ข่าว
รวบกลุ่มชายต้องสงสัย'ก่อการร้าย' พบจ่อวางบึ้มย่านแฟชั่น'ฝรั่งเศส'

3 ต.ค.60 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เจ้าหน้าที่จับกุมตัวชาย 5 คน ต้องสงสัยพยายามวางระเบิด ย่านแฟชั่นในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น

โดยผู้ที่อยู่อาศัยในย่านดังกล่าวได้แจ้งเจ้าหน้าที่หลังพบว่ากลุ่มชายดังกล่าวมีพฤติกรรมน่าสงสัย จากการตรวจสอบพบวัตถุระเบิดที่ยังไม่ระเบิดขึ้น ผู้ต้องสงสัยทั้งหมดถูกควบคุมตัวในเรือนจำ อยู่ในระหว่างสอบสวน

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุคนร้ายไล่แทงประชาชนที่สถานีรถไฟในเมืองมาร์กเชย ส่งผลให้หญิงสาวเคราะห์ร้ายเสียชีวิต 2 คน โดยกลุ่มไอเอสได้มาออกว่าอยู่เบื้องหลังการก่อเหตุดังกล่าว

พสกนิกรเข้ากราบพระบรมศพ ในหลวง ร.9 วันสุดท้ายเนืองแน่น

5 ต.ค.60 สำนักพระราชวัง ได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมากราถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ช่วงระหว่างเวลา 00.01 - 24.00 น. ของวันที่ 4 ต.ค. ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 96,150 คน รวม 336 วัน มีจำนวน 12,628,642 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศล จำนวน 6,437,999.25 บาท รวม 336 วัน เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 882,528,282.01 บาท

ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคต 358 วัน (13 ต.ค.59) หน่วยงานและประชาชนร่วมบำเพ็ญกุศล 252 วัน (22 ม.ค. - 30 ก.ย.60) เปิดให้ลงนามถวายความอาลัย ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง (ระหว่าง 15-28 ต.ค.59 รวม 14 วัน) และเปิดให้ประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท (ตั้งแต่ 29 ต.ค.59) รวม 337 วัน (งดกราบถวายบังคมพระบรมศพ 1-2 ธ .ค.59, 1 ม.ค.60, 20-21 ม.ค.60


บิ๊กตู่พบคนไทยในสหรัฐฯ บอกหารือทรัมป์เป็นมิตรอบอุ่น

5 ต.ค.60 ผู้สื่อข่าวที่ตามคณะนายกรัฐมนตรีเดินทางไปสหรัฐฯ รายงานว่า ก่อนเดินทางกลับประเทศไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้พบปะชุมชนไทยที่มาให้กำลังใจนายกฯ ที่โรงแรม Four Seasons กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา

โดย นายกฯ กล่าวขอบคุณสำหรับกำลังใจที่มามอบให้ และกล่าวถึงการพบปะหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ผ่านมา ว่า บรรยากาศการต้อนรับเป็นมิตร อบอุ่น มีการหารือในประเด็นรอบด้าน ทั้ง ความสัมพันธ์ ความร่วมมือต่างๆ ทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ เพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ และจะดูแลการค้าการลงทุนระหว่างกันให้มีการขยายตัว และดูแลให้เป็นไปอย่างราบรื่น

นายกฯ ได้กล่าวถึงการบริหารประเทศของรัฐบาลที่เข้ามาแก้ปัญหาที่สะสมมานาน รวมทั้งปัญหาที่เกิดจากความขัดแย้ง จนขณะนี้ประเทศกลับมาเดินหน้าต่อ ตัวเลขทางเศรษฐกิจดีขึ้นตามลำดับ นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้วางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อพัฒนาขับเคลื่อนประเทศใน 6 ด้าน สู่การเติบโตอย่าง มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน

โดย นายกฯ ยังได้ยืนยันว่า ทุกอย่างจะเป็นไปตามโรดแมป และจะมีการเลือกตั้ง และขอให้ประชาชนช่วยกันนำพาประเทศไปข้างหน้าด้วยกัน ในตอนท้าย ตัวแทนคนไทยได้มอบดอกไม้ให้กำลังใจนายกฯ ด้วย


‘สาธิต’เตือน‘บิ๊กตู่’ยึดมั่นสัจจะจัดเลือกตั้งปี 61

4 ต.ค. 60 นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุว่าในปี 2561 จะประกาศวันเลือกตั้งว่า ต้องย้ำว่านายกฯจะต้องปฏิบัติตามสัญญา และต้องรักษาคำพูดเพื่อที่จะเดินไปสู่การเลือกตั้ง และดำเนินการตามโรดแมปที่ได้ประกาศไว้ ตรงนี้ก็เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน นักลงทุน และต่างประเทศ ถ้านายกฯยึดคำสัญญาเดินตามโรดแมป เมื่อความเชื่อมั่นกลับมา จะทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจ และประชาชนที่กำลังเดือดร้อนก็จะเชื่อมั่นมากขึ้น

“หากนายกฯไม่ปฏิบัติตามสัญญา หรือพูดเพียงเพื่อตอบคำถาม หรือพูดเพื่อให้เห็นความก้าวหน้า แต่ไม่มีการยืนยันตามคำมั่นสัญญาเดิม ก็จะกระทบกับเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่น ดังนั้นทุกอย่างจึงขึ้นอยู่กับตัวนายกฯ เองจะต้องทำตามที่พูด และรักษาสัญญาหรือไม่” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว


ทรัมป์ลงพื้นที่ลาสเวกัสเยี่ยมเหยื่อกราดยิง

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ยกย่องและชื่นชมบรรดาเจ้าหน้าที่ในเมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดา ที่เป็นเหมือนวีรบุรุษในการทำหน้าที่รับมือเหตุร้าย ในเหตุกราดยิงเทศกาลดนตรี เมื่อคืนวันอาทิตย์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 58 คน บาดเจ็บ 527 คน

ประธานาธิบดีทรัมป์ พร้อมด้วย นางเมลาเนีย ทรัมป์ สตรีหมายเลข 1 เดินทางไปยังเมืองลาสเวกัส ก่อนไปเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยในลาสเวกัส และพูดคุยให้กำลังใจเจ้าหน้าที่แพทย์

ทรัมป์ บอกว่า การทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายในการช่วยเหลือเหยื่อกระสุนและรับมือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ชาวอเมริกันทุกคนภาคภูมิใจ เพราะพวกเขาถือเป็นวีรบุรุษอย่างแท้จริง ในช่วงที่ชาวอเมริกันทุกคนกำลังอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

จากนั้นได้เดินทางไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่สำนักงานตำรวจลาสเวกัส และยกย่องความกล้าหาญของตำรวจทุกนายที่รุดเข้าถึงที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และย้ำว่า ชาวอเมริกันพร้อมตอบโต้ความตายและความโกรธ ด้วยความรักและความกล้าหาญ

ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ บอกว่า นายสตีเฟ่น แพดด็อก มือปืนวัย 64 ปี ที่ก่อเหตุกราดยิงดังกล่าว เป็นคนบ้าที่ป่วยทางจิต แต่ไม่ระบุว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นเหตุก่อการร้ายในประเทศ และเลี่ยงไม่ยอมตอบคำถามในประเด็นกฎหมายควบคุมอาวุธปืน


โจรบราซิลแสบ ขุดอุโมงค์ใต้ดินหวังฉกเงินแบงก์หมื่นล้าน

ตำรวจบราซิลสามารถยับยั้งแผนการปล้นธนาคารครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศได้สำเร็จ หลังตรวจพบผู้ต้องสงสัยกลุ่มหนึ่งขุดอุโมงค์ใต้ดิน หวังโจรกรรมเงินกว่าหมื่นล้านบาท

เจ้าหน้าที่ตำรวจบราซิลสกัดแผนการปล้นธนาคาร "แบงก์ ออฟ บราซิล" ของโจรกลุ่มหนึ่ง ซึ่งใช้เวลากว่า 4 เดือน ในการขุดอุโมงค์ใต้ดิน ความยาวกว่า 500 เมตร เข้าไปในห้องนิรภัยที่สาขาหนึ่งของธนาคารในนครเซา เปาโล เพื่อโจรกรรมเงินจำนวนกว่า 1,000 ล้านเรียล

อย่างไรก็ดี แผนการปล้นธนาคารซึ่งมีทรัพย์สินมากที่สุดในละตินอเมริกาของโจรกลุ่มนี้ถูกสกัดกั้นเอาไว้ได้ เนื่องจากตำรวจตรวจพบว่า มีอุโมงค์ถูกขุดอยู่ใต้ถนนสายหนึ่ง และจับตาผู้ต้องสงสัยกลุ่มนี้มาโดยตลอด ก่อนตัดสินใจเข้าจับกุมในวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากอุโมงค์ถูกสร้างจนเสร็จแล้ว โดยสามารถจับผู้ต้องสงสัยได้ 16 คน

ทั้งนี้ โจรกลุ่มนี้ขุดอุโมงค์จากบ้านเช่าหลังหนึ่งใกล้เขตชาการา ซานโต อันโตนิโอ โดยอุโมงค์มีความกว้างพอที่ผู้ใหญ่สามารถคลานเข้าไปได้ ภายในอุโมงค์มีเหล็กและไม้ค้ำยันไว้ นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งไฟส่องสว่าง และยาวไปจนถึงห้องนิรภัยแต่ไม่ทะลุถึงตู้นิรภัย แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าพวกเขาจะวิธีเข้าไปเอาเงินออกมาได้อย่างไร

ด้านผู้นำทีมสืบสวนคดีนี้เปิดเผยว่า โจรกลุ่มนี้อ้างว่าพวกเขาลงทุนเงินไปประมาณ 4 ล้านเรียล (ราว 42.4 ล้านบาท) โดยลงขันกันคนละ 200,000 เรียล (ราว 2.1 ล้านบาท) และคาดว่าจะสามารถปล้นเงินออกมาได้กว่า 1,000 ล้านเรียล หรือราว 10,614 ล้านบาท ซึ่งหากสำเร็จจะถือเป็นการปล้นธนาคารครั้งใหญ่ที่สุดของบราซิล และใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของโลก


ปลดนางงามเมียนมาวิจารณ์กลุ่มติดอาวุธโรฮิงญา

ชเว เอง สี นางงามเมียนมาปีล่าสุด ถูกปลดจากตำแหน่งพร้อมยึดมงกุฎ เหตุโพสต์วิดีโอวิจารณ์กองทัพปลดปล่อยโรฮิงญาแห่งอาระกัน หรืออาร์ซา

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ชเว เอง สี วัย 19 ปี นางงามเวทีมิสแกรนด์เมียนมาปี 2017 โพสต์วิดีโอความรุนแรงในรัฐยะไข่ พร้อมวิพากษ์วิจารณ์กองทัพปลดปล่อยโรฮิงญาแห่งอาระกัน หรืออาร์ซา ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ความขัดแย้งยังดำเนินต่อไป ทำให้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา คณะผู้จัดการประกวดได้ประกาศถอดถอนตำแหน่งของเธอ โดยให้เหตุผลว่า เธอไม่ปฏิบัติตามสัญญา และไม่ปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างที่ดี แต่ไม่ได้อ้างถึงเรื่องวิดีโอดังกล่าว

อย่างไรก็ดี ชเว เอง สี โพสต์แถลงการณ์ผ่านหน้าเฟซบุ๊กของเธอ ชี้ว่า การถูกปลดจากตำแหน่งของเธอเกี่ยวข้องกับการวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์ความรุนแรงในเมียนมา ระบุเป็นเรื่องจำเป็นในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่จะใช้ชื่อเสียงเธอในการพูดความจริงเพื่อประเทศ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ชเว เอง สี ไม่ได้พูดถึงการกระทำอันรุนแรงของกองทัพเมียนมาต่อชาวมุสลิมโรฮิงญาในรัฐยะไข่แต่อย่างใด

เหตุการณ์นี้ ถือเป็นกรณีล่าสุดที่ผู้ชนะการประกวดเวทีนางงามถูกปลดออกจากตำแหน่งเนื่องจากแสดงความคิดเห็นทางการเมือง โดยเมื่อเดือนกันยายน อิตีร์ อีเซน มิสตุรกี ปี 2017 ก็ถูกถอดถอนจากตำแหน่ง หลังจากเธอเขียนลงในทวีตเตอร์ในช่วงครบรอบ 1 ปี ของการพยายามก่อรัฐประหารในตุรกีเมื่อปี 2016 ว่า การมีประจำเดือนของเธอเป็นการเฉลิมฉลองเลือดของผู้สละชีวิตในการต่อต้านกองทัพที่พยายามเข้ายึดอำนาจ

ผู้นำคาตาโลเนียไม่สนรับสั่งกษัตริย์สเปน

5 ต.ค.60 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายการ์เลส ปุจเดอมงต์ ประธานาธิบดีแคว้นคาตาโลเนีย ระบุพระราชดำรัสของสมเด็จพระราชาธิบดีเฟลีเปที่ 6 แห่งสเปน ถือเป็นการมองข้ามความต้องการของชาวคาตาลันหลายล้านคน ยืนยันเดินหน้าประกาศแยกตัวเป็นเอกราชจากสเปนเร็วๆ นี้

ประธานาธิบดีแคว้นคาตาโลเนีย ให้สัมภาษณ์บรรษัทกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี วานนี้ ว่า แคว้นคาตาโลเนียมีสิทธิอันชอบธรรมในการลงประชามติ และจะมีการประกาศเอกราชได้ใน 48 ชั่วโมง หลังนับคะแนนเสร็จ ซึ่งอาจจะเป็นในช่วงปลายสัปดาห์นี้หรือต้นสัปดาห์หน้า พระราชดำรัสของสมเด็จพระราชาธิบดีเฟลีเปที่ 6 แห่งสเปน ถือเป็นการมองข้ามความต้องการของชาวคาตาลันหลายล้านคน ที่ต้องการแยกตัวออกจากสเปน อีกทั้งยังเป็นการแสดงความเห็นทางการเมืองที่สอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาลกลางสเปนอีกด้วย

ทั้งนี้ รัฐบาลท้องถิ่นกาตาโลเนียจะมีการประชุมในวันจันทร์หน้าเพื่อหารือเกี่ยวกับผลการลงประชามติ เพื่อเดินหน้ากระบวนการประกาศเอกราชต่อไป ขณะที่ก่อนหน้านี้ สมเด็จพระราชาธิบดีเฟลิเป้ ที่ 6 ทรงตำหนิรัฐบาลท้องถิ่นแคว้นคาตาโลเนียที่จัดการลงประชามติเพื่อแยกตัวเป็นเอกราช ว่าเป็นการจงใจละเมิดกฎหมายด้วยพฤติกรรมที่ขาดความรับผิดชอบ และทรงเห็นว่าคาตาลุนญ่าจะต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญของสเปน ซึ่งเวลานี้สังคมชาวคาตาลันกำลังเกิดความแตกแยกและการเผชิญหน้า และทรงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมกันสร้างความเป็นเอกภาพของสเปน

ด้าน นายกรัฐมนตรีมาเรียโน่ ราฮอย ได้ร่วมประชุมกับผู้นำฝ่ายค้านเพื่อหารือปัญหาการแยกตัวของแคว้นคาตาโลเนีย โดยระบุว่า รัฐบาลจะใช้ทุกมาตรการที่จำเป็นในการจัดการปัญหาดังกล่าว พร้อมปฏิเสธข้อเรียกร้องของผู้นำคาตาโลเนียที่จะให้มีคนกลางซึ่งอาจรวมถึงสหภาพยุโรป เข้ามาเจรจาเพื่อหาทางออกในเรื่องนี้ด้วย