บรรณาธิการข่าวภาคค่ำ เนชั่นทีวี ออกแถลงการณ์ขอโทษเเล้ว กรณีส่งทีมงานแต่งตัวเหมือนผู้ต้องสงสัย เพื่อถ่ายทำรายการข่าว กระทั่งถูกประชาชนในพื้นที่ตำหนิ ว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่เหมาะสม รวมถึงยังถูกสังคมออนไลน์วิจารณ์ว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะทั้งกาละเทศะ มีรายละเอียดดังนี้
กราบขอโทษและขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
เมื่อวันนี้ 20 สิงหาคม 2558 เมื่อช่วงเวลาประมาณ 18.00 น. เป็นต้นมา ผมในฐานะ “บรรณาธิการข่าวภาคค่ำ” ของเนชั่นทีวี ซึ่งได้ตัดสินใจส่งทีมงานไปถ่ายทำรายงานข่าว “จำลองเหตุการณ์ระเบิดราชประสงค์” โดยให้ทีมงานถ่ายทำในรูปแบบรายงาน “เหตุการณ์จำลองระเบิดราชประสงค์” โดยถ่ายทำในสถานที่จริง และเวลาใกล้เคียงกับเวลาจริงของเหตุระเบิดที่ราชประสงค์ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อช่วงวันที่ 17 สิงหาคม 2558
โดยเนื้อหารายงาน “เหตุการณ์จำลองระเบิดราชประสงค์” จะให้ นักข่าว เป็นผู้เดินเรื่อง และมีน้องหนึ่งคนในทีมงาน แต่งตัวเสมือน “ผู้ต้องสงสัย” (ผู้ต้องสงสัยตามภาพวงจรปิด ที่มีการเผยแพร่) ร่วมในรายงานชิ้นนี้ เพื่อให้เสมือนจริง เพื่อจะนำมาตัดต่อเป็นรายงาน“จำลองเหตุการณ์ระเบิดราชประสงค์”
และช่วงระหว่างทีมงานกำลังถ่ายทำ ประชาชนทั้งชาวไทย ชาวต่างประเทศ ซึ่งมาสักการะกราบไหว้ศาลท้าวพระพรหม ซึ่งอยู่ในจุดเกิดเหตุ ได้แสดงความไม่เห็นด้วย แสดงความไม่พอใจ ทางทีมงานจึงได้ยุติการถ่ายทำทั้งหมด และยุติการจะนำเสนอรายงาน “จำลองเหตุการณ์ระเบิดราชประสงค์” ทันที
ด้วยความสำนึกในความผิดทั้งปวง จึงกราบขอโทษ และได้ยุติการถ่ายทำและยุติการจะนำเสนอ รายงาน “จำลองเหตุการณ์ระเบิดราชประสงค์” ชิ้นนี้ทั้งหมด
ผมในฐานะ “บรรณาธิการข่าวภาคค่ำ” ของเนชั่นทีวี ได้ดำเนินการผิด และขอน้อมรับผิดทุกประการ
ผมต้องกราบขอโทษ และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
(บุญเลิศ ศุภประภาวณิชย์)
บรรณาธิการข่าวภาคค่ำ เนชั่นทีวี
20 สิงหาคม 2558
วันเดียวกัน นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเนชั่นทีวี ได้ออกแถลงการณ์ขอโทษอีกหนึ่งฉบับ มีเนื้อหาว่า
ในนามผู้บริหารสูงสุดของเนชั่นทีวี ขอโทษและขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งในการกระทำของทีมเนชั่นทีวี ที่จำลองเหตุการณ์โดยขาดความคำนึงถึงผลกระทบต่อความรู้สึกอันละเอียดอ่อนของประชาชน ไม่เคารพต่อผู้เสียชีวิต และจะพิจารณาบทลงโทษต่อไป
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในจำนวนนี้มี 10 คน ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เข้าดำรงตำแหน่งแทนรัฐมนตรีที่ถูกปรับออก ประกอบด้วย
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี
จากที่ปรึกษาทางด้านเศรษฐกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้รับการวางตัวให้เข้ามาดูแลด้านเศรษฐกิจแทน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกฯ โดยก่อนหน้านี้เคยเป็นที่ปรึกษา รมว.ต่างประเทศ ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อครั้ง พ.ต.ท.ทักษิณดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ รวมถึงเป็นที่ปรึกษารองนายกฯ เมื่อครั้ง พ.ต.ท.ทักษิณดำรงตำแหน่งรองนายกฯ
ต่อมาในรัฐบาลไทยรักไทย ได้ดำรงตำแหน่ง รมว.คลัง 4 สมัย รองนายกฯ 4 สมัย และ รมว.พาณิชย์ อีก 1 สมัย จนกระทั่งมีการปฏิวัติในปี 2549 ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ทำความเข้าใจกับชาวต่างชาติในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ในรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกฯ
สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมช.พาณิชย์
เป็นที่คุ้นเคยในกระทรวงพาณิชย์ มาตั้งแต่เป็นที่ปรึกษานายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ สมัยเป็นรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในปี 2548
ได้ชื่อว่าเป็นนักวิชาการและนักจัดทำยุทธศาสตร์ หัวสมัยใหม่ จึงสะท้อนออกมาจากการออกบทความเนื้อหาถึงแนวโน้มใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในโลก และนำมาเป็นหลักการในการผลักดันการทำงานและเกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ของรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ในขณะนั้น จึงเชื่อว่าการกลับมาเป็น รมช.พาณิชย์ จะนำหลักแนวคิดการมองไปข้างหน้า และการพัฒนาระบบการทำงานในกระทรวงพาณิชย์มาใช้อีกครั้ง โดยคาดว่าจะได้รับมอบหมายให้ดูงานเศรษฐกิจภายในประเทศ
อุตตม สาวนายน รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ถือว่าเป็นหน้าใหม่ทางการเมืองและแวดวงไอที แต่เมื่อครั้งเป็นที่ปรึกษาของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ ได้ชื่อว่าเป็นมือสำคัญในการร่างยุทธศาสตร์ส่งออก และการดูแลค่าครองชีพประชาชน ซึ่งเป็นหัวใจหลักของกระทรวงพาณิชย์
เป็นอีกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นนักวิชาการและนักวางแผนหัวสมัยใหม่ ซึ่งในการมาร่วมงานวันพาณิชย์ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่กระทรวงพาณิชย์ ได้เปรยกับรัฐมนตรีในกระทรวงพาณิชย์ ว่า "คงต้องผลักดันความร่วมมือกัน เพื่อนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยการทำงานด้านต่างๆ ของหน่วยงานรัฐและเอกชน ไม่แค่พาณิชย์ แต่ละดึงทุกหน่วยงาน"
อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง
โดดเด่นด้วยเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ในภาคการเงินการธนาคารที่ยาวนาน โดยเคยดำรงตำแหน่งที่สำคัญในสถาบันการเงินและองค์กรต่างๆ ได้แก่ รองผู้จัดการทั่วไป บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ประธานสมาคมธนาคารอาเซียน และประธานสมาคมธนาคารไทย เป็นต้น
ก่อนมารับตำแหน่ง รมว.คลัง ดำรงตำแหน่งรองประธาน คณะกรรมการบริหารการเงิน บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด กรรมการอิสระและประธานคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กรรมการอิสระ บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กรรมการอิสระ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) ประธานกรรมการ บริษัท ควอลิตี้ เฮาส์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการอิสระ กรรมการตรวจสอบ และประธานคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง บริษัท บางกอก กล๊าส จำกัด (มหาชน)
ออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมช.คมนาคม
อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ที่ทำให้ไปรษณีย์ไทยสามารถมีกำไรขึ้นมาได้ จากเดิมที่ประสบปัญหาขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง จากนั้นในช่วงที่ คสช.เข้ามาได้รับความไว้วางใจให้เข้ารับตำแหน่งประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ช่วยผลักดันการดำเนินโครงการต่างๆ ให้เดินหน้าไปอย่างต่อเนื่อง
คาดว่าการเข้ารับตำแหน่ง รมช.คมนาคม ในครั้งนี้ จะผลักดันโครงการรถไฟทางคู่หลายเส้นทาง รวมถึงรถไฟไทย-จีน และรถไฟไทย-ญี่ปุ่น ให้เป็นไปตามแผนงานของรัฐบาล
อรรชกา สีบุญเรือง รมว.อุตสาหกรรม
จากปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เลื่อนเป็น รมว.อุตสาหกรรม คนที่ 52 และยังเป็นรัฐมนตรีผู้หญิงคนแรกของกระทรวง ได้ชื่อเรื่องเป็นผู้บริหารหญิงที่มากด้วยความสามารถ เคยผ่านงานสำคัญ ทั้งการเป็นผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และก้าวขึ้นเป็นปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม
บุคลิกในการทำงานผู้บริหารหญิงร่างเล็กท่านนี้ค่อนข้างเจ้าระเบียบ งานที่ทำต้องเป๊ะ โปร่งใส และด้วยหน้าตาที่ถือว่าสะสวยบวกกับความชื่นชอบแฟชั่นผ้าไหม ทำให้ทุกครั้งที่ออกงานทุกชุดจะสวยสะดุดตา ได้รับการชื่นชมทุกครั้ง
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข
มีตำแหน่งทางวิชาการคือ ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ จบคณะแพทยศาสตรบัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ผ่านหลักสูตร วปอ.ปี 2538 เคยดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รองประธานกรรมการบริหารศิริราชมูลนิธิ คนที่ 2 นายกสภาสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา นายกสภามหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสภามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
สมัย "ครม.ประยุทธ์ 1" เคยปรากฏชื่อของ นพ.ปิยะสกลเป็นแคนดิเดตที่จะเข้ามาเป็น รมว.สาธารณสุข มาแล้วครั้งหนึ่ง
พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รมว.แรงงาน
"บิ๊กบี้" นักเรียนเตรียมทหารรุ่น 13 (ตท.13) จะเกษียณอายุราชการในตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมเดือนกันยายนนี้ เป็นน้องรักของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก่อนหน้านี้เคยเป็นเสนาธิการทหาร ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารบก ประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ เจ้ากรมข่าวทหารบก ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เสนาธิการทหารบก
สมัยดำรงตำแหน่งเป็นเสนาธิการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. มอบหมายให้ดูแลงานด้านต่างด้าว ในฐานะประธานอนุกรรมการประสานงานการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ (อกนร.) ทำหน้าที่จัดระเบียบแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาทำงานผิดกฎหมายในไทย โดยการเปิดจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ พม่า ลาวและกัมพูชา จึงถือว่ามีบทบาทในการบริหารจัดการและมีความรู้ในการแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าว
พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน
"บิ๊กโย่ง" นักเรียนเตรียมทหารรุ่น 15 (ตท.15) คนสนิทและไว้ใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. รับราชการทหารในสายงานภายในสำนักงานปลัดบัญชีทหารบก (สปช.ทบ.) และมาช่วยงาน คสช.ในตำแหน่งสำคัญ อาทิ ตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ,ประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.), ประธานอนุกรรมการพิจารณาและกลั่นกรองแผนงานการแก้ไขปัญหาของรัฐวิสาหกิจ และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมช.ศึกษาธิการ
อัพเกรดจากผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ ให้เป็น รมช. เป็นหมออีกคนที่นอกจากจะเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงด้านการศึกษาแล้ว ผลงานทางการแพทย์ อาทิ เป็นคนไทยที่ได้รับเกียรติเป็นสมาชิกของราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งสหราชอาณาจักร อดีตที่ปรึกษา รมช.สาธารณสุข (นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม) และรองคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ส่วนผลงานทางด้านการศึกษานั้น อาทิ ผู้อำนวยการศูนย์จิตวิทยาการศึกษา มูลนิธิยุวสถิรคุณ, ผู้ร่วมก่อตั้งโรงเรียนสัตยาไส โรงเรียนตัวอย่างในการพัฒนาจริยธรรมและศีลธรรม, การศึกษาอิทธิผลของโรงเรียนต่อพัฒนาการเด็ก, ผลงานหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เช่น กุญแจในการปฏิรูปการศึกษา นอกจากนี้ยังเป็นที่ปรึกษา บริษัท ทุนลดาวัลย์ จำกัด และเขียนหนังสือเรื่อง "ความฉลาดทางด้านจริยธรรมและศีลธรรม (MQ)"
เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ โดยมีการชี้ประเด็นมาที่ความขัดแย้งทางการเมือง ว่า เราไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง ความไม่หวังดี ไม่ว่าจะเป็นการกระทำของใครก็ตาม จะต้องถูกประณาม แต่สังคมเราต้องแยกให้ออกจากอคติที่มีอยู่ในใจบนความขัดแย้งดั้งเดิมที่มีอยู่ เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเรื่องใหญ่และส่งผลกระทบต่อประเทศมาก เมื่อตนทราบเรื่องก็ไม่สบายใจและวันแรกที่เกิดเหตุก็ได้เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด ค่อนข้างเป็นห่วงสถานการณ์อยู่มาก
ขณะเดียวกันได้รับฟังสิ่งที่โฆษกรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ออกมาระบุว่าเป็นประเด็นทางการเมืองในประเทศ ถือว่าเป็นการแถลงที่ไม่เป็นมืออาชีพ ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะทำกัน ทางตรงกันสิ่งที่รัฐบาลควรจะต้องเร่งทำคือ ระดมความร่วมมือ ตนเชื่อว่าทุกคนในสังคมก็ต้องการที่จะร่วมมือกันคลี่คลายปัญหา วันนี้การที่จะไปโยนใส่ใคร ต้องไม่ใช่โยนบนความเชื่อ หรืออคติ แต้ต้องเริ่มจากข้อมูลข้อเท็จจริง และสิ่งที่สำคัญ ที่ควรจะทำมากที่สุดคือระดมความร่วมมือทุกฝ่ายมาช่วยกันในฐานเจ้าของประเทศ
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ควรจะเป็นเครื่องมือใดๆทั้งสิ้น ที่จะมาปรักปรำทำลายคนที่เห็นต่างรัฐบาลทุกอย่างควรว่ากันไปตามข้อเท็จจริง โดยทุกประเด็นควรจะต้องนำมาพิจารณาหมด ว่าจะเป็นการดำเนินการนโยบายต่างประเทศที่เป็นปัญหาหรือสร้างปัญหาขึ้นมา ความขัดแย้ง แย่งชิงตำแหน่งหน้าที่ หรือความเห็นต่างจากอุดมทางการเมือง ทุกอย่างล้วนเป็นไปได้หมด แต่การทำงานจะต้องเริ่มจากข้อเท็จจริง ความเป็นจริง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่รัฐบาลควรจะทำเป็นลำดับคือ ต้องเข้าไปสถานที่ที่เกิดเหตุ ช่วยเยียวยากับผู้ที่ได้รับผลกระทบ ประณามคนที่กระทำ เพราะเป็นเรื่องเลวร้ายและคนในสังคมทั้งหมดจะช่วยกันปกป้องประเทศและช่วยกันดูแล ไม่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายบานปลายไปมากกว่านี้ ต้องทำให้เกิดความชัดแจ้งว่าเราจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย (พท.) แจ้งว่า สำหรับความเคลื่อนไหว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ช่วงนี้อยู่ระหว่างการเดินสายไปพบปะแนวร่วมคนเสื้อแดงในแถบประเทศยุโรปหลายประเทศ เพื่อพบปะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางการเมือง
โดยเมื่อเร็วๆ นี้ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไป ร้านอาหาร Kinnaree Thai ในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน พร้อมกับกล่าวถึงสถานการณ์การเมืองไทยอย่างรุนแรงในหลายประเด็น ผ่านคลิปความยาว 15.02 น. โดยเป็นภาพพ.ต.ท.ทักษิณ ยืนขึ้นพูดหลังรับประทานอาหารแล้วเสร็จท่ามกลางความสนใจจากคนเสื้อแดงในต่างแดนหลายสิบคน และมีการบันทึกภาพและคลิปเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา และเป็นที่น่าสังเกตว่า การเดินทางไปร้านอาหารดังกล่าว ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการกลุ่มเสื้อแดง ที่อยู่ระหว่างหลบหนีหมายจับของคสช. พร้อมกลุ่มเสื้อแดงหลายสิบคน ที่รอให้การต้อนรับ
พ.ต.ท.ทักษิณ พูดถึงสถานการณ์การเมืองไทยช่วงหนึ่งว่า ประเทศอังกฤษมีการใช้หลักกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา เลยทำให้คนไว้ใจ นำเงินไปลงทุน เพราะต่างชาติไว้ใจ Rule of law ซึ่งของประเทศเราเคยมี แต่วันนี้ไม่รู้ใครแอบขโมยไป เลยกลายเป็น Rule of กู จะเอาอย่างไรก็มาคุยกับผมก็หมดเรื่อง แต่มานั่งรังแก ใครมาสนับสนุนผม ได้เป็นนายกฯก็รังแกต่อ วันนี้ทหารไปประกบเสื้อแดงทั่วประเทศ และจะมาถอดยศผม แล้วไปประกบเสื้อแดง บ้าหรือเปล่า นี่ถ้าทำจดหมายมาขอคืน เดี๋ยวจะให้เลย
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า อยากฆ่าคนๆ เดียว เผาบ้านทั้งหลัง ทั้งที่หนูออกมาแล้ว ไม่อยู่ในบ้านแล้ว ก็ยังไม่เลิกเผา รัฐธรรมนูญใหม่ที่กำลังร่างอยู่ เป็นฉบับที่เลวร้ายที่สุดในประเทศไทย เราเปลี่ยนรัฐธรรมนูญบ่อยยิ่งกว่าเปลี่ยนรัฐบาลอีก เราแก้กฎหมายแพ่งซึ่งเป็นกฎหมายหลักสำคัญของประเทศน้อยกว่าเปลี่ยนรัฐธรรมนูญ มีการแก้ทั้งฉบับก็แก้กันอยู่นั่นแหละ แก้ทีก็ถอยหลังที
“วันนี้อยู่ๆจะมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ ที่มีผบ.เหล่าทัพมาคุมรัฐบาลอีกที คนเป็นนายกรัฐมนตรีไปประชุมต่างประเทศ เขาบอกว่าส่งผบ.ทบ.มาคุยกับนายกฯดีกว่า เพราะมันใหญ่กว่าเพราะเป็นกรรมการยุทธศาสตร์ฯ เพราะฉะนั้นต่างประเทศ ไม่เคารพรัฐบาล ไปคุยไปเจรจาการค้าเขาก็ไม่คุยด้วย เพราะกลับไปแล้ว ไม่รู้ว่า คณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯจะว่าอย่างไร เหมือนมีพี่เลี้ยงรัฐบาล เพราะฉะนั้นรัฐบาลจึงไม่มีอำนาจหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาประเทศ แล้วจะเป็นรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพได้อย่างไร เมื่อรัฐบาลไม่มีประสิทธิภาพ จะเป็นไปทำไม แล้วประเทศก็เสียหาย” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า สว.แต่งตั้ง 237 คน เลือกตั้ง 77 คน ไม่มีอะไรยึดโยงกับประชาชน สรุปแล้วอำนาจประชาชนกว่า 60 ล้านคน สู้อำนาจ 7-8 คนที่ไม่ต้องยึดโยงกับประชาชน แล้วไม่ต้องมาจากไหนเลย ผบ.เหล่าทัพคืออะไรก็เป็นข้าราชการธรรมดานี่แหละ (เน้นเสียง) บางคนไม่เคยรบเลย ก็ขึ้นมาปุ๊บๆ มาเป็นผู้วิเศษได้ วันนี้เรากำลังทำอะไร คนบางคนสั่งการว่าเอาอย่างนี้นะ ไม่มีการคิดอะไรที่มันเป็นระบบ ก็รู้น้อยแต่สั่งเยอะ พูดเยอะ แล้วจะมานำพาประเทศ ในเมื่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยดีที่สุด ก็ใช้ไปสิ แล้วก็ปรับปรุงไป หัวหน้าคณะปฏิวัติแต่พูดถึงประชาธิปไตย ผมก็งง
“วันนี้ไอ้คนเดินขบวนบอกให้ปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้ง แล้วปฏิรูปเอ็ง ปฏิรูปแปลว่าอะไรว๊ะ ช่วยบอกหน่อย ปฏิรูปแปลว่าอะไร ปฏิรูปมันแปลว่าอะไรรู้ไหม แปลว่าช่วยออกกติกาให้กูชนะเลือกตั้ง เพราะกูแพ้ตลอด”พ.ต.ท.ทักษิณพูดถึงช่วงนี้ ท่ามกลางเสียงปรบมือ โห่ร้องจากแนวร่วมคนเสื้อแดงที่นั่งรับฟัง
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า 8-9 ปี มานี้ ประเทศไทยอยู่กับการประดิษฐ์คำสวยๆ เหมือนเอาอาหารเน่ามาเสิร์ฟ แล้วก็แต่งผักชีข้างหน้าสวย แต่ข้างในเน่า กินแล้วท้องเสีย มันถึงเวลาที่เราต้องพูดความจริง กลัวความจริงทำไม อย่าไปกลัวความจริง พูดความจริง เอาอย่างไรก็ว่ามา แน่นอนที่ผ่านมา มันขัดแย้ง ความโมโหโทโส ความผิดพลาด ความไม่ถูกต้อง เกิดจากความโกรธกัน แบ่งสี แบ่งฝ่ายกัน แต่มันมาจากไหน มาจากมูลเหตุที่เรายุ ให้มีการแบ่งแยกกัน
ดูแฟนฟุตบอลสิ เชียร์กันไม่เห็นต้องต่อยกัน เพราะกรรมการเป็นกลาง แต่ถ้ากรรมการไปเข้าข้างอีกฝ่ายหนึ่ง กองเชียร์ต่อยกันแน่ วันนี้ถ้าความยุติธรรมไม่เกิด การยึดโยงอำนาจประชาชน ไม่เคารพประชาชนไม่เกิด อย่าคิดว่าคนหยิบมือในประเทศจะสามารถบังคับประชาชนทั้งประเทศได้ เคารพประชาชนเถอะ เขาคิดเองได้ อย่าไปดูถูกเขา
“วันนี้ต้องเคารพประชาชน ต้องยอมรับ มีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ The Power of clound เขาบอกคนรวมกันคิดมีพลังมากกว่าคนๆเดียวคิด อย่ารังเกียจประชาชน ร่วมกันคิดร่วมกันทำ ประชาชนเขาเลือกคนของเขาแล้วเขาก็เรียนรู้ไปเรื่อย ไม่ใช่พอถึงเวลาเขาได้เรียนรู้แล้วทุบกระดานทิ้ง เอาใหม่ วันนี้เป็นไง ทุบไปแล้วรอบหนึ่ง พอเลือกตั้งมาอีก ทีนี้ตอนหลังเอา นายอภิสิทธิ์ มาเป็นนายกฯ นึกว่าชนะแน่ เพราะเที่ยวนี้ทหารมาช่วย ผลสุดท้าย จ่ายตังค์เต็มที่ แพ้ มันอยู่ที่ประชาชน อย่าดูถูกประชาชน อย่าไปคิดว่าประชาชนจะซื้อสิทธิ์ขายเสียง ไม่มีหรอก” พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า เมืองไทยเราปล่อยโอกาสให้คนซึ่งไร้อาชีพสามารถทำรายได้ เพราะมันเกาะขั้วอำนาจ เอาผลประโยชน์ จะเป็นโน่นเป็นนี่ ไอ้พวกนี้แหละคือพวกป่วน ทำให้ระบบเสียหาย ก็ขอพูดเบาๆ ไม่อยากพูดแรง เพราะว่าเหตุบ้านการเมืองมันเศร้า เพื่อนที่เป็นฝรั่งไปเที่ยวเมืองไทย ห่วงใยเมืองไทย ส่งข้อความมา เพราะยอดผู้เสียชีวิต(จากเหตุระเบิดแยกราชประสงค์) ล่าสุดมากกว่า 20 ราย บาดเจ็บ 110 ราย
โรงพยาบาลแพทย์แผนไทยพัฒนาสูตรยา “น้ำผัวหลง-เมียหลง” เสริมสมรรถภาพทางเพศ หญิง-ชาย กระชับมดลูก เพิ่มความกระชุ่มกระชวย เตรียมเปิดตัวให้ชิม ในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติปีนี้ รวมทั้งวุ้นหญ้ารีแพร์ช่วยให้กระชับ พร้อมแจกต้นกล้าสมุนไพรหายาก
วงการแพทย์แผนไทยนิยมนำสมุนไพร มาผลิตเป็นยาบำรุงกำลังทางเพศ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 19 ส.ค. นพ.ธวัชชัย กมลธรรม อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก แถลงข่าวงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 12 เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 จัดขึ้น ระหว่างวันที่ 2-6 ก.ย. ที่ศูนย์แสดงสินค้า อิมแพค เมืองทองธานี ว่าการจัดงานในปีนี้ได้นำความโดดเด่นของการจัดงานในรอบ 11 ปีที่ผ่านมามานำเสนอให้เห็นถึงผลงานที่เกิดการต่อยอดในเชิงเศรษฐกิจ พร้อมนำเสนอความก้าวหน้าในส่วนการวิจัยและพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย อาทิ มะขามป้อม พริก หมามุ่ย อีกไฮไลต์สำคัญ คือ หญ้ารีแพร์ ซึ่งในปีนี้มีการวิจัยเพิ่ม นำเสนอเป็นผลิตภัณฑ์ 5 ชนิด ได้แก่ เฟเชียล วอช คลีนซิ่ง มิลค์ เดย์ครีม อายเจล และครีมบำรุงผิว
พท.ป.อิศรา พงษ์พาณิชย์ แพทย์แผนไทยประยุกต์ ส่วนงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสาน กล่าวว่าปีนี้คิดค้นพัฒนาสูตรตำรับสมุนไพรไทย 2 ชนิดที่มีความโดดเด่นเรื่องเสริมสมรรถภาพ ได้แก่ น้ำผัวหลง ที่พัฒนามาจากสูตรสมุนไพรดั้งเดิมที่อยู่ในคัมภีร์แพทย์แผนไทย ประกอบด้วยสมุนไพรหลายชนิด นำมาต้มรวมกันในสัดส่วนเท่าๆกัน ได้แก่ หญ้ารีแพร์ ว่านชักมดลูก หญ้าหวาน มะตูม ฝาง เหมาะสำหรับสตรีเพศ มีสรรพคุณช่วยกระชับช่องคลอด ลด การอักเสบของช่องคลอด ลดอาการปวดประจำเดือน บำรุงโลหิต บำรุงหัวใจ ขับน้ำคาวปลา บำรุงผิวพรรณ ขณะที่น้ำเมียหลง สำหรับบุรุษเพศ มีสรรพคุณช่วยเสริมสมรรถนะทางเพศ บำรุงกำลัง เป็นยาอายุวัฒนะ แก้ปวดเมื่อย ช่วยบำรุงการไหลเวียนของโลหิต มีส่วนประกอบหลักๆ ได้แก่ กระชาย เถาวัลย์เปรียง กำแพงเจ็ดชั้น ม้ากระทืบโรง คำฝอย
พท.ป.อิศรากล่าวด้วยว่า จากการทดลอง โดยให้ผู้ป่วยรับประทานพบว่า กว่า 50 ราย มีสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผู้ชายหลังจากดื่มน้ำเมียหลง มีความรู้สึกกระปรี้กระเปร่า กระชุ่มกระชวย นอนหลับได้ดีขึ้น ส่วนผู้หญิงที่ดื่มน้ำผัวหลงก็จะมีเลือดฝาด ผิวพรรณเต่งตึง ลดอาการปวดประจำเดือน และปวดหลัง ขณะนี้ได้ศึกษาวิจัยเพิ่มเติมในห้องปฏิบัติการ เพื่อหาคุณสมบัติในการรักษาโรคเพิ่มเติม โดยเฉพาะโรคเลือด น้ำสมุนไพรทั้ง 2 ชนิด รับประทานวันละ 1 แก้ว เป็นเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพ ส่วนการรักษาโรค ควรรับประทานวันละ 3 เวลา ก่อนอาหารเช้า กลางวัน เย็น จะมีข้อจำกัดในผู้มีโรคประจำตัว อาทิ โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคเลือด จะต้องพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย เพื่อให้สั่งจ่ายอย่างเหมาะสม