ข่าว
"พุทธอิสระ" โพสต์ภาษาพ่อขุนราม เห็นด้วยคสช.ให้ "ปู" ไปต่างประเทศ

ภาษาพ่อขุนรามกันอีกที

เห็นอดีตนายกยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขออนุญาต คสช.พาลูกชายเดินทางไปต่างประเทศ ประชาชนคนรักความยุติธรรมต่างรับกันไม่ค่อยได้ วิพากษ์วิจารณ์ว่า คสช.เลือกปฏิบัติปล่อยให้คนทุจริตหนีลอยนวล ทำตัวเหนือปัญหาอย่างที่คุณเธอถนัด ฉันเลยต้องบอกว่า จะไปให้ราคาอะไรกับคนทุจริตคิดคด โกงได้แม้กระทั่ง ชาวไร่ ชาวนา

จำได้ไหม ณ เวทีแจ้งวัฒนะ ฉันเคยพูดเอาไว้ว่า “แผ่นดินนี้เป็นของพ่อกู ไอ้อีผู้ใดไม่เคยเคารพพ่อกู ก็ให้มันไปหาแผ่นดินอยู่ใหม่ ปล่อยให้มันตามพี่ชายมันไป เผื่อแผ่นดินที่กำลังสะเทือนเลื่อนลั่น ไหวหวั่นอยู่ทางภาคเหนือ อาจจะสงบลงได้ เพราะตัวจังไรออกไปจากแผ่นดิน”

ขออภัยที่ใช้สำนวนพ่อขุนราม แต่อยากจะเตือนใจ ให้สติผู้ที่ โวยวาย ตีโพยตีพาย เดือดร้อนกับการเดินทางออกนอกประเทศของอดีตนายกรัฐมนตรีเป็นธรรมชาติของคนหวาดระแวง กลัวความผิด ขืนอยู่อาจจะติดคุกแน่ๆ ไม่ว่าจะเป็น ปปช. กำลังจะชี้มูลส่งฟ้อง ศาลแพ่ง ศาลอาญา ที่ชาวนาเวทีแจ้งวัฒนะที่ส่งฟ้องเอาไว้ ตอนนี้ศาลกำลังพิจารณา ศาลแพ่งกำลังไกล่เกลี่ย ศาลอาญากำลังจะพิจารณามูลความผิด ผลลัพธ์ไม่ต้องพูดถึง เสียเงินชดใช้ และติดคุกยาวแน่ๆ เพราะทำให้ประเทศชาติ เสียเงิน 4 - 5 แสนล้าน แถมเป็นต้นเหตุให้ชาวนาต้องฆ่าตัวตายไปหลายคน ทำลายระบบการค้าข้าวไทยในตลาดโลกจนอันดับการค้าข้าวไทยตกต่ำสุดขีด ทำให้คุณภาพข้าวยอดแย่ที่สุดในโลก ตั้งแต่มีการปลูกข้าวมา

ปล่อยให้เธอไปเถอะพี่น้อง และหากเป็นไปได้ ใครที่มันไม่เคารพพระเจ้าอยู่หัว ไม่ยอมรับราชวงศ์จักรี ก็ให้มันพากันออกจากแผ่นดินไทยไปให้หมดยิ่งดี บ้านเมืองนี้จะได้สงบสุขเสียที


พุทธะอิสระ
18 กรกฎาคม 2557
'ยิ่งลักษณ์' ท้วง ป.ป.ช. กลับไทยแน่หลังทัวร์จบ

"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี แถลงโต้ "ป.ป.ช." กล่าวหาทุจริตจำนำข้าว ชี้ไม่ได้รับความเป็นธรรม เร่งชี้มูล แจงทัวร์นอกเดินทางเที่ยวส่วนตัว ยันกลับไทยแน่!

วันที่ 18 ก.ค. โรงแรมเอสซีปาร์ค ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และทีมทนายความออกแถลงกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว และการระบายข้าวของรัฐบาลที่ผ่านมา โดยตั้งข้อสังเกตว่า

1.กระบวนการยุติธรรมนั้นเป็นไปตามหลักนิติธรรมสากลหรือไม่ เพราะมองว่าเป็นการพิจารณาที่ เร่งรีบ รวบรัด โดยแจ้งข้อกล่าวใช้เวลาเพียง แค่ 21 วัน และหลังจากนั้นก็ชี้มูลความผิดอาญาต่อดิฉัน ภายใน 140 วันซึ่ง ป.ป.ช.ไม่เคยปฏิบัติกับคดีอื่นๆ ที่ดำเนินการกับนักการเมืองเช่นเดียวกับการปฏิบัติต่อดิฉัน เมื่อเทียบเคียงกับการดำเนินคดีกับการโครงการประกันราคาข้าว ที่ ป.ป.ช.ใช้เวลาในการดำเนินการนานไม่น้อยกว่า 4 ปี คดี ปรส. ที่ล่าช้า โครงการทุจริตโรงพักทั่วประเทศ ป.ป.ช. กลับไม่มีความคืบหน้า อันถือว่ามิได้มีบรรทัดฐานอย่างเดียวกัน 2. นอกจากนี้ ในการปฏิบัติ ของ ป.ป.ช. เมื่อเทียบกับคดีอื่น ๆ เห็นว่า คดีนี้มีพฤติการณ์ รวบรัด เป็นกรณีพิเศษดังนี้ - เลือกรับฟังพยานที่เป็นปฏิปักษ์ต่อตัวดิฉัน - ตัดสิทธิในกระบวนการยุติธรรม ในการเสนอพยานบุคคลที่เป็นส่วนสาระสำคัญ - ไม่รอผลการพิสูจน์เรื่องสต๊อกข้าวให้เป็นที่สิ้นสุด เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในเรื่องสต๊อกข้าว ทั้งๆ ที่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ไปร่วมสังเกตการณ์แล้ว - ไม่ไต่สวนในข้อเท็จจริง กรณีการลงบันทึกบัญชีที่ข้อแย้งและแตกต่างกันของคณะอนุกรรมการปิดบัญชี และคณะกรรมการ กขช.ให้เป็นที่สิ้นสุด - กรณีไม่พิจารณาการที่ดิฉันคัดค้าน นายวิชา รวม 3 ครั้ง

3.นโยบาย รับจำนำข้าว เป็นนโยบายระดับประเทศ นายกรัฐมนตรีในฐานะฝ่ายบริหาร เป็นเพียงผู้กำกับดูแลเท่านั้น ส่วนในระดับปฏิบัติการนั้นเป็นการทำงานของหน่วยงานต่างๆ หลายหน่วยงาน ซึ่งเป็นไปตามระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน โดยมีขั้นตอนและกระบวนการตรวจสอบที่ชัดเจน แต่ในข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช. กลับฟังความข้างเดียว ในขณะที่ความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังเห็นไม่ตรงกันในข้อเท็จจริง

4. นอกจากนี้การแถลงข่าวของ ป.ป.ช.ต่อสาธารณะที่ผ่านมา ยืนยันว่า คดีในเรื่องระบายข้าวไม่เกี่ยวข้องกับดิฉัน ทำให้ไม่ได้หยิบยกประเด็นดังกล่าวมาต่อสู้ และหักล้าง แต่ในข้อวินิจฉัยในการชี้มูลกลับนำข้อเท็จจริงในคดีระบายข้าวมาชี้มูลความผิดกับดิฉันด้วย

5. ที่ผ่านมาได้พยายามชี้แจงและร้องขอให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ไต่สวน และสอบพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องจำนวนหนึ่งเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงและเป็นธรรม แต่ ป.ป.ช. ปฏิเสธมาโดยตลอด ทั้งที่ข้อเท็จจริงอีกหลายเรื่อง เช่น ข้าวเสื่อมสภาพและข้าวหาย หน่วยงานที่ควบคุมดูแล สต๊อกข้าว ทั้ง องค์การคลังสินค้า อคส. และ องค์การ ตลาดเพื่อเกษตรกร อ.ต.ก.ได้ทำสัญญาต่างๆกับเจ้าของคลังสินค้า และบริษัทประกัน รับผิดชอบค่าเสียหาย หากเกิดกรณีข้าวสูญหาย และการเสื่อมสภาพข้าวที่ผิดปกติธรรมชาติ ดังนั้นการกล่าวอ้างเรื่องรัฐ มีความเสียหายจากข้าวหาย และข้าวเสื่อมคุณภาพ จึงเป็นการไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรมต่อดิฉันในฐานะผู้ถูกกล่าวหา

6. ขอตั้งข้อสังเกตว่า การกล่าวหาและการไต่สวนของ ป.ป.ช. ได้นำพยานหลักฐานและไต่สวนพยานที่เป็นปฏิปักษ์ต่อดิฉันและเลือกที่จะรับฟังพยานหลักฐานหรือไม่ ในขณะที่ดิฉันได้พยายามเสนอพยานหลักฐานต่างๆ แต่ ป.ป.ช.กลับละเลย และปฏิเสธที่จะไต่สวนและตรวจสอบข้อเท็จจริง

7. ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า จะเดินทางไปต่างประเทศเพื่อที่จะหนีคดีต่างๆ นั้น ขอยืนยันว่า การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางส่วนตัว และมีกำหนดการไปกลับที่ชัดเจน และมีการเตรียมการล่วงหน้า แล้วก่อนที่ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดอย่างเร่งด่วน

"วันนี้เป็นราษฎรเต็มขั้นแล้วควรจะมีสิทธิเสรีภาพแบบประชาชนคนไทยทั่วไป และจะไม่ทิ้งพี่น้องประชาชนคนไทย และพร้อมจะกลับมาสู่ประเทศไทย" นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ทีมทนายอดีตนายกรัฐมนตรี ได้แถลงการเพื่อทำความเข้าใจ โดยใช้สิทธิ์ทางกฎหมายในฐานะผู้กล่าวหา และชี้แจงในฐานะผู้ถูกกล่าวหา ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง เพื่อให้เกิดข้อมูลทั้งสองด้าน ต่อกระบวนการในการดำเนินคดี กรรมการ ป.ป.ช. โดยยืนยันว่า ข้อกล่าวหาต่างๆ รวมถึงที่ว่าอดีตนายกฯไม่ยับยั้งโครงการ ขอเรียนว่าโครงการนี้เป็นโครงการได้หาเสียงกับประชาชน และได้รับการยอมรับจากประชาชน การดำเนิาการครั้งนี้ รัฐบาลได้ดูแลนโยบาย เมื่อทราบว่ามีผู้ทุจริต ก็ได้ดำเนินการแล้วกว่า 300 ราย เพื่อป้องกันการทุจริต ไม่มีการยกเว้น ทำให้การถูกกล่าวไม่ได้รับความเป็นธรรม


สหรัฐฯ เร่งตรวจสอบวิถีโคจร ‘MH17’ โดนขีปนาวุธยิงตก

สหรัฐฯ เผย เรดาร์ยืนยัน ‘เอ็มเอช 17’ โดนขีปนาวุธแบบภาคพื้นสู่อากาศสอยร่วง ทางตะวันออกของยูเครน ตายหมดลำ รวม 298 ชีวิต เร่งตรวจสอบวิถีโคจรถูกยิงมาจากทิศทางไหน ขณะที่นายกฯ มาเลเซีย วอนนานาชาติส่งทีมกู้ภัยไปยังจุดเครื่องบินตก

เมื่อวันที่ 18 ก.ค. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าโศกนาฏกรรมเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 777-200 อีอาร์ ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน เอ็มเอช 17 ประสบเหตุตกทางภาคตะวันออกของประเทศยูเครน เมื่อค่ำวันพฤหัสบดีที่ 17 ก.ค. (ตามเวลาในประเทศไทย) หลังนำผู้โดยสารและลูกเรือ รวม 298 ชีวิต ทะยานออกจากท่าอากาศยานกรุงอัมสเตอร์ดัม เมืองหลวงประเทศเนเธอร์แลนด์ มุ่งหน้าสู่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ของมาเลเซีย เป็นเหตุให้ผู้คนบนเครื่องเสียชีวิตหมดทั้งลำว่า แหล่งข่าวของสหรัฐฯ ยืนยัน เครื่องบินโดยสารของมาเลเซีย แอร์ไลน์สลำนี้ ถูกขีปนาวุธยิงตกตามที่มีการสันนิษฐานกัน จนนับเป็นโศกนาฏกรรมร้ายแรง ครั้งที่ 2 ที่เกิดกับเครื่องบินโดยสารของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ในช่วงเวลาเพียงแค่ 4 เดือน

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐฯ เปิดเผยกับบาร์บารา สตาร์ ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นถึงเหตุผลที่ทำให้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ มั่นใจว่าเอ็มเอช 17 ถูกยิงตก ว่า เนื่องจากระบบตรวจจับสัญญาณของเรดาร์ ของสหรัฐฯ พบเครื่องบินถูกยิงโดยขีปนาวุธ แบบภาคพื้นสู่อากาศ ก่อนเครื่องจะตก อีกทั้งระบบเรดาร์อันที่ 2 ยังแสดงให้เห็นว่ามีสัญญาณความร้อนเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เครื่องบินถูกยิงด้วย

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็นด้วยว่า ทางเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ กำลังวิเคราะห์ถึงวิถีโคจรของขีปนาวุธลูกนี้อยู่ว่าถูกยิงมาจากทิศทางไหน ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯเชื่อว่า กลุ่มติดอาวุธในยูเครน ไม่มีศักยภาพพอที่จะยิงเครื่องบินที่บินในระดับสูงถึง 10,000 เมตร (10 กม.) ตกได้

ด้านนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค แห่งมาเลเซีย ที่ต้องเผชิญหน้ากับการรับมือโศกนาฏกรรมทางการบินครั้งที่ 2 หลังจากเที่ยวบินเอ็มเอช 370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สซึ่งหายสาบสูญ เมื่อวันที่ 8 มี.ค. ยังคงเป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้ โดยนายกรัฐมนตรีราซัค แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อ 17 ก.ค.ว่า นักบินประจำเครื่องไม่ได้แจ้งขอความช่วยเหลือใดๆ มายังหอควบคุมการบินเลย พร้อมกันนั้น ผู้นำแดนเสือเหลืองยังได้กล่าววิงวอนขอความช่วยเหลือไปยังนานาประเทศให้ช่วยเหลือในการส่งทีมกู้ภัยเข้าไปในจุดที่เครื่องบินตกด้วย

ทั้งนี้ เครื่องบินโดยสารมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบินเอ็มเอช 17 ประสบเหตุตกใกล้หมู่บ้านกราโบโว แคว้นโดเนตสก์ ทางภาคตะวันออกของประเทศยูเครน ซึ่งอยู่ภายใต้การยึดครองของกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดน หลังออกเดินทางจากกรุงอัมสเตอร์ดัม เมื่อเวลา 12.15 น. ของวันที่ 17 ก.ค.(ตามเวลาท้องถิ่น) และมีกำหนดถึงกรุงกัวลาลัมเปอร์ ในเวลา 06.10 น. ของวันที่ 18 ก.ค. (ตามเวลาท้องถิ่น) แต่สุดท้าย กลับต้องมาตกที่แคว้นโดเนตสก์ ในเวลา 21.15 น. ของคืนวันที่ 17 ก.ค. ตามเวลาในประเทศไทย

ขณะที่บรรรยากาศที่ท่าอากาศยานสกีปอล ในกรุงอัมสเตอร์ดัม และท่าอากาศยานในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เต็มไปด้วยความโศกเศร้า เนื่องจากบรรดาญาติผู้โดยสาร รวมทั้งประชาชน และเจ้าหน้าที่สนามบินและสายการบินต่างๆ ต่างติดตามข่าวความคืบหน้าของเหตุการณ์เครื่องบินโดยสารของมาเลเซียแอร์ไลน์ส ประสบเหตุตกที่ยูเครน ด้วยความเศร้าสลด


ชูวิทย์ โพสต์ : เวลาเปลี่ยน ความยุติธรรมเปลี่ยน

วันที่ 18 ก.ค. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก http://www.facebook.com/ChuvitOnline ดังนี้

เวลาเปลี่ยน ความยุติธรรมเปลี่ยน

นี่คือธรรมชาติของคำว่า "ยุติธรรม" ในการเมืองไทย ที่คุณยิ่งลักษณ์ต้องเข้าใจ

1. ความยุติธรรมไม่ได้ถูกใช้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน

2. ความยุติธรรมไม่ได้มีมาตรฐานเดียวกัน

3. ความยุติธรรมเปลี่ยนแปลงได้ เมื่อสถานะเปลี่ยนไป

4. ความยุติธรรมไม่ได้มาจากข้อเท็จจริง แต่มาจากปลายปากกาของผู้มีอำนาจ

5. ความยุติธรรมไม่ได้มาจากการร้องขอ

6. ความยุติธรรมไม่ได้มาจากพยานหลักฐาน และสามารถเปลี่ยนแปลงได้

ส่วนเรื่องการทัวร์ยุโรปของคุณยิ่งลักษณ์ ผมไม่ทราบว่าจะกลับมาหรือไม่ แต่แน่นอนว่าเรื่องนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับความยุติธรรม

ปลดแล้ว "น้ำเพชร" รองมิสยูนิเวิร์สไทย

เมื่อวันที่ 18 ก.ค. ได้มีกระแสการปลด น้ำเพชร น.ส.สุณัณณิการ์ กฤษณสุวรรณ รองอันดับ 2 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2557 โดยอินสตาแกรมที่ใช้ชื่อว่า amikan_amy ซึ่งเป็นตั้งขึ้นโดยผู้ที่แอนตี้น้องน้ำเพชรได้ขึ้นข้อความว่า “น้ำเพชร รองอันดับ 2 MUT2014 ถูกปลดออกจากตำแหน่งเป็นที่เรียบร้อยแล้วคะแอดมินขอขอบพระคุณกองประกวด MUT มา ณ .ที่นี้ด้วยขอบคุณที่ทำถูกต้องเหมาะสม คืนตำแหน่งและเวทีอันทรงเกียรติคืนสู่พวกเราทุกคน” หลังจากที่ก่อนหน้าที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมกับตำแหน่งมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาร่วม 2 เดือน

ซึ่งเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2557 ไม่เพียงแต่เกิดกรณีน้องน้ำเพชรเท่านั้น เพราะหลังจากค่ำคืนการตัดสิน เมื่อ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา น้องฝ้าย น.ส.เวฬุรีย์ ดิษยบุตร มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2557 ก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกอินเตอร์เน็ตในทันที ทั้งในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก รวมทั้งอินสตาแกรมของน้องฝ้าย ที่มีผู้เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ ในเรื่องสัดส่วนรูปร่างน้องฝ้าย รวมทั้งยังการขุดคุ้ยภาพเก่า การโพสต์ข้อความที่ไม่สุภาพในโซเชียลเน็ตเวิร์ก ซึ่งมีผู้แคปชั่นข้อความและรูปภาพต่างๆ เอาไว้เป็นหลักฐาน โดยมีภาพหลุดที่น้องฝ้ายเป่าลูกโป่ง ซึ่งมีลักษณะคล้ายบารากู่ ซึ่งน้องฝ้ายได้ก็ได้ออกแถลงข่าวขอโทษ แต่สุดท้ายรับแรงกดดันจากกระแสสังคมไม่ไหว จึงต้องขอสละตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ไป

ขณะที่น้องน้ำเพชร ก็มีกระแสในเรื่องของการโกงอายุเพื่อเข้าประกวดนางงาม และการรับงานเป็นพริตตี้ในแนววาบหวิวก่อนที่จะเข้ามาประกวด ซึ่งก็ออกมาชี้แจงและออกมาขอโทษเรื่องรูปที่ออกมา แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ได้มีภาพของน้องน้ำเพชรในลักษณะที่หวือหวามากกว่าเดิม ซึ่งเป็นภาพชุดที่น้องน้ำเพชรนั่งคร่อมในรถยนต์ รวมทั้งนั่งบนตักผู้ชาย จนกลายเป็นประเด็นในสังคม ถึงความเหมาะสมของการรับตำแหน่งของน้องน้ำเพชรอย่างไม่ขาดสาย แต่ทางกองประกวดยังคงยืนยันสถานะว่ายังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น

ทั้งนี้แหล่งข่าวภายในได้แจ้งว่า ได้ปลดน้องน้ำเพชรจากตำแหน่งแล้ว แต่จะไม่มีการตั้งโต๊ะแถลงข่าวใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งคาดว่าภายใน 1-2 วัน จะมีประกาศทางเว็บไซต์ www.missuniversethailand.com ถึงความคืบหน้าที่เกิดขึ้น


คสช.ประกาศเตือนสื่อ งดวิพากษ์วิจารณ์คสช.

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 97/2557

เรื่อง การให้ความร่วมมือต่อการปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ

เพื่อให้การปฎิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเพื่อให้การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารไปสู่ประชาชนเป็นไปด้วยความถูกต้อง ปราศจากการบิดเบือนและความเข้าใจผิดอันจะส่งผลกระทบต่อการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีประกาศ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ให้ยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ดังต่อไปนี้

(1) ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่14/2557 เรื่องห้ามสร้างความขัดแย้งหรือต่อต้านการปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557

(2) ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 18/2557 เรื่องการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557

ข้อ 2 ห้ามมิให้บุคคลใด รวมทั้ง บรรณาธิการ พิธีกร สื่อมวลชน และเจ้าของกิจการสื่อสิ่งพิมพ์ รายการวิทยุโทรทัศน์ และรายการวิทยุกระจายเสียง เชิญบุคคลหรือ กลุ่มบุคคลที่เป็นนักวิชาการ หรือผู้ที่เคยเป็นข้าราชการ รวมทั้งผู้ที่เคยปฏิบัติงานในศาลและกระบวนการยุติธรรมตลอดจนองค์กรอิสระ มาให้สัมภาษณ์หรือแสดงความคิดเห็นในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดหรือขยายความขัดแย้ง บิดเบือน และสร้างความสับสนให้กับสังคม รวมทั้งอาจนำไปสู่การใช้ความรุนแรง

ข้อ 3 ผู้ประกอบกิจการและผู้ให้บริการด้านสื่อมวลชนทุกประเภททั้งที่เป็นของราชการและเอกชน ไม่ว่าจะเป็นสถานีวิทยุโทรทัศน์กระจายเสียง สถานีโทรทัศน์ภาคพื้นดิน สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เคเบิล โทรทัศน์ระบบดิจิตอลและโทรทัศน์อินเตอร์เน็ต หนังสือพิมพ์ วารสาร หรือ สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ รวมทั้งผู้บริการด้านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภทอันรวมถึงการสื่อสารทางสังคมสื่อออนไลน์ มีหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารตามที่ได้รับแจ้งจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ทั้งนี้ ให้บุคคลดังกล่าวรวมทั้งบุคคลอื่นใดงดเว้นการนำเสนอข้อมูลข่าวสารในลักษณะ ดังต่อไปนี้

(1) ข้อความอันเป็นเท็จ หรือที่ส่อไปในทางหมิ่นประมาท หรือสร้างความเกลียดชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ องค์รัชทายาท และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์

(2) ข่าวสารที่จะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ รวมทั้งหมิ่นประมาทบุคคลอื่น

(3) การวิพากษ์ วิจารณ์การปฎิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เจ้าหน้าที่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง

(4) ข้อมูลเสียง ภาพ วีดิทัศน์ ความลับของการปฏิบัติงานของหน่วยงานราชการต่างๆ

(5) ข้อมูลข่าวสารที่ก่อให้เกิดความสับสน ยั่วยุ ปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง หรือสร้างให้เกิดความแตกแยกในราชอาญาจักร

(6) การชักชวน ซ่องสุม ให้มีการรวมกลุ่มก่อการอันเกิดการต่อต้านเจ้าหน้าที่และบุคคลที่เกี่ยวข้องของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

(7) การขู่จะประทุษร้ายหรือทำร้ายบุคคล อันนำไปสู่ความตื่นตระหนก หวาดกลัวแก่ประชาชน

ข้อ 4 ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและข้าราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทย ตลอดจนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัด ระงับการชุมนุมหรือกิจกรรมที่ต่อต้านการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติในโอกาสแรก ทั้งนี้ หากเกินขีดความสามารถให้รายงานให้ผู้บังคับหน่วยงานในพื้นที่ใกล้เคียงทราบเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

ข้อ 5 ในกรณีที่ปรากฏว่าบุคคลใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อ 2 หรือ ข้อ 3 ให้ระงับการจำหน่าย จ่าย แจก หรือเผยแพร่สื่อสิ่งพิมพ์ รวมทั้งการออกอากาศของรายการดังกล่าวโดยทันที และให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายที่กำหนดความผิดฐานนั้นดำเนินการตามกฎหมาย

ข้อ 6 การกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 14/2557 เรื่องห้ามสร้างความขัดแย้งหรือต่อต้านการปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 18/2557 เรื่องการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 ซึ่งได้กระทำก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับและยังคงอยู่ระหว่างการดำเนินการตามกฎหมายในวันที่ประกาศนี้ใช้บัคับให้ยังคงเป็นความผิดและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ประกาศณ วันที่ 18 กรกฎาคม พุทธศักราช 2557

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ