ข่าว
'ผกก.จเร' ลาออก มาดูแลแม่ป่วยหนัก

1 มี.ค.62 พ.ต.อ.จเร สุปิรยะ ผกก.สส.ภ.จว.สุรินทร์ เปิดเผยถึงสาเหตุที่ลาออกว่า แม่ของตนอายุ 89 ปีแล้ว กินข้าวไม่ค่อยได้จึงอยากไปดูแลท่าน ประกอบกับช่วงหลังงานตำรวจมีเยอะไปไหนไม่ค่อยได้ อีกทั้งอยู่ในช่วงโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ รอง สว.-รอง ผบก. ถือเป็นโอกาสขอลาออกดีกว่า เพราะตนเหลืออายุราชการเพียง 2 ปี ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรและไม่รู้สึกเสียดาย ตนเป็น ผกก.รวม 9 ปี อยู่ตำแหน่ง ผกก.สส.บก.ภ.จว.สุรินทร์ 3 ปี ถ้าถูกย้ายไปที่ใหม่แล้วลาออก คิดว่าจะเสียขวัญกำลังใจแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา ตนไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเรื่องการทำงาน เพียงแต่ว่าอยากจะดูแลแม่ให้แข็งแรงขึ้น เพราะทุกทีฝากพี่น้องดูแลแต่ไม่ค่อยถูกใจตน

"ผมมีพี่น้องทั้งหมด 5 คน เสียชีวิต 1 เหลือ 4 คน พี่ชายเป็นคนดูแลแม่ส่วนลูกที่เหลือไปอยู่ที่อื่น แม่อยู่บ้านคนเดียวโดยพี่ชายจะอยู่บ้านอีกหลังห่างกัน ประมาณ 200 เมตร จะเข้ามาดูแลแม่ทุกวัน ผมโอนเงินค่าเลี้ยงแม่ให้เดือนละ 7,000 บาท ที่ผ่านมาพี่ชายดูแลแม่ดีอยู่แล้ว แต่ผมให้ความสำคัญเรื่องความสะอาด อาหารการกิน ความพิถีพิถัน ผมเห็นว่าแม่คงอยู่ได้ไม่นานจึงขอลาออกเพื่อมาดูแลแม่เอง ก่อนหน้านี้ ผมอยู่บ้านภรรยาที่ จ.สุรินทร์ ส่วนบ้านแม่อยู่แถววัดม่วง ซอยเพชรเกษม 63 แขวงหลักสอง เขตบางแค กทม. เมื่อมาดูแลแม่ภรรยาจะตามมาดูแลด้วย" พ.ต.อ.จเร สุปิรยะ กล่าว สำหรับ พ.ต.อ.จเร สุปิรยะ ผกก.สส.ภ.จว.สุรินทร์ เป็นนักเรียน นรต.รุ่น 37

เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ โลกโซเซียลได้มีการเผยแพร่ข้อมูลและชื่นชม 'พ.ต.อ.จเร สุปิรยะ ผกก.สส.ภ.จว.สุรินทร์' ที่ตัดสินใจลาออกจากข้าราชการตำรวจกลับไปอยู่บ้านเพื่อดูแลแม่ของตนเองที่อยู่ในวัยชรา โดยระบุว่า "นายตำรวจท่านนี้ ตัดสินใจถูกแล้ว ไม่มีใครทำหน้าที่นี้ได้ดีเท่าท่าน มีพระอรหันต์ในบ้าน ลาออกเพื่อไปดูแลพระองค์นี้ คุ้มค่าที่สุดละโลกไปแทบปิดประตูอบายเลย ขอคารวะใจท่านผู้กำกับจเร จริงๆ"

นอกจากนี้ ยังได้มีการระบุถึงหนังสือลาออกของ "พ.ต.อ.จเร สุปิรยะ ผกก.สส.ภ.จว.สุรินทร์" ที่เขียนไว้ว่า "เรียน หน.สภ.ทุกท่าน ผมต้องลาออก เพราะมีภารกิจที่ให้ใครทำแทนไม่ได้ จะรอเกษียณแล้วค่อยไปดูแล ก็กลัวจะเสียใจภายหลัง ผมถึงดวงดาวแล้ว เพราะเลือกดาวที่อยู่ใกล้ ขอให้ทุกท่านโชคดี มีความสุขครับ พ.ต.อ.จเร สุปิรยะ ผกก.สส.ภ.จว.สุรินทร์ 28 ก.พ.2562"

นับหมื่นแห่ฟัง พรรคเพื่อไทย วิกแตก หญิงหน่อยลั่น พักหนี้ 3 ปีเกษตรกร

คุณหญิงสุดารัตน์ ปราศรัยต่อหน้าชาวขอนแก่นนับหมื่น มองอนาคต 4 ปีประเทศไทยต้องเป็นศูนย์กลางอาหารปลอดภัยป้อนคนทั่วโลก ย้ำแนวทางยกระดับราคาสินค้าเกษตร

พรรคเพื่อไทย ปราศรัย – เมื่อวันที่ 1 มี.ค. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีปราศรัยที่อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่นพร้อมนายภาควัต ศรีสุรพล ผู้สมัครส.ส. จังหวัดขอนแก่นพรรคเพื่อไทย โดยมีประชาชนและผู้สนับสนุนร่วมรับฟังกว่าหมื่นคน

ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ยืนยันแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ทั้งราคาอ้อย ราคาข้าว และพืชหลักชนิดต่างๆ พรรคเพื่อไทยทราบว่าพี่น้องประชาชนเหนื่อยแสนสาหัส เดินต่อไม่ไหวจึงกำหนดมาตรการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนให้เศรษฐกิจฟื้นกลับมา “ขอเวลาไม่นานเพราะนาฬิกาเราเดินตรง ไม่ใช่นาฬิกาที่ไปยืมเพื่อนมา”

จากนั้นพรรคเพื่อไทยจะจับมือพาพี่น้องทำมาหากินจะเติมทุนให้ประชาชนด้วยสถาบันพัฒนารายได้ประจำจังหวัด ให้พี่น้องมีทุนในการต่อยอดเดินหน้าเป็นแหล่งทุนที่ถูกต้องตามกฎหมายเป็นธรรมไม่ต้องไปพึ่งเงินทุนนอกระบบ ให้ถูกขูดรีด

นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยจะช่วยให้พี่น้องเกษตรกรมีอำนาจต่อรองโดยเฉพาะการกำหนดราคาขายด้วยตนเอง ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับการกำหนดของโรงงานหรือพ่อค้าคนกลางเหมือนที่ผ่านมา

ดังนั้นวันที่ 24 มีนาคมจะต้องพากันออกไปทวงความสุข ที่แท้จริงกลับคืนมา ถึงเวลาออกไปช่วยกันทวงเงินในกระเป๋าให้กลับมาตุงอีกครั้ง โดยต้องเลือกอย่างถล่มทลาย เพราะหากเลือกแค่เพียงชนะ จะไม่ได้เป็นรัฐบาล

หลังการปราศรัย คุณหญิงสุดารัตน์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมโดยระบุว่า ในระยะเวลา 4 ปีจะปรับเปลี่ยนภาคการเกษตร เพื่อนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางอาหารสุขภาพหรืออาหารปลอดภัย ป้อนคนทั้งโลกซึ่งได้ทำแผนงานไว้หมดแล้ว

โดยจะเดินหน้าแบ่งเป็น 2 ระยะ ระยะแรกจะปรับเปลี่ยนตั้งกองทุนปรับเปลี่ยนหน้าดิน เพราะเข้าใจว่าตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมาเกษตรกรลำบาก จึงยืนยันว่าภายใน 6 เดือนหากได้เป็นรัฐบาล จะทำให้ราคาสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นทุกชนิด อย่างน้อย 30% โดยมีราคาเป้าหมายของสินค้าเช่นอ้อย ตันละ 1,000 บาท ยางพาราต้องมีราคา 60 บาทต่อกิโลกรัม

ส่วนข้าว จะช่วยเหลือด้านการพัฒนาการผลิตจะให้ค่าพัฒนาการผลิต ตันละ 5,000 บาท ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีความตั้งใจจะช่วยเกษตรกรรายเล็กจึงกำหนดเพดานไม่เกิน 15 ตัน หรือไม่เกิน 75,000 บาท

และหากเป็นเกษตรกรรายเล็กที่ทำนาไม่เกิน 7 ไร่หรือ 36,000 บาท สำหรับนำไปปรับเปลี่ยนการผลิต เพื่อเดินหน้าไปสู่การผลิตอาหารสุขภาพ และในอนาคตวางราคาเป้าหมายให้เกษตรกรที่ปลูกข้าวข้าวขาว 5 เปอร์เซ็นต์จะต้องได้อย่างน้อยตันละ 10,000 บาท ส่วนข้าวหอมมะลิต้องได้อย่างน้อยตันละ 17,000 บาท ซึ่งมั่นใจว่าหากมีโอกาสทำงานจะสามารถทำให้ราคาสินค้าเกษตรดีขึ้นได้

ทั้งนี้ก่อนเกษตรกรจะตั้งหลักได้ พรรคเพื่อไทย จะพักชำระหนี้เป็นเวลา 3 ปี เนื่องจากที่ผ่านมาเกษตรกร เผชิญภาระหนี้สิน เพราะ “ยิ่งทำ ยิ่งเจ๊ง ยิ่งทำ ยิ่งจน”


กรี๊ดลั่นตลาด! ชัชชาติเข็นผัก รู้สึกดีไฟเขียว’บิ๊กตู่’หาเสียง

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 1 มี.ค.ที่ย่านราชวัตร และศรีย่าน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครจากพรรคหาเสียง โดยมีบรรดาพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับและขอถ่ายรูปจำนวนมาก โดยช่วงหนึ่งนายชัชชาติได้เข็นรถขายผักช่วยผู้ค้ารายหนึ่งเข้าไปในตลาดศรีย่าน เรียกเสียงปรบมือจากกลุ่มผู้สนับสนุนอย่างมาก และช่วงหนึ่งได้มีผู้ค้าเข้ามาพูดคุยและสะท้อนถึงปัญหาปากท้อง

โดยระบุว่าที่ผ่านมาตลอด 5 ปี ได้รับผลกระทบเนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี บรรดาผู้ค้าขายส่วนใหญ่ขายของไม่ได้ จนหลายคนต้องเปลี่ยนจากอาชีพค้าขายไปเป็นอาชีพรับจ้างแทน วันนี้ทางพรรคเพื่อไทยมาขอคะแนนสนับสนุน บรรดาผู้ค้าก็ขอให้ทางพรรคเพื่อไทยช่วยแก้ปัญหาให้ด้วยเช่นกัน

นายชัชชาติให้สัมภาษณ์ว่า เสียงสะท้อนส่วนใหญ่เป็นปัญหาคล้ายคลึงกัน คือปัญหาปากท้อง ผู้ค้าส่วนใหญ่สะท้อนในเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัว คาดหวังกันว่าหลังเลือกตั้งจะคึกคักมากขึ้น ในส่วนของการจัดระเบียบการค้าขายนั้นถือว่าเป็นไปด้วยดี แต่เราก็ต้องหาที่ให้กับผู้ค้ารายเล็กรายน้อยด้วยเพื่อที่จะได้มีเงินหมุนเวียนในระบบ

หลายคนก็มีปัญหาเรื่องหนี้สินนอกระบบซึ่งรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐจะต้องเร่งเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาโดยวิธีการปรับโครงสร้างหนี้ ลดภาระให้น้อยลง รวมทั้งหาเงินทุนให้แทนที่จะไปกู้ในอัตราดอกเบี้ยที่สูง อย่าให้เกิดคำครหาว่าคนรวยกู้ได้แต่คนจนกู้ไม่ได้ วันนี้เราต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจฐานรากก่อนจากนั้นก็จะค่อยๆ หมุนเวียน

ผู้สื่อข่าวถามถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์การคัดเลือกกรรมการสรรหาส.ว. นายชัชชาติกล่าวว่า ไม่กังวล เพราะเราทำอะไรไม่ได้อยู่แล้วก็ต้องปล่อยไป และเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเรา อย่างไรก็ตามคิดว่าสุดท้ายส.ว.ที่เข้ามาทำหน้าที่ก็ต้องฟังเสียงประชาชน ถ้าส.ว.เข้ามาแล้วโหวตหักกับเสียงของประชาชนก็จะไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง

สุดท้ายต้องดูเสียงส.ส. 500 เสียงเป็นหลักก่อน ว่าส.ส.จะเลือกใคร ถ้าใครได้เสียงมากกว่า 250 เสียงไปนั้นก็จะเป็นฝ่ายที่จะตั้งรัฐบาล ดังนั้น คิดว่าส.ว.ที่มาจากการจัดตั้งก็ควรจะเคารพเสียงประชาชน 50 ล้านคนของประเทศ ก็หวังว่าทุกคนจะมีความเข้าใจที่ตรงกันเช่นนี้

ส่วนของพรรคเพื่อไทยจนถึงเวลานี้ไม่มีความกังวลอะไรก็เดินหน้าชี้แจงนโยบายของพรรคให้ประชาชนเข้าใจ ซึ่งพรรคมีจุดแข็งคือการทำสำเร็จในเรื่องเศรษฐกิจมาโดยตลอด จนเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนอย่างไรก็ตามถือเป็นสิ่งที่ดีที่ได้มีการเสนอทางเลือกให้กับประชาชน ขอให้เป็นการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม และพรรคเพื่อไทยก็เคารพการตัดสินใจของประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความเห็นอย่างไรที่ทาง กกต.อนุญาตให้ทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. สามารถดำเนินกิจกรรม และลงพื้นที่หาเสียงร่วมกับพรรคพลังประชารัฐได้ นายชัชชาติกล่าวว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ประชาชนจะได้เห็นอย่างชัดเจนว่าพล.อ.ประยุทธ์มีความคิดเห็นและพูดอย่างไรในบริบทที่เป็นนักการเมืองเต็มตัว

เพื่อที่สุดท้ายประชาชนจะได้มีข้อมูลมากที่สุดเพื่อจะได้ตัดสินใจอย่างถูกต้อง ถือเป็นเรื่องที่ดีและไม่คิดว่าจะเป็นการได้เปรียบ เพราะถ้าพูดถึงความได้เปรียบพล.อ.ประยุทธ์ก็ได้เปรียบมานานแล้ว คิดว่าวันนี้ประชาชนเห็นแล้วว่าอะไรเป็นอะไรการที่พล.อ.ประยุทธ์จะมาหาเสียงหรือไม่หาเสียง

“การที่ท่านอยู่กับเรามา 5 ปี ทุกคนก็เห็นแล้วว่าผลงานเป็นอย่างไร และผมก็ไม่รู้สึกว่าจะมีผลกระทบอะไรต่อพรรคเพื่อไทย กลับรู้สึกยินดีที่พล.อ.ประยุทธ์จะได้มีโอกาสมาพูดและเจอกับประชาชน ที่จะได้มีโอกาสตั้งคำถามตรงๆ กับพล.อ.ประยุทธ์” นายชัชชาติกล่าว


ทหารคนสนิทโต้ข่าว "ป๋าเปรม" ป่วย เผยทำงานอยู่ที่บ้านเลยไม่ค่อยเห็น

หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ โต้กระแสข่าว ปธ.องคมนตรีป่วยหนัก เผยยังพักอยู่บ้านสี่เสาเทเวศร์ ทำงานอยู่ที่บ้านเลยไม่ค่อยเห็น

(28ก.พ.) พล.อ.พิศณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ และนายทหารคนสนิท พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวพล.อ.เปรมมีอาการป่วยหนัก และเข้ารับการรักษาตัวที้โรงพยาบาลว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง และพล.อ.เปรม ท่านพักอยู่บ้านสี่เสาเทเวศร์

“เมื่อวันอังคารที่ 26 ก.พ.พล.อ.เปรม ท่านยังเดินทางไปเป็นประธานประชุมองคมนตรี ที่ทำเนียบองคมนตรีด้วยตามปกติ ซึ่งการประชุมดังกล่าวจะมีทุกวันอังคาร ข่าวรือที่ออกมามีมาทุกวัน ตนยืนยันว่าทางพล.อ.เปรม ท่านยังเดินออกกำลังกายเบาๆภายในบ้านทุกเย็น ส่วนการไปพบแพทย์ก็พบตามวงรอบการตรวจร่างกายปกติ อายุท่าน 99 ปี แล้ว ท่านก็ต้องรักษาสุขภาพและตรวจสุขภาพเป็นประจำและบ่อยขึ้น พอดีช่วงนี้ป๋าท่านทำงานอยู่ที่บ้าน ทางหมอขอให้ป๋าท่านงดภาระกิจที่ไม่เร่งด่วน และขอให้ทำงานอยู่ที่บ้าน เพราะที่บ้านก็เป็นสำนักงานอยู่แล้ว จึงทำให้ไม่ค่อยได้เห็นป๋า แค่นั้นเอง ” พล.อ.พิศณุ กล่าว


“เต้น”งง! บิ๊กตู่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ เหน็บคงเป็น ‘ยามเฝ้าร้านทอง’

เมื่อวันที่ 28 ก.พ. พรรคไทยรักษาชาติ เปิดเวทีปราศรัยที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ภายในสวนสาธารณะเกาะลอย นำโดยนายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรค, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานรณรงค์หาเสียง, ศาตราจารย์สุชาติ ธาดาธำรงเวช แกนนำพรรค,และนายประภัสร์ จงสงวน กรรมการยุทธศาสตร์พรรค โดยมีประชาชนร่วมฟังปราศรัยจำนวนมาก รวมถึงนางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช ที่ได้เดินทางมาให้กำลังใจแกนนำและผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคและร่วมฟังการปราศรัยในเวทีนี้ด้วย

นายจาตุรนต์ ปราศรัยถึงความสำคัญและลักษณะพิเศษของจังหวัดชลบุรีว่า เป็นเหมือนภาพจำลองของประเทศ เพราะมีความหลากหลายทั้งโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ทั้งภาคเกษตร, ประมง, เป็นแหล่งท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ แต่ที่ผ่านมาได้รับความเดือนร้อนและเสียหายจากนโยบายรัฐบาล คสช.ที่ล้มเหลวในการใช้งบประมาณและไร้อำนาจต่อรองกับต่างชาติ โดยเฉพาะด้านการประมงและการค้าการลงทุน

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ ย้ำว่า การแก้ปัญหาและพัฒนาประเทศต่อจากนี้ จะใช้พฤติกรรมการเลือกตั้งแบบเดิม ที่อิงจากผู้นำท้องถิ่น, หัวคะแนนและระบบอุปถัมภ์หรือสนองบุญคุณนักการเมืองเก่าในพื้นที่ไม่ได้ เพราะหากปล่อยให้ คสช.ที่ดูดตัวอดีต ส.ส.เข้าสังกัดจำนวนมากได้สืบทอดอำนาจ ก็จะยิ่งซ้ำเติมปัญหาต่อไปอย่างน้อยอีก 8 หรือ 20 ปีตามยุทธศาสตร์ชาติของ คสช. พร้อมเชิญชวนชาวชลบุรีให้ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลพลเรือนที่เป็นประชาธิปไตย โดยเลือกพรรคไทยรักษาชาติ ที่จะมาสานต่อและต่อยอดนโยบายพรรคไทยรักไทยที่เคยทำสำเร็จมาแล้วเข้าไปบริหารประเทศ

นาย ณัฐวุฒิ กล่าวถึงสถานะที่คลุมเครือ ของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ ซึ่งนายณัฐวุฒิยืนยันว่า พลเอกประยุทธ์เป็นเจ้าหน้าที่รัฐอย่างแน่นอน เพราะนอกจากมีและใช้อำนาจรัฐแล้ว ยังสวมชุดราชการไปไหนมาไหนได้ ไม่เช่นนั้นก็มีเพียง “ยามเฝ้าร้านทอง” ที่สวมเครื่องแบบคล้ายราชการแต่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ แต่พลเอกประยุทธ อาจสับสนตัวเองเท่านั้น และเมื่อมีคนทักท้วงว่าเพจ Facebook ระบุเป็นเจ้าหน้าที่รัฐก็เปลี่ยนเป็นบุคคลสาธารณะ แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีใครวิจารณ์ได้

ส่วนการ ตั้งพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เป็นประธานการสรรหา ส.ว.นั้น นายณัฐวุฒิ ตั้งข้อสังเกตว่าตามรัฐธรรมนูญกำหนดให้ผู้ที่ทำหน้าที่นี้ ต้องมีความเป็นกลางทางการเมือง ซึ่งขัดแย้งกับสิ่งที่พลเอกประวิตรเป็นอย่างชัดเจน

และการมี ส.ว.สรรหาจะเรียกว่าเป็นประชาธิปไตยไม่ได้ พร้อมย้ำว่าฝ่ายผู้มีอำนาจมุ่งแต่เอาเปรียบทางการเมืองเพราะอยากครองอำนาจต่อไปเท่านั้น คนไทยที่ต่างรู้เท่าทัน จึงจำเป็นต้องเลือกพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยเข้าไปจัดตั้งรัฐบาล ไม่ให้กลุ่มผู้มีอำนาจปัจจุบันสืบทอดอำนาจต่อไปได้

ศรีสะเกษ ลั่นน็อค เอสตราด้า

1 มีนาคม ณ ค่ายมวยนครหลวง โปรโมชั่น ได้มีแถลงข่าวการป้องกันแชมป์ซูเปอร์ฟลายเวต 115 ปอนด์ ของสภามวยโลก (WBC) ของ “เจ้าแหลม” ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น กับคู่ปรับเก่า ฮวน ฟรานซิสโก้ เอสตราด้า ผู้ท้าชิงไฟต์บังคับรองอันดับ 1 ชาวเม็กซิกัน ในวันศุกร์ที่ 26 เมษายน 2562 สังเวียน เดอะ ฟอรัม อิงเกิ้ลวู้ด ในมหานครลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา พร้อมเปิดตัวแคมเปญ “เอ็ม-150 ล้านพลังฮึดสู้ เพื่อศรีสะเกษ” ที่จะนำเสียงเชียร์ของคนไทยไปอยู่บน “ชุดนักมวย” ออกแบบโดย “หมู อาซาว่า” ดีไซเนอร์ชื่อดัง

โดยทั้งคู่เคยชกกันมาแล้วเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2018 โดยครั้งนั้น กำปั้นไทย เอาชนะคะแนนไปแบบไม่เอกฉันท์ 115-113, 117-111 และ 114-114

ด้าน “เสี่ยฮุย” นายสุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์ ประธาน บริษัท นครหลวงโปรโมชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้ศรีสะเกษได้เข้าแคมป์เพื่อเก็บตัวซ้อมที่ค่ายเพื่อสร้างเสริมความพร้อมและความแข็งแกร่งให้มากที่สุด ตนมีความมั่นใจว่า การพบกับเอสตราด้าในครั้งนี้ ศรีสะเกษจะสามารถคว้าชัยชนะได้อีกครั้งอย่างแน่นอน

ศรัณย์ ลดาวรรษ์ Head of M-150 Brand Building บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในฐานะผู้สนับสนุนหลักของค่ายนครหลวงโปรโมชั่นและ “ศรีสะเกษ” พร้อมให้การสนับสนุนในการชกป้องกันแชมป์ครั้งนี้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะเป็นไฟต์ที่ทั่วโลกจับตามอง เอ็ม-150 จึงริเริ่มแคมเปญ “ล้านพลังฮึดสู้ เพื่อศรีสะเกษ” เพื่อนำเสียงเชียร์ของคนไทยส่งเป็นพลังฮึดสู้ให้กับศรีสะเกษถึงในสนามการแข่งขันที่เดอะฟอรัม ลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา

โดยเป็นเสียงเชียร์ที่จะปรากฏอยู่บนชุดนักมวยแทน ทั้งชุดคลุมและกางเกงของศรีสะเกษ แฟนมวยและผู้สนใจสามารถส่งเสียงเชียร์ได้ทางเฟซบุ๊กของเอ็ม-150 โดยจะรวบรวมและคัดเลือกเพื่อส่งให้ หมู-อาซาว่า ดีไซเนอร์ชื่อดังของไทย นำไปจัดทำชุดนักมวยที่จะสร้างความฮึกเหิมและเป็นกำลังใจให้แก่ศรีสะเกษในศึกรีแมตช์หยุดโลกครั้งนี้”

ขณะที่ "เจ้าแหลม" ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น แชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวต (115 ปอนด์) สภามวยโลก (WBC) และเดอะริง (The Ring) และเจ้าของสถิติชนะ 47 (น็อค 41) เสมอ 1 แพ้ 4 กล่าวว่า “การป้องกันแชมป์แต่ละครั้งเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับผมในฐานะตัวแทนประเทศไทย สำหรับการชกกับเอสตราด้าในครั้งนี้ ผมจะพยายามอย่างเต็มความสามารถและจะมุ่งมั่นไม่ท้อถอย และมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะได้ก่อนครบ 12 ยก ให้คนไทยได้ภาคภูมิใจกัน"