กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เผย ร้านอาหารไทย 4 แห่งในสหรัฐอเมริกา รับการจัดอันดับเป็น มิชลินสตาร์ 2016 ติดอันดับ 1 ดาว ระบุ สะท้อนถึงการยอมรับที่มากขึ้นในกลุ่มผู้บริโภคต่างชาติ ยัน ผลักดันร้านอื่นให้พัฒนา-มีชื่อเสียง ...
เมื่อวันที่ 29 ต.ค.58 นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก และสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา ถึงการจัดอันดับร้านอาหาร Michelin Star (มิชลินสตาร์) 2016 ในสหรัฐอเมริกา มีร้านอาหารไทยติดอันดับ 1 ดาว ถึง 4 ร้าน โดยเป็นร้าน ในนครนิวยอร์ก 3 ร้าน และเมืองซานฟรานซิสโกอีก 1 ร้าน
สำหรับร้านอาหารไทย ที่ติดอันดับ Michelin Star 2016 ในนครนิวยอร์ก ได้แก่ ร้าน Somtum Der (ส้มตำเด้อ) มีเจ้าของเป็นคนไทย มีเอกลักษณ์ความเป็นไทยแบบดั้งเดิม มีการนำเครื่องใช้ในครัวเรือน เช่น สุ่มจับปลา ผ้าขาวม้า และสมุนไพรไทยมาตกแต่งร้าน และประยุกต์ให้ทันสมัยแบบอเมริกัน ส่วนอาหาร มีรสชาติสะท้อนความเป็นท้องถิ่นแบบอีสาน เมนูยอดนิยม คือ ส้มตำ หมูย่าง และน้ำจิ้มรสจัดแบบไทยๆ โดยร้านนี้ อยู่ในแหล่งรวมร้านอาหารของย่านที่อยู่อาศัย จึงทำให้ได้รับความนิยมจากลูกค้าในพื้นที่จำนวนมาก
ส่วนร้านที่ 2 คือ ร้าน Uncle Boons (อังเคิลบุนส์) มีชาวอเมริกันเป็นเจ้าของ ตกแต่งร้านแนววินเทจ มีโปสเตอร์โฆษณาและรูปภาพเก่าๆ ของไทยจำนวนมาก ใช้แผ่นไม้ในการตกแต่งร้าน ทำให้มีบรรยากาศแบบไทยๆ และรสชาติอาหาร มีความโดดเด่นจัดจ้าน จึงทำให้เป็นที่นิยม ทั้งในกลุ่มผู้บริโภคท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ร้านที่ 3 คือ ร้าน PokPok NY (ป๊อกป๊อก นิวยอร์ก) ซึ่งแม้จะมีเจ้าของร้านเป็นชาวอเมริกัน แต่ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติที่มีความเป็นไทยสูง ให้บริการอาหารสไตล์อีสาน เช่น ส้มตำ เนื้อย่าง ข้าวเหนียว ลาบ รวมถึง มีอาหารพื้นบ้านอีกหลายรายการ จึงเป็นที่นิยมของทั้งชาวอเมริกันและชาวไทยในนิวยอร์ก
ขณะที่ ร้านสุดท้าย คือ ZabbElee (แซ่บอีหลี) ในนครนิวยอร์ก ซึ่งเคยได้รับรางวัล Michelin 1 ดาวในปี 2015 มาแล้ว โดยร้านนี้ อยู่ในบริเวณที่มีคนไทยอาศัยอยู่มาก จึงเป็นที่นิยมในหมู่คนไทยเป็นหลัก ให้บริการอาหารอีสานและอาหารไทยอื่นๆ ที่มีรสชาติดั้งเดิม ปัจจุบันได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคชาวอเมริกันเพิ่มขึ้นด้วย หลังได้รับการจัดอันดับให้เป็น Michelin Star 1 ดาว และคนไทยมักแนะนำ หรือ เชิญชวนชาวอเมริกันมารับประทาน
สำหรับในซานฟรานซิสโก คือ ร้าน Kin Khao (กินข้าว) อยู่ใกล้แหล่งช็อปปิ้งยอดนิยม Union Square ตกแต่งร้าน โดยใช้ภาชนะไทยร่วมสมัย เช่น ปิ่นโต ถาดสังกะสี เจ้าของร้านและเชฟเป็นคนไทย ซึ่งเป็นบล็อกเกอร์ด้านอาหาร ที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งในสหรัฐฯ และเป็นกรรมการ การแข่งขัน Iron Chef America รายการอาหารของร้าน จะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล เช่น แกงปูใบชะพลู ไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม หมี่กรอบ นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญในการเลือกวัตถุดิบและใช้เครื่องปรุงรสจากไทย เพื่อรักษามาตรฐานรสชาติให้เป็นอาหารไทยแท้ที่ถูกปากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ "การจัดอันดับร้านอาหาร เป็นเรื่องสำคัญมากในสหรัฐฯ เพราะนอกจากจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือแล้ว ยังเสริมภาพลักษณ์ให้แก่ร้านอาหารด้วย การที่ร้านอาหารไทยได้รับรางวัลนี้ ทำให้อาหารไทยมีชื่อเสียง สะท้อนถึงการยอมรับที่มากขึ้นในกลุ่มผู้บริโภคต่างชาติ อีกทั้งยังผลักดันให้ร้านอาหารไทยอื่นๆ พัฒนาร้านให้ดีขึ้น เพื่อให้ได้รับการจัดอันดับเช่นเดียวกัน" นางมาลี กล่าว
ทั้งนี้ Michelin Star เป็นตัววัดอันดับของธุรกิจอาหาร มาตั้งแต่ปี 2443 โดยบริษัท Michelin เป็นผู้เผยแพร่ และจัดอันดับร้านอาหาร โรงแรม และการบริการอื่นๆ แต่การจัดอันดับร้านอาหารเป็นที่สนใจและได้รับความนิยมสูงสุด ดังนั้น ร้านอาหารที่ได้รับรางวัล Michelin Star จึงถือได้ว่า เป็นร้านอาหารที่มีความโดดเด่นสูง ทั้งในด้านรสชาติ การบริการ และบรรยากาศของร้าน ซึ่งทำให้ร้านอาหารนั้นๆ ได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นทันที.
"เสี่ยอู๊ด สิทธิกร บุญฉิม" นักสร้างพระดัง กินยาฆ่าตัวตายลาโลกที่โรงแรมตัวเมืองพิษณุโลก ทิ้งจดหมายลาตายตัดพ้อไร้คนจริงใจ แต่ภูมิใจเป็นเด็กกำพร้าจบแค่ ม.3 อยู่มาได้จนทุกวันนี้ สั่งเสียให้น้องชายเผาไม่ต้องทำพิธี...
เมื่อวันที่ 30 ต.ค. มีรายงานว่า "เสี่ยอู๊ด" นายสิทธิกร บุญฉิม นักสร้างพระชื่อดัง เสียชีวิตแล้ว หลังตัดสินใจกินยาฆ่าตัวตายภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง ถนนพระลือ ต.ในเมือง จ.พิษณุโลก คาดเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 วัน อยู่บนเตียงสภาพศพนอนคว่ำหน้า ภายในห้องยังเปิดไฟแสงสว่างอยู่ ไม่มีร่องรอยการรื้อค้น หรือร่องรอยการถูกทำร้าย
พร้อมทิ้งจดหมาย เขียนด้วยลายมือลงในกระดาษ เอ4 ที่มีข้อความระบุ ถึงความภูมิใจที่ได้เกิดมาจากเด็กกำพร้ายากจนมีวุฒิแค่ ม.3 แต่ดิ้นรนมาจนมีวันนี้ และความเสียใจเชิงตัดพ้อไร้คนจริงใจ ว่าเคยช่วยผู้อื่นแต่ไม่เคยช่วยญาติพี่น้อง สุดท้ายได้รับผลตอบแทนที่ทำให้เสื่อมเสียไม่มีความดีและความจริง จากผู้ที่เคยช่วยเหลือไป นอกจากนี้ยังสั่งเสียให้น้องชายขึ้นมาจัดการงานศพ โดยไม่ต้องทำพิธีใดๆ
นอกจากนี้ในใจความจดหมายทิ้งท้ายฝากบอกบุญให้คนไทยไปบริจาคทรัพย์พระกริ่ง ที่เคยบริจาคไว้ ก่อนจะลงลายมือท้ายจดหมาย ฝากคำคมข้อคิดจากบัณฑิต ม.3 ว่า "ดีที่สุดคือหยุดอยาก ดียากคืออยากที่สุด" ระบุลายเซ็น พร้อมวันเขียน เป็น วันออกพรรษา ปี 2558 (27 ตุลาคม 2558) โดยเนื้อความในจดหมายได้ระบุถึงวันกินยาฆ่าตัวตายไว้อย่างชัดเจน แต่ทางเจ้าหน้าที่เพิ่งทราบเหตุการณ์ตายในวันนี้ (30 ตุลาคม 2558)
สำหรับประวัติของเสี่ยอู๊ด เมื่อปลายปี 2551 ถูกศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก ฐานฉ้อโกงประชาชน โดยให้คืนเงินกว่า 4 ล้าน ฐานใช้และเลียนแบบเครื่องหมายราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมจำคุก 5 ปี ต่อมาวันที่ 3 มี.ค. 2556 ศาลอุทธรณ์ ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น โดยเสี่ยอู๊ด ได้ขอให้พักการลงโทษและลงโทษสถานเบา แต่ศาลเห็นว่ามีเจตนานำเครื่องหมายมหามงกุฎมาใช้ประดับหลังพระเครื่อง แม้จะตัดเครื่องหมายประกายด้านบนออกและตัดข้อความด้านล่างออก ก็ทำให้เข้าใจผิดไปได้ว่าเป็นเครื่องหมายมหามงกุฎ จึงเป็นการใช้ตราโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตามฟ้อง นอกจากจากนี้ ยังมีเจตนามุ่งจำหน่ายพระเครื่องเพื่อหลอกลวงประชาชนทั่วไป เป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน คนจำนวนมากหลงเชื่อจนเกิดความเสียหาย อุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
กระทั่ง พ้นโทษเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2556 พร้อมเคยกล่าวสั้นๆ ว่า "จากนี้ต่อไปตนเองจะยึดหลักความดี นำความถูกต้อง และจะไม่ทำให้ใครต้องมาเดือดร้อนร่วมกับตนเองอีก" นอกจากนี้ เสี่ยอู๊ด เคยตกเป็นข่าวดังขึ้นหน้าหนึ่งหลายต่อหลายครั้ง ตั้งแต่พาดาราหนุ่ม-นักร้องชื่อดัง ไปเที่ยวและทำบุญถึงต่างประเทศ รวมถึงมอบของขวัญเป็นตึกแถวและรถมินิคูเปอร์ มีการงัดหลักฐานออกมาแฉต่อหน้าสื่อ จนเป็นที่ฮือฮา นอกจากนี้ ยังมีดาราหลายคนที่ตกเป็นข่าวกับเสี่ยอู๊ดคนดัง
สืบเนื่องจากวาทะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ระบุกลางวงประชุมแม่น้ำ 5 สาย หากสถานการณ์ไม่สงบก็พร้อมจะอยู่ต่อและถึงขั้นปิดประเทศ สร้างความฮือฮา เกิดผลกระทบไปยังหลาก หลายวงการ ล่าสุด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ออกมาถอดรหัสลดระดับความร้อนแรงว่าเป็นทางเลือกสุดท้าย ถ้าประเทศไร้ทางออกถึงขั้นฆ่ากันตาย
“บิ๊กป้อม” ชี้ปิดประเทศต้องจลาจล
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 29 ต.ค. ที่อาคารรับรองเกษะโกมล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุว่าหาก ประเทศเกิดความวุ่นวายจะปิดประเทศว่า นายกฯไม่ได้หมายความแบบนั้น ความหมายจริงคือหากมีความรุนแรง วุ่นวายแล้วออกมาตีกันจนมีคนตายทำให้โรดแม็ปเดินต่อไปไม่ได้ อะไรแบบนั้นต่างหาก ดังนั้น อย่าไปมองภาพเลอะเทอะอะไรเช่นนั้น ถ้าเลือกตั้งเกิดขึ้นไม่ได้ คุณจะให้ทำอย่างไร จะให้คนออกมาตีกัน ยิงกันหรือไม่ มันก็ทำไม่ได้ ฉะนั้นนายกฯคงหมายความแบบนี้ต่างหาก อย่าไปคิดมาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า คสช.มีแผนรองรับอย่างไร หากสถานการณ์ประเทศเลวร้ายขึ้น พล.อ.ประวิตร ตอบว่า นายกฯพูดว่าถ้าโรดแม็ปเดินไปไม่ได้ หรือไม่ปรองดอง แต่การข่าวของเราระบุว่าสถานการณ์ไม่เป็นแบบนั้น คงไม่ต้องเตรียมแผนรองรับ ทั้งนี้ขอร้องย้ำว่าอย่าไปคิดมาก เพราะประเทศกำลังเดินไปได้ดีอยู่แล้ว เมื่อถามว่าคำพูดของนายกฯบ่งบอกว่าสถานการณ์จะหวั่นไหว พล.อ.ประวิตรตอบว่า “ถ้าคิดว่าหวั่นไหวก็คิดไป แต่ผมอธิบายแล้วหวั่นไหวหรือไม่ ถ้าเข้าใจก็ขอบคุณมาก” เมื่อถามว่า หากมีคนสร้างเงื่อนไขให้เกิดความขัดแย้งจนเลือกตั้งไม่ได้จะทำอย่างไร พล.อ.ประวิตรตอบว่า รัฐบาลไม่ได้เป็นคนทำให้เกิดเงื่อนไข และไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร ถ้าเป็นเงื่อนไขของสองฝ่าย ตนไม่รู้ว่าจะเกิดเมื่อไหร่ เพราะรัฐบาลไม่ได้ทำทั้งสองฝ่าย ดังนั้น เงื่อนไขจึงไม่มีและมันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ถ้าไม่เกิดความขัดแย้งกันเอง สร้างเงื่อนไขกันเอง ทั้งนี้ รัฐบาลต้องการทำให้ทุกฝ่ายเป็นเนื้อเดียวกันหมด เพื่อให้ประเทศชาติเกิดความสงบ
พล.อ.ประวิตรยังกล่าวถึงนโยบายการปราบปราม กลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ต่างๆของรัฐบาล ว่า ไม่ใช่การปราบผู้มีอิทธิพล แต่เป็นการดูแลให้เกิดความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ โดยเฉพาะปัญหาอาวุธสงคราม ซึ่งตอนนี้ไม่ค่อยมีแล้ว แต่ถ้ามีพื้นที่ใดก็จะส่งเจ้าหน้าที่ไปดูทั้งหมด ทั้งนี้ นายกฯได้ลงนามแต่งตั้งเรียบร้อยแล้ว โดยมีตนเป็นประธานเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาบูรณาการร่วมกันทั้ง คสช. กระทรวงกลาโหม กระทรวง มหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ส่วนจะเริ่มดำเนินการเมื่อใดนั้นคงต้องรอการประชุมอีกที
'น้องขิม' ช่างสักสาวสวยเน็ตไอดอลแห่งเมืองพัทยา ที่สร้างกระแสปากต่อปาก จนทำให้หนุ่มๆ แห่ไปใช้บริการสักลายเป็นจำนวนมาก เผยใจรักและชอบงานสัก จึงไปฝึกเรียนรู้กับมืออาชีพก่อนจะมาเปิดร้านเอง ชื่อ Midnight Tattoo ทำมาแล้ว 3 ปีจากกรณีมีกระแสข่าวในโลกออนไลน์เกี่ยวกับ ช่างสักสาวสวยเน็ตไอดอลแห่งเมืองพัทยา ที่กำลังเป็นกระแสให้หนุ่มๆ แห่ไปใช้บริการสักกันเป็นจำนวนมาก
เมื่อวันที่ 29 ต.ค.2558 ผู้สื่อข่าวไทยรัฐ ได้ตรวจสอบจนทราบว่า ช่างสักสาวสวยคนนี้ คือ น้องขิม หรือนางสาวขวัญข้าว ขัตติยะ อายุ 22 ปี ชาวจังหวัดชลบุรี ซึ่งเปิดร้านรับสักลายของตนเอง ชื่อ Midnight Tattoo ตั้งอยู่ภายในซอยอรุโณทัย (ตรงข้ามนิรันดร์คอนโด) ถ.พัทยากลาง ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จากการตรวจสอบพบว่า บรรยากาศภายในร้านเป็นไปอย่างสบายๆ สนุกสนาน มีการยิ้มแย้มพูดคุยกับลูกค้าอย่างเป็นกันเอง
น้องขิม ช่างสักสาวสวย เปิดเผยว่า สำหรับแรงบันดาลให้ตนเองได้มาเป็นช่างสักลาย เกิดจากความชื่นชอบในศิลปะวาดรูปตั้งแต่เด็ก และเรียนทางด้านศิลปะมา ส่วนเรื่องทำไมเลือกมาประกอบอาชีพช่างสักลายนั้น เพราะว่ามีความชื่นชอบลายสักเป็นการส่วนตัว เนื่องจากมีความสวยงามและมีความหลากหลาย จึงไปฝึกและเรียนรู้กับช่างสักที่รู้จักกันเพียงไม่นาน ก็สามารถรับงานและเปิดร้านของตนเองได้ โดยตนเชื่อว่าการทำงานที่เรารัก ทำให้มีความสุขไปกับการทำงาน โดยตนมีประสบการณ์การทำงานมาแล้วกว่า 3 ปี ราคาชิ้นงานจะเริ่มต้นจาก 500 บาท ไปจนถึง 30,000 บาท โดยรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 50,000 – 80,000 บาท
"ส่วนกระแสข่าวที่บอกว่า ตนเป็นเน็ตไอดอลของเมืองพัทยานั้น ครั้งแรกที่เห็นข่าวยังรู้สึกตกใจและตื่นเต้น ไม่คิดว่าตนจะตกเป็นข่าวได้ อาจจะเป็นเพราะตนมีเพื่อนติดตามในเฟซบุ๊กเป็นจำนวนมาก และลูกค้าที่มาใช้บริการสักลาย มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ไม่ใช่มีเพียงหนุ่มๆ อย่างเดียว ทั้งนี้ สำหรับท่านใดที่ชื่นชอบในการสักลาย และรอยสัก หรืออยากสักกับช่างสักแสนสวย สามารถติดต่อได้ที่ทางเพจเฟซบุ๊กแฟนเพจของร้าน คือ 'Midnight Tattoo Chonburi' หรือ เฟซบุ๊กส่วนตัว 'ขวัญข้าว ขัตติยะ'" ช่างสักคนสวยแห่งเมืองชล กล่าว.
ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯในวันศุกร์(30ต.ค.) อนุมัติประจำการกองกำลังพิเศษสหรัฐฯในซีเรียเป็นครั้งแรก ผ่อนปรนจุดยืนที่เคยปฏิเสธมานานต่อการส่งกองกำลังทางภาคพื้นเข้าไปยังดินแดนที่ถูกฉีกขาดด้วยสงครามแห่งนี้ ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในขณะที่รัสเซียเดินหน้าถล่มทางอากาศอย่างหนักหน่วง ด้วยอ้างว่าโจมตีก่อการร้ายไปแล้วกว่า 1,600 เป้าหมาย นับตั้งแต่เข้าร่วมสงครามเมื่อ 1 เดือนก่อน
โอบามา ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดโดยตำแหน่ง อนุมัติในเบื้องต้นส่งกองกำลังปฏิบัติการพิเศษมากกว่า 50 นายเล็กน้อย เข้าประจำการทางภาคเหนือของประเทศที่ถูกสงครามฉีกขาด ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นการเพิ่มความพยายามในการต่อสู้กับกลุ่มนักรบรัฐอิสลาม(ไอเอส) "พวกเขาจะช่วยประสานงานกับกองกำลังภาคพื้นท้องถิ่นและช่วยเหลือความพยามตอบโต้ไอเอสของพันธมิตรนานาชาติ" เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลรายหนึ่งเผย ขณะที่รายงานข่าวระบุว่าวอชิงตันจะส่งเครื่องบินโจมตีภาคพื้น A-10 และเครื่องบินขับไล่ F-15 เข้าประจำการที่ฐานทัพอินเซอร์ลิค ทางภาคใต้ของตุรกี ส่วนหนึ่งในการเพิ่มความพยายามกำราบพวกไอเอสด้วย
สมาชิกพันธมิตรนานาชาติ 65 ประเทศที่นำโดยสหรัฐฯ ประกาศจะขับไล่กลุ่มไอเอสพ้นจากพื้นที่ที่พวกเขาบุกยึดครองในซีเรียและอิรัก อย่างไรก็ตามในบางครั้งทางกลุ่มต้องประสบปัญหา โดยทำเนียบขาวอึกอักที่จะยกระดับการมีส่วนร่วมของอเมริกา ขณะที่สมาชิกแต่ละชาติก็มีเป้าหมายแตกต่างกันและมีระดับของการเข้าร่วมไม่เท่ากัน
ในขณะที่พันธมิตรยังคงละล้าละลัง รัสเซียเปิดเผยในวันศุกร์(30ต.ค.) ว่ากองทัพอากาศของพวกเขาได้ทำลายเป้าหมายก่อการร้ายไปแล้ว 1,623 เป้าหมายในซีเรีย ทั้งที่เพิ่งเริ่มปฏิบัติการโจมตีทางอากาศสนับสนุนกองกำลังผู้ภักดีต่อประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ได้ 1 เดือน
"ฝูงบินของเราดำเนินการโจมตีแล้ว 1,391 เที่ยว ทำลายเป้าหมายก่อการร้าย 1,623 เป้าหมาย ในนั้นรวมถึงค่ายฝึกฝน 51 แห่งและโกดังคลังต่างๆ 131 แห่ง" อังเดร คาร์ตาโปลอฟ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าว พร้อมเสริมว่าศูนย์สื่อสารและป้อมบัญชาการ 249 แห่ง โรงงานผลิตคาร์บอมบ์ 35 แห่ง แนวป้องกัน 371 จุด ค่ายสนามและฐาน 786 แห่ง ถูกทำลายแล้วเช่นกัน
รัสเซีย ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศมาตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน ด้วยบอกว่ามีเป้าหมายคือพวกนักรบญิฮัดรัฐอิสลาม แต่ทางสหรัฐฯและพันธมิตร ซึ่งดำเนินการถล่มทางอากาศแยกกัน กล่าวหาว่าเป้าหมายที่แท้จริงของมอสโกคือกลุ่มอื่นๆที่ต่อต้านทั้งไอเอสและนายอัสซาดมากกว่า
กองทัพรัสเซียอ้างว่าการโจมตีของพวกเขาก่อความตื่นตระหนกและทำให้พวกก่อการร้ายจำนวนมากพากันหนีทัพ แต่การจู่โจมทางภาคพื้นของกองทัพซีเรียกลับมีผลลัพธ์ที่ต่างกัน เนื่องจากพวกเขาสูญเสียเมืองหลายแห่งที่เคยบุกยึดคืนได้เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา
การให้ข้อมูลเกี่ยวกับการโจมตีทางอากาศล่าสุด มีขึ้นขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศอื่นๆจาก 17 ชาติที่เกี่ยวข้องกับวิกฤตความขัดแย้งซีเรีย ในนั้นรวมถึงสหรัฐฯและอิหร่าน ในความพยายามใช้การทูตหาทางคลี่คลายวิกฤต