ข่าว
สั่งคุ้มครองชั่วคราว "สาธิต เซกัล" ห้ามมิให้เนรเทศออกนอกประเทศ

เมื่อเวลา10.00 น. วันที่14มี.ค. ที่ศาลแพ่ง รัชดาฯ นายสาธิต เซกัล นักธุรกิจชาวอินเดีย มอบอำนาจให้ นายอาทิตย์ เซกาล น้องชาย เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ในฐานะผอ.ศรส. และคณะกรรมการพิจารณาคนเข้าเมือง เป็นจำเลยที่1-3ในความผิดฐานละเมิด โดยขอให้ศาลเพิกถอนมติหรือคำสั่งที่ศรส.เพิกถอนถิ่นที่อยู่อาศัยของโจทก์ และขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินคุ้มครองชั่วคราว ไม่ให้โจทก์ถูกจับกุมและถูกผลักดันส่งออกนอกราชอาณาจักรไทย จากกรณีที่ศรส.มีคำสั่งเพิกถอนถิ่นที่อยู่ของโจทก์ โดยศาลได้รับคำร้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ984/2557และมีคำสั่งไต่สวนฉุกเฉิน ซึ่งทนายโจทก์ได้นำพยานขึ้นเบิกความจำนวน2ปาก คือนายอาทิตย์ เซกาล และนายชุบ ชัยฤทธิ์ชัย ที่ปรึกษากฎหมายของนายสาธิต ขึ้นเบิกความต่อศาล

ต่อมาเวลา17.00น. วันเดียวกัน ศาลแพ่งมีคำสั่ง ห้ามมิให้จำเลยทั้ง3ดำเนินการผลักดันโจทก์ออกนอกราชอาณาจักร จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ส่วนคดีเพิกถอนถิ่นที่อยู่อาศัย ศาลนัดไต่สวนเวลา09.00น. วันที่ 26 พ.ค. ที่จะถึงนี้ หลังศาลมีคำสั่ง นายอาทิตย์ เซกาล น้องชายนายสาธิต เปิดเผยว่า เมื่อสมาชิกในครอบครัวได้รับความเมตตาจากศาลก็รู้สึกโล่งใจ หลังจากทราบคำสั่งศาลก็ได้โทรแจ้งแม่และพี่ชายทันที ซึ่งทั้งสองก็รู้สึกดีใจที่ศาลอนุญาตให้คุ้มครองชั่วคราว ตอนนี้พี่ชายอยู่กับแม่ที่บ้านในกรุงเทพฯถ้าแม่ไม่เห็นหน้าพี่ชายก็คงกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะที่ผ่านมาพี่ชายดูแลแม่อย่างใกล้ชิดมาตลอด ส่วนพี่ชายจะขึ้นเวทีกปปส.อีกหรือไม่นั้นตนไม่แน่ใจ ด้านนายชุบ ที่ปรึกษากฎหมายนายสาธิต กล่าวว่า วันนี้ศาลมีคำสั่งให้คุ้มครองชั่วคราวห้ามจับกุมโจทก์และนำตัวออกนอกราชอาณาจักรโดยระหว่างนี้นายสาธิตก็สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ แต่หากเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการจับกุมจะถือว่าละเมิดคำสั่งศาล.

แม่ทัพภาค 2 ชี้แจงข่าวป๋าเปรม เติมคำขวัญของ”กฤษณ์ สีวะรา”

เมื่อ 14 มี.ค. ที่ค่ายกฤษณ์สีวะรา จังหวัดทหารบกสกลนคร อ.เมือง จ.สกลนคร พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เดินทางไปเปิดอนุสาวรีย์ พล.อ.กฤษณ์ สีวะรา โดยพล.อ.เปรมวางพานพุ่มดอกไม้สด และพวงมาลัยด้านหน้าอนุสาวรีย์ จากนั้นก็เดินชมอย่างใกล้ชิด

โดยหลังจากเสร็จสิ้นพิธีการ พล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ในวันนี้พล.อ.เปรม เดินทางมาร่วมเปิดอนุสาวรีย์พล.อ.กฤษณ์ สีวะรา ที่ค่ายกฤษณ์สีวะรา จังหวัดทหารบกสกลนคร ก่อนเดินไปดูคำขวัญของพล.อ.กฤษณ์ บริเวณใต้ฐานอนุสาวรีย์ที่ระบุว่า ทหารเรายืนอยู่ในเกียรติยศที่สูงส่ง ที่ประชาชนคนไทยหวังเป็นที่พึ่งสุดท้ายของเขา จากนั้นได้ เรียกพล.อ.ภาณุมาศ สีวะรา ทายาทของพล.อ.กฤษณ์ มาสอบถามว่าควรเติมข้อความหรือลวดลายอะไรเพิ่มเติมไปบนป้ายคำขวัญหรือไม่ เนื่องจากบนป้ายมีพื้นที่ว่างอยู่ จากนั้นพล.อ.เปรมเรียกพล.ต.ธนากร จงอุตส่าห์ ผบก.จทบ.สกลนคร ให้มาช่วยกันดูป้าย แต่พล.ต.ธนากรติดภารกิจเตรียมงานถ่ายรูปหมู่อยู่ ตนจึงเดินเข้าไปรับฟังแทน ซึ่งในส่วนนี้อาจเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะตอนที่พล.อ.เปรมเรียกพล.ต.ธนากรใช้คำเพียงว่า ผบ. ผู้สื่อข่าวจึงอาจเข้าใจเป็น ผบ.ทบ.

จากการฟังคลิปข่าวพบว่า พล.อ.เปรม ได้เดินมาดูป้ายคำขวัญ ทหารเรายืนอยู่ในเกียรติยศที่สูงส่ง ที่ประชาชนคนไทยหวังเป็นที่พึ่งสุดท้ายของเขา ของพล.อ.กฤษณ์ดังกล่าว และพูดอย่างอารมณ์ดีขึ้นว่า "จะไปบอกผบ.ทบ.ให้มาอ่านดูตรงนี้" โดยพล.อ.เปรมพูดคำว่า "ผบ.ทบ." แต่ไม่ได้พูดซีเรียส พูดด้วยท่าทีแบบขำๆ ไม่จริงจัง


‘ชัชชาติ’ฉุน ตอกกลับ‘อภิสิทธิ์’ ประชาชนตัดสินเองใครดี-เลว

เมื่อวันที่ 14 มี.ค. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวตอบโต้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่านค้าน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า “เมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา ท่านอดีตนายกอภิสิทธิ์ ได้กรุณาให้เกียรติผมด้วยการให้สัมภาษณ์ทางช่อง BLUESKY ว่า “ทำไมเอาความแกร่งสุดในปฐพีไปรับใช้ระบบเลวร้าย ขอเรียนว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมเองไม่เคยพูดว่าใครดีหรือเลว ก็แค่พยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ตามความสามารถและกรอบกติกาที่มี ส่วนใครจะดีหรือเลว ท่านกับผมคงตัดสินแทนคนอื่นไม่ได้เพราะเราทั้งคู่มีส่วนได้เสีย ต้องให้ประชาชนเป็นคนตัดสินครับ”

ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 13 มีนาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ทาง บลูสกาย แชนแนล ถึง กรณีที่นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ รัฐมนตรีคมนาคม กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านหลังผ่านสภาก็หมดความรับผิดชอบของรัฐบาลแล้วว่า โดยระบบแล้ว สภากับรัฐบาลไม่ได้แยกกันอย่างเด็ดขาด และสภาได้พยายามเสนอแนวทางแก้ไขกฎหมายให้มีกระบวนการตรวจสอบให้ถูกต้องเหมือนกับกฎหมายงบประมาณ แต่รัฐบาลก็ไม่ยอม คุณชัชชาติอาจจะบอกว่าตนเองมีหน้าที่แต่ในส่วนงานคมนาคม ไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินที่เป็นงานของกระทรวงการคลัง แต่ควรจะมองถึงภาพใหญ่กว่านั้นด้วย เป็นเรื่องน่าเสียดายที่มีการยกย่องในโลกออนไลน์ให้เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในปฐพีแต่ไปรับใช้ระบบที่เลวร้าย

“แนว ของคุณชัชชาติก็จะบอกว่าผมมีหน้าที่จะสร้างรถไฟจะสร้างถนนส่วนเรื่องเงิน เรื่องอะไรนั้นไม่ใช่ส่วนของผมเป็นส่วนของกระทรวงการคลังซึ่งก็ถามว่าจริง มั้ย ก็ถูกนะ ในแง่การรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเอง แต่ว่าก็น่าเสียดายว่า ทำไมคุณชัชชาติไม่ดูภาพใหญ่กว่านั้น ไหนๆ ในเน็ตเขาก็บอก แข็งแกร่งที่สุดในปฐพีแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมเอาความแข็งแกร่งที่สุดในปฐพีไปรับใช้ระบบซึ่งมันเลวร้าย ทำไมไปปล่อยให้คนอื่นนั้น พูดง่ายๆ นะครับ กรณีนี้จะเรียกว่าเป็นการปล้นสิทธิ์ของประชาชนในการตรวจสอบ แล้วเพื่อเอาเงินมาให้ตัวเองใช้ ทำไมไม่มองในมุมนี้บ้าง”อภิสิทธิ์ กล่าว เมื่อวันที่ 14 มี.ค. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวตอบโต้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่านค้าน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า “เมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา ท่านอดีตนายกอภิสิทธิ์ ได้กรุณาให้เกียรติผมด้วยการให้สัมภาษณ์ทางช่อง BLUESKY ว่า “ทำไมเอาความแกร่งสุดในปฐพีไปรับใช้ระบบเลวร้าย ขอเรียนว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมเองไม่เคยพูดว่าใครดีหรือเลว ก็แค่พยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ตามความสามารถและกรอบกติกาที่มี ส่วนใครจะดีหรือเลว ท่านกับผมคงตัดสินแทนคนอื่นไม่ได้เพราะเราทั้งคู่มีส่วนได้เสีย ต้องให้ประชาชนเป็นคนตัดสินครับ”

ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 13 มีนาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ทาง บลูสกาย แชนแนล ถึง กรณีที่นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ รัฐมนตรีคมนาคม กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านหลังผ่านสภาก็หมดความรับผิดชอบของรัฐบาลแล้วว่า โดยระบบแล้ว สภากับรัฐบาลไม่ได้แยกกันอย่างเด็ดขาด และสภาได้พยายามเสนอแนวทางแก้ไขกฎหมายให้มีกระบวนการตรวจสอบให้ถูกต้องเหมือนกับกฎหมายงบประมาณ แต่รัฐบาลก็ไม่ยอม คุณชัชชาติอาจจะบอกว่าตนเองมีหน้าที่แต่ในส่วนงานคมนาคม ไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินที่เป็นงานของกระทรวงการคลัง แต่ควรจะมองถึงภาพใหญ่กว่านั้นด้วย เป็นเรื่องน่าเสียดายที่มีการยกย่องในโลกออนไลน์ให้เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในปฐพีแต่ไปรับใช้ระบบที่เลวร้าย

“แนวของคุณชัชชาติก็จะบอกว่าผมมีหน้าที่จะสร้างรถไฟจะสร้างถนนส่วนเรื่องเงินเรื่องอะไรนั้นไม่ใช่ส่วนของผมเป็นส่วนของกระทรวงการคลังซึ่งก็ถามว่าจริงมั้ย ก็ถูกนะ ในแง่การรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเอง แต่ว่าก็น่าเสียดายว่า ทำไมคุณชัชชาติไม่ดูภาพใหญ่กว่านั้น ไหนๆ ในเน็ตเขาก็บอก แข็งแกร่งที่สุดในปฐพีแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมเอาความแข็งแกร่งที่สุดในปฐพีไปรับใช้ระบบซึ่งมันเลวร้าย ทำไมไปปล่อยให้คนอื่นนั้น พูดง่ายๆ นะครับ กรณีนี้จะเรียกว่าเป็นการปล้นสิทธิ์ของประชาชนในการตรวจสอบ แล้วเพื่อเอาเงินมาให้ตัวเองใช้ ทำไมไม่มองในมุมนี้บ้าง”อภิสิทธิ์ กล่าว

พุทธะอิสระโพสต์ย้อนศร'ปู' อย่าใช้ข้อกฎหมายมาไล่ล่า

14 มี.ค.2557 จารกรณีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ความโดยสรุปว่า"อย่านำกฎหมายมาห้ำหั่นกัน" หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทขัดรัฐธรรมนูญ ต่อมาเฟซบุ๊กหลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) ได้โพสต์ข้อความว่า อย่าใช้ข้อกฎหมายมาไล่ล่ากัน

“อยากให้มองว่าเราทำเพื่อประเทศ ให้มองในมุมที่เจตนา อย่ามองการใช้ข้อ กฎหมายเป็นข้อลิดรอน หรือเป็นข้อที่จะตัดสิทธิ์ของทุกคนเลย แล้วอย่างนี้เราจะ ทำงานกันลำบาก การพัฒนาประเทศนั้นก็จะลำบาก เรามุ่งแต่ว่าทำทุกอย่างใช้ข้อกฎหมายในการจะตัดสิทธิ์ โดยไม่มองที่เจตนารมณ์ในเบื้องต้น ตรงนี้เราอยากให้ ได้เข้าใจ เราอยากได้ความยุติธรรม” (บทสัมภาษณ์ ยิ่งลักษณ์ น้ำตาซึม เงินกู้ 2 ล้านล้าน)

คุณธาริต เพ็งดิษฐ์ คุณได้ยินนายหัวของคุณพูดไหม คนระดับนายกรัฐมนตรีของ ประเทศไทย พูดอะไรแล้วทำไมลูกน้องของท่านนายกอย่างคุณ ซึ่งมี ตำแหน่งอธิบดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะยังไม่เชื่อฟังได้หรือ การออกหมายเรียกหมายจับผู้ชุมนุม กปปส. และแกนนำ รวมทั้งฉันด้วย คุณจะเอาอะไรมาเป็นบรรทัดฐานในการออกหมายเรียก ขอหมายจับ พวกคุณมารู้เจตนารมณ์ของพวกเราได้อย่างไร พวกเรามาชุมนุมกันเพราะมีเจตนารมณ์ ปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ป้องกันพวกทรราชทำร้ายทำลายความมั่นคงของ ชาติบ้านเมือง เราต้องการให้คนไทยทุกคนได้ตื่นจากความถูกหลอกหลอนจากระบบทรราช ที่พยายามทำให้ประเทศชาติและคนไทยอ่อนแอ จักได้ครอบงำได้ง่าย......

คิดแล้วรู้สึกสงสารคุณจริงๆ คุณกับฉันมันแตกต่างกันมาก ฉันสู้โดยไม่มีต้นทุน เลยไม่กลัวจะขาดทุน แต่พวกคุณสู้โดยมีต้นทุนสูงมาก จนพวกคุณยอมทุ่มทุกอย่าง เพื่อรักษามันไว้ โดยไม่สนใจว่า ใครจะเจ็บจะตาย ส่วนฉันไม่มีอะไร ไม่ได้อะไร ไม่เหลืออะไร พร้อมที่จะตายอยู่ทุกวัน แต่พวกคุณมีอะไรต่ออะไรมากมาย อีกทั้งยัง ไม่พร้อมที่จะตาย ยังเสียดายไปทุกเรื่อง ฉันกับคุณจึงต่างกัน ตรงนี้แหละ ที่เป็นข้อแตกต่างที่สามารถชี้ได้เลยว่า ชัยชนะ จะอยู่ข้างไหน


เจริญธรรม
พุทธะอิสระ
๑๔ มีนาคม ๒๕๕๗