ข่าว
แองเจลินา โจลี พาลูกเข้าร้านหนังสือในลอนดอน ซื้อหนังสือร่วม 30 เล่ม ผู้เห็นเหตุการณ์ชม ลูกนางเอกดังมารยาทงาม

นิตยสารพีเพิล อ้างผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา แองเจลินา โจลี นางเอกฮอลลีวู้ดคนดัง ได้พาลูกๆ 4 คนเข้าไปเลือกซื้อหนังสือในร้านหนังสือที่กรุงลอนดอน อังกฤษ “เธอซื้อหนังสือประมาณ 30 เล่มเห็นจะได้ ส่วนใหญ่เป็นสมุดภาพระบายสี และหนังสือแฮร์รี พอตเตอร์เล่มหนึ่ง แล้วก็พวกที่คั่นหนังสือ และหนังสือเกี่ยวกับเทศกาลอีสเตอร์”

ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า นางเอกคนดัง ไปกับลูกสาว 3 คนมี ไชโลห์,วิเวียน และซาฮารา และลูกชายอีกคน แต่ไม่รู้ว่าเป็น แมดด๊อกซ์ หรือ แพ็กซ์เทียน “เธอกำลังพูดคุยอยู่กับเด็กสาวคนหนึ่งตรงเคาน์เตอร์จ่ายเงินว่า เธอมีความสุขมากแค่ไหนที่ได้พาลูกๆเข้าร้านหนังสือ และเธอรักลอนดอนที่มีร้านหนังสือมากมาย ”

ทั้งนี้ ผู้เห็นเหตุการณ์ยังเล่าด้วยว่า “เธอ(โจลี)ยังขอบคุณฉันที่มีน้ำใจที่ยอมให้หนังสือ Deathly Hallows เล่มสุดท้ายที่ฉันถืออยู่ในมือแล้วให้แก่ลูกของเธอ เธอน่ารักมาก และลูกๆของเธอก็สุภาพ มีมารยาท ลูกชายของเธอยังเดินเข้ามาขอบคุณฉันที่ให้หนังสือที่เขาต้องการนำไปใช้ที่โรงเรียนกับเขาด้วย และเรียกฉันว่าคุณทุกคำ พวกเขาช่างเป็นคนที่น่ารักจริงๆ ”

โฆษกรัฐบาล แจง เกณฑ์ทำใบขับขี่ใหม่ จะช่วยให้คนมีวินัย วอนอย่ามองเสียเวลา

วันนี้ (15 มี.ค.) พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องร่างกฎกระทรวงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอและการออกใบอนุญาตขับรถฯใหม่ ว่าจะทำให้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายสูง ว่า เป้าหมายหลักของร่างกฎหมายนี้คือ การปกป้องดูแลชีวิตและทรัพย์สินของผู้ขับขี่ทุกราย โดยเฉพาะการปลูกฝังสร้างวินัยในการขับขี่ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความปลอดภัยบนท้องถนน รัฐบาลไม่อยากให้มองเป็นเรื่องของการเสียเวลา เพราะหากเปรียบเทียบจำนวนชั่วโมงการอบรมที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 5 ชั่วโมงเป็น 15 ชั่วโมงกับอายุใบขับขี่ที่สามารถใช้ได้ถึง 2 ปีสำหรับใบขับขี่ชั่วคราว และ 5 ปี สำหรับใบขับขี่ปกติ ยังอาจจะน้อยไปด้วยซ้ำ และเทียบไม่ได้เลยกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้ขับขี่เอง หากเกิดความสูญเสียจากการขับขี่ที่ไม่ปลอดภัยหรือขาดวินัยจราจร

พล.ท.สรรเสริญ กล่าววาา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การจัดอบรมและทดสอบใบขับขี่ยังคงเป็นภารกิจของกรมการขนส่งทางบกเป็นหลัก โดยประชาชนสามารถเลือกใช้บริการได้ทั้งที่กรมการขนส่งทางบก ส่วนกลาง สนง.ขนส่งจังหวัดทุกจังหวัด โรงเรียนการขนส่ง 5 แห่ง ได้แก่ จ.ชัยภูมิ จ.เพชรบูรณ์ จ.ชลบุรี อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี และเขตจตุจักร กทม. โดยเสียค่าธรรมเนียมเพียง 650 บาท อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ไม่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายก็สามารถใช้บริการจากโรงเรียนสอนขับรถของเอกชน ที่ได้รับการรับรองตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก 90 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของประชาชนแต่ละคนเอง ทั้งนี้ รัฐบาลต้องการส่งเสริมให้โรงเรียนเหล่านี้ร่วมรับผิดชอบต่อประชาชน ด้วยการยกระดับคุณภาพมาตรฐานของตนเองด้วย โดยนายกฯ ยังกำชับด้วยว่า แม้จะมีทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้น แต่การให้บริการของทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน จะต้องมีคุณภาพและมาตรฐานเดียวกัน


ผอ.ไทยพีบีเอส ประกาศลาออกแล้ว เซ่นปมซื้อหุ้นกู้ซีพีเอฟ

วันนี้ (15 มี.ค.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) ได้ลาออกจากตำแหน่ง ผู้อำนวยการ ส.ส.ท. หลังมีการซื้อตราสารหนี้ของบริษัทเอกชนจนนำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์จากหลายภาคส่วน

ก่อนหน้านี้ ไทยพีบีเอสได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีการซื้อตราสารหนี้ดังกล่าว ยืนยันไม่กระทบต่อการทำหน้าที่และเตรียมยุติการลงทุนในตราสารหนี้

นายกฤษดา ระบุว่า แม้ว่าการดำเนินงานจะถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อองค์กร แต่กระทบต่อความรู้สึกของประชาชนอย่างมาก รวมทั้งเครือข่ายที่เคยทำงานร่วมกับไทยพีบีเอส ซึ่งตนเองได้รับฟังข้อกังวลจากทุกฝ่ายและน้อมรับคำแนะนำ จึงขออภัยต่อการดำเนินการที่กระทบความรู้สึกของทุกคนเป็นอย่างมากและขอแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากผู้อำนวยการไทยพีบีเอส


พี่ตูนมาแล้ว!! ร่วมขบวนนศ.แพทย์ วิ่ง1ล้าน 5 แสนก้าว ยอดบริจาคทะลุ 52ล้าน

วันที่15มีนาคม2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักศึกษาแพทย์ จากโรงพยาบาลศิริราช ที่ร่วมวิ่งกิจกรรม “1ล้าน5แสนก้าว วิ่งเพื่อชีวิต เชียงใหม่-ศิริราช” เพื่อระดมทุนจากประชาชนที่มีจิตศรัทธาสมทบทุนสร้างอาคาร “นวมินทรบพิตร84พรรษา โรงพยาบาลศิริราช” ซึ่งเป็นอาคารหลังสุดท้ายของโรงพยาบาลศิริราช ที่ได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่9 ล่าสุดเวลา11:30น.วันที่15ม.ค.ขบวนของนักศึกษาแพทย์ได้วิ่งเข้าเขต จ.ชัยนาททางด้าน อ.มโนรมย์ โดยใช้เส้นทางถนนพหลโยธิน และได้เข้้แวะพักขบวนที่โรงพยาบาลชัยนาทนเรนทร เพื่อรับเงินที่ชาวจังหวัดชัยนาทร่วมบริจาคสมทบทุนให้กับโครงการ ซึ่งมียอดบริจาคทั้งสิ้น 1,340,000บาท โดยนายนิมิต วันไชยธนวงศ์ ผวจ.ชัยนาทเป็นตัวแทนมอบ ซึ่งสรุปยอดรวมการวิ่งมาจนถึงวันนี้มียอดบริจาครวมทั้งสิ้น52ล้านบาทเศษ

โดยการวิ่งตั้งแต่จุด จ.ชัยนาทเป็นต้นไปจะมีตูน บอดี้สแลม นักร้องชื่อดังพร้อมแฟนสาวก้อยรัชวิน และเพื่อนักแสดงอย่างเชียร์ ฑิฆัมพร ท๊อฟฟี่ สามบาทห้าสิบ เข้าร่วมวิ่งด้วย ซึ่งเป้าหมายการวิ่งในวันนี้จะแวะพักแรมในพื้นที่ จ.สิงห์บุรี และจะออกวิ่งอีกครั้งในเวลา06:00น. เข้าสู่ จ.อ่างทองต่อไป


นพดล แจง กม.ชี้ชัดขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไม่เสียภาษี แถมเงิน 4.6 หมื่นล้านก็ถูดยึดแล้ว

เมื่อวันที่ 15 มีนาคม นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ตามที่ผู้นำในรัฐบาลให้สัมภาษณ์ว่าจะมีการประเมินเรียกเก็บภาษีจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เกี่ยวกับการขายหุ้นชิน คอร์ป ซึ่งคงหมายถึงหุ้นจำนวน 329.2 ล้านหุ้น ที่รวมขายให้แก่กลุ่มเทมาเส็กในปี 2549 นั้น ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการประเมินภาษีจากเงินได้ส่วนใด จากธุรกรรมตอนใด และจะอาศัยกฎหมายข้อใด ซึ่งในเบื้องต้นตนเห็นว่า 1.เคยมีคำพิพากษาซึ่งสรุปความตอนหนึ่งได้ว่าหุ้นในชินคอร์ปจำนวนดังกล่าวที่รวมขายให้กลุ่มเทมาเส็กในปี 2549 นั้น ดร.ทักษิณเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ บุคคลอื่นๆ เป็นเพียงผู้ถือหุ้นแทน ไม่ใช่เจ้าของหุ้น 2.การขายหุ้นดังกล่าวให้กลุ่มเทมาเส็กได้ขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไม่ได้ขายนอกตลาด 3.ตามกฎหมายไทยเงินได้จากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นั้นได้รับยกเว้นภาษีตามกฎกระทรวงฉบับที่ 126 ข้อ 23 ที่ออกตามประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ซึ่งกฎกระทรวงดังกล่าวนี้ใช้มานานแล้ว และใช้บังคับเป็นการทั่วไปกับทุกคน ไม่มีข้อยกเว้น ดังนั้น การขายหุ้นชินคอร์ปผ่านตลาดหลักทรัพย์ก็อยู่ภายใต้กฎกระทรวงฉบับเดียวกันนี้ ตราบใดที่ไม่มีการแก้ไข และ 4.นอกจากเงินได้จากการขายหุ้นในตลาดจะได้รับยกเว้นภาษีแล้ว เงินได้จากการขายหุ้นชินคอร์ปและเงินปันผลจากหุ้นประมาณ 46,000 ล้านบาทถูกยึดตกเป็นของแผ่นดินไปตั้งแต่ 8 ปีที่แล้ว

นายนพดลกล่าวต่อว่า การขายหุ้นชินคอร์ปเกิดขึ้นมาสิบปีแล้ว ผ่านมาหลายรัฐบาล แม้แต่ท่านรองนายกรัฐมนตรีก็ยังให้สัมภาษณ์ในสื่อต่างๆ ว่า เรื่องนี้ยังไม่แน่ชัดว่าใครผิดใครถูก เพราะกรมสรรพากรระบุอาจดำเนินการไม่ได้ ตนว่าประเด็นในเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องอายุความว่าจะขาดหรือไม่ แต่ประเด็นหลักคือการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้รับยกเว้นภาษีตามกฎหมาย ดังนั้น จึงไม่เข้าใจว่าจะมีการประเมินภาษีบนพื้นฐานข้อกฎหมายใด กรมสรรพากรซึ่งเป็นหน่วยงานจัดเก็บภาษีของประเทศเป็นผู้มีความรู้เรื่องกฎหมายภาษีเป็นอย่างดี ตนหวังว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะปฏิบัติหน้าที่โดยชอบและดำเนินการเรื่องนี้ตามกฎหมายและหลักนิติธรรม และยึดหลักความเท่าเทียมเสมอภาคกับทุกคน เชื่อว่า ถ้าทุกฝ่ายทำเช่นนั้น ก็จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับการค้าและการลงทุนในประเทศได้


ไปไม่รอด! ผู้พิพากษาฮาวายคว่ำคำสั่งใหม่ทรัมป์ห้าม6ชาติมุสลิมเข้าสหรัฐ ทรัมป์โต้ศาลใช้อำนาจเกินขอบเขต

ผู้พิพากษาในฮาวายได้มีคำสั่งระงับคำสั่งผู้บริหารฉบับใหม่ห้ามการเดินทางเข้าสหรัฐของพลเมือง 6 ชาติของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่คำสั่งดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้หลังเที่ยงคืนวันที่ 16 มีนาคมนี้

ผู้พิพากษาแดริค วัตสัน ของฮาวาย ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับหลักฐานที่รัฐบาลนำมาโต้แย้งว่าคำสั่งห้ามดังกล่าวเป็นเรื่องของผลประโยชน์ด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ ขณะที่ทรัมป์ระบุว่าคำพิพากษาของศาลแสดงให้เห็นถึงการใช้อำนาจเกินขอบเขตของกระบวนการตุลาการแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ทั้งนี้ภายใต้คำสั่งใหม่ได้มีการห้ามคน 6 ชาติประกอบด้วยอิหร่าน ลิเบีย ซีเรีย โซมาเลีย ซูดาน และเยเมน เดินทางเข้าสหรัฐเป็นเวลา 90 วัน โดยมีการถอดชื่ออิรักซึ่งเคยอยู่ในร่างคำสั่งเดิมออก นอกจากนี้ยังได้ยกเลิกการห้ามผู้ลี้ภัยชาวซีเรียทั้งหมดเดินทางเข้าสหรัฐ ขณะที่บุคคลจาก 6 ชาติดังกล่าวที่มีกรีนการ์ดจะไม่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งใหม่

ฮาวายเป็นหนึ่งในหลายรัฐของสหรัฐที่พยายามจะยุติคำสั่งห้ามการเดินทางดังกล่าว โดยทนายความโต้แย้งว่าคำสั่งผู้บริหารของทรัมป์เป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญสหรัฐโดยมีการเลือกปฏิบัติกับผู้คนบนพื้นฐานของสัญชาติ ขณะเดียวกันยังส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวและการเข้ามาศึกษาต่อในสหรัฐของนักศึกษาต่างชาติรวมถึงการหาแรงงาน

สิงคโปร์ตัดสินจำคุกหนุ่มไทย 15 เดือน ฐานข่มขู่ทวงหนี้ด้วยการสาดสีใส่ศูนย์รับเลี้ยงเด็ก

เว็บไซต์สเตรทไทม์ส ของสิงคโปร์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 มีนาคม นายสัมเริง สมภพ ชายไทยวัย 33 ปี ถูกศาลสิงคโปร์ตัดสินจำคุกเป็นเวลา 15 เดือน และถูกโบยอีก 3 ที หลังจากนายสัมเริงก่อเหตุนำสีไปสาดใส่บริเวณหน้าประตูศูนย์รับเลี้ยงเด็กที่ลูกของลูกหนี้ที่ไม่ยอมใช้หนี้รายหนึ่งอยู่ เมื่อวันที่ 13 มกราคมปีที่ผ่านมา

อัยการระบุว่า นายสัมเริงทำงานให้กับแก๊งหนี้นอกระบบที่มีชื่อว่า “อาเสี่ยว” และลูกหนี้รายนี้ได้กู้เงินจากอาเสี่ยวไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2558 แต่ผิดนัดการชำระหนี้ตามกำหนด เมื่อถูกข่มขู่ทวงหนี้จากเจ้าหนี้ที่ตามทวงหนี้ถึงที่บ้านและที่ทำงานตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนปีเดียวกัน ลูกหนี้จึงต้องย้ายบ้านหนีและพาลูกๆ 2 คนไปอยู่ที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็ก และนายสัมเริง พร้อมด้วยนายลี เทียว เกียง แก๊งหนี้นอกระบบอีกคนจึงได้นำสีไปสาดใส่หน้าศูนย์รับเลี้ยงเด็กแห่งนี้

นายสัมเริงให้การว่า เดินทางไปสิงคโปร์เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2559 โดยมีคนที่ชื่อว่า แม็กซ์ เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด และนายลีเป็นคนไปรับนายสัมเริงที่โรงแรมเพื่อว่าจ้างให้นายสัมเริงก่อเหตุก่อกวนที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็ก โดยจะให้เงินค่าจ้าง 20,000 บาท และหลังจากปฏิบัติการเสร็จสิ้น นายลีได้ขับรถพานายสัมเริงไปยังถนนควีน เพื่อขึ้นแท็กซี่ไปยังยะโฮร์บารู เพื่อเตรียมเดินทางกลับประเทศไทย กระทั่งนายสัมเริงถูกจับที่สนามบินชางงี ของสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากเจ้าหน้าที่สามารถระบุตัวผู้ก่อเหตุนำสีไปสาดใส่หน้าประตูโรงเรียนได้