ข่าว
เหยื่อแผ่นดินไหวตุรกีพุ่ง 2.2 หมื่นศพ-พบผู้รอดชีวิตต่อเนื่องแม้ผ่าน 4 วัน

ทีมกู้ภัยตุรกี และซีเรียยังพบผู้รอดชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่อย่างต่อเนื่อง แม้เวลาจะล่วงเลยมานานกว่า 4 วันแล้ว ในขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตในประเทศและในซีเรียทะลุ 2.2 หมื่นศพ

เมื่อวันศุกร์ที่ 10 ก.พ. 2566 เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยเหลือเด็กทารกเพศชายวัย 10 วันกับแม่ของเขาออกมาจากซากอาคารในเขตซามันดัก ของจังหวัดฮาไต ได้สำเร็จ หลังจากทั้งคู่ติดอยู่นานกว่า 90 ชั่วโมง นับตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหวระดับ 7.8 แมกนิจูด เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

ภาพที่เผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ แสดงให้เห็นว่า เด็กชายผู้รอดชีวิตซึ่งมีชื่อว่า ยากิซ อูลาส ยังคงมีสติอยู่ตอนเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือเขาขึ้นมา โดยเขากับแม่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในทันที

ส่วนที่จังหวัดดิยาร์บาเคียร์ ทางตะวันออกของประเทศ หน่วยกู้ภัยสามารถช่วยเหลือนางซาบาฮัต วาร์ลี อายุ 32 ปี กับเซอร์ฮัต ลูกชายของเธอ ซึ่งติดอยู่ได้ซากปรักหักพังนานกว่า 100 ชั่วโมง ได้เมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมา

ข้ามไปที่ประเทศซีเรีย ซึ่งได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวอย่างหนักเช่นเดียวกัน ทีมกู้ภัยจากกลุ่มหมวกกันน็อกขาว ใช้มือเปล่าขุดฝ่ากองปูนปลาสเตอร์และซีเมนต์ลงมาจนถึงตัวเด็กหญิงผู้รอดชีวิตคนหนึ่ง และสามารถช่วยเธอออกมาได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม ความหวังสำหรับผู้ประสบภัยคนอื่นๆ กำลังจางหายไปเรื่อยๆ ล่าสุดจำนวนผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ทั้งในตุรกีและซีเรียเพิ่มขึ้นเป็น 22,772 ศพแล้ว โดยในตุรกีพบอย่างน้อย 19,388 ศพ มีผู้บาดเจ็บ 77,711 ราย ส่วนที่ซีเรียมีผู้เสียชีวิต 3,384 ศพ บาดเจ็บอีก 5,245 ราย

จำนวนผู้เสียชีวิตดังกล่าวทำให้แผ่นดินไหวครั้งนี้กลายเป็น หายนะทางธรรมชาติที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดลำดับที่ 7 ในศตวรรษที่ 21 แซงหน้าเหตุแผ่นดินไหวระดับ 9.1 ตามด้วยคลื่นยักษ์สึนามิที่ภูมิภาคโทโฮคุของญี่ปุ่นเมื่อปี 2554 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 19,759 ศพ สูญหายอีก 2,553 คน และก่อให้เหตุหายนะโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ตามมา

ขณะเดียวกัน ทางการตุรกีกับองค์การสหประชาชาติยืนยันว่า มีผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวล่าสุดนี้ราว 24.4 ล้านคนทั้งในตุรกีและซีเรีย ผู้คนจำนวนมากต้องตั้งที่พักชั่วคราวในลานจอดรถของห้างสรรพสินค้า, มัสยิด, ข้างถนน หรือตามซากปรักหักพัง และกำลังขาดแคลนน้ำ อาหาร กับอุปกรณ์ให้ ความอบอุ่น ท่ามกลางฤดูหนาว

ที่มา : reuters

สหรัฐมอบ 2.8 พันล้านบาท ช่วย “ตุรกี-ซีเรีย” จากวิกฤติแผ่นดินไหว

รัฐบาลวอชิงตันมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้แก่ตุรกีและซีเรีย รวมกันในเบื้องต้นประมาณ 2,800 ล้านบาท เพื่อฝ่าฟันและฟื้นฟู จากเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรง ในสัปดาห์นี้...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ว่า องค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐ (ยูเอสเอด) ประกาศการจัดสรรความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้แก่ตุรกีและซีเรีย ในการฝ่าฟันความยากลำบาก และฟื้นฟูบ้านเมืองจากเหตุธรณีพิบัติภัยครั้งใหญ่ เป็นวงเงินรวมกันในเบื้องต้น 85 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,864.50 ล้านบาท

สำหรับรูปแบบของการมอบความช่วยเหลือส่วนใหญ่ จะเน้นไปที่การจัดหาอาหาร ที่พักพิงชั่วคราว บริการสาธารณสุขฉุกเฉิน ซึ่งรวมถึงการจัดหาน้ำสะอาด เพื่อป้องกันความเสี่ยงการเกิดโรคระบาด

ขณะที่กระทรวงการคลังสหรัฐประกาศผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับซีเรีย เป็นเวลา 180 วัน ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทุกภาคส่วนทั้งในและทางประเทศ ในการทำธุรกรรม ซึ่งเกี่ยวข้องกับภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากแผ่นดินไหวในซีเรีย

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลวอชิงตันยังคงยืนยัน ไม่ประสานงานโดยตรงกับรัฐบาลซีเรียของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด นายแอนโทนี บลิงเคน รมว.การต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า การประสานงานจะผ่าน “ตัวแทนระดับท้องถิ่น” และขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลกลางในกรุงดามัสกัส ให้อำนวยความสะดวกในการลำเลียงความช่วยเหลือข้ามพรมแดน ผ่านภาคใต้ของตุรกี.

เครดิตภาพ : REUTERS... สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/1981329/


ด่วน สายการบินญี่ปุ่นยกเลิกเที่ยวบินหลายสิบเที่ยว เหตุจากหิมะตกหนัก

สายการบินหลักของญี่ปุ่นยกเลิกเที่ยวบินหลายสิบเที่ยว เหตุจากหิมะตกหนักในหลายจังหวัด พร้อมขอความร่วมมือประชาชนงดการเดินทาง และทำงานจากบ้านถ้าเป็นไปได้

สายการบินเจแปนแอร์ไลน์ และออล นิปปอนแอร์เวย์ ต้องประกาศยกเลิกเที่ยวบินหลายสิบเที่ยวในวันนี้ หลังมีหิมะตกหนักในบางพื้นที่ของเกาะฮอนชู และกรุงโตเกียวของญี่ปุ่น โดยสายการบินออล นิปปอนแอร์เวย์ สั่งยกเลิกเที่ยวบิน 18 เที่ยวทั้งขาเข้าและขาออกจากรุงโตเกียวเมืองหลวงของประเทศ เช่นเดียวกับเที่ยวบินที่สนามบิน โอกายามะ และฮิโรชิมะ ส่งผลกระทบต่อผู้โดยสารราว 2,500 คน

ขณะที่สายการบินเจแปนแอร์ไลน์ ได้ยกเลิกเที่ยวบิน 32 เที่ยวที่สนามบินนานาชาติฮาเนดะ ส่งผลกระทบต่อผู้โดยสารราว 3,600 คน โดยสายการบินทั้งสองยังระบุด้วยว่าหากสภาพอากาศยังคงเลวร้ายลง อาจจะต้องมีการยกเลิกเที่ยวบินมากกว่านี้

โดยกรุงโตเกียวที่มีประชากรอาศัยอยู่ 44.3 ล้านคน ต้องเผชิญกับหิมะตกหนักตั้งแต่ช่วงเช้า และคาดว่าสภาพอากาศในพื้นที่จะเริ่มหนาวเย็นจัดและเต็มไปด้วยหิมะและน้ำแข็งหลังจากนี้ โดยมีรายงานว่าการสัญจรโดยรถไฟต้องล่าช้าในหลายเส้นทาง

ด้านกระทรวงคมนาคมได้ประกาศเตือนประชาชนในภูมิภาคคันโต ให้เฝ้าระวังสถานการณ์หิมะตกหนักที่อาจจะทับถมสูง ซึ่งหากอุณหภูมิในช่วงกลางคืนลดต่ำลงจะส่งผลให้เกิดน้ำแข็งเกาะถนน จนถนนลื่นและอาจจะเกิดอันตรายได้ ขณะที่รัฐบาลได้ขอความร่วมมือประชาชนให้เข้าใจต่อความล่าช้าของระบบขนส่งต่างๆ และขอให้ทำงานจากบ้านในระยะนี้หากเป็นไปได้.

ที่มา : เดอะสเตรทไทมส์


เหตุบอลลูนยังวุ่น-นาโตร่วมกังวล

10 ก.พ. 2566:ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ยังคงดิ่งเหวอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 9 ก.พ. รัฐบาลจีนออกแถลงการณ์ประณามถ้อยคำของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กล่าวระหว่างแถลงนโยบายประจำปีว่า นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เผชิญกับปัญหารุมเร้า ซึ่งรวมถึงสภาพเศรษฐกิจที่เปราะบาง โดยระบุว่าเป็นคำกล่าวที่ไร้ความรับผิดชอบอย่างยิ่ง ขณะที่กระทรวงกลาโหมจีนยังระบุว่า ทางการจีนตัดสินใจปฏิเสธการต่อสายหารือของฝ่ายความมั่นคงสหรัฐฯ เนื่องจากทิศทางของสหรัฐฯ ในปัจจุบันไม่เอื้อต่อการเจรจาและแลกเปลี่ยนอะไรใดๆ

การกระหน่ำวาทะกรรมรุนแรงของรัฐบาลจีนมีขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เหตุการณ์สัปดาห์ที่ผ่านมา

ที่กองทัพอากาศสหรัฐฯ ตัดสินใจสอยบอลลูนไร้คนของจีน เหนือน่านฟ้าสหรัฐฯ ซึ่งรัฐบาลจีนระบุว่าเป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบและบอลลูนดังกล่าวไม่ใช่บอลลูนสอดแนม แต่เป็นบอลลูนสภาพอากาศที่หันเหออกนอกเส้นทาง

อย่างไรก็ตาม นายแอนโทนี บลิงเคน รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ที่ยกเลิกการเดินทางเยือนจีนตั้งข้อสงสัยว่า บอลลูนลูกดังกล่าวอาจเป็นส่วนหนึ่งของฝูงบอลลูนจีนที่ถูกส่งไปยัง 5 ทวีปทั่วโลกในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ก็มีความกังวลต่อเหตุการณ์ละเมิดอธิปไตยครั้งนี้


หวิดกลายเป็นเหยื่อ ! สาวตกใจสัญญาณแจ้งเตือน โดน ‘แอปเปิล แอร์แท็ก’ ติดตาม

หญิงสาวผู้มีไหวพริบ รีบขับรถไปหาตำรวจทันทีที่ได้รับการแจ้งเตือนว่ามี ‘แอปเปิ้ล แอร์แท็ก’ ซึ่งไม่ใช่อุปกรณ์ของเธอเอง กำลังติดตามตัวเธออยู่ ทำให้รอดพ้นจากความเสี่ยงที่จะตกเป็นเหยื่อของอาชญากร

‘แอร์แท็ก’ อุปกรณ์ติดตามตำแหน่งของบุคคลหรือสิ่งของจากบริษัท ‘แอปเปิ้ล’ ที่ออกวางจำหน่ายเมื่อราว 2 ปีก่อนนั้น ผลิตขึ้นด้วยเจตนาดีและเพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้า แต่ขณะเดียวกันก็กลายเป็นดาบสองคมได้ เมื่อมีอาชญากรหัวใสนำไปใช้ในทางมิชอบ...

อย่างในกรณีล่าสุดที่เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ขณะที่หญิงสาวจากรายหนึ่งกำลังขับรถอยู่ในเมืองเออร์วิง รัฐเท็กซัส เธอก็ได้รับสัญญาณแจ้งเตือนจากระบบว่ามี ‘แอร์แท็ก’ ติดตามตำแหน่งของเธออยู่ แต่หญิงสาวก็มีไหวพริบดีพอที่จะรีบขับรถตรงไปยังสถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยตรวจสอบ

ภายในเวลาเพียง 10 นาทีหลังจากที่เธอติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและได้เริ่มการตรวจสอบ พวกเขาก็พบว่ามีใครบางคนใช้เทปกาวติดอุปกรณ์แอร์แท็กไว้ใต้ท้องรถที่เธอขับมา เจ้าหน้าตำรวจโรเบิร์ต รีฟส์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายใจไปตามๆ กัน เพราะนี่หมายถึงว่าหญิงสาวมีโอกาสตกเป็นเหยื่อของอาชญากรที่ติดตามรังควาน ล่วงละเมิดหรือทำร้ายร่างกาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคดีอาชญากรรมขั้นร้ายแรง

อย่างไรก็ตาม การที่หญิงสาวได้รับสัญญาณแจ้งเตือนดังกล่าวก็เป็นหนึ่งในมาตรการที่ทาง แอปเปิ้ล ใช้เพื่อป้องกันการนำอุปกรณ์ไปใช้ในทางมิชอบ เช่น การแอบติดตามหรือตามรังควานตัวบุคคล ถ้าหากอุปกรณ์แอร์แท็กโดนแยกจากผู้เป็นเจ้าของและเคลื่อนที่ไปพร้อมกับบุคคลอื่น ผู้ที่มีแอร์แท็กอยู่กับตัว (แต่ไม่ใช่ของตัวเอง) จะได้รับสัญญาณแจ้งเตือนที่โทรศัพท์มือถือว่า “พบอุปกรณ์แอร์แท็กกำลังติดตามตำแหน่งของคุณ หลังจากนั้น บุคคลที่โดนแอร์แท็กติดตาม จะสามารถเรียกแผนที่ขึ้นมาดูว่าอุปกรณ์ชิ้นนั้นติดตามมาตั้งแต่จุดไหน รวมถึงสามารถเปิดเสียงที่อุปกรณ์รับได้เพื่อช่วยหาตำแหน่งของแอร์แท็ก ในกรณีที่มันโดนซ่อนไว้

ด้านตัวแทนของแอปเปิ้ล ก็ย้ำว่า บริษัทให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายด้วยดีเสมอมา

เมื่อมีคำขอให้ติดตามตำแหน่งของแอร์แท็ก โดยชี้แจงว่า แอร์แท็กแต่ละชิ้นจะมีหมายเลขประจำเครื่องที่แตกต่างกันไป และตัวแอร์แท็กจะต้องจับคู่กับบัญชีผู้ใช้ของแอปเปิ้ลหรือ ‘แอปเปิ้ลไอดี’ ซึ่งสามารถระบุตัวตนของผู้เป็นเจ้าของอุปกรณ์ในเครือบริษัทแอปเปิ้ล

เมื่อเดือนที่แล้วในรัฐเท็กซัสเช่นกัน โรนัลด์ แอนดรูว์ เรแกน วัย 40 ปี ใช้แอร์แท็กติดตามตำแหน่งที่อยู่ของอดีตแฟนสาวของเขา หลังจากนั้น เขามักจะส่งภาพถ่ายรถยนต์ของเธอเองไปให้หญิงสาวบ่อยครั้ง รวมทั้งมักจะแอบติดตามเธอไปในที่ต่างๆ ซึ่งต่อมาภายหลัง หญิงสาวได้นำรถของเธอไปตรวจและพบอุปกรณ์แอร์แท็กที่ซ่อนไว้ในรถ เรแกน โดนจับกุมในที่สุดและโดนตั้งข้อหาลักลอบติดตั้งอุปกรณ์ติดตามตำแหน่งที่อยู่ของบุคคลอื่นอย่างผิดกฎหมาย เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2566

แหล่งข่าว : foxnews.com

เครดิตภาพ : Pixabay / Lukas Gehrer

เกาหลีเหนือฉลอง 75 ปีกองทัพสุดยิ่งใหญ่

วันศุกร์ ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566:เปียงยาง (เอเอฟพี/รอยเตอร์ส) - เกาหลีเหนือจัดงานฉลองครบ 75 ปีแห่งการสถาปนากองทัพประชาชนเกาหลีอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยขบวนสวนสนามแสดงแสนยานุภาพทางทหารและดอกไม้ไฟคิม จอง อึน ผู้นำประเทศเป็นประธานในพิธีฉลอง พร้อมหนีบ คิม จู แอ ลูกสาวคนโปรดมาร่วมงานใหญ่อีกหน

สำนักข่าวกลางเกาหลี หรือเคซีเอ็นเอ ของทางการเกาหลีเหนือรายงานว่า เกาหลีเหนือจัดงานฉลองครบ 75 ปีแห่งการสถาปนากองทัพประชาชนเกาหลีอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยขบวนสวนสนามแสดงแสนยานุภาพทางทหาร จัดขึ้นที่จัตุรัส คิม อิล ซุง ในกรุงเปียงยาง เมื่อช่วงค่ำวันพุธตามเวลาท้องถิ่น มีการแปรแถวทหารเป็นรูปเลข 2.8 (หมายถึงวันที่ 8 เดือนกุมภาพันธ์) และเลข 75 (หมายถึง 75 ปีของกองทัพ) มีขบวนขีปนาวุธที่รวมถึงหน่วยปฏิบัติการนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ และขบวนขีปนาวุธทิ้งตัวข้ามทวีปใช้เชื้อเพลิงแข็งมากถึง 17 ลูก ที่ได้รับเสียงปรบมือและเสียงต้อนรับจากผู้ชม

ปิดท้ายด้วยการแสดงพลุดอกไม้ไฟยิ่งใหญ่ เคซีเอ็นเอระบุว่า ขบวนสวนสนามนี้แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาปรับเปลี่ยนศักยภาพการป้องกันประเทศและศักยภาพการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเกาหลีเหนือ ตอกย้ำถึงความสามารถของเกาหลีเหนือในการทำให้ศัตรูยอมจำนน

นอกจากนี้ เคซีเอ็นเอยังได้เผยแพร่ภาพ คิม จอง อึน ผู้นำสูงสุด สวมเสื้อคลุม ยาวสีดำและหมวกสักหลาดสีดำที่เป็นรูปแบบการแต่งกายของ คิม อิล ซุงปู่ของเขาที่เป็นผู้ก่อตั้งประเทศ โดยมีรี ซอล จู ภริยา และ คิม จู แอ บุตรสาวคนรองวัย 10 ปี พร้อมคณะนายพลร่วมชมขบวนสวนสนามด้วย

ที่ผ่านมา สื่อทางการเกาหลีเหนือไม่เคยพูดถึงลูกของ คิม จอง อึน ขณะที่หน่วยข่าวกรองของเกาหลีใต้เชื่อว่า เขามีลูก 3 คน อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่เขาเปิดตัวคิม จู แอ บุตรสาววัย 10 ขวบ ในการยิงขีปนาวุธทิ้งตัวข้ามทวีป ฮวาซอง-17 เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว

หลังจากนั้น ก็พาบุตรสาวไปร่วมงานสำคัญมาโดยตลอด รวมถึงงานเลี้ยงฉลองวันก่อตั้งกองทัพเมื่อค่ำวันอังคารด้วย นักวิเคราะห์มองว่า อาจเป็นการบ่งชี้ว่าเธอได้รับการวางตัวเป็นผู้นำประเทศคนต่อไป อีกทั้งยังเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ครั้งสำคัญของตระกูลคิม สู่โลกภายนอก ว่า ตระกูลผู้ปกครองประเทศกับกองทัพมีความเชื่อมโยงกันอย่างแน่นแฟ้น