ทุกอย่างกระจ่างแล้ว หลังจากเสียงปืนดังขึ้นใกล้รัฐสภาของสหรัฐฯ ผู้ต้องสงสัยถูกจับกุม
ตำรวจรัฐวอชิงตันได้เตือนผู้ที่อยู่ในอาคารสำนักงาน,วุฒิสภาสหรัฐอเมริกาทั้งหมดให้หาที่กำบังในวันพฤหัสบดีหลังจากที่ได้เกิดการยิงผู้ต้องสงสัยหญิงที่ได้ขับรถชนใกล้กับธรรมเนียบขาว หนีตำรวจไปจนถึงแคปปิตอลฮิลล์
โฆษกรัฐสภาตำรวจ กล่าวว่า“เจ้าพนักงานคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บจากจากอุบัติเหตุระหว่างขับรถไล่ผู้ต้องสงสัย”
ข่าวที่เกี่ยวข้องได้รายงานว่าผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในการดูแลของตำรวจ และก่อนหน้านี้ข่าวเอบีซี, รอยเตอร์รายงานว่า “ผู้ต้องสงสัยหญิงนั้นได้เสียชีวิตลงแล้ว” หัวหน้าคิมไดน์หน่วยงานของสหรัฐฯตำรวจเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังเขาไม่ทราบเงื่อนไขของผู้ต้องสงสัย แต่ยืนยันว่าตำรวจนั้นได้พบเด็กภายในรถของผู้ต้องสงสัยซึ่งที่เห็นในภาพเป็นรถเก๋งสีดำอินฟินิตี้ป้ายทะเบียนของรัฐคอนเนตทิคัต
“เราไม่มีข้อมูลว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือว่าเป็นเรื่องนอกเหนือจากนี้" ไดน์เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟัง
ทิมวิลสันผู้แทนของกรมดับเพลิงกับบริการการแพทย์ฉุกเฉินของโคลัมเบียได้บอกข่าวทาง Yahoo ว่า “พนักงานแพทย์ได้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากที่เกิดเหตุที่ได้รับบาดเจ็บอันตรายถึงชีวิต ซึ่งเขาไม่ได้เปิดเผยเพศของผู้ป่วยหรือรายละเอียดของอาการบาดเจ็บ
ก่อนหน้านี้ตำรวจนั้นได้จับกลุ่มตรวจดูบริเวณใกล้อาคารรัฐสภาด้วยปืน
ผู้รายงานข่าวคริสมูดี้ของ Yahoo News อยู่นอกรัฐสภาเมื่อเขาได้ยินเสียงปืนดังขึ้น รถประมาณหกคันของตำรวจนั้นก็มุ่งหน้ามาอย่างรวดเร็วไปยังที่เกิดเหตุบนถนน Constitution Avenue และต่อมาก็ได้วิ่งกลับไปอีกทาง
หน่วยงานของตำรวจรัฐได้บอกนักท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่ใกล้อาคารรัฐสภาให้เดินไปทางทิศใต้ผ่านสำนักงานสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกาและอาคารทุกหลังถูกปิดล็อคลง
"โปรด ปิดล็อคและออกห่างจากประตูภายนอกและหน้าต่าง" การแจ้งเตือนถูกประกาศออกในช่วงบ่ายของวันพฤหัสบดีเดียวกัน “เอาอุปกรณ์ชุดช่วยเหลือฉุกเฉินและชุดหลบภัยย้ายไปยังที่กำบังในสำนักงานของคุณหรือส่วนที่อยู่ด้านในสุดของสำนักงานของคุณ" ส่วนเจ้าหน้าที่อื่นๆนั้นได้รออยู่ข้างนอกจนคำสั่งปิดล๊อคอาคารได้สิ้นสุดลงในภายหลัง
หนึ่งในพยานที่เห็นเหตุการณ์บอกกับ Yahoo News ว่าเห็นรถสีดำถูกไล่ล่าโดยตำรวจและตำรวจก็ได้ปิดล้อมผู้ต้องสงสัยเมื่อเสียงปืนดังขึ้น
“ตำรวจยิงรถของผู้ต้องสงสัยแล้วก็พยายามสกัดรถคันนั้นไว้”พยานที่เห็นเหตุการณ์กล่าว “พวกเขาขับรอบรัฐสภาหลายรอบแล้วหลังจากนั้นฉันก็ได้ยินเสียงรถชนกับอาคารอีกด้านของรัฐสภา”
พยานอีกคนหนึ่งกล่าวว่าตำรวจเริ่มยิงเมื่อรถแล่นออกไปหลังจากที่ถูกสกัดอยู่
"ฉันเห็นรถสีดำและรถตำรวจสองคันตามมาข้างหลัง เขาติดอยู่ที่เสาตรงด้านหน้าของอาคารรัฐสภา ตำรวจได้ลงออกจากรถของพวกเขาและปิดล้อมผู้ต้องสงสัย พร้อมตะโกน จากนั้นรถของผู้ต้องสงสัยเริ่มหมุนและเสียการควบคุมจนเกือบจะชนเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนทำให้ตำรวจเริ่มยิงใส่"
บริเวณข้างนอกของทำเนียบขาวนั้นมีเจ้าหน้าที่เครื่องแบบขาวของหน่วยสืบราชการลับกันประชาชนบนถนน Pennsylvania Avenue ไม่ให้เข้าไปใกล้ประตูทำเนียบขาว
(Credit Yahoo News)
เรื่องที่เป็น "Talk of The Town" อยู่ในขณะนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องของเกมส์การเมืองของรัฐสภา ที่ยื้อร่างงบประมาณจะเลยเส้นตายไปเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา วันนี้ (5 ต.ค.) แปลว่าเมื่อหนังสือพิมพ์ ไทยแอล.เอ. ฉบับนี้เริ่มวางแผง จะเป็นวันที่ 5 แล้วที่ พนักงานกว่า 8 แสนคนของรัฐบาลต้องหยุดทำงาน และไม่มีเงินที่จะสนับสนุนครอบครัวไปโดยปริยาย ความสูญเสียนี้มีผู้คาดการณ์ว่าจะเกิดความสูญเสียราว 1 พันล้านดอลลาร์ต่อสัปดาห์เลยทีเดียว เหตุการณ์ทำนองนี้เคยเกินขึ้นแล้ว เมื่อปี 1998 ราว 17 ปีก่อน ซี่งมีผลทำให้หน่วยงานรัฐบาลทั่วประเทศสหรัฐอเมริกาต้องปิดทำการไปถึง 28 วัน
ในปี 1998 การเล่นเกมส์การเมืองนี้ทำให้พรรครีพับลิกัน แพ้ย่อยยับในการเลือกตั้งครั้งต่อมา และทำให้ มร.นิวท์ กิงริช ประธานสภาผู้แทนสังกัดพรรครีพับลิกันซึ่งอยู่เบื้องหลังมาตรการลอยแพในครั้งนั้นจำต้องถูกผลักดันให้ลาออกจากตำแหน่ง แต่นั่นคงไม่อาจเป็นบทเรียนของรีพับลิกัน จึงทำให้เกิดเหตุการณ์เดิมซ้ำรอยอีกครั้ง
ประธานธิบดีโอบาม่า โยนความผิดให้กับประธานสภาผู้แทนราษฎร "มร.จอห์น โบห์เนอร์" (พรรครีพับลิกัน รัฐโอไฮโอ) ที่ดื้อดึงให้รัฐบาลระงับการใช้กฎหมายโอบาม่าแคร์ ทั้งๆ ที่ศาลสูงสุดได้ตัดสินแล้วว่าโอบาม่าแคร์นั้นไม่ผิดกฎหมาย
สำหรับหน่วยงานที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ คือหน่วยงานของรัฐด้านพิพิธภัณฑ์ เขตอุทยานแห่งชาติ และหน่วยงานที่ออกวีซ่าในต่างประเทศ รวมไปถึงผลกระทบต่อตลาดหุ้นของสหรัฐ และเศรษฐกิจ หากมีการยืดเยื้อในการผ่านร่างงบประมาณประจำปี
มีคำถามที่ประชาชนตั้งคำถามขึ้นมาว่า ทำไมรัฐสภาจึงไม่ออกกฎหมายให้ทันเส้นตายในวันที่ 1 ตุลาคม ของทุกๆ ปี สิ่งที่พรรคการเมืองใหญ่ทั้งสองมีความเห็นไม่ตรงกัน ทำให้เกิดความลำบากต่อการตัดสินใจผ่านงบประมาณ สภาล่างซึ่งพรรครีพับลิกันมีเสียงข้างมากได้ออกกฎหมายให้รัฐบาลต้องตัดงบประมาณรายจ่าย แต่เมื่อนำเสนอรายละเอียดปลีกย่อยเพื่อจำแนกการใช้จ่ายในแต่ละประเภท ปรากฎว่าพรรครีพับลิกันไม่ยอมลงคะแนนเสียงเห็นชอบโดยอ้างว่า งบประมาณในการใช้จ่ายต่ำเกินไป
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2556 Thai Trade Center Los Angeles นำทีมไทยแลนด์ นักธุรกิจไทยในสหรัฐฯและ Celebrity Chefs ชาวอเมริกัน นำสินค้าอาหารของไทยจากผู้นำเข้ารายใหญ่และจากร้านอาหารไทยมีชื่อในรัฐแคลิฟอร์เนีย พร้อมด้วยบริการนวดแผนไทย และการแสดงวัฒนธรรมไทยหลากหลายมาเสนอแก่คนอเมริกัน ที่สนามด้านหน้าของ Paramount Pictures Studios โดยมีฯพณฯ ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล อดีตรัฐมนตรีว่างการกระทรวงต่างประเทศ ให้เกียรติมาเป็นประธานเปิดงาน Thai Food Festival
การจัดงาน Thai Food Festival ในครั้งนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อช่วยตอกย้ำชื่อเสียงของประเทศไทยในฐานะประเทศผู้ผลิตสินค้าอาหารรายใหญ่ที่สุดของโลกจนเปรียบเสมือนได้ว่าเป็นครัวของโลก และในฐานะประเทศที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานในเรื่องของศิลปะการปรุงแต่งอาหารรสเลิศเป็นที่ถูกปากของคนทั่วไป พิสูจน์ได้จากการที่อาหารไทยได้กลายเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายแซงหน้าอาหารจีน และสิ่งที่จะละทิ้งไม่ได้และจะต้องมีการนำเสนอควบคู่กันไปคือศิลปและวัฒนธรรมไทยที่ไม่เหมือนใคร เช่น การนวดแผนไทย มวยไทย งานแกะสลักผลไม้ และการร้อยมาลัยไทย งาน Thai Food Festival เป็นช่องทางหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจบริการไทยในสหรัฐฯโดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจร้านอาหารไทยและการนำเข้าสินค้าไทย
เพื่อเป็นการสนับสนุนข้าวไทย Thai Trade Center Los Angeles หรืออีกชื่อหนึ่งคือ สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นครลอสแอนเจลิส สังกัดกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้นำข้าวหอมมะลิไทยมาแจกให้ผู้เข้าชมงานที่ส่วนใหญ่เป็นคนอเมริกันและคนต่างชาติได้นำไปทดลองบริโภควัตถุประสงค์เพื่อขยายตลาดข้าวหอมมะลิไทยเข้าสู่กลุ่มผู้บริโภคที่ไม่ได้บริโภคข้าวเป็นอาหารหลักอยู่แล้ว เนื่องจากปีนี้เป็นปีครบรอบ 180 ปีของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและสหรัฐ สถานกงสุลใหญ่ นครลอสแอนเจลิสได้จัดนิทรรศการแสดงประวัติความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างสองประเทศ ทีมไทยแลนด์อื่นๆที่มาเข้าร่วมงานในครั้งนี้รวมถึงการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานส่งเสริมการลงทุน และสำนักงานที่ปรึกษาเกษตร นครลอสแอนเจลิส บริษัทการบินไทย (มหาชน) จำกัด และสภาหอการค้าไทยแห่งแคลิฟอร์เนียภาคใต้
ร้านอาหารไทยที่มาออกร้านประกอบไปด้วยร้าน Ayara Thai ร้าน Bahn Kanom Thai ร้าน Jitlada ร้าน Lum Ka Naad ร้าน Lucky Elephant ร้าน Night + Market ร้าน Ruen Pair ร้าน Sapp ร้าน Siam Sunset ร้าน Thai Nakorn และร้าน Thai Society บริษัทผู้นำเข้าไทยที่นำสินค้ามาให้ชิม คือ Bangkok Market, D.P Trading, MAMA, N.T.W Import & Export, Rubicon Resources, Taste Nirvana และ Singha Beer และร้าน Massage Plus มาให้บริการนวดไทย ทุกท่านรายงานว่าได้รับการต้อนรับอย่างเกินคาด อาหารและสินค้าทุกอย่างที่นำมาร่วมงานหมดทุกอย่าง
นอกจากร้านอาหารไทยแล้วยังมี Celebrity Chefs ชาวอเมริกันมาร่วมทำอาหารแจกใน งานคือ Chef Kajsa Alger, Chef Susan Feniger, Chef David LeFevre, Chef Andy Ricker, Chef Curtis Stone และ Chef Jet Tira,
การจัดงาน Thai Food Festival ในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นครั้งแรก และได้รับความสำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อและเกินความคาดหมาย มีผู้ให้ความสนใจเข้าชมงานเกือบสองพันคน นอกจากบุคคลทั่วไปแล้ว ผู้มาชมงานจำนวนมากมาจากผู้แทนสถานกงสุลของประเทศต่างๆที่ตั้งอยู่ในนครลอสแอนเจลิส ตัวแทนภาครัฐบาลกลางสหรัฐฯและนักการเมืองท้องถิ่นของรัฐแคลิฟอร์เนีย และบุคคลในวงการบันเทิงของนครฮอลลิวูดทั้งที่เป็นผู้บริหารและดารา เช่น Mr. Mke Bartok, Vice President, Licensing ของ Paramount Pictures และที่เห็นเดินปะปนกับฝูงชนและชิมอาหารไทยอย่างเอร็ดอร่อยคือ David Alan Grier นักแสดงโทรทัศน์และภาพยนต์มีชื่อที่โด่งดังมาจากรายงาน In Living Color และเป็นผู้แจ้งเกิดให้แก่ Jenifer Lopez
งานเทศกาลเออร์วายน์โกลบอลวิลเลจ (Irvine Global Village Festival) ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในเดือนกันยายนโดยเมืองเออร์วายน์ (Irvine) เพื่อให้ชุมชนต่างๆได้เผยแพร่ความเป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมและแสดงความกลมเกลียวซึ่งกันและกัน โดยมีการจัดนิทรรศการวัฒนธรรม นิทรรศการศาสนาโลก การแสดงบนเวที ซุ้มร้านค้าและอาหารนานาชาติ ในปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่ผ่านมา ปรากฎว่า บูธแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยตลอดจนการแสดงของไทยประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นได้รับคำชมจาก City of Irvine ผู้เป็นเจ้าภาพของงาน และมีผู้เยี่ยมชมบูธวัฒนธรรมไทยคับคั่งตลอดทั้งวัน
ความสำเร็จจากความร่วมมือปีนี้นับเป็นการออกซุ้มนิทรรศการของชุมชนไทยติดต่อกันเป็นปีที่ ๔ โดยกลุ่มอาสาสมัครคนไทยที่อาศัยอยู่ในเมือง Irvine และเมืองใกล้เคียงในการนำของกลุ่มส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรมไทยเมืองเออร์วายน์ (Irvine Thai Arts and Culture “ITAC”) ซึ่งเป็นกลุ่มเป็นอาสาสมัครที่ร่วมแรงร่วมใจจัดซุ้มนิทรรศการนี้ขึ้น ในปีนี้ทางกลุ่มได้รับความร่วมมือจากสภาหอการค้าไทยแห่งแคลิฟอร์เนียนำโดยคุณดอน ชูเกียรติ - Director of Networking and Community Affairs ของสภาฯ และได้รับการสนับสนุนจากสถานกงสุลใหญ่ประจำนครลอสแอลเจลลีส และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ลอสแอลเจลลีส ตลอดจนเพื่อนอาสาสมัครทั้งไทยและเทศ ผู้มีจิตใจรักวัฒนธรรมไทย จากหลายพื้นที่ตั้งแต่ ลอสแอลเจลลีส จนถึง ซาน ดิเอโก้ รวมทั้งนักเรียนไทย และต่างเชื้อชาติ จาก UCI Thai Club ช่วยสร้างสีสรรและความประทับใจจนเป็นที่ชื่นชมจากผู้เยี่ยมชมงานและเจ้าภาพเป็นอย่างดียิ่ง
อาสาสมัครทุกท่านมาร่วมมือร่วมใจกันด้วยมิตรภาพ ตามความถนัด ความสามารถ และเวลาที่อำนวย ในปีที่ผ่านมาและปีนี้ ได้มีอาสาสมัครเข้ามาร่วมเพิ่มเติม หลากอายุ หลากเพศ หลากสาขาอาชีพ เมื่อจบงานแล้ว ต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้าน โดยนำรอยยิ้ม คำชม และความประทับใจจากแขกผู้มาเยี่ยมชมซุ้มกลับไป พร้อมกับความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมกันมีส่วนช่วยเหลือเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทยให้กับชาติของเรา แม้ว่าจะเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ก็ตาม
ศิลปะการแกะสลักผลไม้และการสาธิตการทำกระทง ประทับใจผู้ชมและตากล้องในปีนี้ซุ้มนิทรรศการของไทยโดดเด่นด้วยฝีมือการสาธิตการแกะสลักผลไม้ และการทำการสาธิตการทำกระทงใบตองและจากผ้าริบบ้อน กลุ่มอาสาสมัครจากวัดพุทธจักรมงคลรัตนาราม เมืองเอสคอนดิโด้ นำโดยถนอม Sterritt วารุณี ชัยปัญญา จันทร์ทิพย์ Misell และติ๊ก Samppara จัดแสดงฝีมืออย่างภาคภูมิใจ
งานลอยกระทงใจกลางเมืองเออร์วายน์ในปีนี้แนวคิดของงานนิทรรศการไทยเป็นการจัดแสดงเทศกาลงานลอยกระทง การตกแต่งซุ้มงานเป็นแบบจำลองของริมฝั่งแม่น้ำในคืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง ประดับประดาด้วยแบบจำลองพลุสี โคมลอย และพระจันทร์ มีกระทงทำด้วยวัสดุหลากหลายในรูปแบบต่างๆลอยอยู่ในน้ำ รวมถึงภาพแสดงประเภณียี่เป็งของจังหวัดในภาคเหนือ มีการพิมพ์ประวัติของวันลอยกระทง และเพลงลอยกระทงภาคภาษาอังกฤษลงในพัดซึ่งเป็นของที่ระลึกกว่า 1000 เล่ม นอกเหนือจากการอธิบายเกี่ยวกับประเพณีลอยกระทงแล้ว เหล่าอาสาสมัครยังได้สอนให้แขกที่เข้าชมนิทรรศการร้องเพลงลอยกระทงเป็นที่สนุกสนาน ยังมีการบรรเลงเพลงไทยเดิมในซุ้มงานโดยน้องการ์ตูน-จีรนันท์ เชื้อสง่า รวมถึงการแสดงนิทรรศการประวัติของมวยไทยอีกด้วย
นอกจากนี้ คณะการแสดงของไทยยังได้ร่วมกันเผยแพร่นาฏศิลป์ไทยบนเวทีใหญ่ของงาน โดยมีการรำไทยของกลุ่มนักเรียนนาฏศิลป์จากวัดไทยในลอสแอลเจลลีส และกลุ่มลานนาฏศิลป์ไทยแดนซ์ นำโดยคุณเพิ่มพร สุขประดิษย์ การรำไทยหน้าซุ้มนิทรรศการไทยโดยนักศึกษาสมาชิกของ UCI Thai Club และการสาธิตการไหว้ครูมวยไทยและชกมวยไทยโดยกลุ่มสถาบันมวยไทยภายใต้การนำของครูสุรภักดิ์ (ครูภักดิ์)แจ่มจันทร์
กลุ่ม Irvine Thai Arts and Culture (ITAC) และสภาหอการค้าไทยแห่งแคลิฟอร์เนีย ขอแสดงความขอบคุณทุกๆท่านที่ได้ให้การสนับสนุนนิทรรศการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทยเป็นอย่างดี และขอแสดงความขอบคุณอาสาสมัครทุกท่านที่ร่วมแรงร่วมใจทำให้การจัดนิทรรศการครั้งนี้ประสบความสำเร็จด้วยดี ขอบคุณสถานกงสุลไทยประจำนครลอสแอนเจลลีส การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยลอสแอนเจลลีส และกลุ่มนักแสดงต่างๆ ที่ได้ให้การสนับสนุนและส่งเสริมการจัดนิทรรศการเพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมไทย นอกเหนือจากนั้นทางกลุ่มมีความยินดีที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยลอสแอนเจลลีส และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ได้เข้าร่วมเปิดร้านเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอีกด้วย
ท่านสามารถติดตามชมประมวลภาพของงานและรายละเอียดของนิทรรศการได้ที่ www.irvinethaiculture.org