ข่าว
เมียนมาเมินอัยการไอซีซี จะขอหมายจับผู้นำ ‘มิน อ่อง หล่าย’

วันศุกร์ ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567:ย่างกุ้ง/เฮก (เอพี/รอยเตอร์) - รัฐบาลทหารเมียนมาเผยว่า ไม่ยอมรับแถลงการณ์ใด ๆ ของศาลอาญาระหว่างประเทศหรือไอซีซี หลังจากอัยการของไอซีซีเผยเมื่อวันพุธ (27 พ.ย.) ว่า จะขอหมายจับ พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผู้นำของเมียนมา ในข้อหาอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ

กระทรวงสารสนเทศของเมียนมาส่งอีเมลตอบข้อถามของรอยเตอร์เรื่องอัยการไอซีซีจะขอหมายจับผู้นำเมียนมาในข้อหาก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติกรณีเข่นฆ่าชาวโรฮิงญาาว่า เมียนมาไม่ได้เป็นสมาชิกไอซีซี จึงไม่ยอมรับแถลงการณ์ใด ๆ ของไอซีซี พร้อมกับย้ำว่าเมียนมามีนโยบายการต่างประเทศที่เป็นอิสระและไร้อคติ และอยู่ร่วมกับประเทศอื่นอย่างสันติ

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (27 พ.ย.) คาริม ข่าน หัวหน้าอัยการศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือไอซีซี ประกาศว่า ได้ยื่นคำร้องต่อไอซีซีให้อนุมัติออกหมายจับ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย หลังจากที่ได้สืบสวนอย่างเข้มข้น เป็นอิสระ และเป็นธรรม จนพบหลักฐานที่ชัดเจน เป็นการยื่นขอหมายจับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเมียนมาเป็นหมายแรก หลังจากนี้จะมีการยื่นขอหมายจับอีกหลายหมายติดตามมา โดยที่ผ่านมา ไอซีซีใช้เวลาเกือบ 5 ปีในการสืบสวนเรื่องการก่ออาชญากรรมต่อชาวโรฮิงญา เนื่องจากมีอุปสรรคในการเข้าไปในเมียนมา และสถานการณ์ในเมียนมาตกอยู่ในความโกลาหลตั้งแต่กองทัพก่อรัฐประหารเมื่อปี 2564

ชาวโรฮิงญาซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่นับถือศาสนาอิสลามในเมียนมาราว 1 ล้านคนอพยพออกจากรัฐยะไข่ ทางตะวันตกสุดของเมียนมา ส่วนใหญ่หนีข้ามพรมแดนเข้าไปในบังกลาเทศ นับตั้งแต่กองทัพเมียนมาเริ่มบุกในเดือนสิงหาคม 2560 คณะสอบสวนของสหประชาชาติกล่าวหา ทหาร ตำรวจ และชาวพุทธในพื้นที่ว่า เผาบ้านเรือนของชาวโรฮีนจา อีกทั้งยังทรมาน รุมโทรม และสังหารหมู่ชนกลุ่มน้อยเหล่านี้ ถือว่าเป็นการเจตนาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ขณะที่เมียนมาอ้างว่า เป็นปฏิบัติการที่ชอบด้วยกฎหมายในการกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธที่โจมตีสถานีตำรวจ

แม้ว่าเมียนมาไม่ได้เป็นภาคีของไอซีซี แต่คณะผู้พิพากษามีคำวินิจฉัยในปี 2561 และ 2562 ว่า ไอซีซีมีขอบเขตอำนาจศาลเหนือการก่ออาชญากรรมข้ามพรมแดน ซึ่งบางส่วนเกิดขึ้นในบังกลาเทศที่เป็นภาคีของไอซีซี โดยอัยการสามารถเปิดการสอบสวนอย่างเป็นทางการได้ ซึ่งถือเป็นการเปิดทางในการยื่นคำร้องครั้งนี้

ตุน ขิ่น ประธานองค์กรโรฮิงญาเบอร์มิส ในสหราชอาณาจักร แสดงความยินดีต่อการขอหมายจับจากไอซีซีในครั้งนี้ และชี้ว่านี่คืออีกก้าวย่างที่สำคัญของความยุติธรรมและความรับผิดชอบ ส่วน ซิน มาร์อ่อง รัฐมนตรีต่างประเทศ ของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ หรือเอ็นยูจี ซึ่งเป็นรัฐบาลเงาของเมียนมาที่อยู่ในต่างประเทศ ชี้ว่า การเรียกร้องขอหมายจับของไอซีซีต่อพล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย เป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของประเทศ และเขาจะต้องรับผิดชอบในทุกชีวิตบริสุทธิ์ที่ถูกทำลาย และครอบครัวที่ถูกทำให้แตกแยก

WHO เรียกร้องทั่วโลก ยกระดับเฝ้าระวังไข้หวัดนก

องค์การอนามัยโลก เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ยกระดับการเฝ้าระวังไข้หวัดนกให้เพิ่มมากขึ้น หลังจากพบกรณีการติดเชื้อในเด็กในสหรัฐอเมริกา

มาเรีย แวน เคอโคฟ ผู้อำนวยการฝ่ายการเตรียมความพร้อมและการป้องกันการระบาดของโรคและโรคระบาดของ องค์การอนามัยโลก กล่าวในการแถลงข่าวว่า มีการตรวจพบการติดเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 ในมนุษย์ทั่วโลกเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะเป็นจำนวนที่ยังน้อย แต่ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ซึ่งแม้ว่าสถานการณ์การระบาดจะไม่รุนแรงมาก แต่สิ่งที่ต้องการในระดับโลก ทั้งในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ คือการเฝ้าระวังที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น ทั้งในนกป่า นกในฟาร์ม และสัตว์ที่รู้ว่ามีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ซึ่งรวมถึงหมูและโคนมด้วย

ไวรัส H5N1 ถูกพบครั้งแรกในปี 1996 แต่ตั้งแต่ปี 2020 จำนวนการระบาดในนกได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก พร้อมกับจำนวนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ติดเชื้อเพิ่มขึ้น

โดยเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว มีเด็กในรัฐแคลิฟอร์เนียเป็นผู้ติดเชื้อไข้หวัดนกที่เป็นเด็กรายแรกในสหรัฐฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้เข้าตรวจสอบและให้การรักษาป้องกันแก่ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดที่ศูนย์เด็กเล็กของเด็กคนดังกล่าวแล้ว โดยมีรายงานว่าเด็กที่ติดเชื้อ มีอาการไม่รุนแรงและได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสไข้หวัด และเด็กกำลังพักฟื้นอยู่ที่บ้าน

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) ระบุว่าจนถึงขณะนี้ รวมถึงเคสเด็กล่าสุด มีการรายงานการติดเชื้อ H5 ในมนุษย์ทั้งหมด 55 รายในสหรัฐอเมริกาในปี 2024 โดย 29 รายอยู่ในแคลิฟอร์เนีย โดยผู้ป่วยเกือบทั้งหมด ยกเว้นเพียง 2 คน มีการสัมผัสกับสัตว์ที่ติดเชื้อ

อย่างไรก็ตาม เคอโคฟ ระบุว่า ยังไม่พบหลักฐานการติดเชื้อจากคนสู่คน แต่จะต้องมีการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง

ทั้งนี้ เชื้อไวรัสไข้หวัดนก ทำให้ไก่หลายสิบล้านตัวล้มตาย รวมถึงนกป่าและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั้งบนบกและในทะเลที่พบการติดเชื้อ ส่วนในเคสการติดเชื้อในมนุษย์ที่มีการบันทึกไว้ในยุโรปและสหรัฐฯ ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง

ขณะที่ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีการตรวจพบการติดเชื้อในฝูงโคนมหลายฝูงทั่วสหรัฐฯ โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐฯ เชื่อว่าความเสี่ยงต่อประชาชนทั่วไปยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ แต่จะมีความเสี่ยงสูงขึ้นสำหรับผู้ที่ทำงานโดยตรงกับสัตว์ปีก โคนม และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ.

ที่มา : channelnewsasia


น้ำท่วมมาเลเซีย ดับ 3 เร่งอพยพนับหมื่น ขณะฝนยังตกหนักต่อเนื่อง

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 : สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ได้มีผู้เสียเสียชีวิต 3 ราย จากน้ำท่วมหนักและเร่งอพยพผู้คนกว่า 80,589 คน ออกจากพื้นที่บริเวณโดยรอบตามรัฐต่างๆ ในมาเลเซีย ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว 467 แห่ง ใน 7 รัฐ โดยมีรัฐกลันตันและรัฐข้างเคียงอย่าง รัฐตรังกานูได้รับผลกระทบหนัก นอกจากนี้ก็ได้มีการระงับเส้นทางรถไฟ 9 เส้นทาง บนชายฝั่งตะวันออก ซึ่งทางการออกยังได้มาเตือนถึงฤดูมรสุมที่สามารถก่อให้เกิดน้ำท่วมครั้งที่เลวร้ายที่สุดของประเทศในรอบทศวรรษอีกด้วย

ถึงแม้ว่าน้ำท่วมบริเวณชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรมลายูในช่วงฤดูมรสุมระหว่างเดือนตุลาคมและมีนาคม จะเป็นเรื่องปกติ แต่สัปดาห์นี้ถือว่าเกิดพายุฝนตกหนักที่มีความรุนแรงเป็นอย่างมากจึงทำให้ต้องมีการอพยพครั้งใหญ่เกิดขึ้น โดยส่วนมากจะเป็นบริเวณทางตะวันออกเฉียงเหนือที่มีพรมแดนติดกับประเทศไทย

นายอาหมัด ซาฮิด ฮามิดี รองนายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการบริหารภัยพิบัติแห่งชาติ ได้ออกมาแถลงการเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ถึงการคาดการณ์ของน้ำท่วมหนักในครั้งนี้ว่าจะมีความรุนแรงมากขึ้นกว่าในปี 2557 ที่ประชาชนกว่า 1 ใน 4 ล้านคน ต้องมาสูญเสียบ้านอันเป็นที่รักไป

จนถึงตอนนี้ทางรัฐบาลได้ส่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกว่า 82,000 นาย พร้อมทั้งเรือกู้ภัย ยานพาหนะขับเคลื่อนด้วยสี่ล้อ และเฮลิคอปเตอร์เข้าช่วยเหลือประชาชน

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน กรมอุตุวิทยาได้ออกมาเตือนถึงฝนตกหนักในหลายๆ รัฐ ซึ่งคาดว่าน่าหยุดลงในวันที่ 29 พฤศจิกายน ในขณะที่สัปดาห์ที่แล้ว ได้ระบุว่าการเพิ่มขึ้นของลมมรสุมจะทำให้เกิดฝนตกหนักยาวนานอย่างต่อเนื่องบริเวณคาบสมุทรตะวันออกจนถึงวันที่ 1 ธันวาคม 2567


รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียเยือนเกาหลีเหนือ ยกย่องความร่วมมือ “เพิ่มขึ้นทุกด้าน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ว่า สำนักข่าวกลางเกาหลี (เคซีเอ็นเอ) กระบอกเสียงของรัฐบาลเปียงยาง รายงานว่า นายอังเดร เบลูซอฟ รมว.กลาโหมรัสเซีย เยือนกรุงเปียงยางอย่างเป็นทางการ เมื่อวันศุกร์ โดยได้รับการต้อนรับจาก พล.อ. โน กวาง-ชอล รมว.กลาโหมเกาหลีเหนือ...

ทั้งนี้ เบลูซอฟกล่าวว่า รัสเซียมีความยินดีและพึงพอใจ ที่ความร่วมมือกับเกาหลีเหนือ “ขยายขอบเขตในทุกด้าน” โดยไม่มีการขยายความ

สำหรับการเยือนเกาหลีเหนือของเบลูซอฟในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่รับตำแหน่งเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ส่วนพล.อ.โน เพิ่งได้รับการแต่งตั้งจากนายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา...

อนึ่ง รัสเซียและเกาหลีเหนือ ยกระดับความร่วมมือกันหลายด้าน โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการทหาร นับตั้งแต่สงครามในยูเครนปะทุ เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 และฝ่ายตะวันตก ตลอดจนเกาหลีใต้ จับตาอย่างใกล้ชิด และกล่าวว่า เกาหลีเหนือทยอยส่งทหารเข้าไปช่วยรัสเซียสู้รบในยูเครน

ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เยือนกรุงเปียงยาง เมื่อเดือน มิ.ย. ปีนี้ และลงนามในข้อตกลงส่งเสริมความร่วมมือระดับทวิภาคี สู่การเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม กับผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ


คานเหล็กถล่ม พระราม 2 ตายพุ่ง 6 ศพ เร่งหารือวางแผนกู้ซาก คาดใช้เวลา 2-3 วัน

คานเหล็กถล่ม ถนนพระราม 2 ตายพุ่ง 6 ศพ เร่งหารือวางแผนกู้ซาก นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา คาดใช้เวลา 2-3 วัน ยังไม่สามารถคืนพื้นผิวจราจรให้ได้

เมื่อวันที่ 29 พ.ย.67 นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย ร.ต.อ.สัณฐิติ ธรรมใจ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรสาคร พ.ต.อ.พิเชษฐ์พงศ์ แจ้งค้ายคม ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุ คานปูน (Segment) และเครน (Launching Gantry Crane) ซึ่งเป็นชิ้นส่วนและอุปกรณ์ที่ใช้ก่อสร้างทางยกระดับ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 สายทางยกระดับบางขุนเทียน – บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย – บ้านแพ้ว(ช่วงที่ 3) ตอนที่ 1 ถล่ม ขณะกำลังเชื่อมคานปูนเข้าด้วยกัน ส่งผลให้คนงานที่ปฏิบัติงานเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ บนพื้นที่ กม.21+600 – กม.22+100 ถนนพระราม 2 ขาออกกรุงเทพฯ หมู่ที่ 2 ต.คอกกระบือ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร

นายนริศ บอกว่า เราต้องดูเรื่องของการจราจร เบื้องต้นเพราะว่าเส้นทางพระราม 2 มีพี่น้องประชาชนใช้รถเยอะมาก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวง ช่วยกันอำนวยความสะดวกโดยการปรับเส้นทาง ในขณะนี้เราติดต่อบริษัทผู้ก่อสร้าง เร่งมาดำเนินการเก็บกู้และคืนสภาพถนน ให้สามารถใช้งานได้โดยเร็วที่สุด และในขณะนี้สิ่งที่สำคัญที่สุด เราจะเร่งพยายามเก็บเคลียร์ซากที่พังลงมาเพื่อจะคืนสภาพถนนให้สามารถใช้งานโดยเร็วที่สุด

ร.ต.อ.สัณฐิติ กล่าวว่า การดำเนินการขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขสถานการณ์ เจ้าหน้าที่ได้ปิดการจราจรส่งผลให้ ถนนพระราม 2 ขาออกเบี่ยงไปใช้ถนนเอกชัย และถนนพระราม 2 ขาเข้า ใช้ช่องทางคู่ขนานได้ 2 ช่องจราจร ซึ่งขอความร่วมมือประชาชนหลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางดังกล่าว

ต่อมาเวลา 10.30 น. นายวรณัฎฐ์ หนูรอต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นผู้แทนของนายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ลงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยประชุมร่วมกับฝ่ายต่างๆ

นายวรณัฎฐ์ กล่าวว่า ได้รับมอบอำนาจจากผู้ว่าราชการฯ โดยเชิญส่วนราชการและผู้รับจ้าง มาปรึกษาหารือกัน เพื่อประเมินสถานการณ์และรายงานข้อเท็จจริง การประเมินสถานการณ์เบื้องต้นในวันนี้ เชิญทางวิศวกรรมสถาน บริษัทผู้รับจ้าง และกรมทางหลวงที่รับผิดชอบโครงการมาประเมินสถานการณ์ เริ่มตั้งแต่ขนาดเครน วันเวลาที่จะยก อุปกรณ์ที่เราต้องใช้ ซึ่งประเมินเบื้องต้น

จากนั้นจะนัดผู้เชี่ยวชาญทุกฝ่ายมาตกลงตัดสินใจกัน แต่ในเบื้องต้นสั่งเครนที่จะมายกมาเรียบร้อยแล้ว คาดว่าบ่ายสามโมงน่าจะมาถึงสถานที่เพื่อจะเข้าดำเนินงานในแต่ละส่วน

สำหรับเรื่องของการเยียวยาทั้งเรื่องของการเสียชีวิตและบาดเจ็บนั้น ทางผู้ตรวจราชการของประกันสังคมได้ลงพื้นที่ และจะไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บเบื้องต้นโดยผู้เสียชีวิตที่อยู่ประกันสังคม เรามีกองทุนที่จะจ่ายให้ราวๆ 800,000 บาทเศษ ส่วนผู้บาดเจ็บ ใช้เงินกองทุนดูแลจนกระทั่งหายเป็นปกติ

นอกจากนี้ ได้รับแจ้งจากทางผู้รับจ้างว่าทางบริษัทจะดูแลเยียวยาให้ดีที่สุด ส่วนในเรื่องของการบริหารการจราจรทางสารวัตรทางหลวงได้ประสานทาง จส.100 ในการอำนวยความสะดวกในการประชาสัมพันธ์ให้พ่อแม่พี่น้องหลบเลี่ยงเส้นทางนี้ ขณะที่เรายังไม่สามารถคืนพื้นผิวจราจรให้ได้

ส่วนการที่จะรื้อเศษซากนั้นจะใช้รถเครนขนาด 220 ตัน ขนาด 360 ตัน และขนาด 400 ตัน รวม 3 คัน ซึ่งตนสอบถามทางผู้เชี่ยวชาญของวิศวกรรมสถานแล้วบอกน่าจะเพียงพอ โดยบ่าย 3 โมงน่าจะเริ่มเข้างานคงจะใช้เวลาสักระยะหนึ่งเพราะเป็นโครงสร้างที่ชำรุด มันไม่เหมือนกับการรื้อปกติ เพราะโครงสร้างที่ชำรุดต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก

รายละเอียดในเรื่องวันเวลาที่จะรื้อแล้วเสร็จเมื่อไรคงให้ทางทีมงานวิศวกรรมเขาได้ประเมินสถานการณ์กันอีกครั้งส่วนสาเหตุยังไม่ทราบทางวิศวกำลังวิเคราะห์อยู่

ด้านนายวุฒินันท์ ปัทมวิสุทธิ์ ประธานสาขาวิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า สาเหตุยังไม่ทราบ แต่เบื้องต้นพบมีของที่คาอยู่ข้างบนชิ้นใหญ่คิดว่าประมาณ 100 ตัน และมีบล็อกที่แขวนคาอยู่คาดว่าเกิน 50 ตัน เวลาที่เราจะรื้อค่อนข้างจะยากนิดหนึ่ง เพราะว่ามันเกี่ยวโยงกัน คือคานตัวนี้เป็นปั้นจั่นชนิดหนึ่งเอาไว้ยกกล่องคอนกรีต

เข้าใจว่าที่มันร่วงก็คือตอนที่เราจัดเรียงไม่แน่ใจว่าตัวไฮโดรลิคปั๊มหรือสลิงไรเดอร์ ที่มันหล่นไป ซึ่งข้างบนจะรื้อมันยากนิดหนึ่งเราต้องใช้เครนใหญ่รื้อแน่นอนเนื่องจากโครงสร้างตัวนี้ที่มันพาดอยู่คาดว่าจะหนักเกิน 100 ตัน

แต่ว่ามันยึดโยงอยู่และบางส่วนโดยห้อยกับตัวคอนกรีตที่เราเรียกว่า Segment น่าจะใช้เครนหลายตัวเพราะชิ้นหนึ่งน่าจะเกิน 200 ตัน ซึ่งเรามีทีมที่อยู่ดูแลเรื่องเครนอยู่ โดยตนจะให้ทีมงานมาช่วยประเมินและขอให้ผู้เกี่ยวข้องเช่นผู้ควบคุมงาน ผู้รับเหมา มาให้ข้อมูลว่าแต่ละท่อนหนักเท่าไรกันแน่น้ำหนักที่แน่ชัด

เพื่อที่เวลาเราเอาเครนมาวางจะได้รู้ว่าเครนที่เรามีอยู่มันใหญ่พอไหม ซึ่งแนวทางเบื้องต้นน่าจะทยอยรื้อจากข้างบนเพื่อที่ข้างล่างพอเรารื้อออกจะได้นำผู้เสียชีวิตออกได้ โดยคาดว่าจะใช้เวลาในการรื้อถอนประมาณ 2-3 วัน

สำหรับผู้เสียชีวิตล่าสุด รวม 6 ราย คือ 1.นายอภิวัฒน์ พะพันทาง อายุ 30 ปี สัญชาติไทย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ศพอยู่ รพ.สมุทรสาคร, 2.นายเอยา อายุ 37 ปี สัญชาติเมียนมา เสียชีวิตที่ รพ.สมุทรสาคร 3.นายชิต โกโก สัญชาติเมียนมา เสียชีวิตที่เกิดเหตุ 4.นายสุทัศน์ บุญเรือง อายุ 31 ปี สัญชาติไทย เสียชีวิตที่รพ.มหาชัย 1 5.นายเพียว โกโก สัญชาติเมียนมา 6.นายอ่อง เทียน เท สัญชาติเมียนมา คาดว่าเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนผู้บาดเจ็บคงเหลืออยู่ในโรงพยาบาลจำนวน 9 คน...

ระทึก! "ปูติน" ขู่ใช้ขีปนาวุธโอเรชนิกโจมตีกรุงเคียฟ ลั่นรุนแรงเทียบเท่าอุกกาบาต

เมื่อวันที่ 29 พ.ย.67 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ออกโรงเตือนในวันพฤหัสบดี (28 พ.ย.) ว่า กองทัพรัสเซียกำลังเลือกเป้าหมายในยูเครนเพื่อปฏิบัติการโจมตีเพิ่มเติมโดยใช้ขีปนาวุธพิสัยกลางความเร็วเหนือเสียง โอเรชนิก (Oreshnik)

รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุมองค์การสนธิสัญญาความมั่นคงร่วมกัน (CSTO) ซึ่งเป็นพันธมิตรทางทหารของประเทศที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ณ กรุงอัสตานา ประเทศคาซัคสถาน ปธน.ปูตินได้กล่าวว่า เป้าหมายที่อาจถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธรุ่นใหม่อาจเป็นสถานที่จำพวก "กองบัญชาการ" ในกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน

นอกจากนี้ สถานที่ทางทหาร บริษัทด้านการป้องกันประเทศ และบริษัทอุตสาหกรรมต่าง ๆ ก็อาจตกเป็นเป้าหมายด้วยเช่นกัน "โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื่องจากเคียฟพยายามโจมตีสถานที่สำคัญระดับชาติของรัสเซียซ้ำแล้วซ้ำเล่า" ปธน.ปูตินระบุ

ผู้นำรัสเซียกล่าวเสริมว่า รัสเซียมีขีปนาวุธโอเรชนิกจำนวนมากอยู่แล้ว นอกจากนั้นยังได้เริ่มผลิตเพิ่มอีกเป็นจำนวนมากด้วย

ขณะเดียวกัน ปธน.ปูตินได้เผยถึงอานุภาพของขีปนาวุธโอเรชนิกว่า "เหมือนอุกกาบาตตก" โดยอธิบายว่าในอดีตอุกกาบาตที่พุ่งชนโลกมีความรุนแรงถึงขั้นก่อให้เกิดทะเลสาบขนาดใหญ่ได้

ทั้งนี้ ปธน.ปูตินไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม อย่างไรก็ดี มีข้อมูลว่า ทะเลสาบแมนนิกัวแกน (Lake Manicouagan) ในประเทศแคนาดา ซึ่งเป็นหนึ่งในทะเลสาบขนาดใหญ่ที่สุดที่เกิดจากอุกกาบาตพุ่งชนโลก มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 100 กิโลเมตร