ข่าว
แม่-ลูกชายมีสัมพันธ์ชู้สาว ลั่นยอมติดคุกไม่ยอมเลิกกัน

เว็บไซต์ข่าวอังกฤษ “เดลิเมล”รายงานจากรัฐนิว เม็กซิโก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 9 ส.ค.ว่า นางโมนิกา มาเรส วัย 36 ปี ตกหลุมรัก และมีเพศสัมพันธ์กับนายคาเลบ ปีเตอร์สัน วัย 19 ปี ซึ่งเป็นลูกชายแท้ ๆ ของเธอเอง หลังทั้งคู่ไม่เคยพบกันมาก่อนเลยในชีวิต เพราะโมนิกาคลอดคาเลบตอนเธออายุได้ 16 ปี และส่งเขาให้ครอบครัวอื่นรับไปอุปถัมภ์ตั้งแต่แบเบาะ จนเมื่อปีที่แล้วทั้งสองซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองคลอวิส รัฐนิว เม็กซิโกของสหรัฐเหมือนกัน สามารถติดต่อกันได้ผ่านทางเครือข่ายสังคมออนไลน์ “เฟซบุ๊ค” จนได้พบกันครั้งแรก ทั้งคู่ตกหลุมรักกันอย่างลับ ๆ และติดต่อกันเรื่อยมา

โมนิกาและคาเลบเปิดเผยความรู้สึกของกัน และกัน หลังจากพบกันได้ไม่กี่สัปดาห์ว่า ทั้งเธอและเขาไม่ได้คิดกันแค่การเป็นแม่ลูก ในตอนแรกยังไม่มีอะไรเกินเลย แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลังจากที่ได้กอดกัน ทั้งคู่ก็ออกเดต และจูบกัน หลังนั้นก็มีสัมพันธ์ทางเพศ ซึ่งภายหลังนายคาเลบได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของนางโมนิกา ซึ่งเป็นคุณแม่ ที่ผ่านการโมนิกามีลูกมาแล้วทั้งหมด 9 คน กระทั่งเพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณข้างเคียงรู้เรื่องนี้เข้าจึงทะเลาะกับโมนิกาเพราะพวกเขาไม่เห็นด้วย จากนั้นจึงมีผู้แจ้งความจับเธอ เนื่องจากความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวระหว่างผู้ที่มีสายเลือดเดียวกันเป็นสิ่งผิดกฎหมายในสหรัฐ

โมนิกาและคาเลบจึงถูกศาลสั่งให้แยกจากกัน และห้ามติดต่อกัน แต่ทั้งสองก็ยังคงดื้อดึง จนถูกจับและต้องประกันตัวออกมาด้วยหลักทรัพย์ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ (175,500 บาท) จากนั้นก็ต้องถูกสอบสวนโดยคณะลูกขุนอีกรอบในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา

นางโมนิกากล่าวว่า เรายังพยายามติดต่อกัน ฉันรักเขามากอยากอยู่กับคาเลบไปตลอดชีวิต แม้จะโดนศาลสั่งลงโทษห้ามพบลูก ๆ ที่เหลืออีก และถูกตัดสิทธิ์การเลี้ยงดูบุตรทั้งหมดเธอก็ยอม เพื่อให้ได้อยู่กับคาเลบ

ส่วนคาเลบเองก็รักโมนิกาที่เป็นแม่ตัวเอง ทั้งที่รู้ว่าผิด และเธอกำลังถูกดำเนินคดีจนอาจต้องรับโทษจำคุถกสูงสุด 18 เดือน แต่คาเลบเนื่องจากอายุยังเป็นผู้เยาว์ศาลจึงไม่ได้สั่งลงโทษเขาแต่อย่างใด เขาคิดว่า หากเธอติดคุก เขาก็จะรอจนกว่าเธอจะพ้นโทษ แล้วจะออกมาอยู่ร่วมกันอีกครั้ง แม้ว่าทั้งเพื่อน ครอบครัว และสังคมรอบตัวพวกเขาจะไม่มีใครเห็นด้วยกับความรักครั้งนี้ก็ตาม

อย่างไรก็ตามยังคงมีนักกิจกรรมเพื่อการเรียกร้องสิทธิคนที่รักผู้มีสายเลือดเดียวกันออกมาประชาสัมพันธ์เรื่องนี้เพื่อระดมทุนให้โมนิกา และคาเลบสู้คดีในชั้นศาลจนถึงที่สุด ทั้งนี้ความรักประเภทนี้เป็นความรักที่เกิดจากแรงดึงดูดทางพันธุกรรมหรือเรียกว่า Genetic Sexual Attraction (GSA) เป็นกลุ่มอาการที่ใช้เรียกคู่รักที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด อาทิ พ่อแม่กับลูก พี่กับน้อง ลูกพี่ลูกน้อง หรือเครือญาติที่ไม่เคยใช้ชีวิตร่วมกันมาก่อน แต่มาพบหน้ากันครั้งแรกในวัยผู้ใหญ่แล้วตกหลุมรักซึ่งกันและกัน.

นายกฯนำครม.-พสกนิกร 'จุดเทียนชัย'ถวายพระพร

เมื่อเวลา 19.29 น. วันที่ 12 ส.ค. ที่บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี และพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ได้กล่าวถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ และกล่าวนำถวายพระพรชัยมงคลในพิธีถวายเครื่องราชสักการะจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล และถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ว่า

เนื่องในศุภวาระมหามงคลที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงเจริญพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา ในวันที่ 12 ส.ค. ศกนี้ ประชาชนชาวไทยมีความปลาบปลื้มปิติเป็นล้นพ้น ที่ได้มาร่วมชุมนุมอย่างพร้อมเพรียงกัน เพื่อถวายพระพรชัยมงคลด้วยความจงรักภักดี ข้าพเจ้าทั้งหลายต่างตระหนักชัดแจ้งอยู่เสมอว่า นับเป็นระยะเวลานานกว่าหกทศวรรษที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ได้ทรงปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ เคียงคู่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการอุปถัมภ์บำรุงพสกนิกรด้วยพระวิริยะ อุตสาหะ ก่อให้เกิดประโยชน์อเนกอนันต์แก่อาณาประชาราษฎร์และสังคมประเทศชาติ ทั้งด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของราษฎรให้ดีขึ้น มีสุขภาพอนามัยแข็งแรงมีการศึกษา มีความรักชาติบ้านเมือง นิยมในศิลปวัฒนธรรมไทย และร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เป็นที่ประจักษ์ประทับใจในมวลหมู่ประชาชนอยู่เป็นนิจ พระเกียรติคุณได้รับการแซ่ซ้องสรรเสริญ ให้แผ่ขจรไพศาลทั่วทิศานุทิศ พระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมปวงพสกนิกร และผู้ที่มาอาศัยอยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารตลอดมา

เนื่องในโอกาสมหามงคลนี้ ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระราชานุญาตนำพสกนิกรทั้งแผ่นดินถวายพระพรชัยมงคล ขออัญเชิญคุณพระศรีรัตนตรัยและอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วสากล อันมีพระสยามเทวาธิราชและพระบรมเดชานุภาพแห่งสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า โปรดอภิบาลรักษาให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ ปราศจากโรคาพาธและอุปัทวันตรายทั้งปวง พระเกียรติคุณแผ่ไพศาล มีพระราชปณิธานใดจงสัมฤทธิ์ ทรงสถิตเป็นมิ่งขวัญร่มเกล้าของเหล่าข้าพระพุทธเจ้าและพสกนิกรชาวไทย ตราบกาลนิรันดร.


'นายกฯ' แจงเหตุระเบิดภาคใต้ วอนขจัดพวกคิดร้ายให้หมดไป

'บิ๊กตู่' แจงเหตุก่อความไม่สงบภาคใต้ตอนบน วอนประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา ช่วยกันขจัดพวกคิดร้ายให้หมดไป

เมื่อเวลา 21.15 น.วันที่ 12 ส.ค.59 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.เปิดเผยผ่านรายการพิเศษทางโทรทัศน์ว่า จากสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในบางพื้นที่ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กระบี่ ตรัง นครศรีธรรมราช พังงา ภูเก็ต และสุราษฎร์ธานี ตั้งแต่วันที่ 11-12 ส.ค.59 นั้น โดยที่เกิดเหตุเป็นแหล่งท่องเที่ยว ทั้งของชาวไทยและชาวต่างชาติ ทำให้มีผู้บริสุทธิ์ ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตหลายคน นับเป็นการกระทำที่ทำร้ายจิตใจ คนไทยทั้งประเทศอย่างที่สุด ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้จะช่วยเป็นเครื่องย้ำเตือนจิตใจ ของคนไทยอยู่เสมอ และแสดงให้เห็นว่า ยังมีคนไม่ดีอยู่ในสังคมไทย และประเทศไทย โดยมีผู้สร้างสถานการณ์ตั้งแต่ก่อนวันลงประชามติและวันสำคัญของคนไทยทั้งชาติ ซึ่งในวันที่ทุกคนควรมีความสุขร่วมกัน ทำความดีถวายวันแม่ของแผ่นดิน และมีความสุขกับครอบครัว กลับมีเหตุการณ์อันสร้างความเศร้าเสียใจ

จากการกระทำดังกล่าว ตนขอแสดงความเสียใจ กับผู้บาดเจ็บและผู้ที่เสียชีวิต ทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ รัฐบาลจะดูแล และให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และจะดำเนินการสืบสวนสอบสวน หาผู้กระทำความผิดครั้งนี้ มาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม อย่างสุดความสามารถ ระหว่างที่ยังไม่มีความชัดเจน ว่าเกิดจากสาเหตุใด ผู้ใด ให้เวลาเจ้าหน้าที่ได้ทำงาน ไม่กดดันเจ้าหน้าที่ที่กำลังทำงานอยู่ รัฐบาลจะให้การสนับสนุนฝ่ายความมั่นคงอย่างเต็มที่ อีกทั้งจะรายงานความคืบหน้าผลการสืบสวนสอบสวน ให้ทราบเป็นระยะ รวมทั้งช่วยกันแจ้งเตือนประชาชนให้ทราบ จนกว่าสถานการณ์จะเกิดความชัดเจน ด้วยพยานหลักฐาน และเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม

"ผมขอให้พี่น้องประชาชนทุกคน และสื่อมวลชนอย่าได้ตื่นตระหนก ต่อจากนี้ไปขอให้ช่วยกันเฝ้าระวัง ช่วยกันเป็นหูเป็นตา จัดอาสาสมัครในพื้นที่ตนเอง ทุกสถานที่สำคัญ สถานที่ท่องเที่ยวทุกแห่งทุกจังหวัด หากพบเห็นสิ่งใดผิดสังเกต ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทราบโดยทันทีสำหรับคณะทูตานุทูต สถานกงกุล ชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย รัฐบาลพร้อมดูแลความปลอดภัย รวมถึงผลประโยชน์ของทุกประเทศ"

พลเอกประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ในเวลานี้ คนไทยทั้งประเทศต้องช่วยกัน ประสานพลังประชารัฐ ให้เกิดความมั่นคงปลอดภัย ทั้งนี้เจตนารมณ์ของนายกรัฐมนตรีรัฐบาล คสช.พลเรือน ตำรวจ ทหาร จะยังคงมุ่งมั่นทำหน้าที่ต่อไป โดยไม่สร้างความขัดแย้งกับผู้ใด เราจะไม่โทษกันไปมา เวลานี้ ประเทศชาติ คนไทยต้องเป็นหนึ่งเดียว วันนี้ต่างประเทศได้แสดงความเสียใจผ่านผู้แทนคณะทูต เราไม่เคยทำร้ายหรือขัดแย้งกับใคร ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เราต้องร่วมกันทำให้โลกใบนี้ เป็นโลกที่ปลอดภัย สันติ อย่างยั่งยืน ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกคนที่ได้ทำงานหนักตั้งแต่ก่อนวันทำประชามติจนถึงปัจจุบันและต่อไป อย่าท้อแท้ จงมีสติ ใช้ปัญญาในการแก้ไขปัญหา อย่างเต็มขีดความสามารถ

"ผมขอให้กำลังใจชาวไทยทุกคน ให้มีความรัก ความสามัคคี และร่วมมือกันขจัดคนไม่ดีหรือคิดร้ายให้หมดไปจากประเทศไทยให้ได้โดยเร็ว ขอให้ทุกคนได้เข้าใจถึงภาระ หน้าที่อันยิ่งใหญ่ ของรัฐบาล คสช.ในการจะนำพาประเทศไทยให้เจริญเติบโตก้าวหน้า ร่วมกับประชาคมโลกอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้เราจะมีความยากลำบากในเวลานี้ ต้องร่วมมือกันก้าวผ่านอุปสรรคทุกอย่าง ไปให้ได้โดยเร็ว"

สุดท้ายนี้ ผมขอให้กำลังใจชาวไทยทุกคน ให้มีความรัก ความสามัคคี และร่วมมือกันขจัดคนไม่ดีหรือคิดร้ายให้หมดไปจากประเทศไทยให้ได้โดยเร็ว ขอให้ทุกคนได้เข้าใจถึงภาระ หน้าที่อันยิ่งใหญ่ ของรัฐบาล คสช. ในการจะนำพาประเทศไทย ให้เจริญเติบโตก้าวหน้า ร่วมกับประชาคมโลกอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้เราจะมีความยากลำบากในเวลานี้ ต้องร่วมมือกันก้าวผ่านอุปสรรคทุกอย่างไปให้ได้โดยเร็ว ทั้งนี้ เมื่อนายกฯแถลงการณ์เสร็จ ได้เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล ทันที.


บิ๊กแกละผงาด ผบ.ทบ. บิ๊กเจี๊ยบนั่งรองผบ.สส.

ความคืบหน้าการจัดทำบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลประจำปีนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ยืนยันแล้วว่ารายชื่อทั้งหมดส่งมาถึงมือแล้วเรียบร้อย โดยทุกอย่างมีความลงตัว จะนำขึ้นทูลเกล้าฯก่อนวันที่ 15 ก.ย.นี้ ในส่วนของกระทรวงกลาโหม “บิ๊กช้าง” พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม จะขยับขึ้นเป็นปลัดกระทรวงกลาโหมคนต่อไป ส่วนกองบัญชาการกองทัพไทย “บิ๊กปุย” พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ เสนาธิการทหาร ขยับขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.หัสพงศ์ ยุวนวรรธนะ ผบ.หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา เป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ รองเสนาธิการทหาร เป็นเสนาธิการทหาร

“บิ๊กแกละ” ผงาด ผบ.ทบ.ตามคาด

กองทัพบกตำแหน่งที่ถูกจับตามองที่สุดคือ ผบ.ทบ.คนใหม่ ที่มีคู่ชิงแคนดิเดต 2 คน ได้แก่ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้ช่วย ผบ.ทบ. และ พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร เสนาธิการทหารบก แต่คาดว่าผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็น ผบ.ทบ.คนใหม่ คือ “บิ๊กแกละ” พล.อ.พิสิทธิ์ เพราะเคยทำงานร่วมกับ พล.อ.ประวิตร ในช่วงที่เข้ารับราชการทหารใหม่ๆ และได้รับความไว้วางใจที่สุด อีกทั้งเพื่อมาเป็นหลักประกันความมั่นคง และความมั่นใจให้รัฐบาลและ คสช. ทั้งนี้ได้โยก “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.เฉลิมชัย ที่เติบโตมาในสายรบพิเศษ ข้ามไปนั่งเก้าอี้ รอง ผบ.ทหารสูงสุด เพื่อเปิดทางให้ “บิ๊กเข้” พล.ท.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ แม่ทัพภาคที่ 1 เข้ามารับตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ทบ. และรอขยับขึ้นเป็น ผบ.ทบ.คนต่อไปหลังจาก พล.อ.พิสิทธิ์เกษียณในปีหน้า

“บิ๊กตู่เล็ก” ขยับเป็นแม่ทัพภาค 1

นอกจากนี้ ตำแหน่งรอง ผบ.ทบ. คาดว่าเป็นของ พล.อ.สิงหศักดิ์ อุทัยมงคล ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก ส่วน “บิ๊กอ้อม” พล.ท.วีรชัย อินทุโศภน ผบ.หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน น้องรัก “บิ๊กป้อม” ได้เป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. สำหรับตำแหน่งเสนาธิการกองทัพบกเป็นของ “บิ๊กต้อ” พล.ท.สสิน ทองภักดี รองเสนาธิการทหารบก ขณะที่ “บิ๊กตู่” พล.ต.กู้เกียรติ ศรีนาคา รองแม่ทัพภาคที่ 1 น้องรัก พล.อ.ประวิตรอีกคนได้ขยับเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ทำให้ “บิ๊กแดง” พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพน้อยที่ 1 ต้องผิดหวังจากเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 1 ในครั้งนี้

สำหรับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 มีแคนดิเดต 3 คน ได้แก่ พล.ต.คุณวุฒิ หมอแก้ว รองแม่ทัพภาคที่ 4 พล.ต.ชินวัฒน์ แม้นเดช รองแม่ทัพภาคที่ 4 และ พล.ท.เรืองศักดิ์ สุวรรณนาคะ แม่ทัพน้อยที่ 4 ทั้งนี้ คาดว่า พล.ต.คุณวุฒิ หมอแก้ว จะได้ขยับขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 4

“บิ๊กจอม” ผงาดคุมทัพฟ้า

ในส่วนของกองทัพอากาศมีแคนดิเดต ผบ.ทอ. 3 คน คือ พล.อ.อ.ศิวเกียรติ์ ชเยมะ รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.สุทธิพันธ์ กฤษณคุปต์ ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพอากาศ และ พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง เสนาธิการทหารอากาศ ที่คาดว่าจะได้เป็น ผบ.ทอ.คนต่อไป ส่วน พล.อ.อ.สุทธิพันธ์จะข้ามฟากไปเป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุด และ พล.อ.อ.ศิวเกียรติ์ ยังคงอยู่ตำแหน่งรองปลัดกระทรวงกลาโหมเหมือนเดิมเพื่อรอเกษียณปีหน้า โดยมี พล.อ.อ.สุทธิพงษ์ อินทรียงค์ ผบ.กรมควบคุมการปฏิบัติการทางอากาศ เป็นรอง ผบ.ทอ. พล.อ.ท.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน รองเสนาธิการทหารอากาศ เป็น ผู้ช่วย ผบ.ทอ.

ขณะที่กองทัพเรือจะมีเกษียณอายุราชการ 2 ตำแหน่ง คือตำแหน่งรอง ผบ.ทร. และตำแหน่งเสนาธิการทหารเรือ คาดว่า พล.ร.ท.พลเดช เจริญพูล รองเสนาธิการทหารเรือ ได้เป็นรอง ผบ.ทร. พล.ร.ท.พูลศักดิ์ อุบลเทพชัย รองเสนาธิการทหารเรือ ได้เป็นเสนาธิการทหารเรือ อีกทั้งจะขยับ พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผบ.กองเรือยุทธการ ไปเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม แทน พล.ร.อ.อนุทัย รัตตะรังสี ที่จะเกษียณอายุราชการในเดือน ก.ย.นี้ พล.ร.อ.ไกรวุธ วัฒนธรรม ผู้ช่วย ผบ.ทร. ไปเป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุด พล.ร.ท.จุมพล ลุมพิกานนท์ รองเสนาธิการทหารเรือ มาเป็นผู้ช่วย ผบ.ทร. พล.ร.ท.สุชีพ หวังไมตรี รองเสนาธิการทหารเรือมาเป็น ผบ.กองเรือยุทธการ


ครบรอบ มรณภาพ “หลวงเตี๋ย” ทอดผ้าป่าปลดหนี้ซื้อที่ดิน

วัดไทยจัดงานครบรอบหลวงเตี่ย 4 กันยายน นี้ จัดทอดผ้าป่าปลดหนี้ซื้อที่ดิน

วัดไทยประชุมคณะสงฆ์และกรรมการกลุ่มย่อย พิจารณาจัดงานทำบุญครบรอบวันมรณภาพของ “หลวงเตี่ย” พระธรรมราชานุวัตร อดีตเจ้าอาวาสและประธานอำนวยการวัดไทย พร้อมทั้งจัดทอดผ้าป่า “คิดถึงหลวงเตี่ย ปลดหนี้ซื้อที่ดินถวายวัดไทย” โดยมี “พี่ตุ๊” บุญเลิศ บุญศุขะ เป็นประธานจัดงาน

รายงานจากแหล่งข่าววัดไทยฯ แจ้งว่า เมื่อค่ำวันเสาร์ที่ผ่านมา ท่านเจ้าคุณพระวิเทศธรรมวงศ์ ได้จัด ประชุมคณะสงฆ์และกรรมการวัดไทยฯ กลุ่มย่อยเพื่อพิจารณาเรื่องราวกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในวัด โดยได้ กล่าวอนุโมทนาคณะกรรมการที่ร่วมแรงร่วมใจช่วยกันจัดช่วยกันทำอย่างเสียสละ ทำให้กิจกรรมต่างๆ ที่เป็นไป เพื่อประโยชน์ส่วนรวมประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี วัดไทยได้ทำหน้าที่เอื้อประโยชน์สุขแก่พี่น้องไทยอันเนื่อง ด้วยวัฒนธรรมและประเพณี ก่อให้เกิดความอบอุ่นมีความรู้สึกเหมือนเป็นบ้านเกิดเมืองนอน จึงขออนุโมทนาไว้ ณ ที่นี้

ท่านเจ้าคุณสุมนะได้กล่าวต่อไปว่า ภาระกิจหลักของวัดขณะนี้คือ การปลดหนี้ซื้อที่ดินปั๊มน้ำมัน ตรงมุม ถนนรอสโกตัดกับโคลด์วอเตอร์แคนย่อน ซึ่งวัดได้ดำเนินการจ่ายไปแล้วเป็นจำนวนเงิน 1,500,000.00 เหรียญ (หนึ่งล้านห้าแสนเหรียญสหรัฐ) ยังคงค้างอยู่อีก 1,000,000.00 เหรียญ (หนึ่งล้านเหรียญสหรัฐ) ซึ่งต้องชำระหนี้ นี้ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนเมษายน 2560 (2016) มิฉะนั้นก็จะถูกเจ้าของเดิมยึดคืนไป ถือว่าเป็นภาระเร่งด่วนที่ต้อง ดำเนินการ ขณะนี้ทางวัดมีความสามารถที่จะจ่ายได้เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น ท่านเจ้าคุณพระวิเทศธรรมวงศ์จึงเสนอที่ ประชุมว่า ในวันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน ศกนี้ เป็นวันทำบุญครบรอบวันมรณภาพของ “หลวงเตี่ย” พระธรรมราชา นุวัตร อดีตเจ้าอาวาสและประธานกรรมการอำนวยการวัดไทยฯ จึงขอเสนอให้จัดทอดผ้าป่า “คิดถึงหลวงเตี่ยปลด หนี้ซื้อที่ดินถวายวัดไทย” โดยเชิญชวนญาติโยมและท่านที่เคารพนับถือร่วมเป็นเจ้าภาพกองละ 100 เหรียญ

ในการจัดงานทำบุญครบรอบวันมรณภาพของ “หลวงเตี่ย” พระธรรมราชานุวัตร ปีนี้ “พี่ตุ๊” บุญเลิศ บุญศุขะ พี่ใหญ่ของ ชาวชมรมพระประแดง ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของบอร์ดวัดไทย ยินดีรับเป็นประธานจัดงานและ ประธานทอดผ้าป่า พี่ตุ๊เป็น “คนเก่า” ของวัดไทย เป็นคนไทยยุคบุกเบิกเดินทางมาศึกษาและประกอบอาชีพใน อเมริการุ่นแรกๆ เป็นนายกสมาคมไทย แห่งแคลิฟอร์เนียภาคใต้คนที่ 4 (ปี 1965) มีความสนิทสนมกับหลวงเตี่ย เป็นอย่างมาก เรียกหลวงเตี่ยว่า “หลวงน้า” ด้วย ความเคารพอย่างสุดตลอดมา เมื่อคณะกรรมการดำริจัดทอด ผ้าป่าหาทุนปลดหนี้ซื้อที่ดิน เสริมงานทำบุญครบรอบวันมรณ ภาพของหลวงเตี่ย ในวันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน ศกนี้ พี่ตุ๊จึงยินดีรับเป็นประธาน ขอเชิญญาติโยมและท่านที่เคารพนับถือแจ้ง ความจำนงเป็นเจ้าภาพผ้าป่า “คิดถึง หลวงเตี่ย ปลดหนี้ซื้อที่ดินถวายวัดไทย” ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยจะติดต่อที่ท่าน เจ้าคุณสุมนะ พระวิเทศ ธรรมวงศ์ โทร 818-942-4054 หรือที่ท่านเริ่ม พระครูสิริกิตติญาณวิเทศ โทร 818-445-6366 ก็สุดแต่สะดวก

นอกจากนั้น ท่านเจ้าคุณพระวิเทศธรรมวงศ์ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่า งานทอดผ้าพระกฐินพระราช ทานประจำปี 2559 ซึ่งกำหนดงานวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 29-30 ตุลาคม 2559 นั้น คุณสริตา “แหม่ม” สังข์เฉย นายกสมาคมพยาบาลไทยแห่งแคลิ ฟอร์เนียภาคใต้ และทีมงานน้องๆ ผู้ร่วมวิชาชีพเดียวกันรับเป็นประธานลอย กระทง และประกวดนางนพมาศ ส่วนงานเทศกาล ประเพณีสงกรานต์วัดไทยฯ ประจำปี 2560 ซึ่งกำหนด งานวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 8-9 เมษายน 2560 นั้น ผู้ที่ให้เกียรติเป็นประธาน จัดงาน คือ คุณลาวัลย์ “ป้าอ๊อต” พันธุ์อร่าม เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขาอันเลื่องชื่อหลายสาขานั่นเอง ขออนุโมทนา และขอเชิญเตรียมความพร้อม ชมไฮไลท์เด็ดๆ ของงานสงกรานต์วัดไทย’60 กันได้เลย

ทรัมป์ชี้โอบามาตั้งไอเอส-คลินตันตอกกลับยับ

นางฮิลลารี คลินตัน อดีต รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ผู้แทนพรรคเดโมแครตเพื่อชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯใน 8 พ.ย. กล่าวบนเวทีหาเสียงที่เมืองเดส์ มวงส์ รัฐไอโอวา เมื่อ 10 ส.ค. ว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกันได้ยุยงให้เกิดความรุนแรงและได้ล้ำเส้นแล้ว และว่าทรัมป์ไม่มีวุฒิภาวะทางอารมณ์เพื่อเป็นประธานาธิบดี

ทั้งนี้ หลังนายทรัมป์พูดหาเสียงที่รัฐนอร์ท แคโรไลนาเมื่อวันก่อน แนะนำกลุ่มผู้สนับสนุนสิทธิ์ครอบครองอาวุธปืนที่ระบุไว้ในบทแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 ของรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ (Second Amendment) ให้สกัดนางคลินตันไม่ให้ชนะเลือกตั้ง มิเช่นนั้นคลินตันจะแต่งตั้งผู้พิพากษาหัวเสรีที่ต่อต้านอาวุธปืนเข้าศาลฎีกาแล้วจะยกเลิกสิทธิการถือครองอาวุธปืนซึ่งก็ทำให้เขาถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวาง ต่อมาทรัมป์แก้ต่างว่าแค่พยายามทำให้ผู้สนับสนุนสิทธิ์ครอบครองอาวุธปืนเป็นเอกภาพให้ลงคะแนนคว่ำนางคลินตัน

นางคลินตันยังกล่าวโจมตีเรื่องเก่าของนายทรัมป์ ทั้งกรณีกล่าวตอบโต้กับครอบครัวทหารอเมริกันผู้เป็นมุสลิมที่เสียชีวิตในสงครามอิรัก การพูดเสนอให้มีประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์มากขึ้น และยังพยายามหาเสียงกับผู้สนับสนุนรีพับลิกันและผู้ถืออิสระไม่สนับสนุนใคร ด้วยการปล่อยแคมเปญ “ทูเกตเธอร์ ฟอร์ อเมริกา” มุ่งใช้กระแสผู้เชี่ยวชาญฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติและนโยบายต่างประเทศของรีพับลิกัน 50 คนที่เพิ่งส่งจดหมายต่อต้านและไม่เลือกนายทรัมป์ ซึ่งถูกนายทรัมป์ตอบโต้ว่าเป็นพวกขั้วอำนาจเก่าที่หวังยื้ออำนาจพวกตัวเอง

ด้านนายทรัมป์ลุยหาเสียงต่อที่รัฐฟลอริดาและยังโจมตีฝ่ายตรงข้ามต่อเนื่อง โดยกล่าวหาประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ เป็นผู้ก่อตั้งกองกำลังรัฐอิสลาม (ไอเอส) ส่วนนางคลินตันก็เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง ขณะที่ทีมหาเสียงของทรัมป์ได้เน้นโจมตีไปที่อีเมลฉาวล่าสุดที่ถูกปล่อยออกมาและชวนให้สงสัยถึงความสัมพันธ์ของมูลนิธิคลินตันและกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯช่วงที่นางคลินตันเป็นเจ้ากระทรวง และแสดงให้เห็นว่ามูลนิธิคลินตันมุ่งหาสิทธิพิเศษที่ไม่เหมาะสมจากกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งฝ่ายนางคลินตันยังไม่แถลงถึงเรื่องนี้แต่อย่างใด