2 พ.ค.62 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน สำนักพระราชวังเคนซิงตัน ในอังกฤษ เผยแพร่พระรูปเจ้าหญิงชาร์ลอตต์ พระธิดาองค์ที่ 2 ในเจ้าชายวิลเลียมและดัชเชสแคเธอรีน ดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ พระชันษาครบ 4 ปี ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2562
โดยเจ้าหญิงชาร์ลอตต์ ทรงเป็นรัชทายาทลำดับที่ 4 ของราชวงศ์อังกฤษ และทรงเป็นพระธิดาพระองค์กลาง ระหว่างเจ้าชายจอร์จ (พระเชษฐา) ที่มีพระชนมายุ 5 พรรษา และเจ้าชายลูอีส์ (พระอนุชา) ที่มีพระชนมายุ 1 พรรษา ทั้งนี้สำนักพระราชวังเคนซิงตันเผยว่า พระฉายาลักษณ์ทรงฉายโดยเจ้าหญิงแคทเธอรีนเมื่อเดือนที่แล้ว ขณะทรงประทับ ณ พระราชวังเคนซิงตัน ในกรุงลอนดอน และที่พระตำหนักอันเมอร์ ฮอลล์ ในมณฑลนอร์ฟอล์ก
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เพื่อความเป็นสวัสดิมงคลของประเทศชาติ เป็นที่ปลาบปลื้มปีติยินดีของพสกนิกรโดยทั่วกัน โดยมีกำหนดการพระราชพิธีเป็น 3 ช่วง คือ พระราชพิธีเบื้องต้น เบื้องกลาง และเบื้องปลาย ดังนี้
6 เมษายน ฤกษ์เวลา 11.52-12.38 น. พิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์พร้อมกันทั่วประเทศ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ในกรณีจังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์มากกว่า 1 แหล่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดจะพิจารณามอบหมายให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดหรือหัวหน้าส่วนราชการเป็นประธานตามลำดับ ส่วนพิธีพลีกรรมตักน้ำสำหรับจัดทำน้ำสรงพระมุรธาภิเษก กระทรวงมหาดไทยมอบหมายให้ผู้บริหาร คือ ปลัดกระทรวง และรองปลัดกระทรวง เป็นประธาน
8 เมษายน ฤกษ์เวลาเวลา 17.10-22.00 น. พิธีทำน้ำอภิเษก ณ พระอารามหลวงประจำจังหวัด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ส่วนพิธีจัดทำน้ำสรงพระมุรธาภิเษกใน 6 จังหวัด กระทรวงมหาดไทยมอบหมายให้ผู้บริหาร คือ ปลัดกระทรวง และรองปลัดกระทรวง เป็นประธาน
9 เมษายน ฤกษ์เวลา 12.00 น. เวียนเทียนสมโภชน้ำอภิเษก ณ พระอารามหลวงประจำจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานฝ่ายฆราวาส
10 เมษายน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชิญคนโทน้ำอภิเษกจากแต่ละจังหวัดไปเก็บรักษาที่กระทรวงมหาดไทย
18 เมษายน ฤกษ์เวลา 10.00 น. ขบวนแห่เชิญน้ำอภิเษกเริ่มเคลื่อนขบวนจากกระทรวงมหาดไทยไปยังวัดสุทัศนเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร ผู้ที่อยู่ในขบวนแห่ประกอบด้วย ขบวนดุริยางค์กองทัพบก ขบวนธงชาติ รถแห่น้ำอภิเษก คณะผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ผู้เชิญคนโท ข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการทุกจังหวัด รถตำรวจนำขบวนและปิดท้ายขบวน
ฤกษ์เวลา 17.19-21.30 น. ทำพิธีเสกน้ำอภิเษกรวม ณ วัดสุทัศนเทพวรารามฯ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
19 เมษายน ฤกษ์เวลา 07.30 น. ริ้วขบวนแห่เชิญคนโทน้ำอภิเษก จำนวน 86 ใบ จากวัดสุทัศนเทพวรารามฯ ไปยังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ริ้วขบวนแห่ประกอบด้วย ขบวนดุริยางค์กองทัพเรือ ขบวนธงชาติ ผู้เชิญพานดอกไม้ธูปเทียนแพ พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงมหาดไทย ผู้เชิญพุ่มทอง-พุ่มเงิน พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัด รถแห่น้ำอภิเษก คณะผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ผู้เชิญคนโท ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจกระทรวงมหาดไทย ขบวนดุริยางค์กองทัพอากาศ
22-23 เมษายน พิธีจารึกพระสุพรรณบัฏ จารึกดวงพระบรมราชสมภพ แกะพระราชลัญจกร และจารึกพระสุพรรณบัฏพระบรมวงศ์ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
# พระราชพิธีเบื้องกลาง
2 พฤษภาคม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงถวายราชสักการะพระปฐมบรมราชานุสรณ์ (รัชกาลที่ 1) สะพานพระพุทธยอดฟ้า, พระบรมราชานุสรณ์ ร.5 พระลานพระราชวังดุสิต และทรงบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
3 พฤษภาคม ฤกษ์เวลา 10.00 น. ประกาศการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เชิญพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ พระราชลัญจกร จากวัดพระศรีรัตนศาสดารามไปยังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระบรมมหาราชวัง
4 พฤษภาคม ฤกษ์เวลา 10.00 น. ทรงสรงมุรธาภิเษก ณ ชาลาพระที่นั่งจักพรรดิพิมาน และทรงรับน้ำอภิเษก ณ พระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ และทรงรับเครื่องราชกกุธภัณฑ์ ขัตติยราชวราภรณ์ และพระแสง ณ พระที่นั่งภัทรบิฐ
ฤกษ์เวลา 14.00 น. เสด็จออกมหาสมาคมรับการถวายพระพรชัยมงคล ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย
ฤกษ์เวลา 16.00 น. เสด็จขบวนราบใหญ่ไปยังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ปราสาทพระเทพบิดร และพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
5 พฤษภาคม ฤกษ์เวลา 09.00 น. พระราชพิธีเฉลิมพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย และสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์ พระบรมวงศ์ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย
ฤกษ์เวลา 16.30 น. เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค โดยเสด็จจากพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท ออกจากพระบรมมหาราชวังทางประตูวิเศษไชยศรี ไปตามถนนราชดำเนินใน ถนนราชดำเนินกลาง เลี้ยวซ้ายเข้าถนนตะนาวไปยังวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร จากนั้นออกจากวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เลี้ยวขวาไปยังถนนพระสุเมรุ เลี้ยวขวาเข้าถนนราชดำเนิน เลี้ยวซ้ายถนนอัษฎางค์ที่แยกคอกวัว ตรงไปยังวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ออกจากวัดราชบพิธฯ เลี้ยวขวาเข้าถนนเจริญกรุง ตรงไปยังวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามฯ ออกจากวัดพระเชตุพนฯ เลี้ยวขวาเข้าถนนมหาราช เลี้ยวเข้าไปยังพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง รวมระยะทางเสด็จ 6.77 กม. ซึ่งเปิดให้ประชาชนเฝ้ารับเสด็จตลอดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน
6 พฤษภาคม ฤกษ์เวลา 16.30 น. เสด็จออกสีหบัญชร ณ พระที่นั่งสุทไธสวรรยปราสาท รับการถวายพระพรชัยมงคลจากพสกนิกรชาวไทย จากนั้นเวลา 17.30 น. เสด็จออกให้คณะทูตานุทูต และกงสุลต่างประเทศเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายพระพรชัยมงคล
# พระราชพิธีเบื้องปลาย
เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ซึ่งพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดในช่วงเสด็จพระราชดำเนินไปในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวรารามฯ ในช่วงปลายเดือน ต.ค. 2562
2 พ.ค. 62 นายวัฒนา เมืองสุข สมาชิกพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก "Watana Muangsook" ระบุว่า เลือกตั้งผ่านไปกว่าหนึ่งเดือนแล้วแต่ประเทศยังเดินหน้าไม่ได้ การเลือกตั้งแทนที่จะเป็นความหวังและทางออกของประเทศก็กลายเป็นความอึมครึมและเกิดบรรยากาศแห่งความวุ่นวายจากการใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือทำลายฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะปมการถือหุ้นสื่อซึ่งในที่สุดก็ย้อนมาทำร้ายทุกคนที่มีหุ้นในบริษัทที่มีเพียงวัตถุประสงค์แต่ไม่ได้ประกอบกิจการด้านสื่อจริง
หลายคนเรียกว่าสภาวะนี้ว่า ”นิติศาสตร์นิยมล้นเกิน” แต่ผมกลับเห็นว่าเป็นสภาวะของประเทศที่ไร้หลักนิติธรรมอันมีจุดเริ่มต้นจากฝ่ายที่อยากมีอำนาจไม่เคารพเสียงของประชาชน สร้างรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการที่ผ่านประชามติมาด้วยการปิดปากคนเห็นต่างจนนำไปสู่การเลือกตั้งที่ออกแบบมาเพื่อสืบทอดอำนาจ ทางออกจากปัญหาระยะสั้นคงต้องอาศัยความกล้าหาญของตุลาการ ที่ต้องทำให้เกิดความยุติธรรมอย่างแท้จริงและให้เสียงของประชาชนได้รับการเคารพเพื่อนำประเทศสู่ทางออก ส่วนภารกิจสำคัญจากนั้นคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือนำรัฐธรรมนูญฉบับที่เป็นประชาธิปไตยมาใช้เพื่อขจัดปัญหาต่างๆ ที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้สร้างขึ้นก่อนที่ประเทศถลำลึกในความขัดแย้งมากกว่านี้
หากรัฐธรรมนูญนี้ยังถูกใช้งานต่อไป รัฐบาลหลังการเลือกตั้งก็จะต้องเจอกับดักอีกหลายด่านที่ถูกวางไว้ในรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็นยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี หรือกฎหมายจริยธรรมผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่คลุมเครือเอื้อต่อการถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ฯลฯ ทั้งหมดล้วนเป็นอุปสรรคขัดขวางศักยภาพของผู้แทนของประชาชนที่ควรถูกใช้เพื่อพัฒนาประเทศมากกว่าจะมาเสียเวลากับการแก้ตัวจากเรื่องไร้สาระเพื่อทำลายกัน
ดำรงหลักนิติธรรมให้หนักแน่นเหนือเทคนิคทางกฎหมาย หยุดสนับสนุนการสืบทอดอำนาจ กำจัดกับดักรัฐธรรมนูญ ตั้งหลักแล้วช่วยกันหาบันไดปีนขึ้นจากเหวได้แล้วมั้งครับ
วัฒนา เมืองสุข
2 พฤษภาคม 2562
2 พ.ค. 62 ที่ห้องประชุมริบบิ้นขาว ชั้น 3 กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) นายวรวลัญช์ ทวิกาญจน์ หรือหนาม รองอันดับสอง Miss Tiffany Universe 2018 เดินทางเข้ายื่นหนังสื่อต่อนายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กรณีถูกโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ปฏิเสธไม่รับเป็นครู เพราะเพศสภาพ ทั้งที่สำเร็จการศึกษาจากคณะครุศาสตร์ และฝันอยากเป็นครูมาตั้งแต่เด็ก
นายเลิศปัญญา กล่าวว่า แม้จะมีพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศพ.ศ.2558 จะออกมาและมีผลบังคับใช้แล้ว โดยเป็นกฎหมายที่ให้การคุ้มครองทั้งเพศหญิงเพศชาย และผู้ที่แสดงออกแตกต่างจากเพศกำเนิด แต่ก็ยังพบว่า มีผู้ที่ถูกเลือกปฏิบัติ โดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศได้มา ยืนคำร้องกับ สค.เป็นระยะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการกีดกันไม่รับสมัครงาน/การถูกกีดกันไม่ให้เข้าใช้สถานบริการ/ถูกห้ามไม่ให้แต่งกายตามเพศสภาพในการเข้าเรียน/หรือการเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรเป็นต้น
ทั้งนี้ หลังจากรับคำร้องจากนายวรวลัญช์แล้ว ขั้นตอนต่อไป กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวจะตรวจสอบ ความถูกต้องของคำร้องตามระเบียบ จาpกนั้นจะนำคำร้องยื่นต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ (วลพ.) เพื่อพิจารณาดำเนินการโดยด่วนในวันที่ 14 พ.ค.ซึ่งตรงกับการประชุมคณะกรรมการ วลพ. และหากมีมติรับคำร้อง จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 150 วัน เว้นแต่มีเหตุให้ต้องขยายเวลาดำเนินการออกไป และเมื่อวินิจฉัยเสร็จกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวจะมีหนังสือแจ้ง ผลการวินิจฉัยให้ทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้องต่อไป
อย่างไรก็ตามหากผู้ร้องประสงค์จะรับเงินชดเชยเยียวยา ซึ่งต้องเป็นไปตามคำวินิจฉัยของ วลพ. ผู้ร้องสามารถดำเนินการขอยื่นรับเงินชดเชยเยียวยาจากกองทุนส่งเสริม ความเท่าเทียมระหว่างเพศได้ภายในเวลาหนึ่งปีนับจาก ได้รับหนังสือแจ้งคำวินิจฉัย จากกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว
ด้านนายวรวลัญช์ กล่าวว่า ตนรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม และถูกเลือกปฏิบัติเนื่องจากได้ไปสมัครเป็นครู โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งแต่ถูกปฏิเสธ ไม่รับคัดเลือกเป็นครู แม้ทางโรงเรียนจะให้กรอกใบสมัคร และสัมภาษณ์เบื้องต้นแต่ก็ปฏิเสธ ที่จะให้ตนได้เข้าสู่กระบวนการสอบทักษะการสอน เพื่อพิสูจน์ความรู้ความสามารถ โดยให้เหตุผลว่าตนแต่งกายข้ามเพศและแสดงออกแตกต่างจากเพศกำเนิด
2 พ.ค.62 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน พายุไซโคลนฟานิ ซึ่งเป็นพายุลูกใหญ่ที่สุดที่จะพัดกระหน่ำภาคตะวันออกของอินเดียในรอบเกือบ 20 ปี กำลังเคลื่อนตัวอยู่ในบริเวณอ่าวเบงกอล ห่างจากชายฝั่ง 450 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุด 205 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และกำลังเคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปทางตะวันตกคาดว่าจะพัดขึ้นฝั่งที่รัฐโอริสสาในวันศุกร์นี้ และยังสั่งการให้ได้สั่งการให้รัฐอานธรประเทศและรัฐทมิฬนาฑูเตรียมพร้อมรับมือพายุลูกนี้ด้วยเช่นกัน
ด้านศูนย์อุตุนิยมวิทยาในเมืองภุพเนศวรคาดว่าจะมีพื้นที่อย่างน้อย 11 เขตได้รับผลกระทบจากฝนตกหนัก และแนะให้ประชาชนอยู่แต่ภายในที่พักอาศัย นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้อพยพประชาชน 780,000 คน จากอย่างน้อย 13 เขต ไปยังพื้นที่ปลอดภัยแล้ว นอกจากนี้ยังมีการจัดเตรียมที่พักราว 1,000 แห่งเพื่อรองรับประชาชนผู้ประสบภัยถึงกว่า 1 ล้านคน
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012