ข่าว
จับ'วัฒนา อัศวเหม'ไม่ง่าย อัยการโยนตร.สอบ'เจนี่-เอ๋'

รองอธิบดีอัยการต่างประเทศ ระบุจับ “วัฒนา อัศวเหม” ยาก เหตุย้ายที่กบดานบ่อย ชี้เป็นหน้าที่ตำรวจ เรียก "เจนี่–เอ๋ " มาสอบ ก่อนประสานอัยการชี้เบาะแสจับกุม...

วันที่ 2 ส.ค. นายอำนาจ โชติชัย รองอธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีการประสานงานติดตามตัว นายวัฒนา อัศวเหม นักโทษหนีคดีทุจริต โครงการบ่อขยะคลองด่าน จ.สมุทรปราการ อดีต รมช.มหาดไทย และอดีตที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กรณีมีภาพถ่ายร่วมกันระหว่าง เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ ดาราสาว กับนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ลูกชายนายวัฒนา และนายวัฒนา ที่มาเก๊า ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งเข้ามาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่ติดตามนายวัฒนา ทางอัยการไม่มีหน้าที่ไปเรียกใครมาสอบสวน เนื่องจากเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะสืบสวนในเรื่องนี้ และแจ้งเรื่องมาทางอัยการเพื่อรับทราบ และหากทราบที่อยู่แน่ชัด อัยการจะทำการประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อประสานงานต่อไปยังประเทศที่นายวัฒนาอาศัยอยู่

อย่างไรก็ตาม หากนายวัฒนาพำนักอยู่ในประเทศ ที่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน อัยการสามารถประสานดำเนินการให้จับกุมตัวส่งตัวกลับประเทศได้ แต่หากอยู่ในประเทศที่ไม่ไม่มีการทำสนธิสัญญา อัยการก็ใช้วิธีขอความร่วมมือ เพื่อขอตัวกลับไทยต่อไป.

ในหลวง-พระราชินี ประทับวังไกลกังวล

พสกนิกรปลื้มปีติได้ชื่นชมพระบารมี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯจากร.พ.ศิริราชไปประทับ ณ วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทั้ง 2 พระองค์ฉลองพระองค์ชุดผ้าไหม พระพักตร์สดชื่นแจ่มใส แย้มพระสรวลโบกพระหัตถ์ทักทายประชาชน เสียง "ทรงพระเจริญ" ดังกระหึ่มกึกก้องตลอดเส้นทางเสด็จพระราช ดำเนิน คณะแพทย์แถลงพระอาการทั้งสองพระองค์ดีขึ้นมาก พระสุขภาพดีจนทรงอยากเปลี่ยนพระอิริยาบถ คณะแพทย์จัดเตรียมความพร้อมที่วังไกลกังวลทุกอย่างเหมือนกับที่ศิริราช รวมระยะเวลาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับที่ศิริราชประมาณ 3 ปี 10 เดือน โดยสมเด็จพระราชินีถวายการดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา

ศิริราชแถลงพระอาการ

เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ที่ร.พ.ศิริราช ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล แถลงถึงพระอาการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงขึ้น และทรงมีพระราชประสงค์เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับ ณ วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อทรงเปลี่ยนพระอิริยาบถให้ทรงมีพระวรกายที่แข็งแรงยิ่งขึ้น

ส่วนพระอาการของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยรวมพระอาการดีขึ้น สามารถทรงพระดำเนินได้ดี แต่เพื่อความไม่ประมาท คณะแพทย์ได้จัดทีมแพทย์และพยาบาลที่ถวายการรักษาทั้งหมดติดตามไปถวายการดูแล พร้อมทั้งเตรียมอุปกรณ์ทางการแพทย์ไว้ที่วังไกลกังวล และร.พ.หัวหินไว้พร้อมแล้ว ซึ่งการเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานครั้งนี้ ถือเป็นกำลังใจสำคัญที่ประชาชนทุกหมู่เหล่าจะได้มีโอกาสชื่นชมพระบารมีของทั้งสองพระองค์ด้วยความชื่นชมยินดี

ประทับวังไกลกังวลชั่วคราว

ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร กล่าวอีกว่า พระอาการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถอยู่ในช่วงที่มีพระสุขภาพดี ทำให้มีพระราชดำริอยากไปประทับที่วังไกลกังวล เพื่อเปลี่ยนพระอิริยาบถ และทรงมีพระสำราญ เป็นการไปประทับชั่วคราว แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าจะเสด็จฯ กี่วัน พระองค์ยังไม่ได้พระราชทานตรงนี้ อย่างไรก็ตาม ยังถือว่าพระองค์ยังเป็นคนไข้อยู่ คณะแพทย์ที่ถวายการดูแลอยู่ในปัจจุบัน จะติดตามไปถวายการดูแลทั้งหมด

ทรงอยู่ศิริราชนาน 3 ปี 10 เดือน

คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวต่อว่า ประเด็นสำคัญที่สุดคือ ความปลอดภัย อย่างที่ทราบกันดีว่า พระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่ที่ศิริราช 3 ปีกับ 10 เดือน วันที่ 19 ก.ย.นี้จะครบ 4 ปี ที่ผ่านมาพระโรคทั้งหลายอยู่ในเกณฑ์ดี แต่จะมีบางช่วงยังมีพระอาการบ้างเป็นครั้งคราว เวลามีพระอาการเป็นครั้งคราว เช่น ติดเชื้อเป็นต้น ก็จะทำให้พระสุขภาพทรุดลง พอรักษาดีขึ้นแล้วพระสุขภาพต้องใช้เวลาฟื้นฟูอีกเยอะ เนื่องจากทรงมีพระชนมายุมากแล้วอันนี้เป็นเรื่องธรรมชาติ บางช่วงของพระองค์เป็นเหมือนคนไข้ที่รอพักฟื้นประมาณนั้น อยากให้เข้าใจว่าทำไมพระองค์ท่านไม่ออกจากร.พ. ก็คือทรงพักฟื้นอยู่ แต่การพักฟื้นบางทีต้องใช้เวลา และถ้ามีภาวะอะไรแทรกซ้อนก็จะทรุดไปอีก อันนี้ถือเป็นธรรมชาติของคนสูงอายุ

คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่พระองค์ท่านพระสุขภาพทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ดีมาก คณะแพทย์ถวายความปลอดภัยเรื่องพระสุขภาพเป็นสำคัญ ได้ไปเตรียมสถานที่ที่วังไกลกังวล เตรียมตั้งแต่เรื่องสถานที่ให้เหมาะกับการที่จะต้องถวายดูแลรักษาพยาบาล เตรียมเครื่องไม้เครื่องมือไว้เรียบร้อยหลายวันแล้ว เป็นการเตรียมความพร้อมกรณีเกิดปัญหา ขณะเดียวกันก็เตรียม ร.พ.ที่หัวหินด้วย กรณีฉุกเฉินอาจต้องเข้าร.พ. ที่หัวหินก่อนเบื้องต้นก่อนจะกลับมาศิริราช

พสกนิกรอยากเห็นพระสิริโฉม

ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร กล่าวอีกว่า ในเรื่องของความพร้อมคิดว่าพร้อมเต็มที่ แพทย์พยาบาลไปอยู่เวรที่หัวหินก็เหมือนกับเวรที่ศิริราช ไม่ได้ลดจำนวนลง ถือเป็นการถวายความปลอดภัยในด้านสุขภาพสูงสุด ซึ่งได้กราบบังคมทูลว่าขอให้ทรงสบายพระทัยว่าต่อไปนี้เหมือนมีสองบ้าน หนึ่งคือบ้านศิริราช สองคือบ้านไกลกังวล ถ้ามีพระราชประสงค์ไปประทับวังไกลกังวลเช้าเย็นกลับ หรือค้างคืนสองคืน ศิริราชพร้อมถวายการดูแลรักษา และถ้ามีพระราชประสงค์กลับมาศิริราชก็พร้อมตลอดเวลา

รถยนต์พระที่นั่งเคลื่อนออกจากร.พ.ศิริราช ไปยังวังไกลกังวล จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขณะที่คณะแพทย์แถลงว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง เมื่อวันที่ 1 ส.ค.

"ตรงนี้อยากให้ประชาชนเข้าใจว่า เนื่องจากมีพระชนมายุมากแล้ว โอกาสที่จะมีพระอาการอย่างนั้นอย่างนี้ก็เกิดได้ตามธรรมชาติ เพราะฉะนั้นช่วงไหนดีก็อยู่ศิริราชบ้างอยู่ไกลกังวลบ้างถือเป็นเรื่องปกติ ที่สำคัญประชาชนจะได้ชื่นชมพระบารมีของทั้งสองพระองค์ โดยเฉพาะช่วงนี้เข้าใจว่าทุกคนคงอยากเห็นพระสิริโฉมสมเด็จพระนางเจ้าฯ หลังจากทรงพระประชวรยังไม่ได้ให้ประชาชนได้เห็น ในวันนี้ก็จะเสด็จพระราชดำเนินด้วย" ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร กล่าว

ทรงพระดำเนินได้อย่างปกติ

ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร กล่าวต่อว่า พระสุขภาพทั่วไปดี แต่เนื่องจากว่าช่วงที่เสด็จพระราชดำเนิน คณะแพทย์ขอพระบรมราชานุญาตให้ทั้งสองพระองค์ทรงประทับรถเข็นไฟฟ้าพระที่นั่งเพื่อป้องกันความเสี่ยงต่างๆ ประชาชนจะได้สบายใจ เพราะจริงๆ ทั้งสองพระองค์ทรงพระดำเนินได้อย่างเป็นปกติ ในกรณีที่มีอะไรเร่งด่วน คณะแพทย์มีความพร้อม โดยเตรียมเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งได้ฝึกการรับทั้งสอง พระองค์ขึ้นลงเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง มีความพร้อมทุกอย่าง

พสกนิกรได้ถวายกำลังพระทัย

ศ.คลินิก นพ.อุดมกล่าวว่า การเสด็จฯ ครั้งนี้ นอกจากประชาชนจะได้ชื่นชมพระบารมีแล้ว ที่สำคัญเป็นการถวายกำลังพระทัยที่สำคัญยิ่งต่อทั้งสองพระองค์ เพราะตลอดระยะเวลาที่ประทับที่ศิริราชมาประมาณ 3 ปี ทั้งสองพระองค์ทรงนึกถึงประชาชนตลอด รับสั่งกับคณะแพทย์พยาบาลเรื่องของประชาชน เรื่องโครงการพระราชดำริต่างๆ ทรงมีความห่วงใยตลอด อย่างตอนน้ำท่วมปี 2554 รับสั่งชัดเจนว่า ถ้าเราสบายดี ออกจาก ร.พ.ได้ น่าจะไปช่วยได้มากกว่านี้ เป็นการสะท้อนถึงพระทัยที่ทรงห่วงใยอย่างมาก นอกจากนี้ยังทรงดูแลความเป็นไปรอบๆ ศิริราช และรอบฝั่งธนบุรีตลอด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานการแก้ไขปัญหาจราจรรอบร.พ. ศิริราช และฝั่งธนบุรี

คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวต่อว่า จากการที่พระองค์ทอดพระเนตรทางพระบัญชรทุกวันแล้วทรงเห็นว่ารถติด จึงมีพระราชดำริว่า ยิ่งเปิดร.พ.ใหม่ ร.พ.ศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ตรงรถไฟ ยิ่งจะทำให้รถยิ่งติดมากขึ้น พระองค์พระราชทานโครงการพระราชดำริ 4 โครงการแก้ไขการจราจร โครงการที่ 1 ทรงให้ปรับพื้นถนนรอบๆ ร.พ.ให้กว้างขึ้นและดีขึ้น โครงการที่ 2 ขยายสะพานอรุณอมรินทร์ จาก 4 เลน เป็น 6 เลน และจะมีสะพานยกระดับข้ามแยกศิริราชไปกองทัพเรือ ซึ่งได้งบประมาณมาแล้ว 1,400 ล้านบาท จะช่วยบรรเทารถติดลงได้

โครงการที่ 3 มีพระราชดำริให้ขยายถนนสุทธาวาส ซึ่งเป็นถนนข้ามทางรถไฟไปทะลุถนนจรัญ สนิทวงศ์ ให้ขยายถนนจาก 2 เลน เป็น 4 เลน และทำสะพานข้ามถนนจรัญสนิทวงศ์ โครงการที่ 4 มีพระราชดำริให้ทำทางยกระดับเหมือนทางยกระดับบรมราชชนนี จากปิ่นเกล้าข้ามคลองบางกอกน้อย แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนอิสรภาพ ถึงแยกพรานนกแล้วเลี้ยวขวา ผ่านแยกไฟฉาย เป็นถนนยกระดับไปลงที่พุทธมณฑล สาย 4 ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาจราจรได้มาก

รอเฝ้าฯรับเสด็จล้นศิริราช

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากประชาชนทราบข่าวการเสด็จฯ แปรพระราชฐาน ณ วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทำให้บรรยากาศบริเวณศาลาศิริราช 100 ปี ร.พ.ศิริราช เนืองแน่นไปด้วยประชาชนจากทั่วสารทิศ โดยบางส่วนเฝ้าปักหลักตั้งแต่คืนที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีตัวแทนหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน มาลงนามถวายพระพรอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริเวณลานพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ประชาชนจับจองที่นั่งเฝ้าฯ รอรับเสด็จกันอย่างเนืองแน่น

2 พระองค์ฉลองพระองค์ผ้าไหม

ต่อมาเวลา 16.25 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จลงจากอาคารประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ร.พ.ศิริราช ประทับรถยนต์พระที่นั่งจากร.พ.ศิริราชไปประทับยังพระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล ท่ามกลางพสกนิกรเฝ้าฯรับเสด็จจำนวนมาก

ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฉลองพระองค์ผ้าไหมสีโอลด์โรส สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถฉลองพระองค์ผ้าไหมสีฟ้าลายดอกไม้ สร้อยพระศอไข่มุก ทั้งสองพระองค์ทรงมีพระพักตร์แจ่มใส ทรงแย้มพระโอษฐ์และโบกพระหัตถ์ทักทายประชาชนตลอดเส้นทาง ครั้นเมื่อรถพระที่นั่งแล่นผ่านเส้นทางเสด็จ ประชาชนต่างยกมือไหว้ถวายบังคมพร้อมชูพระบรมฉายาลักษณ์ทั้งสองพระองค์ และเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้อง ควบคู่กับโบกธงชาติ ธงตราสัญลักษณ์ ภปร. และสก. หลายคนหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความปลื้มปีติและตื้นตันใจที่ได้เฝ้าฯรับเสด็จ และเห็นทั้งสองพระองค์ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง เมื่อรถยนต์พระที่นั่งเคลื่อนผ่าน โดยรถยนต์พระที่นั่งเปิดพระวิสูตร (ผ้าม่าน) ให้พสกนิกรชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด

"ทรงพระเจริญ"กระหึ่มหัวหิน

เวลา 18.45 น.ขบวนรถยนต์พระที่นั่งเคลื่อนมาถึงอ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พสกนิกรจำนวนมากที่จับจองที่นั่งริมถนนตั้งแต่เช้า ต่างโบกธงชาติ ธงตราสัญลักษณ์ พระปรมาภิไธยย่อ ภปร. และ สก. พร้อมกับเปล่งเสียง "ทรงพระเจริญ" ดังกระหึ่มกึกก้อง กระทั่งขบวนรถยนต์พระที่นั่งเคลื่อนผ่าน เข้าประตูวังไกลกังวล ในเวลา 18.50 น. ประชาชนนับหมื่นคนลุกขึ้นร้องเพลงสดุดีมหาราชา เพื่อเทิดพระเกียรติทั้ง 2 พระองค์

‘สายัณห์ สัญญา’ขอหมอกลับบ้าน เกิดอะไรขึ้นให้เดินหน้าจัดคอนเสิร์ต

เมื่อเวลา 12.05 น. วันที่ 2 ส.ค. ที่หน้าหอผู้ป่วยชั้น 15 รพ.พระราม 9 ผู้สื่อข่าวได้รายงานถึงอาการป่วยล่าสุดของนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ‘เป้า’ สายัณห์ สัญญา เนื่องจากในวันนี้ทางโรงพยาบาลได้แจ้งกับสื่อมวลชนว่า ทางนักร้องลูกทุ่งชื่อดังแจ้ง จะกลับไปพักฟื้นที่บ้าน จึงทำให้สื่อมวลชนเข้าติดตามข่าวกันอย่างใกล้ชิดเป็นจำนวนมาก

ในเวลาต่อมา นายมานิตย์ อังกินันทน์ ผู้จัดการส่วนตัวของนักร้องลูกทุ่งดัง เปิดเผยถึงอาการพร้อมทั้งแจ้งถึงสาเหตุที่ ‘สายัณห์ สัญญา’ จะกลับไปพักฟื้นที่บ้านว่า พี่เป้าตั้งใจกลับไปพักอยู่ที่บ้านกับครอบครัว ที่ผ่านมาแพทย์ได้ให้การรักษาอย่างเต็มที่ ทั้งทีมแพทย์รักษาโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และด้านอื่นๆที่เกี่ยวข้อง แต่รู้สึกว่าอาการยังไม่ดีขึ้น ซึ่งพี่เป้ารู้ว่าตัวว่าเป็นอย่างไร จึงอยากที่จะกลับไปพักผ่อนที่บ้าน ทางครอบครัวจึงตามใจ เพราะทุกสิ่งที่อย่างตอนนี้อยู่ที่การตัดสินใจของพี่เป้าคนเดียว

นายมานิตย์กล่าวต่อว่า “ตอนนี้พี่เป้าเจ็บแขน แกบอกไม่ไหม เนื่องจากที่แขนมีการเจาะจากการรักษามากมาย แกบอกว่าแกทนไม่ไหว ส่วนเรื่องที่ว่ามีอาการเจ็บภายในหรือเปล่าพี่เป้าไม่ได้พูดถึง แต่แกคงรู้ตัวดี”

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าในวันอาทิตย์ที่ 4 ส.ค. ซึ่งเป็นการให้คีโมครั้งที่ 2 ‘สายัณห์’ จะกลับมาให้อีกครั้งหรือไม่ นายมานิตย์ กล่าวว่า ขอดูสถานการณ์ก่อน อาการของพี่เป้าตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต แต่พี่เป้าไม่อยากรับยาแล้ว แกแน่วแน่ที่จะออกจากโรงพยาบาล พี่เป้าตัดสินใจมาก่อน 2-3 วันแล้ว พี่เป้าเล่าให้ฟังว่าตอนกลางคืนแกนอนไม่หลับ จึงอยากให้แกสบายใจ พี่เป้ายังบอกอีกว่า ถ้าจะเกิดอะไรขึ้นกับแก งานต่างๆ ที่ได้เตรียมกันไว้ อย่างเช่น งานคอนเสิร์ตขวัญใจคนเดิม สายัณห์ สัญญา กลับบ้านสุพรรณ ที่จะมีขึ้นวันที่ 16 ส.ค. เวลา 17.00 น. ที่ ลานอนุสรณ์สถาน อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี ขอให้ทำต่อไป

ต่อข้อถาม ‘สายัณห์ สัญญา’ มีการพูดกับครอบครัวเรื่องที่จะออกไปพักผ่อนที่บ้านหรือเปล่า ผู้จัดการเผยว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบ เพราะตนเป็นแค่ผู้จัดการ ตนช่วยเท่าที่ช่วยได้