ข่าว
“เสี่ยสมชาย” จ่าย 45 ล้าน เยียวยา ครอบครัว รองตี๋ กองปราบ

“เสี่ยสมชาย” ตีนผีเมาขับ ควักกระเป๋าจ่ายเยียวยาครอบครัว “รองตี๋” และภรรยา 45 ล้าน ทนายความเผยทุกวันนี้เจ้าตัวยังรู้สึกผิด เลิกดื่มเหล้า หันมาดื่มกาแฟ

จากกรณี นายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ อายุ 56 ปี เจ้าของบริษัท ไทยคาร์บอนแอนด์ การ์ไฟต์ เมาแล้วขับรถเบนซ์สปอร์ตพุ่งชนรถเก๋งของ พ.ต.ท.จตุพร หรือรองตี๋ งามสุวิชชากุล รอง ผกก.2 บก.ป. เสียชีวิตพร้อม นางนุชนาถ งามสุวิชชากุล ภรรยา และ ด.ญ.พิญาภา งามสุวิชชากุล อายุ 12 ปี ลูกสาวได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งนายสมชายออกมายอมรับผิดทุกอย่าง โดยไม่คิดจะหลบหนี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 23 พ.ค.62 ที่ สน.ศาลาแดง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ อายุ 56 ปี พร้อมนายวีรวุฒิ บำรุงใจ ทนายความ และครอบครัวของ พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล และ นางนุชนาถ งามสุวิชชากุล และเจ้าหน้าที่บริษัทประกันภัยของทั้ง 2 ฝ่าย เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.พิทักษ์ พูลพุทธา รอง สว.(สอบสวน) สน.ศาลาแดง พนักงานสอบสวนในคดีนี้เพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยค่าเสียหายและเงินดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิต

นายวีรวุฒิ กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุ ทางครอบครัวนายสมชายยืนยันว่าจะชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด รวมทั้งค่าเลี้ยงดูบุตรสาวทั้ง 2 คนของผู้เสียชีวิต วันนี้ครอบครัวของ พ.ต.ท.จตุพร และ นางนุชนาถ มาตกลงการชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งได้ข้อสรุปต่อหน้าพนักงานสอบสวนว่า ให้ดูแลค่าไร้อุปการะให้กับมารดาของ พ.ต.ท.จตุพร เป็นเงิน 2.5 ล้านบาท และให้ทางผู้ใหญ่ของนางนุชนาถอีก 2.5 ล้านบาท ส่วนนี้ได้ลงบันทึกประจำวันต่อหน้าพนักงาสอบสวนไว้เป็นหลักฐานแล้ว ส่วนลูกสาวทั้ง 2 คน จะมีการมอบเงินให้อีกจำนวนหนึ่ง โดย น.ส.ศุภาพิชญ์ งามสุวิชชากุล อายุ 15 ปี และ ด.ญ.พิญาภา งามสุวิชชากุล อายุ 12 ปี ซึ่งหายเป็นปกติและไปโรงเรียนได้แล้ว จะได้คนละ 15 ล้านบาท แต่เนื่องจากทั้งคู่เป็นเยาวชน ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ในวันพรุ่งนี้ตนจะต้องมีการยื่นเรื่องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลางให้เป็นผู้กำหนดคนดูแลจัดการทรัพย์สินทั้งหมดของเด็กทั้งสองคนจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ และจะโอนเงินให้ทันที แล้วกลับมาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานอีกครั้ง

นายวีรวุฒิ กล่าวต่อไปว่า ทุกวันนี้นายสมชายยังรู้สึกผิด ไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คนทุกวัน เพราะเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อแม่ เนื่องจากนายสมชายก็มีลูกสาว 2 คนที่ยังเรียนอยู่เช่นกัน

มารดาของ พ.ต.ท.จตุพร บอกว่า ลูกชายมีนิสัยชอบให้อภัยคน ลูกชายก็ต้องให้อภัยนายสมชายอย่างแน่นอน และถ้าขึ้นศาลฯ ก็จะแถลงศาลว่าไม่ติดใจใดๆ ให้ด้วย ทางนายสมชายก็ดูแลครอบครัวนี้อย่างดีที่สุด ดูแลทุกอย่างตั้งแต่ค่ารักษาพยาบาล ด.ญ.พิญาภา ประมาณ 1.5 ล้าน ซื้อรถฟอร์จูนเนอร์ใหม่ป้ายแดงให้ 1 คัน ดูแลเรื่องหนี้สินในบัตรเครดิตให้ทั้งหมด ให้ญาติทั้ง 2 ฝ่าย 5 ล้านบาท ค่าดูแลเด็กอีกคนละ 15 ล้านบาท และอื่นๆ อีก รวมแล้วเกือบ 45 ล้านบาท

“หากลูกสาวทั้ง 2 คนต้องการจะทำงานที่บริษัทของนายสมชายก็พร้อมที่จะรับเข้าทำงานทันที ทุกวันนี้นายสมชายเลิกดื่มเหล้า หันมาดื่มกาแฟ เลิกขับรถ แต่มีคนขับรถให้ อยากให้เรื่องนี้จบแบบสมบูรณ์และทุกฝ่ายพอใจมากที่สุด”

ด้าน ร.ต.อ.พิทักษ์ เปิดเผยว่า เบื้องต้นตำรวจส่งฟ้องนายสมชายทั้งหมด 5 ข้อหาตามเดิม ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้สั่งฟ้อง สาเหตุที่ล่าช้า เพราะเพิ่งสอบ ด.ญ.พิญาภา เพิ่งเสร็จ ในส่วนของคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายจะตกลงและพอใจกันตรงไหน ก็ต้องลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานต่อหน้าเจ้าพนักงานทุกครั้ง.

ในหลวง รัชกาลที่ 10 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯทรงเปิดประชุมรัฐสภา ส.ว. ส.ส.และ ทูตานุทูตรับเสด็จ

เมื่อเวลา 15.12 น. วันที่ 24 พ.ค. 2562 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดประชุมรัฐสภา ณ ห้องประชุมวิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ โดยมีสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และทูตานุทูต 134 คน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จอย่างพร้อมเพรียง

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสในการเปิดประชุมรัฐสภา ว่า “บัดนี้ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เสร็จสิ้นลง และมีการเรียกประชุมรัฐสภา พุทธศักราช 2562 แล้ว ข้าพเจ้าขอเปิดประชุมรัฐสภา เพื่อให้ทำหน้าที่นิติบัญญัติ ตั้งแต่วาระนี้เป็นต้นไป

ขอให้สมาชิกแห่งสภาพึงนึกถึงความสำคัญและความรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่อย่างจริงจัง เพราะการกระทำทุกอย่างของแต่ละคน จะมีผลโดยตรงถึงความมั่นคงของประเทศ และความสุขทุกข์ของประชาชน จึงจำเป็นที่ทุกคนจะต้องร่วมมือกัน ปฏิบัติภารกิจทั้งปวง โดยเต็มสติปัญญาความสามารถ ด้วยความสุจริต และด้วยความคิดพิจารณาอันสุขุมรอบคอบ หนักแน่นด้วยเหตุผลที่ถูกต้องเที่ยงตรง ตามหลักนิติธรรมและคุณธรรม ให้งานของชาติดำเนินก้าวหน้าไป โดยไม่ติดขัดและบังเกิดประโยชน์อันพึงประสงค์สมบูรณ์บริบูรณ์

ขออำนวยพรให้การดำเนินงานของรัฐสภาเป็นไปโดยเรียบร้อย สัมฤทธิ์ผล เป็นความผาสุกสวัสดิ์ และความวัฒนาถาวรแก่อาณาประชาราษฎร์และชาติบ้านเมือง ทั้งขอให้ทุกคนที่ประชุมร่วมกันอยู่ ณ ที่นี้ประสบความสุขความเจริญทุกเมื่อทั่วหน้ากัน” จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินกลับ.


‘ชูวิทย์’ โพสต์เจ็บ ‘งูเห่าร้อนๆจ้า’ แขวะลีลานักการเมืองสุดเร้าใจ

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ข้อความว่า

งูเห่าร้อนๆจ้า

เลือกประธานสภาแบบ “โหวตลับ” ละครการเมืองใกล้จบ ลีลานักการเมืองแต่ละคนสุดเร้าใจ ขนาดชาวบ้านอย่างเราๆ ท่านๆ ต้องมอบรางวัล “สุดสังเวชทองคำ” ให้ หลังการแสดงจบสิ้น

บทบาทเหนือชั้นอย่างมืออาชีพ เข้าถึงอารมณ์คนดูชนิดน้ำตาซึมว่า “ทำเข้าไปได้ยังไงวะ?”

ก่อนเลือกตั้ง นักการเมืองพูด :

– ผมพูดคำไหนคำนั้น ไม่เคยบิดพริ้ว

– ผมเป็นคนรักษาสัจจะวาจา

– ผมยึดมั่นในจุดยืนทางการเมือง

– ผมพูดชัดเจน ฟังชัดหรือยัง ?

– ผมต้องเลือกนายกฯ ที่มาจาก ส.ส.

– ฟังช้าๆ ชัดๆ อีกครั้ง … ผมไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ

หลังเลือกตั้งผ่านไป นักการเมืองพริ้ว :

– ผมลาออกจากหัวหน้าพรรคแล้ว ไม่ยุ่ง ไม่เกี่ยว ไม่มีหน้าที่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหัวหน้าคนใหม่ กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ทุกอย่างเป็นไปตามมติพรรค สมาชิกต้องปฏิบัติตาม ไม่มีแตกแถว

พรรคเก่าแก่วางหมากหลายชั้น ทำทีมีขั้นตอน เลือก “นายชวน” เป็นประธานสภา ประสบการณ์มากล้นเสียเพียงนั้น แต่เมื่อเหลียวหลังไปดูพรรคตัวเอง เกือบโดนฮุบไปเสียแล้ว เพราะลุงกำนันฮีโร่ตัวดี เล่นเกมใต้ดิน จนทำให้ตอนนี้แบ่งกันเป็น “ปลาคนละน้ำ”

ชวน บัญญัติ อภิสิทธิ์ จุรินทร์ เป็น “ปลาน้ำจืด”

พีระพันธุ์ ถาวร สาทิตย์ เป็น “ปลาน้ำเค็ม”

ปลาคนละน้ำจะเอาไปไว้บ่อเดียวกันได้หรือ? ถึงขนาดว่าวันนี้ขึ้นรถบัสไปเปิดสภายังไม่มองหน้ากัน

พรรคประชาธิปัตย์ ต้องขอบอก “สนิมนั้น เกิดจากเนื้อในตน” แท้ๆ

ส่วนเรื่องจัดตั้งรัฐบาล ลีลายังพริ้วไหว เปรียบเสมือน “น้ำกลิ้งบนใบบอน” เพราะมีพรายกระซิบบอกว่า งานนี้ประชาธิปัตย์ต้อง “ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม”

อันนี้ต่างกับพรรคชาติไทยพัฒนา เพราะ “รวดเร็วปานกามนิตหนุ่ม” ภาษาชาวบ้านบอก “นกกระจอกไม่ทันกินน้ำ” ขานรับร่วมรัฐบาลตั้งแต่ไก่โห่ แถมวันนี้เปิดสภา บรรดา ส.ส.พรรคหอบหิ้วเอารูปท่านบรรหารเข้าไปด้วย ขนลุกไปหมด เจตนารมณ์ชัดแจ้งแดงแจ๋ ไม่ต้องตอกย้ำว่าจะไปเข้าฝั่งไหน

โหวตหาประธานสภา บวก ลบ วิชาเลขในใจ อย่างเด็ก ป.1 ก็จะพบว่า มีจำนวนเกินจากกลุ่มพรรคพลังประชารัฐ และพรรคร่วมมาโหวตแจม เพราะมีงูเห่าเริ่มชูคอสลอนออกจากรัง

รอให้ถึงวันเลือกนายกฯ ต้องโหวตแบบเปิดเผย เที่ยวนี้งูเห่าโชว์ลำตัวดำเมี่ยมกันจะๆ

แค่เปิดสภาวันนี้ ก็ได้ดูบันเทิงการเมืองเห็น “ลุงมิ่ง” ย้ำ จับมือโชว์ว่าไม่ไปไหน ก็อาจเป็นว่า ลุงมิ่งเป็นแค่ลูกพรรค ลาออกจากหัวหน้าแล้ว ไปจับมือร่วมกันมันผิดตรงไหน?

ส่วนหัวหน้าพรรคคนใหม่ กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ก็ต้องทำตามมติพรรค (ใหม่ๆ)

ตามยุทธศาสตร์การเมืองของพรรคเก่าแก่ ที่เรียกว่า “ลาออกโมเดล”

พรรคเก่า พรรคใหม่ หัวดำ หัวขาว หัวหงอก เริ่มไม่รู้ว่าใครเป็นใคร

ตอนเลือกนายกฯ มีโปรโมชั่นแลกซื้อสุดคุ้ม ฟรีคูปอง ลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ ล้อมวงกันกิน “สุกี้คาบิเนต” ใส่มั่ว คั่วทุกอย่างเข้าหม้อเดียวกัน แล้วแบ่งทีมสวาปาม กินกันถึงใจพระเดชพระคุณ

ต่อไปคนไทย คงคิดเหมือนฝรั่งมังค่าที่อเมริกา อ่านข่าวการเมืองเพื่อความบันเทิงเริงรมย์

อย่าไปซีเรียส เหมือนได้อ่านหนังสือการ์ตูน “ซุปเปอร์แมน”


'ชวน' ยอมรับมติพรรค ส่งชิงปธ.สภา

24 พ.ค.62 ที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ โดยมี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค เป็นประธานการประชุม โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที จากนั้นได้เริ่มประชุมร่วมระหว่าง กก.บห.และ ส.ส.ของพรรค เพื่อซักซ้อมการเดินทางไปประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 25 พ.ค.นี้ ที่บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)

จากนั้นเวลา 20.45 น.นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคฯ แถลงภายหลังประชุมคณะ กก.บห.และมีมติส่ง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ชิงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฏร จากนั้นได้นำมติดังกล่าวเข้าที่ประชุมร่วมเพื่อให้ความเห็นชอบ ซึ่งผลปรากฏว่า เห็นชอบให้นายชวน เป็นบุคคลที่เหมาะสมจะเป็นผู้นำฝ่ายนิติบัญญัติ เนื่องจากนายชวน เป็นคนที่เป็นหลักให้แก่บ้านเมือง อีกทั้งเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต และไม่ทอดทิ้งประชาชน ซึ่งเชื่อมั่นว่าการโหวตในวันที่ 25 พ.ค.จะไม่มีสมาชิกโหวตสวน เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามมติพรรค

"ส่วนการตัดสินทางการเมืองร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นั้น ยังไม่มีการพูดคุย เพราะจะต้องดำเนินการด้านนิติบัญญัติให้เสร็จสิ้นเสียก่อน" นายราเมศ กล่าว

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในการประชุม กก.บห.มีการพิจารณาเพียงเรื่องเดียว คือ การส่งผู้ที่มีความเหมาะสมลงชิงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฏร ซึ่งมีชื่อให้พิจารณาเพียง 2 ชื่อ คือ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค และนายชวน แต่นายบัญญัติปฏิเสธที่จะรับตำแหน่ง ทำให้ทั้งนายจุรินทร์ และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ต้องไปเกลี้ยกล่อมยอมรับตำแหน่งนี้ ซึ่งกว่าจะตัดสินใจก็ใช้เวลานาน แต่ในที่สุดนายชวนก็ยอม เพื่อให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้

ด้าน นายชวน ให้สัมภาษณ์ถึงการเปลี่ยนใจยอมรับการถูกเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานสภาฯ ว่า มองถึงความจำเป็นหลายอย่าง ทั้งนี้ ขออย่าให้ตนพูดอะไรมากในเวลานี้ เพราะเป็นเพียงกระบวนการที่พรรคเพิ่งมีมติออกมาเท่านั้น ขอให้รอการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อเลือกประธานสภาฯ ก่อนดีกว่า เอาไว้เรื่องนั้นเสร็จก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน


ปชป.'หักคอ'พปชร.' ส่ง'ชวน' ชิงบัลบังก์ประธานสภาฯ

"ประชาธิปัตย์"เดินเกมรุก หักคอ"พปชร."ส่ง"ชวน หลีกภัย"ชิงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนรัฐสภา แทงกั๊กหากได้ตำแหน่งถึงจะมีมติร่วม-ไม่ร่วมรัฐบาล

การเปิดประชุมสภาแทนราษฎร โดยจะมีการโหวตเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานคนที่ 1 และ 2 สำหรับตำแหน่งประธานสภาฯ ถือเป็นตำแหน่งสำคัญในฝ่ายนิติบัญญัติ เพราะจะช่วยคุมเกมให้รัฐบาลในสภา หากไม่ได้มือที่ไว้ใจได้ก็จะทำให้การทำงานยากลำบาก ส่วนความเคลื่อนไหวเมื่อวานนี้ ( 24 พ.ค.) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือ ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวว่า สำหรับตำแหน่ง ประธานสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังประชารัฐยืนยันจะเสนอ นายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.ฉะเชิงเทรา เพียงคนเดียว ไม่สนับสนุน ส.ส.จากพรรคอื่น ภารกิจของเราคือทำให้ นายสุชาติ เป็นประธานสภาให้ได้ เพราะประธานสภาควรจะเป็นของพรรค ที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีด้วย ทั้งนี้ ไม่ทราบเรื่องที่มีข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) จะเสนอชื่อประธานสภาด้วย แต่พรรค พปชร.จะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค เพื่อขอมติในการเสนอประธานสภาในเย็นวันเดียวกันนี้ ตอนนี้เราให้ความสำคัญกับตำแหน่งประธานสภาเป็นหลัก แต่หากตกลงกับพรรคร่วมไม่ได้ ก็คงต้องไปรอดูผลโหวตกันในสภา ในวันที่ 25 พ.ค.นี้

ส่วนจะมีการล็อบบี้การโหวตหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เราจะเอาพรรคเราเป็นหลักก่อน เพราะมีตั้ง 115 เสียง ส่วนมีแต่เขาว่าพรรคประชาธิปัตย์ อาจร่วมรัฐบาลไม่ครบ 52 เสียงนั้น เราไม่สามารถก้าวล่วงได้ เพราะเป็นเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์ วันนี้เราจะมุ่งไปที่ตำแหน่งประธานสภาให้เรียบร้อยก่อน ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรี ถือว่ายังไกลไป ส่วนถ้าพรรคเพื่อไทยยกมือโหวตประธานสภาให้พรรคประชาธิปัตย์จะทำอย่างไรนั้นยอมรับว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เราก็ต้องทำต่อ” 'ขณะที่น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า วันนี้เป็นการหารือถึงแนวทางการทำงานของพรรค หลังเปิดสมัยประชุมรัฐสภาครั้งแรก รวมถึงพูดคุยเรื่องการโหวตประธานสภา ผู้แทนราษฎรในวันที่ 25 พ.ค. ทั้งนี้ การจะเลือกใครเป็นประธานสภานั้นเป็นสิ่งที่พรรคคิดอย่างรอบด้านและใช้เหตุผล เพราะการตัดสินใจไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งทั้งสองขั้วต่างมีนโยบายที่ดีทั้งนั้น แต่พรรคตัดสินใจเลือกที่คิดว่ามีปัญหาความวุ่นวายน้อยที่สุด สามารถนำสู่การปฏิบัติได้ และประเทศเดินไปได้ ซึ่งถือเป็นหลักสำคัญที่พรรคตัดสินใจ จึงขอประกาศว่า พรรคมีความเห็นร่วมกันจะเลือกแนวทางเดียวกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จึงจะยกมือให้พปชร.ในการเลือกประธานสภาฯส่วน 7 พรรคฝ่ายประชาธิปไตย ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อชาติ พรรคเศรษฐกิจใหม่ พรรคประชาชาติ พรรคพลังปวงชนไทย ประชุมร่วมกัน โดยยืนยัน 7 พรรคฝ่ายประชาธิปไตยจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการเลือกประธานสภาฯอย่างเป็นเอกภาพ

ด้านนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมพรรคว่า ที่ประชุมเสนอชื่อ นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาของพรรค เข้าชิงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทางพรรคเห็นว่าคนที่จะมาเป็นประธานสภาฯ ต้องเป็นคนที่เป็นหลักให้กับบ้านเมืองได้ โดย นายชวน ไม่เคยทอดทิ้งประชาชน ผ่านการทำงานการเมืองมามาก ดังนั้นการทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติจึงมีความเหมาะสม ส่วนการเข้าร่วมรัฐบาลพรรคยังไม่ได้มีการนำมาหารือในที่ประชุมพรรคแต่อย่างใดตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น ตนเองมองถึงความจำเป็นหลายอย่าง ทั้งนี้ขออย่าให้ตนพูดอะไรมากในเวลานี้ เพราะเป็นเพียงกระบวนการที่พรรคเพิ่งมีมติออกมาเท่านั้น ขอให้รอการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อเลือกประธานสภาฯก่อนดีกว่า เอาไว้เรื่องนั้นเสร็จก่อนแล้วค่อยมาคุยกันด้านแหล่งข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า พรรคพลังประชารัฐทั้ง 115 เสียง จะยกมือสนับสนุนให้นายชวน เป็นประธานสภาฯ โดยจะเสนอให้ นายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.ฉะเชิงเทรา แคนดิเดตของพรรค ดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ส่วนตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 2 เป็นโควตาของพรรคภูมิใจไทย ที่จะส่งให้ นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย เข้ามาดำรงตำแหน่ง

ทั้งนี้ มีรายงานข่าว ว่า พรรคประชาธิปัตย์ต้องการให้นายชวน ได้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานสภาฯอย่างเป็นทางการเสียก่อน จึงจะมีการพิจารณาว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ต่อไป .

ดังนั้น วันนี้คงรู้กันว่าใครจะขึ้นแท่นคุมบัลลลังก์"ประธานสภาผู้แทนราษฎร"เพราะนั่นหมายถึงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของฝ่ายนั้นไม่มีโอกาสพลิกโผ และต่อไปจะเป็นคนคุมเกมทั้งหมดในฝ่ายนิติบัญญัติ โดยเฉพาะการอภิปรายไม่ไว้วางใจในอนาคต

ขณะที่มีรายงานข่าวพรรคประชาธิปัตย์ แจ้งว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค รายงานผลการประสานงานกับพรรคการเมืองอื่นให้พรรคทราบ ว่า ตกลงกันในหมู่พรรคการเมืองที่เป็นพันธมิตรกันว่า เรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ จะถูกแยกส่วนกับเรื่องการร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาล ซึ่งพรรคต่างๆที่ตกลงกับพรรคประชาธิปัตย์ยินยอมให้เสนอชื่อนายชวน และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เท่านั้น แต่เมื่อนายบัญญัติยืนยันขอปฏิเสธ เพราะมีจุดยืนชัดเจนว่าไม่ต้องการมีส่วนสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ส่งผลให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค และนายเฉลิมชัย ไปขอร้องให้นายชวนยอมรับเป็นตัวแทนของพรรค ที่จะชิงเก้าอี้ดังกล่าวในการประชุมสภาฯวันที่ 25 พ.ค. ซึ่งสอดคล้องกับส.ส.พรรคอื่นที่เข้ามาสนับสนุนนายชวน ตอนที่ไปร่วมพิธีเปิดประชุมรัฐสภาที่กระทรวงการต่างประเทศอีกทั้ง เมื่อที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค และส.ส.มีมติยืนยันส่งชื่อนายชวนการเลือกประธานสภาฯ ทำให้นายชวนยอมเปลี่ยนท่าทีมารับในนาทีสุดท้าย โดยกล่าวในที่ประชุมว่าเพื่อมีส่วนรับผิดชอบและช่วยการเมืองให้ไปในทางที่ดีที่สุด รวมถึงสร้างความร่วมมือกับกลุ่มส.ส.ทุกพรรค

ปชป.'หักคอ'พปชร.' ส่ง'ชวน'ชิงบัลบังก์ประธานสภาฯ


พปชร. ดีลพรรคร่วมตั้ง รบ.ทะลุ 250 เสียง ยก ประธานสภาฯให้ ปชป.

"พลังประชารัฐ" ดีลพรรคร่วม รวมเสียงตั้ง รบ.ได้แล้วกว่า 250 เสียง ยกเก้าอี้ ปธ.สภา ให้ "ประชาธิปัตย์" วางตัว "สุชาติ" กันท่า หาก ปชป.เซย์โน โควตา รมต.ยังเกลี่ยไม่ลง "วิรัช" อ้าง เศรษฐกิจใหม่ เอาด้วย ปูดงูเห่า อนค.เลื้อยซบ

เมื่อวันที่ 24 พ.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ แจ้งว่า มีข่าวดี ในระหว่างการปฐมนิเทศ ส.ส.ใหม่ พรรคพลังประชารัฐ โดยกล่าวถึงความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลว่า ขณะนี้พรรคโชคดี ได้เสียงจากพรรคเศรษฐกิจใหม่ 5 เสียง ในการสนับสนุนตั้งรัฐบาล และอ้างว่า ยังมี ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) จะมาร่วมด้วยจำนวนหนึ่ง

ล่าสุด มีรายงานความเคลื่อนไหวจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) วานนี้ (23 พ.ค.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงษ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงแกนนำคนสำคัญ อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ได้นัดหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อเจรจาตำแหน่งรัฐมนตรี ให้เสร็จก่อนที่จะเปิดประชุมสภานัดแรก ในวันที่ 25 พ.ค.นี้ เพื่อเลือกตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งการเจรจาเรื่องดังกล่าวมีมาอย่างต่อเนื่อง

โดยคืนวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการพูดคัยกันจนถึงเวลา 23.00 น. แต่ปรากฏว่ายังไม่ได้ข้อยุติที่ลงตัวในบางกระทรวง ทำให้แกนนำต้องมาประชุมหารือกันต่อในช่วงเช้า 23 พ.ค.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ในส่วนตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร มีรายงานว่า มีความชัดเจนมาระยะหนึ่งแล้ว โดยพรรคพลังประชารัฐ จะมอบตำแหน่งดังกล่าวให้กับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โดยจะให้ นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ดำรงตำแหน่ง แต่ติดตรงที่ว่า มีบางกลุ่มในพรรคประชาธิปัตย์ ไม่สนับสนุน นายชวน ดังนั้น จึงทำให้แกนนำทั้งสองพรรคกำลังพูดคุยหาทางออก เกี่ยวกับความเห็นต่างภายในพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้เสียงเป็นเอกภาพ ในการลงมติตำแหน่งประธานสภาฯ

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ตำแหน่งประธานสภาฯ พรรคพลังประชารัฐ จะวางตัว นายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.ฉะเชิงเทรา เอาไว้ แต่ถ้าหากพรรคประชาธิปัตย์ ตัดสินใจร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ตำแหน่งประธานสภาฯ ก็จะยกให้พรรคประชาธิปัตย์ โดย นายสุชาติ อาจจะได้เป็นแค่รองประธานสภาฯ ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีในโควตาของพรรคต่างๆ นั้น มีรายงานข่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุยลงรายละเอียดกัน เนื่องจากยังมีระยะเวลาไปจนถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

นอกจากนี้ แหล่งข่าว ยังเปิดเผยว่า สำหรับตัวเลขการจัดตั้งรัฐบาลฝั่งพรรคพลังประชารัฐตอนนี้นั้น จากเดิมสามารถรวมได้ 252 เสียง แบ่งเป็น พรรคพลังประชารัฐ 115 คน พรรคประชาธิปัตย์ 52 คน พรรคภูมิใจไทย 51 คน พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) 10 คน พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) 5 คน พรรคชาติพัฒนา (ชพน.) 3 คน พรรคพลังท้องถิ่นไทย 3 คน พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2 คน พรรคเล็กอีก 11 พรรค ที่ได้ ส.ส.พรรคละ 1 คน รวม 11 คน

และล่าสุดพรรคเศรษฐกิจใหม่ 5 คน ไม่รวม นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ที่ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคไปเมื่อวานนี้ (23 พ.ค.) ก็จะรวมเป็น 257 คน อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่า อาจจะมีเสียง ส.ส.จากพรรคเพื่อชาติบางส่วน มาร่วมด้วย จำนวน 2-3 คน ก็จะทำให้ตัวเลข ส.ส.ในขณะนี้ของฝั่งพลังประชารัฐ มีอยู่ที่ 259-260 คน เกินครึ่งจากจำนวน ส.ส.ทั้งหมด ในสภา สำหรับจัดตั้งรัฐบาล

ธนาธร แต่งชุดขาวร่วมพิธี เปิดประชุมสภา หลังวิษณุโอเค เข้าร่วมได้

เมื่อเวลา 10.00น. วันที่ 24 ที่อาคารรัฐสภาใหม่ บรรยากาศในช่วงเช้า ได้มี สส.ทยอยกันเดินทางมาเพื่อลงทะเบียนเข้าร่วมงานรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา โดยสื่อมวลชนได้ให้ความสนใจไปที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ สส.บัญชีรายชื่อ ในกรณีการลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค รวมถึงกระแสข่าวว่าจะไปเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ

จากนั้น เวลา 12.00น. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ นางสาวพรรณิกา วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก็เดินทางมาเพื่อลงทะเบียนเข้าร่วมงานรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา เช่นเดียวกัน และได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนจำนวนมาก

จากนั้นบรรดา สส. ได้ทยอยขึ้นรถบัส เพื่อรอรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณฯ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนิน ทรงเปิดประชุมรัฐสภา วันที่ 24 พ.ค.62 เวลา 14.50 น. ณ ห้องประชุมวิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ

ก่อนหน้านี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์รับคำร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถือหุ้นสื่อ พร้อมมีมติเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ซึ่งจะสามารถเข้าร่วมพิธีเปิดสภาในวันนี้ได้หรือไม่ ว่า สถานที่ออกจะกว้างขวาง วันนี้ไม่ใช่ปัญหา แต่สิ่งสำคัญคือในวันที่ 25 พ.ค.นี้ ที่จะมีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรอย่างเป็นทางการและจะต้องมีการปฏิญาณตน

นายวิษณุ กล่าวต่อว่า “วันนี้นายธนาธร เป็นสมาชิก ส.ส. จึงสามารถเข้าร่วมพิธีเปิดสภาได้ ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร ปัญหาอยู่ในวันพรุ่งนี้ วันนี้ไม่ใช่ปัญหาเพราะบุคคลที่ไม่ได้เป็น ส.ส. ก็เข้าร่วมพิธีตามคำเชิญ ประกอบกับเลขาธิการสภาฯ ก็ระบุว่ายังไม่ได้รับผลคำวินิจฉัยจากศาลส่งมา เห็นข่าวแต่ทางหน้าสื่อ

อีกทั้งศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้สั่งเพิกถอนสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ของนายธนาธร เพียงแต่สั่งให้หยุดทำหน้าที่ นายธนาธรจึงไม่สามารถทำหน้าที่ ส.ส. โดยการโหวตในสภาได้ ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นปัญหาว่าจะขอใช้สิทธิปฏิญาณตนได้หรือไม่ และขอใช้สิทธิโหวตได้หรือไม่ ซึ่งการโหวตถือเป็นการทำหน้าที่ส.ส. ตรงนี้ไม่ได้ แต่การปฏิญาณตนก็ขึ้นอยู่กับเลขาธิการสภาฯ และประธานสภา”