ข่าว
'ศรีสะเกษ' น็อกมวยยุ่นยก 8 ได้แชมป์โลกซุปเปอร์ฟลายเวท

3 พ.ค. ศึกมวยชิงแชมป์โลก รุ่นซุปเปอร์ฟลายเวท สภามวยโลก ระหว่าง โยตะ ซาโตะ เจ้าของเข็มขัดชาวญี่ปุ่น กับ ศรีสะเกษ ศ.รุ่งวิสัย ผู้ท้าชิงชาวไทย ที่เวทีคนเมืองศรี จ.ศรีสะเกษ

เริ่มยกที่ 1 โยตะ ซาโตะ กับ ศรีสะเกษ ศ.รุ่งวิสัย เดินหน้าเข้าใส่กันทันที ท่ามกลางเสียงเชียร์ของแฟนมวยลั่นสนาม แต่การชกยังเป็นไปอย่างสูสี จากนั้นในยกที่ 2 โยตะ กับ ศรีสะเกษ เริ่มสนุก ทั้งคู่ชิงปล่อยหมัดเข้าหากันต่อเนื่อง และเป็นศรีสะเกษที่ไล่ชกจนนักมวยยุ่นเป๋ไปเหมือนกัน

ขึ้นยกที่ 3 เปิดฉากมา โยตะ กับ ศรีสะเกษ ลุยเข้าใส่กันทันที และเป็นศรีสะเกษที่เดินไล่ถลุงแทบจะข้างเดียว แต่โยตะไม่ยุบง่ายๆ ส่วนยกที่ 4 เกมยังสนุก ทั้งคู่ออกมาลุยใส่แบบไม่มียั้ง ศรีสะเกษยังเป็นฝ่ายไล่ถลุงโยตะเป็นชุดๆ แต่นักมวยยุ่นยังไม่ยอมลงไปกองง่ายๆ

มาถึงยกที่ 5 ศรีสะเกษ เดินหน้าลุยหวังเผด็จศึกเต็มที่ แต่ยังเอาโยตะไม่ลง โดยอาศัยความโชกโชนบนเวทีเอาตัวรอดไปได้อีกยก เริ่มยกที่ 6 ศรีสะเกษยังเดินหน้าเข้าใส่โยตะอย่างต่อเนื่อง แต่หนักไปทางกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันมากกว่า ไม่ค่อยจะได้ออกหมัดมากนัก

ถึงยกที่ 7 ยังเป็นหนังม้วนเดิม ศรีสะเกษเดินหน้าเข้าใส่โยตะเหมือนเดิม และเน้นต่อยท้องมากขึ้น เล่นเอาโยตะสะดุ้ง ก่อนจะถลุงเป็นชุด แต่กรรมการยังไม่ยุติการชก จากนั้นในยกที่ 8 ศรีสะเกษไม่ปล่อยโอกาสทองให้หลุดลอย ไล่ถลุงโยตะเป็นชุด จนกรรมการต้องยุติการชก ทำให้ ศรีสะเกษ ศ.รุ่งวิสัย เอาชนะน็อกไปได้ในยกที่ 8 เป็นแชมป์โลกรุ่นซุปเปอร์ฟลายเวท สภามวยโลก คนใหม่ของเมืองไทย

ดร.โกร่ง สับเละ"แบงก์ชาติ" ประเทศเจ๊งใครรับผิดชอบ

นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 2พฤษภาคมที่ทำเนียบรัฐบาลถึงกรณีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธปท. มีความเห็นขัดแย้งในการแก้ไขปัญหาเงินบาทแข็งค่าว่า ตั้งแต่เป็นประธานธปท. เห็นได้ชัดว่าการทำงานของผู้ว่าการธปท. กับนายกิตติรัตน์มีความขัดแย้งและมีปัญหาการดำเนินการของธปท. เองก็มีความเสียหาย ความจริงแล้วนโยบายการเงินและนโยบายการคลังนั้นจะต้องทำงานสอดประสานกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพกับระบบเศรษฐกิจ

"ส่วนตัวผมมีความรู้สึกวิตก กังวล ว่าอาจจะเกิดวิกฤติในระบบเศรษฐกิจของชาติอย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเมื่อค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นและเกิดความเสียหายต่อภาคการส่งออกทุกหน่วยงานก็โยนความรับผิดชอบ โดยธปท. โยนความรับผิดชอบให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก็โยนความรับผิดชอบและหน้าที่ให้ ธปท. ต่อมาทางธปท. ก็ถามว่ากระทรวงการคลังก็มีมาตรการเพื่อดูแลหลายอย่างเหตุใดจึงไม่ทำ วนไปวนมาจึงเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติและระบบเศรษฐกิจและหาผู้รับผิดชอบไม่ได้ "นายวีรพงษ์กล่าว

นายวีรพงษ์กล่าวอีกว่า ตามกฎหมายหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้แลงานโดยส่วนรวมของธปท. แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไม่สามารถก้าวก่ายการทำงานได้ และเมื่อเกิดความเสียหายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก็ไม่สามารถรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อรัฐสภาได้ เพราะไม่สามารถประสานงานกับ ธปท. ได้ ส่วนธปท. ก็ไม่ต้องรับผิดชอบเพราะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการ กนง.

"ผมดูแล้วคณะกรรมการ กนง. เป็นใครมาจากไหนก็ไม่ทราบไม่มีใครในนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจมหภาคเลยซักคน แต่กลับมีอำนาจมหาศาล ใครพูดติติงอะไรก็ไม่มีผล ซึ่งหากสถานการณ์เป็นไปอย่างนี้ ก็เห็นว่าจะเกิดความเสียหายใหญ่หลวงกับประเทศชาติและประชาชน ซึ่งตอนนี้ ภาคการส่งออกก็เริ่มได้รับผลกระทบ”นายวีรพงษ์กล่าว

นายวีรพงษ์กล่าวว่า ธปท.บอกว่ามีมาตรการแก้ปัญหาค่าเงินบาท แต่ไม่ทราบว่ามาตรการอันลี้ลับนั้นเป็นอย่างไร ไม่รู้ว่าจะนำมาใช้เมื่อไร ที่จะไม่เกิดผลข้างเคียงและความเสียหายต่อประชาชน ทั้งนี้หลายฝ่ายยอมรับแล้วว่า ค่าเงินบาทของไทยแข็งค่ากว่าชาติใดในโลก จนเกิดความเสียหายและส่งผลต่อภาคการส่งออก ยังหาคนรับผิดชอบไม่ได้ ในฐานะประธานคณะกรรมการธปท.รู้สึกอึดอัด และกังวลต่อสถานการณ์ข้างหน้าอย่างยิ่ง เพราะมองไปแล้วที่พูดว่ามีมาตรการหลายอย่างนอกจากดอกเบี้ยก็ยังมองไม่เห็นมาตรการอื่น เมื่อสอบถามก็ตอบไม่ได้ และก็ไม่มีมาตรการอะไรมาดูแลค่าเงินกว่า 4 ปีแล้ว

“ผมเตือนเรื่องนี้มาตั้งแต่เงินบาทอยู่ที่ 33 บาทต่อดอลลาร์ จนลงต่ำกว่า 29 บาทต่อดอลลาร์ จนตอนนี้ขยับขึ้นมาที่ 29 บาทแล้ว เนื่องจากปัจจัยที่ทำให้เงินบาทแข็งยังดำรงอยู่คือความแต่ต่างระหว่างดอกเบี้ยของไทยและดอกเบี้ยต่างประเทศ และเป็นไปตามที่ผมคาดการณ์ทุกประการ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคณะกรรมการมีอำนาจในการดูและธปท. แต่ เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา ธปท. ขาดดุลทางบัญชีการเงิน 5.3 แสนล้านบาท และเมื่อไตรมาสที่ผ่านมาติดลบอยู่กว่า 8 แสนล้านบาท และหากยังไม่มีมาตรการดูแลค่าเงินบาทที่ดีสิ้นปีนี้ อาจติดลบถึง ล้านล้านบาทได้ โดยตอนที่เกิดต้มยำกุ้งขาดดุลประมาณ 1.14 ล้านล้านบาท ซึ่ง คณะกรรมการธปท.ไม่สามารถทำอะไรได้”นายวีรพงษ์กล่าว

นายวีรพงษ์กล่าวว่า ส่วนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังทำหนังสือมาคาดโทษเรื่องฐานะธปท.ขาดดุลงบประมาณนั้น ได้ตอบจดหมายไปว่า คณะกรรรมการได้หยิบยกเรื่องนี้ทุกครั้งที่มีการประชุมคณะกรรรมการแต่ไม่มีผลอะไร และเมื่อดูในรายงานการประชุม กนง. ผู้ว่าการ ธปท. ก็ไม่ได้หยิบยกเรื่องนี้เข้าไปพูดคุยในคณะกรรรมการ

นายวีรพงษ์กล่าวอีกว่า หากเศรษฐกิจพังล้มละลาย เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีไม่สามารถรับผิดชอบต่อรัฐสภาได้เพราะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการอิสระ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะนำเสียงข้างมากของคณะกรรรมการธปท. ไปตักเตือนผู้ว่า ธปท. ได้หรือไม่ นายวีรพงษ์กล่าวว่า ได้ทำแล้ว ดูในรายงานการประชุมได้ เริ่มตั้งแต่ปีที่แล้ว และตั้งคณะกรรมการมี นายคณิศ แสงสุพรรณ เป็นประธานคณะกรรมการให้สอบข้อเท็จจริงว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับงบดุลธนาคารนั้นเป็นอย่างไร จะแก้ไขอย่างไร พร้อมกับส่งให้ผู้ว่า ธปท.ทราบและให้ผู้ว่า ฯแจ้งต่อ กนง.

"ผู้ว่าก็ดูไม่เดือดร้อน เพราะเขาชี้แจงว่า ธนาคารกลางสามารถขาดดุลได้ แต่ก็สงสัยว่า ทำไมคราวต้มยำกุ้งจึงโยนหนี้เข้ากองทุนฟื้นฟู ให้ภาษีอากรของประชาชนเป็นคนจ่าย"ประธานบอร์ดธนาคารแห่งประเทศไทยกล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะนำเสียงข้างมากของคณะกรรมการไปปลดผู้ว่า ธปท. ได้หรือไม่ นายวีรพงษ์กล่าวว่า เสียงข้างมากก็ไม่ได้ เพราะตามอำนาจหน้าที่คณะกรรรมการแค่ดูแลการดำเนินงานโดยรวมเท่านั้น ยกเว้นงาน กนง คณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) (กนส.) กนช. แต่ต้องรับผลเพราะตนมีหน้าที่ดูแลงบดุลธนาคาร

“ผมได้แต่หนักใจ เพราะท่านทั้งสองเป็นผู้ใหญ่กว่า และได้แสดงความหนักใจต่อที่ประชุมคณะกรรมการ หนังสือที่ผมตอบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ท่านรัฐมนตรีก็หายไป จะให้ผมเป็นตัวกลางก็ไม่ใช่ เพราะผมก็เป็นผู้ใหญ่ ถ้าเขาฟังก็ดี เขาไม่ฟังก็เสียหน้า ซึ่งเรื่องนี้ต้องฝากให้นายกรัฐมนตรีเป็นตัวกลาง และไม่อยากให้ไปถึงขั้นคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถอดถอน ที่จริงปัญหานี้แก้ไขได้ เป็นปัญหาขององค์กรและระบบบริหารแผ่นดินเรามากกว่า”นายวีรพงษ์กล่าว

นายวีรพงษ์กล่าวอีกว่า ส่วนค่าเงินบาทที่ส่งผลกระทบนั้น จะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 30 บาท ส่วนที่ธปท. บอกว่า อยู่ที่ 27 บาทเศรษฐกิจยังโตได้นั้น เป็นเรื่องที่ ธปท. คิดเองพูดเอง ไม่มีใครเห็นด้วย อย่างไรก็ตามการหยุดยั้งเงินไหลเข้านั้น การลดอกเบี้ยอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ

“น้องเน็ค”สาวกรุงวัย 22 คว้ามงกุฎมิสทิฟฟานี่ 2013

“น้องเน็ค” นักศึกษาปริญญาตรี ม.รามคำแหง วัย 22 ปี คว้าตำแหน่ง “มิสทิฟฟานี่” ประจำปี 2013 แถมซิวตำแหน่งแต่งกายงามควบอีก รับอื้อ มงกุฎเพชร-ฮอนด้าแจ๊ส รวมกว่า 1.5 ล้านบาท พร้อมเข้าประกวดเวทีระดับโลก “มิสอินเตอร์เนชั่นแนล ควีน” ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพปลายปีนี้

ที่โรงละครทิฟฟานี่โชว์ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เมื่อช่วงค่ำวันที่ 3 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการประกวดชิงตำแหน่งมิสทิฟฟานี่ ยูนิเวิร์ส 2013 รอบสุดท้ายขึ้นภายใต้แนวคิด “A La Chic” ในคอนเซ็ปต์ ก้าวสู่ความฝันที่เป็นจริง สวยมั่นอย่างมีสไตล์ มีอิสระทางความคิดอย่างชาญฉลาด โดยมี ร.ศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา ประธานคณะกรรมการอำนวยการประกวด นายสุธรรม พันธุศักดิ์ กรรมการผู้จัดการบริษัททิฟฟานี่โชว์พัทยา จำกัด พร้อมด้วยคณะกรรมการตัดสิน แขกผู้มีเกียรติ เหล่าบรรดากองเชียร์ และสื่อมวลชน เข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง

สำหรับการประกวดมิสทิฟฟานี่ ยูนิเวิร์ส ในปีนี้ ได้ทำการคัดเลือกสาวประเภทสองเหลือ 27 คน จากผู้สมัครกว่า 100 คน โดยเก็บตัวทำกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว ตามสถานที่สำคัญทั้งในกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา มาตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย. และในวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้ประกวดรอบชุดว่ายน้ำ หรือ “Miss Kiss Sexy Star 2013” ซึ่งสาวเทียมที่ได้ครองตำแหน่งนี้ได้แก่ “น้องหนิง” โสภิดา รชานนท์ หมายเลข 21 โดยจะได้รับคะแนนฟาสแทรก เพื่อผ่านเข้ารอบ 10 คนสุดท้ายโดยอัตโนมัติ พร้อมเงินสด 1.5 หมื่นบาท พร้อมสายสะพาย

ส่วนผลการประกวดปรากฏว่า ผู้ที่เอาชนะใจกรรมการครองตำแหน่งมิสทิฟฟานี่ ยูนิเวิร์ส 2013 ได้แก่ “น้องเน็ค” เนฐนภาดา กัลยานนท์ หมายเลข 22 คนกรุงเทพมหานคร อายุ 22 ปี นักศึกษาระดับปริญญาตรีคณะศิลปะศาสตร์ เอกภาษาญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยรามคำแหง คว้ามงกุฎเพชรมูลค่า 5 แสนบาท รถยนต์ฮอนด้าแจ๊ส 1 คัน และบัตรกำนัลจากผู้สนับสนุนรวมมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท และยังคว้าตำแหน่งแต่งกายงามควบอีกตำแหน่งด้วย พร้อมเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการประกวดบนเวทีระดับโลก “มิสอินเตอร์เนชั่นแนล ควีน 2013” ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในช่วงปลายปีนี้

ขณะที่ตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ หมายเลข 6 ชนัญชิดา รุ่งเพชรรัตน์ คนกรุงเทพมหานครเช่นกัน เป็น นักศึกษาจบใหม่คณะศิลปะศาสตร์ เอกภาษาญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล คว้าเงินรางวัล 1 แสนบาท พร้อมสายสะพาย และบัตรกำนัลจากผู้สนับสนุน รองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ “น้องหนิง”โสภิดา รชานนท์ หมายเลข 21 คว้าเงินสด 7 หมื่นบาท และสายสะพาย นอกจากนี้ยังพ่วงตำแหน่ง “Miss Kiss Sexy Star 2013” ด้วย ส่วนรางวัลนางงามมิตรภาพ ได้แก่หมายเลข 10 พัชราพร นัยอินทร์ และรางวัลขวัญใจสื่อมวลชน ได้แก่ “น้องเฟิร์ส” ญาดา คงศรีเจริญ หมายเลข 15

ร.ศ.ดร.เสรี เปิดเผยว่า วัตถุประสงค์ในการจัดประกวดเป็นเช่นเหมือนทุกปี คือต้องการเฟ้นหาสาวประเภทสองที่มีความสามารถ งามทั้งกายและใจ เพื่อเป็นตัวแทนประเทศไทยไปการประกวด “มิสอินเตอร์เนชั่นแนล ควีน 2013” นอกจากนี้รายได้ส่วนหนึ่งยังมอบให้กับสภากาชาดไทย ในโครงการ “คืนชีวิตให้พ่อแม่เพื่อลูกน้อยที่ปลอดเอดส์” ในพระอุปถัมภ์ของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัตดามาตุฯ อีกด้วย.