. หลังจากเสร็จสินภารกิจที่ มอนเตโก้ จาไมก้า

รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดร.จิราวรรณ แย้มประยูร ในฐานะหัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านพัฒนาการผลิตของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางไปเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีองค์การน้ำตาลระหว่างประเทศครั้งที่ 45 ณ โรงแรมฮิลตั้น โรส ฮอลล์ เมืองมอนเตโก้ เบย์ ประเทศจาเมก้า ระหว่างวันที่ 27-29 พฤษภาคม 2557 และหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ จึงถือโอกาสเดินทางมายังนครลอสแอนเจลิส เพื่อหารือกับผู้นำเข้าผลไม้ฉายรังสีจากประเทศไทย และศึกษาดูงานด้านการเกษตรในแคลิฟอร์เนียและมลรัฐใกล้เคียง รวมทั้งตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของฝ่ายการเกษตรประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ซึ่งเป็นหน่วยงานตั้งขึ้นใหม่ในต่างประเทศของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ที่ห้องประชุมใหญ่ของศูนย์พาณิชกรรม ลอสแอนเจลิส ตึกสถานกงสุลใหญ่ ดร.จิราวรรณ แย้มประยูร พร้อมด้วย นางกฤษณา สุขุมพานิช กงสุลฝ่ายการเกษตรประจำสถานกงสุลใหญ่ ได้พูดคุยอย่างเป็นกันเองกับผู้สื่อข่าว เล่าถึงการมาเยือนในครั้งนี้ว่า ได้ปรึกษาหารือกับผู้นำเข้าผลไม้ฉายรังสีจากประเทศไทย รวมถึงปัญหาและอุปสรรคต่างๆ เพื่อนำข้อคิดไปปรับปรุง เพื่อให้สามารถส่งออกสินค้าเกษตร ที่มีคุณภาพและความปลอดภัย และเป็นไปตามข้อกำหนดมายังสหรัฐฯ มากยิ่งขึ้น

ในวาระเดียวกันนี้เธอได้เข้าเยี่ยมฟาร์มปลูกผักผลไม้เมืองร้อน ซึ่งเป็นของคนไทยในสหรัฐ ที่เมืองเฟรสโน่ และได้เห็นเทคโนโลยีการเกษตรที่ทันสมัย ทำให้พื้นที่แห้งแล้วสามารถทำการเกษตรได้เป็นอย่างดี มีผลผลิตต่อไร่สูง

และได้ไปเยี่ยมฟาร์มเพาะปลูกสินค้าออร์แกนิกส์ รวมทั้งระบบชลประทานของรัฐเนวาด้า และได้รับข้อมูลที่สามารถนำไปใช้เป็นแนวคิดในการพัฒนาปรับปรุงการทำการเกษตรในประเทศไทย โดยเฉพาะในบางพื้นที่ซึ่งประสบปัญหาความแห้งแล้งอย่างต่อเนื่องได้อีกด้วย

"เราต้องนำเอาไปปฏิรูปและต้องจัดระบบเกษตรเศรษฐกิจกันใหม่ ดูว่าพื้นที่ไหนเหมาะสำหรับปลูกข้าว หรือพืชพันธุ์ประเภทอื่นๆ ได้หรือไม่ อย่างเช่นหมดฤดูเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว ที่ดินนั้นจะสามารถปลูกอะไรได้อีกบ้าง โดยเฉพาะต้นอ้อย ซึ่งประเทศไทยเราส่งน้ำตาลเป็นอันดับสองของโลก รองจากประเทศบราซิล ปัจจุบันประเทศไทยต้องการการพัฒนาคือด้านการเกษตรทั้งระบบรวมส่วนของราคาเข้าไปด้วย และอยากจะเห็นเกษตรรายย่อยให้มารวมกลุ่มเป็นรูปแบบสหกรณ์" รองปลัดกระทรวงเกษตรฯ กล่าว

ดร.จิราวรรณ แย้มประยูร กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการส่งออกกล้วยไม้ของไทย ส่วนมากแล้ว ประเทศไทยจะส่งแต่กล้วยไม้สำหรับทำพวงมาลัย และต้องระวังเรื่องแมลงตัวเล็กที่อาจติดมากับกล้วยไม้ และถ้าทางเกษตรสหรัฐฯ ตรวจพบเขาก็จะทำลายหมด และเรื่องของการส่งกล้วยไม้ขณะนี้ ประเทศมาเลเซียเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของประเทศไทย

สำหรับผลไม้ที่มีการส่งออกมากและเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติก็มีมังคุด ลำใย สองประเภทนี้เป็นผลไม้หลัก นอกนั้นก็มีฝรั่งกิมจู น้อยหน่า ชมพู่ แต่ต้องเป็นพันธุ์ทับทิมจันทร์เท่านั้นที่คนอเมริกันนิยมรับประทาน ผลไม้พวกนี้เมื่อฉายรังสีแล้ว สีอาจเปลี่ยนและอาจมีกลิ่น ซึ่งเรื่องนี้ทางเรากำลังหาทางปรับเปลี่ยนวิธีกรรมกันอยู่

สำหรับสำนักงานด้านการเกษตรประจำลอสแอนเจลิสนั้นทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เล็งเห็นว่า รัฐแคลิฟอร์เนียเป็นจุดขนถ่ายสินค้านำเข้าที่สำคัญที่สุดของสหรัฐฯ โดยมีสัดส่วนการนำเข้าสูงสุด หรือประมาณร้อยละ 16 ของมูลค่าการนำเข้าของประเทศ ซึ่งปี 2013 มีมูลค่าการนำเข้ากว่า 2.2 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ดังนั้นทรงกระทรวงเกษตรฯ จึงตระหนักว่า ด่านเมืองลอสแอนเจลิสนี้ เป็นด่านการนำเข้าที่สำคัญของประเทศไทย กระทรวงการเกษตรฯ จึงมีแนวคิด จัดตั้งสำนักงานที่ปรึกษาด้านการเกษตรในต่างประเทศที่เมืองลอสแอนเจลิสขึ้น และได้ทดลองจัดตั้งสำนักงานชั่วคราวขึ้นในปี 2009 เป็นระยะเวลาหนึ่งปี และเพิ่งมาตั้งสำนักงานถาวรขึ้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2013 เป็นต้นมา โดยมีกงสุลกฤษณา สุขุมพานิช เป็นกงสุลด้านเกษตรกร รับผิดชอบตลอดฝ่ายตะวันตกและยังรวมถึงประเทศแคนาดา และเม็กซิโกอีกด้วย

"สำหรับผู้ประกอบการไทยที่เคยถูกทางการของสหรัฐฯ ตักเตือนมาก่อนกับปัญหาเรื่องการนำเข้า ก็สามารถมาปรึกษากับทางเราได้ ซึ่งทางเราจะทำหน้าที่เป็นคนประสานงานให้กับภาครัฐของสหรัฐที่เกี่ยวข้อง" กงสุลกฤษณา สุขุมพาณิช กล่าวในที่สุด


ททท.แอล.เอ. ชวนเยาวชนอเมริกัน ร่วม Thailand Ultimate Moment

โครงการ Thailand Ultimate Moment เป็นโครงการที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานลอสแอนเจลิส (สลอ.) กำหนดดำเนินงานในปี ค.ศ. 2014 ทั้งนี้ มุ่งเน้นที่ตลาดเยาวชนเป็นการเฉพาะ ด้วยพิจารณาเห็นว่าตลาดเยาวชนนับเป็นกลุ่มตลาดที่มีความสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม Millennial (อายุ 18-33 ปี) มีมากถึง 80 ล้านคน

อีกทั้งยังมีความสนใจที่จะเดินทางท่องเที่ยว แสวงหาความรู้ และประสบการณ์ใหม่ๆ นิยมการบำเพ็ญประโยชน์ โดยมีแนวโน้มที่จะเดินทางซ้ำ และบอกเล่าประสบการณ์สู่เพื่อนฝูงและครอบครัวผ่านเครื่องมือสื่อสารประเภท Social Media อันมีประสิทธิภาพในการสื่อสารสู่มวลชนได้สูง

วัตถุประสงค์หลักของการดำเนินโครงการนั้น นอกจะเป็นการเผยแพร่การท่องเที่ยวของประเทศไทยแล้ว ยังมุ่งเน้นที่การสร้างความตระหนักรู้ถึงโอกาสในการท่องเที่ยว แบบบำเพ็ญประโยชน์ (Voluntourism)

โครงการนี้เป็นโครงการทางการตลาดประเภท Digital Marketing Campaign โดยจะคัดเลือกเยาวชนเพื่อเข้าร่วมโครงการ 3 ทีมๆ ละ 3 คน จากผู้ส่งใบสมัครเข้าร่วมโครงการนี้ พิจารณาจากความปรารถนาในการบำเพ็ญประโยชน์และแผนงานการเข้าร่วมกิจกรรม ตลอดจนแนวทางในการเผยแพร่ประสบการณ์ที่ได้รับสู่มวลชนผ่านทาง Social Network Media ประเภทต่างๆ

สำหรับกิจกรรมเยาวชนจะร่วมระหว่างที่พำนักอยู่ในประเทศไทยนั้น ทาง สลอ. ได้รับความร่วมมือจาก CBTI โดยเยาวชนจะแข่งขันดำเนินกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ ณ บ้านหัวทุ่ง จ.เชียงใหม่ บ้านห้วยแร้ง จ.ตราด และชุมชนเกาะยาวน้อย จ.พังงา

เยาวชนจะเตรียมตัวศึกษาข้อมูลก่อนการเดินทาง และทำการเผยแพร่ประสบการณ์ ทั้งก่อนและเมื่อเดินทางกลับมายังสหรัฐฯ ผ่านทาง Facebook ทั้งนี้ ทีมที่มีผู้เข้ามากด Like มากที่สุด และทำการนำเสนอประสบการณ์ในงานแถลงข่าวที่นครลอสแอนเจลิส (ภายหลังจากเสร็จสิ้นการเดินทาง) ได้ดีที่สุด จะเป็นผู้ชนะการแข่งขัน

ระยะเวลาดำเนินโครงการ เม.ย. – มิ.ย. 2014 รับสมัครและคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการ ก.ค. 2014 เยาวชนแข่งขันดำเนินกิจกรรมท่องเที่ยวบำเพ็ญประโยชน์ 10 วัน และในเดือน สิงหาคม 2014 จะแถลงข่าวและประกาศผู้ชนะเลิศ สนใจติดต่อ P.O. Box 480865 Los Angeles CA 900478 โทร. 323-580-8047 อีเมล์ info@chabhaha.com


ซีแอตเติ้ล ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำปีหน้า $15/ช.ม. แคลิฟอร์เนียจ่าย $9/ช.ม. ตั้งแต่ 1 ก.ค.นี้

ซีแอตเติ้ลขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 15 เหรียญ ต่อชั่วโมง เริ่ม 1 เมษายน 2015 ส่วนแคลิฟอร์เนียเริ่มจ่าย 9 เหรียญ ต่อชั่วโมง 1 กรกฎาคมนี้ และจะปรับเป็น 10 เหรียญ เมื่อถึงวันที่ 1 มกราคม 2016

เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2014 สภานครซีแอตเติ้ล รัฐวอชิงตัน ลงมติเอกฉันท์ให้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 15 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง ถือเป็นค่าแรงสูงที่สุดในประเทศ พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐต่างๆ ในสหรัฐเอาอย่าง เพื่อลดช่องว่าง ระหว่างคนร่ำรวยกับคนยากจน

แคสมา เซวอนท์ สมาชิกสภาที่ประกาศตนเป็นนักสังคมนิยมประกาศจะผลักดันให้ทั่วรัฐเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำให้เท่ากับซีแอตเติ้ล

รายงานข่าวเปิดเผยว่าการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำครั้งนี้ เป็นเรื่องทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องเพราะ ส.ส. เซวอนท์ระดมหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 2013 ว่าจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำและได้รับความนิยมจากกลุ่มนักเคลื่อนไหวด้านแรงงานเป็นอย่างยิ่ง

นายเอ็ด เมอร์เรย์ นายกเทศมนตรีที่ได้รับเลือกตั้งเมื่อปี 2013 ก็ให้คำมั่นว่าจะเพิ่มค่าแรงของซีแอตเติ้ลเป็น 15 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง

สมาคมแฟรนไชส์ระหว่างประเทศ (The International Franchise Association) มีสำนักงานอยู่วอชิงตัน ดี.ซี. เป็นผู้แทนของธุรกิจแฟรนไชส์ต่างๆ ประกาศว่า เป็นการ "ไม่ยุติธรรม เลือกปฏิบัติและทำงานเป็นไปตามนโยบายการเมืองที่ตั้งไว้ พร้อมกับยื่นฟ้องต่อศาลชั้นต้นรัฐบาลกลางซีแอตเติ้ลเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน

สมาคมฯ ยกตัวอย่างว่า โรงแรม Holiday Inn Express เจ้าของเป็นเอกเทศและตั้งอยู่ซีแอตเติ้ล มีพนักงานเพียง 28 คน แต่กลับถือว่าเป็นธุรกิจ "ขนาดใหญ่" เพราะเป็นโรงแรมนี้มีแฟรนไชส์อยู่ทั่วประเทศ ย่อมต้องมีพนักงานเกินกว่า 500 คน แน่นอน ในขณะที่บริษัทบางแห่งไม่ได้เป็นแฟรนไชส์มีพนักงาน 480 คน กลับถือว่าเป็นบริษัท "ขนาดเล็ก" การฟ้องร้องขอให้ศาลสั่งระงับมติของสภานครซีแอตเติ้ล โดยปัจจุบันค่าแรงขั้นต่ำของซีแอตเติ้ลอยู่ที่ 9.32 ดอลลาร์

ผู้ได้รับผลประโยชน์จากมติของสภานครซีแอตเติ้ลในครั้งนี้มีประมาณ 6,300 คน ที่ทำงานในสนามบินซีแอตเติ้ล ทาโคมา และเขตใกล้เคียง ประกอบด้วย พนักงานโรงแรม บริษัทเช่ารถยนต์ พนักงานเฝ้าที่จอดรถ ยกเว้นสายการบิน บริษัทขนาดเล็กและพนักงานสหภาพ อัตรานี้สูงกว่าเงินค่าแรงขั้นต่ำที่รัฐบาลกลางจ่ายปัจจุบัน 7.25 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง

ทางด้านนายพลเทพ อินทุรัตน์ ประธานหอการค้าไทยอเมริกันแห่งแคลิฟอร์เนียได้ออกคำเตือนไปยังเจ้าของธุรกิจ จาก California and Federal Employment วันที่ 1 กรกฎาคม 2014 นี้จะมีการปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำในรัฐแคลิฟอร์เนีย เป็น $9.00 ต่อชั่วโมง และเงินเดือนขั้นต่ำ จะเพิ่มเป็น $3,120 ต่อเดือน ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ และเมื่อถึงวันที่ 1 มกราคม 2016 ค่าแรงขั้นต่ำจะเพิ่มเป็น 10.00 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง

การบินไทย จับมือ ททท.เกาหลีใต้ โปรโมทเส้นทางใหม่ดึงลูกค้าเอเชีย

สายการบินไทยจับมือพันธมิตรการท่องเที่ยวแห่งประเทศเกาหลีใต้ โปรโมทเส้นทางการบินใหม่ ใช้จุดจอดที่ "อินซอน" เกาหลีใต้เป็นจุดเชื่อมต่อทริปทัวร์รอบเอเชีย การบินไทยเอาใจลูกค้าด้วยโปรแกรมสุดคุ้ม ค่าต่อเครื่องจากอินซอน เที่ยงไปไทเป / ฮ่องกง / ภูเก็ต / กรุงเทพฯ แต่ละจุดเพียง 100 เหรียญ ได้ทั้งความสะดวกและประหยัด

เมื่อวันพุธที่ 11 มิถุนายน 2014 ที่ Korea Center นายสุดเศวต เศวตะโศภน ผู้จัดการทั่วไปภาคพื้นอเมริกา บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับนาง Oki Kang ผู้อำนวยการบริหาร Korea Tourism Organization จัดงานแถลงข่าวโปรโมทการเปิดเส้นทางใหม่ของสายการบินไทยและการท่องเที่ยวของประเทศเกาหลีใต้ร่วมกัน โดยมีสื่อมวลชนและตัวแทนบริษัทเอเจนซี่ทัวร์ต่างๆ ร่วมงานเป็นจำนวนมาก โดยวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของเกาหลีใต้ และการดึงลูกค้ามาใช้บริการสายการบินไทย ซึ่งเป็นผู้ที่ต้องการเดินทางไปยังเอเชีย หรือต้องการไปเที่ยวประเทศต่างๆ ในเอเชีย การบินไทยจึงได้ร่วมโปรโมทกิจกรรมตรงนี้ขึ้นมา หลังจากที่สายการบินไทยได้ปรับเวลาเดินทางใหม่ ออกจากแอล.เอ. ในเวลากลางคืน ถึงอินซอนในช่วงเช้า ทำให้เพิ่มความสะดวกสบายในการต่อเครื่องไปยังจุดอื่นๆ ได้ ซึ่งในจุดนี้การบินไทยได้มีบริการต่อเครื่องจากเกาหลีไปจุดต่างๆ ในเอเชีย คือ อินซอน-ไต้หวัน อินซอน-ฮ่องกง อินซอน-กรุงเทพฯ และ อินซอน-ภูเก็ต

ลูกค้าสามารถสต็อปโอเวอร์ที่เกาหลี และวางแผนการเที่ยวได้ตามความสะดวกของแต่ละท่าน ทั้งขาไปและขากลับ ตัวอย่างเช่น เที่ยวในเกาหลี แล้วต่อเครื่องไปเที่ยวต่อที่ใต้หวัน ก่อนมุ่งสู่จุดหมายปลายทางที่ภูเก็ตส่วนขากลับขึ้นเครื่องกรุงเทพฯ ไปเที่ยวฮ่องกงก่อนที่จะกลับมาแอล.เอ. ก็ได้เช่นกัน

"ผู้โดยสารสามารถลงใต้ไปถึงเมืองปูซาน การบินไทยก็มีเครื่องจากปูซานไปกรุงเทพฯ เพราะฉะนั้นจะเห็นว่ามีทางเลือกมากมาย ลูกค้าไม่ต้องลงที่กรุงเทพฯ ก็ได้ สามารถไปใต้หวัน หรือไปฮ่องกง หรือไปภูเก็ตเลยก็ได้ จะเห็นได้ว่ามีการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าเป็นอย่างมาก เราจะใช้เกาหลีเป็นฮับของการท่องเที่ยวในเอเชีย ถือว่าเป็นการโปรโมทในหลายๆ ประเทศไปพร้อมๆ กัน"

ถ้าพูดถึงคู่แข่งที่ทำการตลาดลักษณะเดียวกับการบินไทย นายสุดเศวต กล่าวว่า โคเรียนแอร์ และเอเซียน่าใช้วิธีการตลาดคล้ายๆ กัน แต่ทั้งสองสายการบินดังกล่าวไม่มีเส้นทาง ไทเป-ฮ่องกง / ฮ่องกง-ไทเป ซึ่งทำให้การบินไทยได้เปรียบกว่า

สำหรับเรื่องราคานั้น การบินไทยถูกว่าโคเรียนแอร์และเอเซียน่า ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ แต่สายการบินไทยมีตารางการบินน้อยกว่า ซึ่งมีแค่ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์เท่านั้น ซึ่งทั้สองสายการบินมีตารางการบิน วันละ 3 เที่ยวต่อวัน อีกจุดหนึ่งที่สำคัญในกรณีที่ตารางการบินหากมีเวลาออกเดินทางใกล้กัน ระหว่างการบินไทยกับโคเรียนแอร์ หรือเอเซียน่า และถ้าสายการบินทั้ง 2 สายการบินไม่เต็ม จะทำการลดราคาขายเท่ากับการบินไทยทันที จุดนี้ทำให้การบินไทยเสียเปรียบเนื่องจากบินน้อย

อย่างไรก็ตามประเด็นดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายของการบินไทย เนื่องจากเครื่องเต็มตลอด แม้ว่าก่อนหน้านี้การบินไทย จะบินตรงแอล.เอ.-กรุงเทพฯ

สำหรับแผนงานต่อไปคือการเปิดเส้นทางสายการบินใหม่ แอล.เอ. - โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่นในเร็วๆ นี้

สำหรับตารางการบินของสายการบินไทยจาก LAX จะออกทุกวันจันทร์-พุธ-ศุกร์ และอาทิตย์ ในเวาลา 1.25 น. (กลางคืน) ถึงอินซอน 6.00 น. (เช้า) ออกจาก อินซอน 7.30 น. (เช้า) เดินทางถึงกรุงเทพฯ 11.15 น. (กลางวัน) ส่วนขากลับเครื่องจะออกจากสนามบินสุวรรณภูมิในวันอังคาร-พฤหัสบดี-เสาร์ และอาทิตย์ ในเวลา 14.20 น. (กลางวัน) ถึงอินซอน เวลา 21.45 น. (กลางคืน) ออกจากอินซอนเวลา 23.45 น. (กลางคืน) และถึงสนามบิน LAX ในเวลา 18.50 น. (ของวันเดียวกันที่เดินทางออกจากกรุงเทพฯ )

โดยในส่วนท้ายของงานทางเจ้าภาพการบินไทยและการท่องเที่ยวแห่งประเทศเกาหลีใต้ ได้ร่วมกันแจกของรางวัลแก่ผู้โชคดี โดยผู้ที่ไดรับรางวัลใหญ่เป็นตั๋วเครื่องบินฟรีจากการบินไทย คือ Joyce Hsu Travel Consultant จาก Travel Design USA, INC