สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประเทศสเปน, นอร์เวย์ และ ไอร์แลนด์ ให้การรับรองสถานะ รัฐปาเลสไตน์ อย่างเป็นทางการแล้ว ในวันอังคารที่ 28 พ.ค. 2567 ทำให้อิสราเอลอกมาประณามอย่างรุนแรงว่า ทั้ง 3 ประเทศ กำลังให้รางวัลแก่กลุ่มฮามาส หลังจากสงครามในฉนวนกาซาดำเนินมานานกว่า 7 เดือน
ขณะเดียวกัน ผู้นำสเปนกล่าวด้วยการ การยอมรับเอกราชของปาเลสไตน์ คือการปฏิเสธจุดยืนของกลุ่มฮามาส ที่ยังคงไม่ยอมรับแนวทางสองรัฐ
ด้านนายกรัฐมนตรีไซมอน แฮร์ริส ผู้นำไอร์แลนด์ กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการที่ไอร์แลนด์ให้การยอมรับปาเลสไตน์ “เพื่อรักษาความหวังแห่งสันติภาพ” และเรียกร้องอิสราเอล “ยุติการสร้างหายนะทางมนุษยธรรม” ในฉนวนกาซา
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศนอร์เวย์ออกแถลงการณ์ ว่าการที่รัฐบาลออสโลรับรองอธิปไตยของปาเลสไตน์ “คือวันพิเศษสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างนอร์เวย์กับปาเลสไตน์”
ทั้งนี้ ทั้งสามประเทศพร้อมใจกันประกาศเรื่องนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สร้างความไม่พอใจอย่างหนักให้แก่อิสราเอล ซึ่งเรียกเอกอัครราชทูตกลับจากทั้งสามประเทศ
ขณะที่ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา สโลวีเนีย, มอลตา และเบลเยียม แสดงท่าทีว่ามีแนวโน้มอาจจะรับรองรัฐปาเลสไตน์เช่นกัน แต่ในระยะหลังรัฐบาลเบลเยียมไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้อีก เนื่องจากใกล้ถึงกำหนดการเลือกตั้ง โดยจะรอรับรองพร้อมสมาชิกอียูชาติอื่นๆ ซึ่ง อเล็กซานเดอร์ เดอ โกร นายกรัฐมนตรีเบลเยียม ระบุว่า จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมมากกว่าการประกาศรับรองชาติเดียวเป็นเชิงสัญลักษณ์
เวลา 15.00 น. วันที่ 29 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้าราชการทหาร ที่ได้รับความเสียหายจากการถูกหลอกซื้อบ้านจัดสรรทับซ้อนเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เขตพื้นที่ อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร รวมตัวกันเพื่อเข้าพบ ร.ต.ท.ธนะวัฒน์ นัดดา ทำหน้าที่ร้อยเวรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรพรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายทหารและเจ้าของโครงการ รวมทั้งกรมสวัสดิการทหารบก หลังถูกหลอกให้ซื้อบ้านในโครงการหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ใน ต.พรานกระต่าย อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร มีเอกสารสิทธิ์ น.ส.3 ก จำนวน 209 แปลง ต่อมาทราบภายหลังว่า บ้านพร้อมที่ดินดังกล่าวสร้างทับซ้อนกับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ
ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่า โครงการดังกล่าวอยู่ในระหว่างระงับการขายทอดตลาดที่ดินแปลงดังกล่าว พร้อมกันนี้ได้แจ้งส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ตามที่เคยร้องเรียนไปหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่เรื่องดังกล่าวกลับเงียบหาย ที่สำคัญผู้เสียหายทั้งหมด ยังต้องรับภาระผ่อนชำระค่าบ้านเป็นรายเดือน โดยถูกหักจากบัญชีแต่ละรายไม่ต่ำกว่า หลักหมื่น แต่กลับเข้าอยู่อาศัยไม่ได้แม้แต่หลังเดียว
ขณะที่ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่4 (ตาก) ได้ขอให้สำนักงานที่ดินอำเภอพรานกระต่าย ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการออกเอกสารสิทธิ์ นส.3 ก. ทั้ง 209 แปลง ปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า โฉนดที่ดินจะต้องถูกเพิกถอนหรือไม่ ปัญหานี้ยืดเยื้อมานานกว่า 6 ปี หากยังไม่มีข้อยุติ ผู้เสียหายยังต้องรับภาระหนี้ผ่อนค่าบ้านในแต่ละเดือนที่เกิดจากการกู้จากสถาบันการเงินต่าง ๆ ทางด้านผู้เสียหายรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ซื้อบ้านที่มีที่ดินอยู่ในเขตป่าสงวน ซึ้งได้ดำเนินการร้องเรียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตั้งแต่ปี 2562 แต่ไม่ได้รับความเป็นธรรมเลย ไม่มีใครออกมาช่วยแก้ปัญหา ส่งผลให้ตนและผู้เสียหายรายอื่นๆ ได้รับความเดือดร้อน จะต้องเสียงเงินค่าทนายความ ค่าขึ้นโรงขึ้นศาล ร่วมถึงค่าเดินทางแต่ละครั้งมาที่จังหวัดกำแพงเพชร เนื่องจากผู้เสียหายส่วนใหญ่อยู่ต่างจังหวัด ทำให้เสียเวลามีภารระหนี้สินเพิ่ม
ส่วนที่ดินตรงนี้ก่อนซื้อทุกคนเข้าใจว่า ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะว่าเป็นของหน่วยงานราชการ ซึ่งหมีหน่วยงานราชการ ระหว่างส่วนหน่วยงานราชการเป็นพยานจำนอง เลยตัดสินใจซื้อไว้ในเวลานั้น พอมาขึ้นศาลแล้วจึงทราบว่ามีเงินทอนเข้ามา จำนวน 1,500,000 บาท ที่ทำจดจำนองไว้ในหน่วยงานราชการหนึ่ง
แต่คำให้การของคนที่เอามาขาย บอกคืนเงินให้ตนมา 700,000 บาท ตนยืนยันว่าไม่เคยได้รับเงินส่วนนั้น ทำให้ได้รับความเดือนร้อน จึงมาแจ้งความไว้เพื่อไม่ให้คดีความหมดอายุ ซึ่งที่ดินแปลงนี้มีผู้เสียหาย 30-40 คน จำนวนเงินถือว่าเยอะมาก ผู้เสียหายส่วนใหญ่รับราชการทหาร จึงอยากให้ผู้บังคับบัญชาลงมาดูและให้ความช่วยเหลือ ขณะนี้เงินเดือนราชการยังถูกหักตลอดทุกเดือน แต่ไม่สามารถเข้าอยู่อาศัยบ้านได้
ทางด้านผู้เสียหายรายหนึ่ง (สงวนชื่อ-นามสกุล) เปิดเผยว่า ซื้อบ้านที่มีที่ดินอยู่ในเขตป่าสงวน ซึ่งได้ดำเนินการร้องเรียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตั้งแต่ปี 2562 แต่ไม่ได้รับความเป็นธรรมเลย ไม่มีใครออกมาช่วยแก้ปัญหา ส่งผลให้ตนและผู้เสียหายรายอื่นๆ ได้รับความเดือดร้อน จะต้องเสียงเงินค่าทนายความ ค่าขึ้นโรงขึ้นศาล ร่วมถึงค่าเดินทางแต่ละครั้งมาที่จังหวัดกำแพงเพชร เนื่องจากผู้เสียหายส่วนใหญ่อยู่ต่างจังหวัด ทำให้เสียเวลามีภารระหนี้สินเพิ่ม ส่วนที่ดินตรงนี้ก่อนซื้อทุกคนเข้าใจว่า ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะว่าเป็นของหน่วยงานราชการ ซึ่งหมีหน่วยงานราชการ ระหว่างส่วนหน่วยงานราชการเป็นพยานจำนอง เลยตัดสินใจซื้อไว้ในเวลานั้น พอมาขึ้นศาลแล้วจึงทราบว่ามีเงินทอนเข้ามา จำนวน 1,500,000 บาท ที่ทำจดจำนองไว้ในหน่วยงานราชการ
แต่คำให้การของคนที่เอามาขาย บอกคืนเงินให้ตนมา 700,000 บาท ตนยืนยันว่าไม่เคยได้รับเงินส่วนนั้น ทำให้ได้รับความเดือนร้อน จึงมาแจ้งความไว้เพื่อไม่ให้คดีความหมดอายุ ซึ่งที่ดินแปลงนี้มีผู้เสียหาย 30-40 คน จำนวนเงินถือว่าเยอะมาก ผู้เสียหายส่วนใหญ่รับราชการทหาร จึงอยากให้ผู้บังคับบัญชาลงมาดูและให้ความช่วยเหลือ ขณะนี้เงินเดือนราชการยังถูกหักตลอดทุกเดือน แต่ไม่สามารถเข้าอยู่อาศัยบ้านได้
ขณะที่ผู้เสียหายบางส่วนที่เดินทางมาแจ้งความ อยากให้ศาลมีคำสั่งระงับการจ่ายเงินไว้ก่อนจนกว่าเรื่องจะสิ้นสุด เนื่องจากถูกหักเงินเดือนทุกเดือน ทำให้ได้รับความเดือนร้อนเรื่องค่าครองชีพ
วันที่ 29 พฤษภาคม 2567 จากกรณีโลกโซเชียลมีการแชร์คลิปภาพวีดีโอชายลักษณะหัวโล้นคล้ายพระสงฆ์กำลังอมอวัยเพศของผู้ชายอยู่ ซึ่งหลังจากมีการแชร์ภาพนี้ออกไป มีกระแสวิพากษ์ วิจารณ์กันอย่างมาก เพราะบุคคลในภาพดังกล่าวมีหน้าตาคล้ายกับพระชื่อดัง ระดับพระครู หรือพระมหา และยังเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์
ล่าสุดเวลา 17.00 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังวัดป่าแห่งหนึ่งใน ต.จุมจัง อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นวัดที่ถูกระบุว่า พระมหาหรือพระครู และเป็นเจ้าวาสวัด ที่หน้าคล้ายชายหัวโล้นที่อมนกเขาในคลิป โดยในการลงพื้นที่มีนายรักชาติ แสนจันทร์ ปลัดอำเภอฝ่ายปกครองอำเภอกุฉินารายณ์ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองร่วมตรวจสอบด้วย
โดยเบื้องต้นจากการตรวจสอบพบเป็นวัดป่า มีเนื้อที่กว่า 80 ไร่ ภายในวัดมีการปลูกป่า ปลูกพืชผักสวนครัว มีสวนพอเพียง และมีศูนย์เรียนรู้ ทั้งนี้จากการสอบถามชาวบ้านระบุว่า ปกติแล้วมีพระจำพรรษาที่วัดแห่งนี้ 3 รูป รวมเจ้าอาวาสด้วย แต่จากการตรวจสอบไม่พบพระสักรูป บรรยากาศล่าสุดเงียบเหงา และกุฏิปิดเงียบ โดยเฉพาะพระมหา ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสไม่อยู่วัด ซึ่งชาวบ้านระบุว่าไม่เห็นตัวเจ้าอาวาส เพราะไม่อยู่วัดหลายวันแล้ว
สอบถาม ชาวบ้าน บอกว่า เบื้องต้นเท่าที่คลุกคลีกับพระมหาไม่เคยเห็นมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องแบบนี้ และเท่าที่ทราบพระมหาเป็นพระปฏิบัติดี โดยเฉพาะการได้นำความเจริญ และความรู้ในเรื่องของเกษตรพอเพียงมาสอนชาวบ้าน เพื่อนำไปความรู้ประกอบอาชีพ อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ก็เคยมีเด็กผู้ชายวัยรุ่นเข้ามาอยู่ในวัด มาช่วยงานปลูกต้นไม้ ช่วยกิจกรรมที่ศูนย์เรียนรู้บ้าง แต่ล่าสุดก็ไม่มีมาแล้ว ในส่วนคลิปนั้นตนเห็นแล้ว แต่ส่วนตัวเบื้องต้นยังก็ไม่อยากปักใจเชื่อทั้งหมด เพราะต้องรอการพิสูจน์ และรอฟังพระมหาออกออกมาชี้แจงก่อนเสียก่อน
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เผยผลงานหลังนำผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม ภาพยนตร์ แอนิเมชัน คอนเทนต์วาย และธุรกิจบันเทิงที่เกี่ยวข้อง เดินทางเข้าร่วมกิจกรรมจับคู่เจรจาการค้า (Business Matching) ในงาน Marché du Film ภายใต้งาน Cannes Film Festival 2024 ซึ่งเป็นงานเทศกาลภาพยนตร์ที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุด มีนักธุรกิจในวงการภาพยนตร์เข้าร่วมมากที่สุดในโลก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างโอกาสทางการค้า เจาะตลาดในอุตสาหกรรมบันเทิงให้เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในระดับสากล ภายใต้คูหา Thailand Pavilion โดยตลอด 9 วันของการจัดงาน ระหว่างวันที่ 14 – 22 พฤษภาคม 2567 ได้มีการจับคู่เจรจาการค้า 343 คู่ และสร้างมูลค่าการค้ารวม 1,469 ล้านบาท
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้นำผู้ประกอบการไทยจำนวน 12 บริษัท และ 1 สมาคม เข้าร่วมงาน พบว่า คอนเทนต์วายของไทยได้รับความสนใจมากจากตลาดทั้งฝั่งเอเชียรวมถึงฝั่งยุโรป อเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการเปิดกว้างในความหลากหลายทางเพศที่มากขึ้น ซึ่งช่วยหนุนให้ผู้ประกอบการไทยหลายบริษัทหันมาผลิตคอนเทนต์วายเพิ่มมากขึ้นตลอดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา กว่า 200 เรื่อง นอกจากนี้ ภาพยนตร์แนวดราม่า สยองขวัญยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และการให้บริการการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยยังคงได้รับความสนใจจากคู่ค้าต่างประเทศเป็นอย่างมาก
สำหรับการเจรจาการค้าในปีนี้ มีนักลงทุน ผู้สร้าง ผู้ชื้อจากต่างประเทศสนใจเข้าร่วมเจรจาการค้ากับผู้ประกอบการไทย รวม 343 คู่ สร้างมูลค่าเจรจาการค้า 1,469 ล้านบาท โดยผลการเจรจาการค้าที่สำคัญ อาทิ บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส จำกัด (เอ็ม สตูดิโอ) ได้เจรจาการค้ากับบริษัทจากสหรัฐอเมริกา ที่สนใจนำภาพยนตร์เรื่อง “ธี่หยด 2” ไปฉายยังโรงภาพยนตร์ ซึ่งเป็นครั้งแรกของ เอ็ม พิคเจอร์ส ที่จะได้นำภาพยนตร์ไปฉายในโรงภาพยนตร์ที่สหรัฐอเมริกา รวมถึงได้เจรจาการค้ากับบริษัทจากประเทศรัสเซีย ที่จะนำภาพยนตร์เรื่อง “ธี่หยด 2” ไปจัดจำหน่ายและเผยแพร่ ซึ่งก่อนหน้านี้ “ธี่หยด” ภาคแรก ได้ติดอันดับ Box Office ของประเทศรัสเซียหลายสัปดาห์ด้วยกัน ทางด้านซีรีส์วายของบริษัท ฮอลลีวู้ด (ไทยแลนด์) จำกัด ได้รับความสนใจจากคู่ค้าจากประเทศอิตาลี ซึ่งสนใจเป็นตัวแทนในการนำซีรีส์วายเรื่อง “รักเสพติด (Heroin)” ไปจัดฉายพร้อมจัดแฟนมีตติ้งทั่วยุโรป และ บริษัท เบนีโทน ฟิล์มส์ จำกัด ได้เจรจาการค้ากับบริษัทจากประเทศเนเธอร์แลนด์ อังกฤษ แคนาดา และสหรัฐอเมริกา เพื่อรับจ้างผลิตและให้บริการในการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทยเร็วๆ นี้
การเจรจาการค้าในงาน Marché du Film ในปีนี้ มีผู้เข้าร่วมงานจำนวนกว่า 15,000 คน จาก 140 ประเทศทั่วโลก ซึ่งมากกว่าปี 2566 ที่มีผู้เข้าร่วมจำนวน 14,000 คน โดยมีตัวแทนแต่ละประเทศเข้าร่วมกว่า 60 คูหา และบริษัทที่ร่วมออกบูธมากกว่า 300 ราย ซึ่งไทยยังคงมีจุดเด่นหลายด้าน ทั้งความหลากหลายของคอนเทนต์ สถานที่ถ่ายทำ ด้านการให้บริการถ่ายทำภาพยนตร์ รวมไปถึงการสนับสนุนจากภาครัฐในส่วนของมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย (Incentive Measures) ซึ่งจะสร้างรายได้ให้ประเทศมากขึ้น ภายใต้นโยบายซอฟต์พาวเวอร์ของไทย
ราฟาห์/เทลอาวีฟ/ปารีส (เอพี/รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์) - นานาชาติประณามอิสราเอลที่ใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศทำให้เกิดไฟไหม้ที่ค่ายผู้ลี้ภัยในเมืองราฟาห์ ทางตอนใต้ของกาซา และทำให้มีผู้เสียชีวิต 45 ราย เมื่อค่ำวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น
ความคืบหน้าภายหลังกองทัพอิสราเอลโจมตีทางอากาศเข้าใส่ค่ายผู้ลี้ภัยในเมืองราฟาห์ ซึ่งมีชาวปาเลสไตน์จากหลายพื้นที่มาหลบภัยกันทางใต้สุดของฉนวนกาซา เมื่อค่ำวันอาทิตย์ โดยประกาศว่า เพื่อสังหารผู้บัญชาการของกองกำลังฮามาสที่ซ่อนตัวอยู่ และจำเป็นต้องตอบโต้ที่มีการยิงจรวดออกมาจากบริเวณนั้น แต่แรงระเบิดและไฟที่ลุกไหม้ทำให้มีพลเรือนเสียชีวิต 45 ราย ส่วนใหญ่เป็นเด็ก สตรี และคนชราจากครอบครัวที่ต้องรอนแรมหลบหนีการสู้รบมานานหลายเดือน รวมถึงยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 250 คน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเรียกเสียงประณามจากประชาคมโลก ประธานาธิบดีเอมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส โพสต์ผ่านสื่อออนไลน์ X ว่า ไม่พอใจอย่างยิ่งกับการโจมตีล่าสุดของอิสราเอล สิ่งเหล่านี้จะต้องยุติ และเมืองราฟาห์ไม่มีสถานที่ปลอดภัยให้แก่พลเรือนปาเลสไตน์แล้ว ขณะที่ อันนาเลนา แบร์บอค รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี และ โจเซฟ บอร์เรลล์ หัวหน้านโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรปหรืออียู เรียกร้องให้อิสราเอลเคารพคำสั่งของศาลโลกที่สั่งให้ยุติปฏิบัติการทางทหารในราฟาห์ ด้าน เมลานี โจลี รัฐมนตรีต่างประเทศแคนาดา โพสต์ X ว่า รัฐบาลแคนาดาตกใจอย่างยิ่ง และไม่สนับสนุนที่อิสราเอลใช้ปฏิบัติการทางทหารในราฟาห์ ความทุกข์ยากของผู้คนที่ร้ายแรงเช่นนี้จะต้องยุติ
เช่นเดียวกับซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประณามการโจมตีของอิสราเอล ขณะที่กาตาร์ระบุว่า การโจมตีราฟาห์อาจเป็นอุปสรรคต่อความพยายามเจรจาให้เกิดการหยุดยิงและแลกเปลี่ยนตัวประกัน ด้านโฆษกทำเนียบขาวของสหรัฐฯ เรียกร้องให้อิสราเอลใช้ความระมัดระวังในการปกป้องพลเรือน แตไม่ได้เรียกร้องให้ยุติการบุกราฟาห์
ขณะที่นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล แถลงต่อรัฐสภาโดยถูกสมาชิกสภาฝ่ายค้านตะโกนแทรกเป็นระยะ ๆ ว่า การโจมตีดังกล่าวไม่มีเจตนาที่จะทำให้พลเรือนเสียชีวิต อิสราเอลได้อพยพผู้อาศัยที่ไม่ใช่นักรบออกจากเมืองราฟาห์แล้วราว 1 ล้านคน และถึงแม้อิสราเอลได้พยายามอย่างถึงที่สุดที่จะไม่ทำให้ผู้ไม่ใช่นักรบได้รับอันตราย แต่โชคร้ายที่มีบางอย่างผิดพลาดอย่างน่าเสียใจ ยังยืนยันว่าจะเดินทางโจมตีต่อไปเพื่อกำจัดกลุ่มฮามาสให้ราบคาบ ขณะที่กองทัพอิสราเอลแถลงว่า กำลังสอบสวนรายงานข่าวว่าการโจมตีกลุ่มผู้บัญชาการฮามาสได้ทำให้เกิดไฟไหม้ที่ค่ายผู้ลี้ภัยในราฟาห์
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012