“โควิด-19” คร่าชีวิตประชากรทั่วโลกไปแล้ว 5.8 แสนคน ติดเชื้อกว่า 13 ล้านคน สหรัฐป่วยวันเดียว 6.5 หมื่นคน แต่อีกด้านเริ่มมีข่าวดีเตรียมทดลองวัคซีนโควิดขั้นสุดท้าย27 กรกฎาคมนี้ โดยจะฉีดในอาสาสมัคร 3 พันคน ขณะที่ “โตเกียว”เตรียมยกระดับการเตือนภัยขั้นสูงสุด หลังยอดผู้ป่วยพุ่งเกินร้อยอย่างต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 ทั่วโลก ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 215,710 คน เสียชีวิตเพิ่ม 5,312 คน ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 13,457,458 คน เสียชีวิตสะสม 581,221 คน รักษาหาย 7,847,226 คน โดยประเทศที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากที่คือ สหรัฐอเมริกา ในจำนวน 65,421 คน ตามด้วยบราซิล 43,245 คน อินเดีย 29,842 คน ส่วนประเทศที่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นมากที่สุด คือประเทศบราซิลในจำนวน 1,341 คน รองด้วยสหรัฐ 929 คน อินเดีย 588 คน
ส่วนจำนวนยอดสะสมของแต่ละประเทศ สหรัฐยังคงติดเชื้อสูงสุดมากเป็นอันดับ 1 ในจำนวน 3,545,077 คน เสียชีวิต 139,143 คน รักษาหาย 1,600,195 คน อันดับที่ 2 ประเทศบราซิล ผู้ป่วยสะสมมีจำนวน 1,931,204 คน เสียชีวิต 74,262 คน รักษาหาย 1,213,512 คน อันดับ 3 ประเทศอินเดีย ผู้ป่วยสะสมมีจำนวน 937,487 คน เสียชีวิต 24,315 คน รักษาหาย 593,080 คน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของสหรัฐ มีความคืบหน้าไปอีกขั้น โดย บริษัทโมเดอร์นา ผู้พัฒนาวัคซีนร่วมกับสถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐ เตรียมทดลองวัคซีนขั้นสุดท้ายในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ โดยจะมีการฉีดวัคซีนในอาสาสมัครจำนวน 3 หมื่นคน ซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญที่สุด หลังจากทดลองฉีดวัคซีนในอาสาสมัคร 45 คนไปเมื่อเดือนมีนาคมแล้ว ผลปรากฏว่าวัคซีนสามารถกระตุ้นภูมิคุ้นกันของอาสาสมัครเหล่านี้ได้เท่ากับระดับภูมิคุ้มกันของผู้ที่รอดชีวิตจากโควิด-19 และไม่มีอาการรุนแรงจากผลข้างเคียงของวัคซีน
ที่รัฐฟลอริดาซึ่งเป็นหนึ่งในรัฐที่ยกเลิกมาตรการควบคุมโรคเป็นรัฐแรกๆ เมื่อวานนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 132 คน ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดเท่าที่เคยมีมา ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของสหรัฐเผยแพร่ผลการศึกษาระบุว่า การสวมหน้ากากอนามัยมีส่วนช่วยป้องกันการแพร่ระบาดได้
นายแดเนียล แอนดรูว์ มุขมนตรีรัฐวิกตอเรีย ประกาศจะใช้มาตรการจำกัดการเคลื่อนย้ายของผู้คนที่เข้มงวดขึ้น หากยังไม่สามารถควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ในเร็ววันนี้ ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทางการรัฐวิกตอเรียได้ใช้มาตรการปิดรัฐเป็นเวลา 6 สัปดาห์ไปแล้ว แต่กระนั้นในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ก็ยังมีผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นถึง 238 คน ทั้งนี้ ยังมีคนบางกลุ่มฝ่าฝืนคำสั่งปิดเมืองที่กำหนดให้ผู้คนต้องอยู่แต่ในบ้าน ยกเว้นออกมาทำกิจกรรมที่ได้รับอนุญาต ขณะที่รองผู้บัญชาการตำรวจรัฐวิกตอเรียเปิดเผยว่า มีการจับปรับผู้คนที่ฝ่าฝืนคำสั่งปิดเมืองไปแล้วกว่า 500 คน
ออสเตรเลียมีผู้ติดเชื้อสะสมที่ได้รับการยืนยันแล้วประมาณ 10,500 คน และมีผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แล้ว 111 คน โดยรายล่าสุดเป็นผู้หญิงวัยประมาณ 90 ปีเศษ และความเป็นไปได้ที่จะนำข้อจำกัดใหม่มาใช้ ก็ถือเป็นการดับความหวังของออสเตรเลียที่พยายามจะเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ หลังจากมาตรการชะลอการระบาดได้ทำให้ประเทศให้เข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสามทศวรรษ
ทางด้าน นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น ผู้นำนิวซีแลนด์กล่าวว่า นิวซีแลนด์จะต้องเตรียมพร้อมรับการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยแม้แต่ประเทศที่เคยเป็นต้นแบบในการต่อสู้กับโรค ขณะนี้ก็กลับมามีการติดต่อกันของโรคในชุมชนอีกครั้ง โดยรัฐบาลนิวซีแลนด์ได้กำหนดกรอบใหม่ในการต่อสู้กับไวรัสหากมีการพบป่วยรายใหม่ โดยที่ในขณะเดียวกันก็จะยังคงเดินตามกลยุทธ์หลักในการมุ่งกำจัดโรคให้หมดไป นิวซีแลนด์มีการติดต่อกันของโรคในชุมชนครั้งสุดท้ายเมื่อสองเดือนครึ่งที่ผ่านมา และนับจนถึงวันนี้นิวซีแลนด์มีผู้ติดเชื้อสะสมเพียงไม่ถึง 1,200 คน เสียชีวิต 22 คน
อังกฤษจะกำหนดให้ต้องสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะทุกแห่ง หลังจากเมื่อวานนี้รัฐบาลเพิ่งกำหนดให้ต้องสวมหน้ากากอนามัยในร้านค้าตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม เป็นต้นไป โดยขณะนี้ ทางการอังกฤษได้เริ่มเจรจากับกลุ่มตัวแทนนายจ้างรายใหญ่ไปบ้างแล้ว ในขณะที่รัฐบาลกำลังเตรียมแนวทางเพื่อหลีกเลี่ยงการระบาดระลอกสองของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยคาดว่า นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน จะจัดทำแนวทางสำหรับกลยุทธ์ในระยะยาวได้ในวันศุกร์นี้ ซึ่งจะรวมถึงรายละเอียดที่ว่าประเทศจะกลับมาทำงานอย่างไร โดยไม่เสี่ยงต่อการระบาดระลอกสอง
คำสั่งให้ต้องสวมหน้ากากอนามัยในร้านค้ากำหนดโทษปรับไว้ 100 ปอนด์ หรือประมาณ 3,900 บาท ซึ่งเป็นอัตราเดียวกันกับค่าปรับ หากไม่สวมหน้ากากอนามัยในระบบขนส่งสาธารณะ อย่างไรก็ตาม หากจ่ายค่าปรับภายใน 14 วัน ก็จะลดค่าปรับลงเหลือ 50 ปอนด์ หรือประมาณ 1,950 บาท
สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น จะยกระดับการเตือนภัยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เป็นระดับสูงสุด คือระดับ 4 ในวันนี้ หลังมีจำนวนผู้ติดเชื้อในเมืองหลวงพุ่งสูงเป็นสถิติใหม่ ญี่ปุ่นมีจำนวนผู้ป่วยใหม่รายวันเพิ่มสูงกว่าวันละ200คน ถึง 4 วัน ในช่วง 6 วันที่ ผ่านมา โดยเฉพาะเมื่อวันศุกร์ที่แล้วซึ่งมีผู้ป่วยใหม่ถึง 243 คน หลังจากไล่ตรวจคนงานในย่านบันเทิงของกรุงโตเกียว และพบว่ามีคนหนุ่มสาวในวัย 20 และ 30 ปีเศษ ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก
หนังสือพิมพ์อาซาฮี ระบุว่า การยกระดับการเตือนภัยเป็นระดับสูงสุด แสดงให้เห็นว่าการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กำลังขยายวงกว้างมากขึ้นในญี่ปุ่น
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจะมีการแถลงข่าวลาออกจากรัฐมนตรีของ 4 กุมาร ปรากฎว่านายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเดิมมีกำหนดมอบนโยบายการดำเนินงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง โครงการตรวจเพิ่มรายได้ให้กับสมาชิกกองทุนหมู่บ้านด้วยการท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดชุมพร ณ กองทุนหมู่บ้านบนดอย หมู่ที่ 7 ต.เขาทะลุ อ.สวี จ.ชุมพร ในวันนี้ ปรากฎว่านายสมคิด ได้ยกเลิกภารกิจทั้งหมด
วันที่ 16 กรกฎาคม 2563 นางสาวพรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ ระบุว่า "เราประชาชนขอยืนเคียงข้าง #คนระยองไม่ยอมจำนน ช่วยกันปกป้องคนที่กล้าทวงถามความจริงจากนายกฯ
ขอถามตำรวจ ใช้อำนาจอะไรมาควบคุมตัวประชาชนที่แสดงออกอย่างสันติ
ขอถามนายกฯ จะเป็นนายกฯของคนทุกคน หรือเป็นนายกฯเฉพาะของคนที่ชื่นชมตัวเอง"
สำหรับรูปภาพที่นางสาวพรรณิการ์ โพสต์นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า ระบุไว้ในเฟซบุ๊กว่า เป็นแกนนำเยาวชนตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย ที่ถูกจับขึ้นรถไป สภ.เมืองระยอง หลังชูป้ายหน้าจุดแรกที่นายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึง จ.ระยอง เมื่อวานนี้
16 กรกฎาคม 2563 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 ในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ยังไม่ท่าทีดีขึ้นโดยนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา จำนวนผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าจนตอนนี้ใกล้ถึง 30,000 คนแล้ว
ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต ได้ประกาศขยายมาตรการกักกันทั่วไปเพื่อควบคุมโรคออกไปอีก 2 สัปดาห์ หรือจนถึงสิ้นเดือนนี้ พร้อมเตือนว่าอาจยกระดับความเข้มงวดของมาตรการนี้อีก หากจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตไม่ลดลง
ปัจจุบันฟิลิปปินส์มีจำนวนผู้ป่วยสะสมจากโรคโควิด-19 เกือบ 60,000 คน รักษาหายแล้วประมาณ 20,000 คน และเสียชีวิตมากกว่า 1,600 คน เป็นอันดับ 2 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากอินโดนีเซีย
16 กรกฎาคม 2563 สำนักข่าวซินหัวรายงาน รัฐบาลสหราชอาณาจักรประกาศข้อบังคับให้ประชาชนสวมสิ่งปิดคลุมใบหน้า ขณะอยู่ในร้านค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตในอังกฤษ เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค. เป็นต้นไป โดยผู้ฝ่าฝืนกฎระเบียบใหม่จะถูกปรับเงินสูงสุด 100 ปอนด์ (ราว 3,900 บาท)
“หลักฐานจำนวนมากพบว่าการสวมสิ่งปิดคลุมใบหน้าในพื้นที่ปิดจะช่วยปกป้องบุคคลและผู้คนรอบข้างจากการติดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)” โฆษกประจำทำเนียบนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรเผย “นายกรัฐมนตรีประกาศชัดเจนว่าประชาชนควรสวมสิ่งปิดคลุมใบหน้าในร้านค้า และเราจะเริ่มใช้ข้อบังคับนี้ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค. เป็นต้นไป”
รายงานระบุว่าประชาชนในอังกฤษ สกอตแลนด์ และเวลส์ เริ่มหันมาสวมสิ่งปิดคลุมใบหน้าเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากทัศนคติต่อการสวมหน้ากากอนามัยที่เปลี่ยนไปทั่วโลก โดยผลสำรวจจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของสหราชอาณาจักร (ONS) ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคม พบว่าผู้ใหญ่เกินครึ่งสวมสิ่งปิดคลุมใบหน้าขณะอยู่นอกบ้าน
วอชิงตัน/ฮ่องกง (รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์/ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์) - ประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ แถลงว่า ได้ลงนามในกฎหมายและคำสั่งผู้บริหารยุติการให้สิทธิพิเศษแก่ฮ่องกงแล้ว ขณะที่สื่อสหรัฐจะย้ายพนักงานบางส่วนจากสำนักงานฮ่องกงไปสำนักงานกรุงโซล ของเกาหลีใต้ สะท้อนถึงความกังวลเรื่องกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่จีนบังคับใช้กับฮ่องกงเมื่อสองสัปดาห์ก่อนจะจำกัดเสรีภาพของสื่อมวลชน
ทรัมป์ระบุว่า ได้ลงนามในกฎหมายและคำสั่งผู้บริหารยุติการให้สิทธิพิเศษแก่ฮ่องกงแล้ว เพื่อลงโทษจีนที่กดขี่ประชาชนฮ่องกงด้วยการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติกับฮ่องกง ซึ่งนักวิจารณ์เกรงว่าเป็นการลิดรอนเสรีภาพ ทำให้หลังจากนี้ ฮ่องกงจะไม่ได้รับสิทธิพิเศษ ไม่ได้รับการปฏิบัติทางเศรษฐกิจแบบพิเศษ และไม่มีการส่งออกเทคโนโลยีที่อ่อนไหวต่อความมั่นคงให้กับฮ่องกงอีกต่อไปนอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้ลงนามในกฎหมายของสภาคองเกรสที่ให้ลงโทษธนาคารที่ทำธุรกิจกับเจ้าหน้าที่ของจีนที่ร่วมออกกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ด้วยขณะที่คำสั่งผู้บริหารดังกล่าวยังรวมถึงการยกเลิกการให้การปฏิบัติเป็นพิเศษแก่ผู้ถือหนังสือเดินทางฮ่องกงด้วยเช่นกัน
ความสัมพันธ์ของสหรัฐกับจีนเสื่อมทรามลงจากการระบาดของโรคโควิด-19 การอ้างกรรมสิทธิ์ของจีนในทะเลจีนใต้และการที่สหรัฐขาดดุลการค้าจีนเป็นจำนวนมหาศาลขณะที่ฮ่องกงกลับคืนสู่การปกครองของจีนเมื่อปี 2540 โดยยังคงมีกฎหมายคุ้มครองเสรีภาพในการพูด การชุมนุม และเสรีภาพของสื่อมวลชนไปจนถึงปี 2590 ขณะที่กฎหมายของความมั่นคงที่จีนนำมาใช้กับฮ่องกงเพิ่งมีผลบังคับใช้ ซึ่งนานาประเทศและบรรดานักวิเคราะห์มองว่ากฎหมายความมั่นคงของจีนฉบับนี้ทำลายสิทธิเสรีภาพของชาวฮ่องกง รวมทั้งทำลายคำมั่นสัญญาของจีนว่าจะปกครองฮ่องกงแบบหนึ่งประเทศสองระบบเมื่อครั้งที่จีนรับมอบฮ่องกงคืนจากอังกฤษ
ด้านกระทรวงต่างประเทศจีนแถลงยืนยันรัฐบาลจีนจะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ และพร้อมดำเนินมาตรการคว่ำบาตรสหรัฐ เพื่อตอบโต้เนื่องจากจีนถือว่าต่างชาติไม่มีสิทธิเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของฮ่องกงซึ่งเป็นของจีน
ในอีกด้านหนึ่ง หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ของสหรัฐ เผยว่า พนักงานมีปัญหาในการขอใบอนุญาตทำงานในฮ่องกง จึงจะย้ายทีมผู้สื่อข่าวดิจิทัลในฮ่องกงประมาณ 1 ใน 3ไปกรุงโซลในปีหน้า ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ฮ่องกงในเวลานี้ทำให้ตัดสินใจกระจายทีมข่าวไปในพื้นที่อื่น แต่จะยังคงพนักงานจำนวนมากไว้ในฮ่องกง และมุ่งมั่นรายงานข่าวในฮ่องกงและจีนต่อไป
ต้นปีนี้รัฐบาลสหรัฐเริ่มปฏิบัติต่อองค์กรสื่อใหญ่ของทางการจีน 5 แห่ง เป็นเสมือนสถานทูตต่างชาติ และลดจำนวนผู้สื่อข่าวที่ทำงานกับสื่อทางการจีนในสหรัฐลงจาก160 คน เหลือ 100 คน ทำให้จีนตอบโต้ด้วยการเพิกถอนใบอนุญาตของผู้สื่อข่าวชาวอเมริกันที่ทำงานให้กับนิวยอร์กไทมส์ วอลล์สตรีทเจอร์นัล และวอชิงตันโพสต์ ก่อนที่ใบอนุญาตจะหมดอายุในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ยังขับผู้สื่อข่าวสามคนของวอลล์สตรีทเจอร์นัลออกนอกประเทศ เป็นชาวอเมริกัน 2 คน ออสเตรเลีย 1 คน หลังจากลงบทความที่เรียกจีนว่าเป็นคนป่วยแห่งเอเชียอย่างแท้จริง
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012